Hermeneutics หลักการตีความหมายพระคัมภีร์ August 2015
SYLLABUS หลักสูตร Course Objectives เป้าหมายของวิชา
SYLLABUS หลักสูตร ชั้นเรียน สรุปสิ่งที่นักศึกษาต้องทำ - อ่าน - เสนอเป็นกลุ่ม - เขียนรายงาน - สอบ 1 ครั้งปลายภาค
SYLLABUS หลักสูตร ชั้นเรียน การคิดคะแนน การมีส่วนร่วมในชั้นเรียน 10% การอ่าน 15% สอบปลายภาค 35% การนำเสนอในชั้นเรียน 20% เขียนรายงาน 20%
SYLLABUS หลักสูตร Online
SYLLABUS หลักสูตร Online การคิดคะแนน การมีส่วนร่วมในชั้นเรียน 15% การอ่าน 15% ตอบคำถามเกี่ยวกับเนื้อหาวิชา 20% สอบปลายภาค 20% เขียนรายงาน 20%
SYLLABUS หลักสูตร สิ่งที่นักศึกษาต้องทำ 1. อ่าน หลักการตีความพระคัมภีร์โดย เฮนรี่ เอ เวิร์คเลอร์ 220.63 ว (ดาวน์โลดได้จากลินค์ที่เจ้าหน้าที่ให้) สรุปหลักสำคัญของการตีความหมายพระคัมภีร์ที่เล่มนี้นำเสนอที่นอกเหนือจากที่เรียนในชั้นเรียน ประมาณ 3 ถึง 4 หน้า
SYLLABUS หลักสูตร สิ่งที่นักศึกษาต้องทำ 2. ชั้นเรียน เลือกข้อพระคัมภีร์จากหน้า 4-6 ตีความหมาย แล้วนำเสนอใน ชั้นเรียน 3. เขียนเป็นรายงาน Online เลือกพระคัมภีร์ตอนหนึ่งจากหน้า 4-6 แล้วเขียนเป็นรายงานประมาณ 10 หน้า 3. ตอบคำถามเกี่ยวกับวิชา (ปลายเทอม)
SYLLABUS หลักสูตร ข้อพระคัมภีร์ที่เลือกตีความหมาย ควรนำเสนอ และ/หรือรายงาน โดยทำตามขั้นดอนต่อไปนี้ ...
SYLLABUS หลักสูตร ข้อพระคัมภีร์ที่เลือกตีความหมาย ควรนำเสนอ และ/หรือรายงาน โดยทำตามขั้นดอนต่อไปนี้ ... 1. ข้อพระคัมภีร์ที่เลือก และเหตุผลที่เลือก 2. จุดอะไรที่ยากในการเข้าใจของข้อพระคัมภีร์ที่เลือก 3. คุณจะตีความหมายของข้อความนี้โดยใช้หลักอะไรบ้าง (ควรอภิปรายถึงประเภทของวรรณกรรม การดูบริบท ฯลฯ) 4. ทำโครงเรื่องของพระคัมภีร์ตอนนั้น (ถ้าจะเป็น ประโยชน์)
SYLLABUS หลักสูตร ข้อพระคัมภีร์ที่เลือกตีความหมาย ควรนำเสนอ และ/หรือรายงาน โดยทำตามขั้นดอนต่อไปนี้ ... 5. ศึกษาคำที่สำคัญ 6. เสนอข้อสังเกตต่างๆจากข้อความนั้น 7. อภิปรายถึงจุดที่เข้าใจยากและวิธีตีความหมายต่างๆ ทัศนะต่างๆ 8. สรุปทางที่ท่านคิดว่าควรตีความหมาย โดยให้เหตุผล ทำไม (ควรอ้างอิ่งจากหลักการตีความหมายที่เรียนใน วิชานี้) และจะนำไปใช้ในชีวิตคริสเตียน (หรือใน คริสตจักร) อย่างไรบ้าง
ข้อพระคัมภีร์สำหรับตีความ
ข้อพระคัมภีร์สำหรับตีความ 1. ปฐมกาล 6:1 - 2 1 อยู่มามนุษย์เริ่มทวีมากขึ้นบนแผ่นดินและมีบุตรหญิง 2 บุตรชายของพระเจ้าเห็นว่าบุตรหญิงของมนุษย์งามดีก็เลือกและรับไว้เป็นภรรยา คำถามสำคัญที่ควรพิจารณา: บุตรชายของพระเจ้าคือใคร ?
ข้อพระคัมภีร์สำหรับตีความ 2. 1 เปโตร 3:19 - 20 19 และโดยทางวิญญาณ พระองค์ได้เสด็จไปบอกพวกวิญญาณที่ติดคุกอยู่ 20 ซึ่งในสมัยก่อนไม่เชื่อฟังพระเจ้า คราวเมื่อพระเจ้าทรงอดทนรอคอยให้กลับใจในสมัยโนอาห์ ขณะที่ท่านกำลังต่อเรือใหญ่ ในเรือนั้นมีน้อยคน คือแปดชีวิตรอดผ่านน้ำ คำถามสำคัญที่ควรพิจารณา: พวกวิญญาณที่ติดคุกอยู่คือใคร ? และจุดประสงค์ที่พระองค์เสด็จไปคืออะไร ?
ข้อพระคัมภีร์สำหรับตีความ 3. โฮเชยา 1:1 - 3 1 พระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งมาถึงโฮเชยา บุตรเบเออรี ในรัชกาลอุสซียาห์ โยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์ กษัตริย์ทั้งหลายแห่งยูดาห์ และในรัชกาลเยโรโบอัม พระราชโอรสของเยโฮอาชกษัตริย์แห่งอิสราเอล 2 เมื่อพระยาห์เวห์ตรัสทางโฮเชยาเป็นครั้งแรกนั้น พระยาห์เวห์ตรัสกับโฮเชยาว่า “ไปซี ไปรับหญิงเจ้าชู้มาเป็นภรรยาและเกิดลูกชู้กับนาง เพราะว่าแผ่นดินนี้เล่นชู้อย่างยิ่ง โดยการละทิ้งพระยาห์เวห์” 3 ดังนั้นท่านจึงไปรับโกเมอร์บุตรสาวดิบลาอิมมาเป็นภรรยา แล้วนางก็มีครรภ์และคลอดบุตรชายคนหนึ่งแก่ท่าน คำถามสำคัญที่ควรพิจารณา: “หญิงเจ้าชู้” หมายความว่าอะไร ? (จะสอดคล้องกับมาตรฐานความบริสุทธิของพระเจ้าได้อย่างไร?)
ข้อพระคัมภีร์สำหรับตีความ 4. ยอห์น 14:12 “เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า คนที่วางใจในเราจะทำกิจการที่เราทำนั้นด้วย และเขาจะทำกิจที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก เพราะว่าเราจะไปหาพระบิดาของเรา คำถามสำคัญที่ควรพิจารณา: “กิจที่ยิ่งใหญ่กว่า” หมายความว่าอะไร ?
ข้อพระคัมภีร์สำหรับตีความ 5. กิจการ 19:1 - 7 1 ขณะที่อปอลโลยังอยู่ในเมืองโครินธ์ เปาโลเดินทางบกผ่านแคว้นฟรีเจียมายังเมืองเอเฟซัส ท่านพบสาวกบางคนที่นั่น… … คำถามสำคัญที่ควรพิจารณา: “สาวก” กลุ่มนี้ เป็นใคร ? (เป็นคริสเตียนแล้วหรือยัง? ข้อความนี้สามารถใช้เพื่อสนับสนุนทัศนะที่ว่า “การรับพระวิญญาณ (หรือ การรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณ) เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากเชื่อ” ได้หรือไม่ ?)
ข้อพระคัมภีร์สำหรับตีความ 6. 1 โครินธ์ 11:10 เพราะเหตุนี้เอง ผู้หญิงจึงสมควรจะมีสัญลักษณ์แห่งสิทธิอำนาจนี้อยู่บนศีรษะ เพราะเห็นแก่พวกทูตสวรรค์ คำถามสำคัญที่ควรพิจารณา: “สัญลักษณ์แห่งสิทธิอำนาจ” คืออะไร และมีจุดประสงค์อะไร ? (ปัจจุบัน ผู้หญิงยังควรมีด้วยหรือไม่ ?)
ข้อพระคัมภีร์สำหรับตีความ 7. 1 ทิโมธี 2:12 ข้าพเจ้าไม่ยอมให้ผู้หญิงสั่งสอนหรือควบคุมผู้ชาย แต่ให้เธออยู่เงียบๆ คำถามสำคัญที่ควรพิจารณา: “ผู้หญิงควรเงียบ ไม่สอนหรือควบคุมผู้ชาย” หมายความว่าอะไร และทำไม? (ปัจจุบัน ผู้หญิงยังต้องทำอย่างนี้ด้วยไหม?)
ข้อพระคัมภีร์สำหรับตีความ 8. ฮีบรู 6:4 – 9 4 เพราะว่าคนเหล่านั้นที่ได้รับความสว่างมาครั้งหนึ่งแล้ว และได้ลิ้มรสของประทานจากสวรรค์ ได้มีส่วนร่วมในพระวิญญาณบริสุทธิ์ 5 และได้ลิ้มรสความดีงามแห่งพระวจนะของพระเจ้า และฤทธิ์เดชแห่งยุคที่จะมาถึงนั้น 6 แล้วยังหลงไป ก็เหลือวิสัยที่จะนำพวกเขามาสู่การกลับใจอีกได้ เพราะพวกเขาเองได้ตรึงพระบุตรของพระเจ้าอีก และได้ประจานพระองค์ให้อับอายต่อสาธารณชน… … คำถามสำคัญที่ควรพิจารณา: ข้อความนี้หมายความว่า “คริสเตียนสูญเสียความรอดได้” ใช่หรือไม่ ?
ข้อพระคัมภีร์สำหรับตีความ 9. 1 ยอห์น 3:9 ผู้ที่เกิดจากพระเจ้าไม่ทำบาป เพราะเชื้อของพระเจ้าอยู่ในคนนั้นและเขาทำบาปไม่ได้ เพราะเขาเกิดจากพระเจ้า คำถามสำคัญที่ควรพิจารณา: “ผู้ที่เกิดจากพระเจ้าไม่ทำบาป” หมายความว่าอะไร ? (คริเตียนยังทำบาปหรือไม่ จะสอดคล้องกับข้อนี้ได้อย่างไร ?)
เอเฟซัส 2:20 ท่านได้ถูกประดิษฐานขึ้น บนรากแห่งพวกอัครทูตและพวกผู้เผยพระวจนะ พระเยซูคริสต์ทรงเป็นศิลามุมเอก
สิ่งที่เราเชื่อ คือสิ่งที่เรากระทำ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
สิ่งที่เราเชื่อ คือสิ่งที่เรากระทำ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ พระคัมภีร์
สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
เหตุผลที่เชื่อว่าพระคัมภีร์คือพระวจนะของพระเจ้า สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
เหตุผลที่เชื่อว่าพระคัมภีร์คือพระวจนะของพระเจ้า 1. เพราะพระเยซูเองเชื่อว่าเป็นพระวจนะของพระเจ้า ได้อ้างถึงพระคัมภีร์เสมอ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
เหตุผลที่เชื่อว่าพระคัมภีร์คือพระวจนะของพระเจ้า 1. เพราะพระเยซูเองเชื่อว่าเป็นพระวจนะของพระเจ้า ได้อ้างถึงพระคัมภีร์เสมอ 2. เพราะคำพยากรณ์ที่เขียนแล้วสำเร็จ แต่ละอย่างสำเร็จเสมอ หลายอย่างสำเร็จแล้ว สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
เหตุผลที่เชื่อว่าพระคัมภีร์คือพระวจนะของพระเจ้า 1. เพราะพระเยซูเองเชื่อว่าเป็นพระวจนะของพระเจ้า ได้อ้างถึงพระคัมภีร์เสมอ 2. เพราะคำพยากรณ์ที่เขียนแล้วสำเร็จ แต่ละอย่างสำเร็จเสมอ หลายอย่างสำเร็จแล้ว 3. เพราะความเป็นเอกภาพของเล่มนี้ (แม้ประกอบด้วย 66 เล่ม เป็นเนื้อหาเดี่ยว) สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
เหตุผลที่เชื่อว่าพระคัมภีร์คือพระวจนะของพระเจ้า 1. เพราะพระเยซูเองเชื่อว่าเป็นพระวจนะของพระเจ้า ได้อ้างถึงพระคัมภีร์เสมอ 2. เพราะคำพยากรณ์ที่เขียนแล้วสำเร็จ แต่ละอย่างสำเร็จเสมอ หลายอย่างสำเร็จแล้ว 3. เพราะความเป็นเอกภาพของเล่มนี้ (แม้ประกอบด้วย 66 เล่ม เป็นเนื้อหาเดี่ยว) 4. เพราะว่า มาตรฐาน การสอน (ของเล่มนี้) สูงกว่าเล่มอื่นทั้งสิ้นๆ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
เหตุผลที่เชื่อว่าพระคัมภีร์คือพระวจนะของพระเจ้า 1. เพราะพระเยซูเองเชื่อว่าเป็นพระวจนะของพระเจ้า ได้อ้างถึงพระคัมภีร์เสมอ 2. เพราะคำพยากรณ์ที่เขียนแล้วสำเร็จ แต่ละอย่างสำเร็จเสมอ หลายอย่างสำเร็จแล้ว 3. เพราะความเป็นเอกภาพของเล่มนี้ (แม้ประกอบด้วย 66 เล่ม เป็นเนื้อหาเดี่ยว) 4. เพราะว่า มาตรฐาน การสอน (ของเล่มนี้) สูงกว่าเล่มอื่นทั้งสิ้นๆ 5.เพราะว่า ได้ทนมาตลอด ประวัติศาสตร์ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
เหตุผลที่เชื่อว่าพระคัมภีร์คือพระวจนะของพระเจ้า 1. เพราะพระเยซูเองเชื่อว่าเป็นพระวจนะของพระเจ้า ได้อ้างถึงพระคัมภีร์เสมอ 2. เพราะคำพยากรณ์ที่เขียนแล้วสำเร็จ แต่ละอย่างสำเร็จเสมอ หลายอย่างสำเร็จแล้ว 3. เพราะความเป็นเอกภาพของเล่มนี้ (แม้ประกอบด้วย 66 เล่ม เป็นเนื้อหาเดี่ยว) 4. เพราะว่า มาตรฐาน การสอน (ของเล่มนี้) สูงกว่าเล่มอื่นทั้งสิ้นๆ 5.เพราะว่า ได้ทนมาตลอด ประวัติศาสตร์ สิ่งที่เราทำ 6. เพราะบุคลิกที่น่าเชื่อถือของผู้ที่รับหนังสือเล่มนี้ และบุคลิกที่ไม่น่าเชื่อถือของ ผู้ที่ไม่รับหนังสือเล่มนี้ สิ่งที่เราเชื่อ
เหตุผลที่เชื่อว่าพระคัมภีร์คือพระวจนะของพระเจ้า 1. เพราะพระเยซูเองเชื่อว่าเป็นพระวจนะของพระเจ้า ได้อ้างถึงพระคัมภีร์เสมอ 2. เพราะคำพยากรณ์ที่เขียนแล้วสำเร็จ แต่ละอย่างสำเร็จเสมอ หลายอย่างสำเร็จแล้ว 3. เพราะความเป็นเอกภาพของเล่มนี้ (แม้ประกอบด้วย 66 เล่ม เป็นเนื้อหาเดี่ยว) 4. เพราะว่า มาตรฐาน การสอน (ของเล่มนี้) สูงกว่าเล่มอื่นทั้งสิ้นๆ 5.เพราะว่า ได้ทนมาตลอด ประวัติศาสตร์ สิ่งที่เราทำ 6. เพราะบุคลิกที่น่าเชื่อถือของผู้ที่รับหนังสือเล่มนี้ และบุคลิกที่ไม่น่าเชื่อถือของ ผู้ที่ไม่รับหนังสือเล่มนี้ 7. เพราะอิทธิผลของหนังสือเล่มนี้ (ทุกยุค สมัย ทวีป ) สิ่งที่เราเชื่อ
เหตุผลที่เชื่อว่าพระคัมภีร์คือพระวจนะของพระเจ้า 1. เพราะพระเยซูเองเชื่อว่าเป็นพระวจนะของพระเจ้า ได้อ้างถึงพระคัมภีร์เสมอ 2. เพราะคำพยากรณ์ที่เขียนแล้วสำเร็จ แต่ละอย่างสำเร็จเสมอ หลายอย่างสำเร็จแล้ว 3. เพราะความเป็นเอกภาพของเล่มนี้ (แม้ประกอบด้วย 66 เล่ม เป็นเนื้อหาเดี่ยว) 4. เพราะว่า มาตรฐาน การสอน (ของเล่มนี้) สูงกว่าเล่มอื่นทั้งสิ้นๆ 5.เพราะว่า ได้ทนมาตลอด ประวัติศาสตร์ สิ่งที่เราทำ 6. เพราะบุคลิกที่น่าเชื่อถือของผู้ที่รับหนังสือเล่มนี้ และบุคลิกที่ไม่น่าเชื่อถือของ ผู้ที่ไม่รับหนังสือเล่มนี้ 7. เพราะอิทธิผลของหนังสือเล่มนี้ (ทุกยุค สมัย ทวีป ) สิ่งที่เราเชื่อ 8. เพราะความลึกซึ้งของเล่มนี้ ไม่เหมือนเล่มอื่นๆ
เหตุผลที่เชื่อว่าพระคัมภีร์คือพระวจนะของพระเจ้า 1. เพราะพระเยซูเองเชื่อว่าเป็นพระวจนะของพระเจ้า ได้อ้างถึงพระคัมภีร์เสมอ 2. เพราะคำพยากรณ์ที่เขียนแล้วสำเร็จ แต่ละอย่างสำเร็จเสมอ หลายอย่างสำเร็จแล้ว 3. เพราะความเป็นเอกภาพของเล่มนี้ (แม้ประกอบด้วย 66 เล่ม เป็นเนื้อหาเดี่ยว) 4. เพราะว่า มาตรฐาน การสอน (ของเล่มนี้) สูงกว่าเล่มอื่นทั้งสิ้นๆ 5.เพราะว่า ได้ทนมาตลอด ประวัติศาสตร์ สิ่งที่เราทำ 6. เพราะบุคลิกที่น่าเชื่อถือของผู้ที่รับหนังสือเล่มนี้ และบุคลิกที่ไม่น่าเชื่อถือของ ผู้ที่ไม่รับหนังสือเล่มนี้ 7. เพราะอิทธิผลของหนังสือเล่มนี้ (ทุกยุค สมัย ทวีป ) สิ่งที่เราเชื่อ 8. เพราะความลึกซึ้งของเล่มนี้ ไม่เหมือนเล่มอื่นๆ 9.เพราะว่าสำหรับผู้ใดที่ยิ่งเติบโตในความรู้ถึงพระองค์และในความบริสุทธิ์ พระคัมภีร์ยิ่งมีค่า และเป็นที่ปรารถนา
เหตุผลที่เชื่อว่าพระคัมภีร์คือพระวจนะของพระเจ้า 1. เพราะพระเยซูเองเชื่อว่าเป็นพระวจนะของพระเจ้า ได้อ้างถึงพระคัมภีร์เสมอ 2. เพราะคำพยากรณ์ที่เขียนแล้วสำเร็จ แต่ละอย่างสำเร็จเสมอ หลายอย่างสำเร็จแล้ว 3. เพราะความเป็นเอกภาพของเล่มนี้ (แม้ประกอบด้วย 66 เล่ม เป็นเนื้อหาเดี่ยว) 4. เพราะว่า มาตรฐาน การสอน (ของเล่มนี้) สูงกว่าเล่มอื่นทั้งสิ้นๆ 5.เพราะว่า ได้ทนมาตลอด ประวัติศาสตร์ สิ่งที่เราทำ 6. เพราะบุคลิกที่น่าเชื่อถือของผู้ที่รับหนังสือเล่มนี้ และบุคลิกที่ไม่น่าเชื่อถือของ ผู้ที่ไม่รับหนังสือเล่มนี้ 7. เพราะอิทธิผลของหนังสือเล่มนี้ (ทุกยุค สมัย ทวีป ) สิ่งที่เราเชื่อ 8. เพราะความลึกซึ้งของเล่มนี้ ไม่เหมือนเล่มอื่นๆ 9.เพราะว่าสำหรับผู้ใดที่ยิ่งเติบโตในความรู้ถึงพระองค์และในความบริสุทธิ์ พระคัมภีร์ยิ่งมีค่า และเป็นที่ปรารถนา 10.เพราะว่าพระวิญญาณเป็นพยานในใจว่า เล่มนี้เป็นพระวจนะของพระองค์
ลักษณะสิทธิอำนาจของพระคัมภีร์
ลักษณะสิทธิอำนาจของพระคัมภีร์ เราต้องระมัดระวังที่จะไม่เข้าใจผิดว่า พระคัมภีร์มีสิทธิอำนาจในลักษณะเป็นกฎบัญญัติสำหรับชีวิตคริสเตียน หรือเข้าใจผิดว่าการดำเนินชีวิต คริสเตียนคือการดำเนินตามกฎต่างๆ ที่พบในพระคัมภีร์ การเป็นคริสเตียนไม่ใช่การถือกฎหรือการถือศาสนา แต่เป็นความสัมพันธ์ของผู้เชื่อกับพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่อย่างต่อเนื่อง พระองค์เคยตรัสและทรงทำพระราชกิจในอดีตของพระองค์ ซึ่งถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์อย่างไร พระองค์ก็ยังตรัสและทรงทำพระราชกิจของพระองค์ในปัจจุบันด้วยอย่างนั้น และพระองค์จะตรัสและทรงทำพระราชกิจของพระองค์ในอนาคตเช่นเดียวกันด้วย
พระคัมภีร์หลายๆ เล่มเขียนในลักษณะเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ พระคัมภีร์บันทึกคำตรัสและการกระทำของพระเจ้าในช่วงอดีตเหล่านั้น ทั้งยังแสดงถึงพระลักษณะความยิ่งใหญ่และความบริสุทธิ์ของพระองค์ พระคัมภีร์ได้ให้ตัวอย่างของการดำเนินชีวิตของคนจากยุคสมัยต่างๆ และจากวัฒนธรรมต่างๆ ทั้งตัวอย่างที่ดีและตัวอย่างที่ไม่ดี นอกจากนี้พระคัมภีร์เปิดเผยให้เรารู้ในระดับหนึ่งว่า อนาคตข้างหน้าของเราจะเป็นอย่างไร เพื่อชี้ให้เห็นว่าเราจะต้องดำเนินชีวิตอย่างไรและเตรียมตัวอย่างไรเพื่อจะก้าวไปสู่สิ่งเหล่านั้นได้ ข้อมูลเหล่านี้ทั้งสิ้นควรมีสิทธิอำนาจต่อการ ดำเนินชีวิตของเราในปัจจุบัน
นักศาสนศาสตร์ท่านหนึ่งได้อธิบายลักษณะสิทธิอำนาจของพระคัมภีร์ดังนี้ สมมุติว่ามีการค้นพบบทละครโบราณเรื่องหนึ่งของนักประพันธ์ เช็คสเปียร์ที่มีฉากหนึ่งในบทที่ 5 สูญหายไป เมื่ออ่าน 4 บทแรกแล้วใครๆ ก็เห็นว่าบทละครนี้มีตัวละครและพล็อตที่น่าสนใจและน่าตื่นเต้นมาก น่าจะแสดงให้คนทั่วไปได้ชม แต่มีการตกลงกันว่าแทนที่จะให้คนหนึ่งคนใดเขียนบทที่ 5 ขึ้นมาแทนเช็คสเปียร์ที่ตายไปนานแล้วก็จะหาบุคคลที่คุ้นเคยและชำนาญในการแสดงบทละครต่างๆ ของเช็คสเปียร์ ให้คนเหล่านี้เป็นผู้เล่นบทบาทต่างๆ ซึ่งพวกเขาจะต้อง“แช่ตัว”ใน 4 บทแรก ทั้งต้องศึกษาภาษาและวัฒนธรรมของเช็คสเปียร์ด้วย เสร็จแล้วให้พวกเขาเล่นบทละครบทที่ 5 เองโดยธรรมชาติตามแนวทางที่ได้ซึมซับมาแล้วทั้งหมดจาก 4 บทแรก เมื่อเขาแสดงบทที่ 5 นั้น แน่นอนเขาจะไม่แสดง 4 บทแรกซ้ำ แต่ 4 บทแรกจะมี “อำนาจ” เหนือพวกเขาเพื่อกำหนดทิศทางของพล็อตและบุคลิกของตัวละคร นักแสดงต้องเล่นให้สอดคล้องและไม่ขัดแย้งกับ 4 บทแรกที่มีมาก่อน เขาต้องให้ 4 บทแรกนั้นเป็นบรรทัดฐานเพื่อนำเรื่องก้าวหน้าต่อไปจนถึงตอนจบ
พระคัมภีร์มีลักษณะคล้ายกับบทละครดังกล่าว มีฉากการทรงสร้าง (ฉากที่ 1) ฉากการล้มลงในบาปของมนุษย์ (ฉาก ที่ 2) ฉากชนชาติอิสราเอล (ฉากที่ 3) ฉากพระเยซูและคริสตจักรในศตวรรษแรก (ฉากที่ 4) และในแต่ละฉากเหล่านี้ยังมีการเปิดเผยในระดับหนึ่งว่าเรื่องจะจบลงอย่างไร (เช่น โรม 8; 1 คร.15; พระธรรมวิวรณ์) หน้าที่ของเราในปัจจุบันคือแช่ตัวอยู่ในการบันทึกเหล่านี้ทั้งหมด แล้วดำเนินชีวิตในศตวรรษ ที่ 21 ของเราอย่างต่อเนื่องและสอดคล้องกับสิ่งที่มีมาก่อน โดยไม่พยายามทำซ้ำหรือกลับไปสู่อดีตอีก แต่เพื่อการก้าวหน้าต่อไปจนถึงตอนจบ อย่างสอดคล้องกับที่ทรงเปิดเผยมาแล้ว ทั้งนี้พระคัมภีร์จึงมีสิทธิอำนาจเหนือเราและคริสตจักร ให้เราดำเนินชีวิตแบบคริสเตียนแท้และแบบคริสตจักรแท้ ไม่ใช่ในแง่กฎบัญญัติ แต่ในแง่ที่ชี้ให้เห็นว่าอะไรเป็นชีวิตและทิศทางที่แท้จริง
งานของพระวิญญาณในการเข้าใจพระคัมภีร์ (ดูภาคผนวก) 1. พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสอนความจริงทั้งหมดแก่เรา
งานของพระวิญญาณในการเข้าใจพระคัมภีร์ (ดูภาคผนวก) 1. พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสอนความจริงทั้งหมดแก่เรา “เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงจะเสด็จมาแล้ว พระองค์จะนำท่านทั้งหลายไปสู่ความจริงทั้งมวล เพราะพระองค์จะไม่ตรัสโดยพลการ แต่พระองค์จะตรัสสิ่งที่พระองค์ทรงได้ยิน และพระองค์จะทรงแจ้งให้ ท่านทั้งหลายรู้ถึงสิ่งเหล่านั้นที่เกิดขึ้น” ยอห์น16:13
งานของพระวิญญาณในการเข้าใจพระคัมภีร์ (ดูภาคผนวก) 1. พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสอนความจริงทั้งหมดแก่เรา “แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้นจะทรงสอนท่าน ทั้งหลายทุกสิ่ง และจะให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวไว้แก่ท่านแล้ว” ยอห์น 14:26
งานของพระวิญญาณในการเข้าใจพระคัมภีร์ (ดูภาคผนวก) 1. พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสอนความจริงทั้งหมดแก่เรา “แต่เมื่อองค์พระผู้ช่วยที่เราจะใช้มาจากพระบิดาหาท่านทั้งหลาย คือพระวิญญาณแห่งความจริงผู้ทรง มาจากพระบิดานั้นได้เสด็จมาแล้ว พระองค์ก็จะทรงเป็นพยานให้แก่เรา” ยอห์น 15:26 “พระองค์จะทรงให้เราได้รับเกียรติ เพราะว่าพระองค์จะทรงเอาสิ่งที่เป็นของเรามาสำแดงแก่ ท่านทั้งหลาย” ยอห์น 16:14
งานของพระวิญญาณในการเข้าใจพระคัมภีร์ (ดูภาคผนวก) 2. พระวิญญาณบริสุทธิ์ยืนยันความจริงแห่งพระวจนะพระเจ้า
งานของพระวิญญาณในการเข้าใจพระคัมภีร์ (ดูภาคผนวก) 2. พระวิญญาณบริสุทธิ์ยืนยันความจริงแห่งพระวจนะพระเจ้า “เมื่อพระองค์นั้นเสด็จมาแล้ว พระองค์จะทรงกระทำ ให้โลกรู้แจ้งในเรื่องความผิด ความชอบธรรมและการพิพากษา ในเรื่องความผิดนั้นคือเพราะเขาไม่วางใจในเรา ในเรื่องความชอบธรรมนั้นคือเพราะเราไปหาพระบิดา และท่านทั้งหลายจะไม่เห็นเราอีก ในเรื่องการพิพากษานั้นคือ เพราะเจ้าโลกนี้ถูกพิพากษาแล้ว “ ยอห์น 16:8-11
งานของพระวิญญาณในการเข้าใจพระคัมภีร์ (ดูภาคผนวก) 2. พระวิญญาณบริสุทธิ์ยืนยันความจริงแห่งพระวจนะพระเจ้า “เราทั้งหลายไม่ได้รับวิญญาณของโลก แต่ได้รับพระวิญญาณซึ่งมาจากพระเจ้า เพื่อเราทั้งหลายจะได้รู้ถึงสิ่ง ต่างๆที่พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานแก่เรา เรากล่าวถึงเรื่องสิ่งเหล่านี้ ด้วยถ้อยคำซึ่งมิใช่ปัญญาของมนุษย์สอน ไว้ แต่ด้วยถ้อยคำซึ่งพระวิญญาณได้ทรงสั่งสอน คือเราได้อธิบายความหมายของเรื่องฝ่ายวิญญาณ ให้คนที่มีพระวิญญาณฟัง แต่มนุษย์ธรรมดาจะรับสิ่งเหล่านั้นซึ่งเป็นของพระวิญญาณแห่งพระเจ้าไม่ได้ เพราะเขาเห็นว่า เป็นสิ่งโง่เขลา และเขาไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะว่าจะเข้าใจสิ่งเหล่านั้นได้ก็ต้องสังเกตด้วยวิญญาณ” 1โครินธ์2:12-14
งานของพระวิญญาณในการเข้าใจพระคัมภีร์ (ดูภาคผนวก) 3. พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำให้เราจดจำถ้อยคำของพระคริสต์ “แต่องค์ผู้ช่วยคือ พระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทั้งหลาย ทุกสิ่งที่เรากล่าวไว้แก่ท่านแล้ว” ยอห์น14:26
งานของพระวิญญาณในการเข้าใจพระคัมภีร์ (ดูภาคผนวก) 3. พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำให้เราจดจำถ้อยคำของพระคริสต์ “และจะนำท่านส่งไปให้เจ้าเมืองและกษัตริย์เพราะเรา เพื่อท่านจะได้เป็นพยานแก่เขาและแก่คนต่างชาติ แต่เมื่อ เขาอายัดท่านไว้นั้นอย่าเป็นกังวลว่าจะพูดอย่างไร เพราะเมื่อถึงเวลาคำที่ท่านจะพูดนั้น พระเจ้าจะทรงประทาน แก่ท่านเวลานั้น เพราะว่าผู้ที่พูดมิใช่ตัวท่านเอง แต่เป็นพระวิญญาณแห่งพระบิดาของท่านผู้ตรัสทางท่าน” มัทธิว10:18-20
งานของพระวิญญาณในการเข้าใจพระคัมภีร์ (ดูภาคผนวก) 4. พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานสิทธิอำนาจในการเทศนาสั่งสอนพระวจนะพระเจ้าของเรา
งานของพระวิญญาณในการเข้าใจพระคัมภีร์ (ดูภาคผนวก) 4. พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานสิทธิอำนาจในการเทศนาสั่งสอนพระวจนะพระเจ้าของเรา “แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านจะ เป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงสุดปลายแผ่นดินโลก” กิจการ 1:8
งานของพระวิญญาณในการเข้าใจพระคัมภีร์ (ดูภาคผนวก) 4. พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานสิทธิอำนาจในการเทศนาสั่งสอนพระวจนะพระเจ้าของเรา “คำพูดและคำเทศนาของข้าพเจ้าไม่ใช่คำที่เกลี้ยกล่อมด้วยสติปัญญา แต่เป็นคำซึ่งได้แสดงพระวิญญาณ และพระเดชานุภาพ เพื่อความเชื่อของท่านจะไม่ได้อาศัยสติปัญญาของมนุษย์ แต่อาศัยฤทธิ์เดชของพระเจ้า” 1โครินธ์2:4-5
งานของพระวิญญาณในการเข้าใจพระคัมภีร์ (ดูภาคผนวก) 1. พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสอนความจริงทั้งหมดแก่เรา 2. พระวิญญาณบริสุทธิ์ยืนยันความจริงแห่งพระวจนะพระเจ้า 3. พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำให้เราจดจำถ้อยคำของพระคริสต์ 4. พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานสิทธิอำนาจในการเทศนาสั่งสอนพระวจนะพระเจ้าของเรา
ความสำคัญของหลักการตีความหมายพระคัมภีร์ 1. เป็นสิทธิพิเศษเพราะมาจากพระเจ้า
ความสำคัญของหลักการตีความหมายพระคัมภีร์ 1. เป็นสิทธิพิเศษเพราะมาจากพระเจ้า 2 ทิโมธี 3:16 พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การแก้ไขสิ่งผิด และการอบรมในความชอบธรรม
ความสำคัญของหลักการตีความหมายพระคัมภีร์ 2. เป็นหน้าที่ของเราที่จะใช้อย่างถูกต้อง
ความสำคัญของหลักการตีความหมายพระคัมภีร์ 2. เป็นหน้าที่ของเราที่จะใช้อย่างถูกต้อง 2 ทิโมธี 2:15 จงอุตส่าห์สำแดงตนว่าได้ทรงพิสูจน์แล้วเป็นคนงาน ที่ไม่ต้องอาย ใช้พระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง
ความสำคัญของหลักการตีความหมายพระคัมภีร์ 3. เพราะว่า สามารถบิดเบือนได้
ความสำคัญของหลักการตีความหมายพระคัมภีร์ 3. เพราะว่า สามารถบิดเบือนได้ 2 เปโตร 3:16 … ซึ่งคนทั้งหลายที่รู้เท่าไม่ถึงการ และมีใจไม่แน่นอนมั่นคงได้บิดเบือนข้อความเสีย เหมือนอย่างที่เขาได้บิดเบือนข้ออื่นๆในพระคัมภีร์ …)
ความสำคัญของหลักการตีความหมายพระคัมภีร์ 4. เพื่อจะรู้จักพระเจ้า และความรอด (ในความหมายกว้าง) ผ่านพระเยซูคริสต์
ความสำคัญของหลักการตีความหมายพระคัมภีร์ 4. เพื่อจะรู้จักพระเจ้า และความรอด (ในความหมายกว้าง) ผ่านพระเยซูคริสต์ ยอห์น 20:31 แต่การที่บันทึกเหตุการณ์เหล่านี้ไว้ ก็เพื่อพวกท่านจะได้เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้า และเมื่อมีความเชื่อแล้วท่านก็จะมีชีวิตโดยพระนามของพระองค์
ความสำคัญของหลักการตีความหมายพระคัมภีร์ 4. เพื่อจะรู้จักพระเจ้า และความรอด (ในความหมายกว้าง) ผ่านพระเยซูคริสต์ ยอห์น 5:39 พวกท่านค้นดูในพระคัมภีร์เพราะท่านคิดว่าในนั้นมีชีวิตนิรันดร์ และพระคัมภีร์นั้นเองเป็นพยานให้กับเรา
สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ ยอห์น 20:30 – 31 พระเยซูทรงทำหมายสำคัญอื่นๆ อีกหลายอย่างต่อหน้าพวกสาวก ซึ่งไม่ได้บันทึกไว้ในหนังสือเล่มนี้ แต่การที่บันทึกเหตุการณ์เหล่านี้ไว้ ก็เพื่อพวกท่านจะได้เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้า และเมื่อมีความเชื่อแล้วท่านก็จะมีชีวิตโดยพระนามของพระองค์ 1ยอห์น 5:20 และเรารู้ว่าพระบุตรของพระเจ้าเสด็จมาแล้ว และประทานสติปัญญาแก่เรา เพื่อให้เรารู้จักพระองค์ผู้ทรงสัตย์จริง และเราอยู่ในพระองค์นั้นโดยอยู่ในพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ พระองค์นี่แหละเป็นพระเจ้าแท้และเป็นชีวิตนิรันดร์ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
สองคำที่ควรเข้าใจ... EXEGESIS / EISEGESIS สิ่งที่เราเชื่อ
EXEGESIS / EISEGESIS EXEGESIS สิ่งที่เราเชื่อ
EXEGESIS / EISEGESIS EISEGESIS สิ่งที่เราเชื่อ
EXEGESIS / EISEGESIS EXEGESIS EISEGESIS สิ่งที่เราเชื่อ
ฟีลิปปี 4:13 ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า EXEGESIS / EISEGESIS ฟีลิปปี 4:13 ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า สิ่งที่เราเชื่อ
EXEGESIS / EISEGESIS โรม 12:1 พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ … สิ่งที่เราเชื่อ
การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง 1. ตามธรรมชาติ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง 1. ตามธรรมชาติ 2ทิโมธี 3:16 พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจ จากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในทางธรรม สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง 2. หาความหมายที่ซ่อนเสมอ Allegorical สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง 2. หาความหมายที่ซ่อนเสมอ Allegorical ปฐมกาล 6:16 จงทำช่อง ข้างบนนาวาให้สูงศอกหนึ่ง จงตั้งประตูนาวาที่ด้านข้าง และทำดาดฟ้าชั้นล่าง ชั้นที่สองและที่สาม สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง 2. หาความหมายที่ซ่อนเสมอ Allegorical โยชูวา 6:4 ให้ปุโรหิตเจ็ดคนถือเขาแกะเจ็ดคันนำหน้าหีบ และในวันที่เจ็ดนั้นเจ้าทั้งหลายจงเดินรอบเมืองเจ็ดครั้ง ให้ปุโรหิตเป่าเขาแกะไปด้วย สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง 2. หาความหมายที่ซ่อนเสมอ Allegorical ลูกา 19: 5 เมื่อพระเยซูเสด็จมาถึงที่นั่น พระองค์ทรงแหงน พระพักตร์ดูศักเคียสแล้วตรัสแก่เขาว่า "ศักเคียสเอ๋ย จงรีบลงมา เพราะว่าเราจะต้องพักอยู่ในตึกของท่านวันนี้" 3 ศักเคียสพยายามจะดูให้เห็นพระเยซูว่า พระองค์เป็น ผู้ใดแต่ดูไม่เห็นเพราะคนแน่น ด้วยเขาเป็นคนเตี้ย 4 เขาจึงวิ่งไปข้างหน้าขึ้นต้นมะเดื่อ เพื่อจะได้เห็นพระองค์ เพราะว่าพระองค์จะเสด็จไปทางนั้น สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง 2. หาความหมายที่ซ่อนเสมอ Allegorical ปฐมกาล 22:17 เราจะอวยพรเจ้าแน่ เราจะทวีเชื้อสาย ของเจ้าให้มากขึ้น ดังดวงดาวในท้องฟ้า และดังเม็ดทรายบนฝั่งทะเล เชื้อสายของเจ้าจะได้ ประตูเมืองศัตรูของเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง 2. หาความหมายที่ซ่อนเสมอ Allegorical 1โครินธ์ 10:4 และได้ดื่มน้ำทิพย์ทุกคน เพราะว่าเขาได้ดื่มน้ำซึ่งไหลออกมาจาก พระศิลาที่ติดตามเขามา พระศิลานั้นคือพระคริสต์ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง 2. หาความหมายที่ซ่อนเสมอ Allegorical ยอห์น 3:14 โมเสสได้ยกงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด บุตรมนุษย์จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง 3. Existential (ทางนิทานผสมทางฝ่ายวิญญาณ) มีความหมายอะไรสำหรับข้าพเจ้าวันนี้ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง 4. โดยยึดศาสนศาตร์ที่ตายตัว หรือประสบการณ์ส่วนตัว สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง 4. โดยยึดศาสนศาตร์ที่ตายตัว หรือประสบการณ์ส่วนตัว โรม 1:17 เพราะว่าในข่าวประเสริฐนั้น ความชอบธรรม ของพระเจ้าก็ได้สำแดงออก โดยเริ่มต้นก็ความเชื่อ สุดท้ายก็ความเชื่อ ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า คนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง 4. โดยยึดศาสนศาตร์ที่ตายตัว หรือประสบการณ์ส่วนตัว ยากอบ 2:14 ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า แม้ผู้ใดจะว่า ตนมีความเชื่อ แต่ไม่ประพฤติตามจะได้ประโยชน์อะไร ความเชื่อของเขาจะช่วยเขาให้รอดได้หรือ ยากอบ 2:17 ความเชื่อก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่ประพฤติตามก็ไร้ผล สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
ยอห์น 3:5 พระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง 4. โดยยึดศาสนศาตร์ที่ตายตัว หรือประสบการณ์ส่วนตัว ยอห์น 3:5 พระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ถ้าใครไม่ได้เกิดจากน้ำและพระวิญญาณ คนนั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง 4. โดยยึดศาสนศาตร์ที่ตายตัว หรือประสบการณ์ส่วนตัว กิจการ 19:1 - 7 1 ขณะที่อปอลโลยังอยู่ในเมืองโครินธ์ เปาโลได้ไปตามที่ดอน แล้วมายังเมืองเอเฟซัส ท่านพบสาวกบางคนที่นั่น จึงถามเขาว่า "เมื่อท่านทั้งหลายเชื่อนั้น ท่านได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือเปล่า" เขาตอบว่า "เปล่า เรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นเราก็ยังไม่เคยได้ยินเลย" เปาโลจึงถามเขาว่า "ถ้าอย่างนั้นท่านได้รับบัพติศมาอันใดเล่า" เขาตอบว่า "บัพติศมาของยอห์น" เปาโลจึงว่า "ยอห์นให้รับบัพติศมาสำแดงถึงการกลับใจใหม่ แล้วบอกคนทั้งปวงให้เชื่อในพระองค์ผู้จะเสด็จมาภายหลังคือพระเยซู" เมื่อเขาได้ยินอย่างนั้น เขาจึงรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูเจ้า เมื่อเปาโล ได้วางมือบนเขาแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เสด็จลงมาบนเขา เขาจึงพูดภาษา แปลกๆและได้ทำนายด้วย คนเหล่านั้นมีประมาณสิบสองคน สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง 4. โดยยึดศาสนศาตร์ที่ตายตัว หรือประสบการณ์ส่วนตัว ฮีบรู 10:26 - 27 เมื่อเราได้รับความรู้เรื่องความจริงแล้ว แต่เรายังขืนทำผิดอีก เครื่องบูชาลบบาปนั้นก็จะไม่มีเหลืออยู่เลย แต่จะมีความหวาด กลัวในการรอคอยการพิพากษาโทษ และไฟอันร้ายแรง ซึ่งจะเผาผลาญบรรดาคนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อพระเจ้า ฮีบรู 10:31 การตกอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ นั้นเป็นที่น่าหวาดกลัว สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง 5. ตีความโดยดึงข้อความออกจากบริบท สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง 5. ตีความโดยดึงข้อความออกจากบริบท ปัญญาจารย์ 3:19 เพราะว่าเคราะห์ของบรรดา มนุษยชาติกับเคราะห์ของสัตว์เดียรัจฉานนั้นเหมือนกัน ฝ่ายหนึ่งตาย อีกฝ่ายหนึ่งก็ตายเหมือนกัน ทั้งสองมีลมหายใจอย่างเดียวกัน และมนุษย์ไม่มีอะไรดี กว่าสัตว์เดียรัจฉาน เพราะสารพัดก็อนิจจัง สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง 5. ตีความโดยดึงข้อความออกจากบริบท 1 ยอห์น 3:9 ผู้ที่เกิดจากพระเจ้าไม่ทำบาป เพราะเชื้อของพระเจ้าอยู่ในคนนั้นและเขาทำบาปไม่ได้ เพราะเขาเกิดจากพระเจ้า สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง 6. ตีความหมายตามตัวอักษรเสมอ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง 6. ตีความหมายตามตัวอักษรเสมอ เยเรมีย์ 15:16 เมื่อพบพระวจนะของพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ก็กินเสีย พระวจนะของพระองค์ เป็นความชื่นบานแก่ข้าพระองค์ และเป็นความปีติยินดีแห่งจิตใจของข้าพระองค์ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ พระเจ้าจอมโยธา เพราะว่าเขาเรียกข้าพระองค์ตามพระนามของพระองค์ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
มัทธิว 5:29 ถ้าตาข้างขวาของท่าน ทำให้ตัวหลงผิด จงควักออกทิ้งเสีย การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง 6. ตีความหมายตามตัวอักษรเสมอ มัทธิว 5:29 ถ้าตาข้างขวาของท่าน ทำให้ตัวหลงผิด จงควักออกทิ้งเสีย เพราะว่าถึงจะเสียอวัยวะอย่างหนึ่ง ก็ดีกว่าตัวของท่านจะต้องลงนรก สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
การตีความหมายพระคัมภีร์ ที่ไม่ถูกต้อง 6. ตีความหมายตามตัวอักษรเสมอ ลูกา 13:31 - 32 31 ในโมงนั้นมีพวกฟาริสีบางคนมาทูลพระองค์ว่า "ท่านจงไปจากที่นี่เถิด เพราะว่าเฮโรดจะใคร่ ประหารชีวิตของท่านเสีย" พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า "จงไปบอกสุนัขจิ้งจอกนั้นว่า …. สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
เครื่องมือใช้ในการค้นคว้า ดูหน้า 14 ในโนดส์นักศึกษา สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
ศัพท์สัมพันธ์ concordance เครื่องมือใช้ในการค้นคว้า ศัพท์สัมพันธ์ concordance สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
เครื่องมือใช้ในการค้นคว้า สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
พจนานุกรม / สารานุกรม เครื่องมือใช้ในการค้นคว้า สิ่งที่เราทำ พจนานุกรม / สารานุกรม สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
เครื่องมือใช้ในการค้นคว้า สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
หนังสืออธิบาย commentary เครื่องมือใช้ในการค้นคว้า หนังสืออธิบาย commentary สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
เครื่องมือใช้ในการค้นคว้า สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
เครื่องมือใช้ในการค้นคว้า สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
ศูนย์ทีรันนัส http://www.tyrannusthai.com
แผนที่พระคัมภีร์ เครื่องมือใช้ในการค้นคว้า สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
เครื่องมือใช้ในการค้นคว้า สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
โปรแกรม THE WORD เครื่องมือใช้ในการค้นคว้า สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
https://translate.google.co.th/
http://www.bbsthai.org/stevebbs/theword.htm
http://www.bbsthai.org/stevebbs/theword.htm
ผู้ไม่ต้องการของสมาคม... http://www.bbsthai.org/stevebbs/theword.htm ผูที่ต้องการของสมาคม... steve@bbsthai.org แจ้งว่า ต้องการโมดูลของสมาคม ในราคา 350 บาท
http://www.thaicrc.com
http://www.thaicrc.com http://www.estar.ws/
3 ขั้นตอนที่สำคัญ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
3 ขั้นตอนที่สำคัญ OBSERVATION สังเกต สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
3 ขั้นตอนที่สำคัญ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ OBSERVATION INTERPRETATION สังเกต ตีความ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
3 ขั้นตอนที่สำคัญ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ OBSERVATION INTERPRETATION APPLICATION สังเกต ตีความ นำไปใช้ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
สังเกต: ใคร ทำอะไร เมื่อไร อย่างไร ตีความ: เพราะอะไร หมายความว่าอะไร 3 ขั้นตอนที่สำคัญ OBSERVATION INTERPRETATION APPLICATION สังเกต ตีความ นำไปใช้ สังเกต: ใคร ทำอะไร เมื่อไร อย่างไร ตีความ: เพราะอะไร หมายความว่าอะไร นำไปใช้: ท่านคิดว่าจะนำไปใช้อย่างไรอาทิตย์นี้ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
โรม 12:1 พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ 3 ขั้นตอนที่สำคัญ OBSERVATION INTERPRETATION APPLICATION สังเกต ตีความ นำไปใช้ โรม 12:1 พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอน ท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และเป็นที่ พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดย วิญญาณจิตของท่านทั้งหลาย สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
โรม 12:1 พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ OBSERVATION สังเกต โรม 12:1 พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอน ท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และเป็นที่ พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดย วิญญาณจิตของท่านทั้งหลาย สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ ตั้งคำถามสำหรับข้อสังเกต 10 อย่าง เช่น… ถาม: เขียนถึงใคร ? ตอบ: พี่น้องทั้งหลายที่โรม
ฟป. 1 3-11 คำอธิษฐานของเปาโล 12-26 สถานการณ์ของเปาโล 3-11 คำอธิษฐานของเปาโล 12-26 สถานการณ์ของเปาโล 27-30 คำชักจูงของเปาโล
3-11 คำอธิษฐานของเปาโล 3 ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าทุกครั้งที่ระลึกถึงท่านทั้งหลาย 4 และทุกครั้งที่ข้าพเจ้าทูลขอเพื่อท่านทุกคน ก็ทำการทูลขอด้วยความยินดีเสมอ 5 เพราะท่านทั้งหลายมีส่วนร่วมในข่าวประเสริฐตั้งแต่วันแรกจนเวลานี้ 6 ข้าพเจ้าแน่ใจอย่างนี้ว่าพระองค์ผู้ทรงเริ่มต้นการดีไว้ในพวกท่าน จะทรงทำให้สำเร็จจนถึงวันแห่งพระเยซูคริสต์ 7 ที่ข้าพเจ้าคิดอย่างนี้เกี่ยวกับพวกท่านทุกคนก็ถูกต้องแล้ว เพราะว่าท่านมีใจรักข้าพเจ้า เนื่องจากพวกท่านมีส่วนร่วมกับข้าพเจ้าในพระคุณทุกคน ทั้งในการที่ข้าพเจ้าถูกคุมขัง และในการปกป้องและหนุนให้ข่าวประเสริฐตั้งมั่นคง 8 เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นพยานให้ข้าพเจ้าได้ว่า ข้าพเจ้าคิดถึงท่านทุกคนเพียงไรตามพระทัยสงสารของพระเยซูคริสต์ 9 และข้าพเจ้าอธิษฐานว่าขอให้ความรักของท่านทวียิ่งๆ ขึ้นพร้อมกับความรู้และวิจารณญาณทุกด้าน 10 เพื่อท่านทั้งหลายจะสังเกตเห็นได้ว่าสิ่งใดประเสริฐที่สุด เพื่อท่านจะได้เป็นคนบริสุทธิ์ เป็นคนไม่มีที่ติได้ในวันแห่งพระคริสต์ 11 และเป็นคนที่เต็มบริบูรณ์ด้วยผลของความชอบธรรมซึ่งเกิดขึ้นโดยทางพระเยซูคริสต์ เพื่อถวายพระเกียรติและการยกย่องแด่พระเจ้า
3-11 คำอธิษฐานของเปาโล เปาโลอธิษฐานอย่างไร ?
3-11 คำอธิษฐานของเปาโล เปาโลอธิษฐานอย่างไร ? ด้วยความยินดี - ข้อ 4
เปาโลอธิษฐานอย่างไร ? 3-11 คำอธิษฐานของเปาโล ด้วยความยินดี - ข้อ 4 3-11 คำอธิษฐานของเปาโล เปาโลอธิษฐานอย่างไร ? ด้วยความยินดี - ข้อ 4 ด้วยความแน่ใจ - ข้อ 6
เปาโลอธิษฐานอย่างไร ? 3-11 คำอธิษฐานของเปาโล ด้วยความยินดี - ข้อ 4 3-11 คำอธิษฐานของเปาโล เปาโลอธิษฐานอย่างไร ? ด้วยความยินดี - ข้อ 4 ด้วยความแน่ใจ - ข้อ 6 ด้วยมีใจรัก - ข้อ 7
3-11 คำอธิษฐานของเปาโล เปาโลอธิษฐานอะไร ?
เปาโลอธิษฐานอะไร ? 3-11 คำอธิษฐานของเปาโล 3-11 คำอธิษฐานของเปาโล เปาโลอธิษฐานอะไร ? ขอให้ความรักทวียิ่งๆ ขึ้น - ข้อ 9
เปาโลอธิษฐานอะไร ? 3-11 คำอธิษฐานของเปาโล 3-11 คำอธิษฐานของเปาโล เปาโลอธิษฐานอะไร ? ขอให้ความรักทวียิ่งๆ ขึ้น - ข้อ 9 ความรู้และวิจารณญาณทุกด้าน - ข้อ 9
เปาโลอธิษฐานอะไร ? 3-11 คำอธิษฐานของเปาโล 3-11 คำอธิษฐานของเปาโล เปาโลอธิษฐานอะไร ? ขอให้ความรักทวียิ่งๆ ขึ้น - ข้อ 9 ความรู้และวิจารณญาณทุกด้าน - ข้อ 9 จะสังเกตเห็นได้ว่าสิ่งใดประเสริฐที่สุด - ข้อ 10
เปาโลอธิษฐานอะไร ? 3-11 คำอธิษฐานของเปาโล 3-11 คำอธิษฐานของเปาโล เปาโลอธิษฐานอะไร ? ขอให้ความรักทวียิ่งๆ ขึ้น - ข้อ 9 ความรู้และวิจารณญาณทุกด้าน - ข้อ 9 จะสังเกตเห็นได้ว่าสิ่งใดประเสริฐที่สุด - ข้อ 10 จะได้เป็นคนบริสุทธิ์ ไม่มีที่ติได้ - ข้อ 10
เปาโลอธิษฐานอะไร ? 3-11 คำอธิษฐานของเปาโล 3-11 คำอธิษฐานของเปาโล เปาโลอธิษฐานอะไร ? ขอให้ความรักทวียิ่งๆ ขึ้น - ข้อ 9 ความรู้และวิจารณญาณทุกด้าน - ข้อ 9 จะสังเกตเห็นได้ว่าสิ่งใดประเสริฐที่สุด - ข้อ 10 จะได้เป็นคนบริสุทธิ์ ไม่มีที่ติได้ - ข้อ 10 จะเต็มบริบูรณ์ด้วยผลของความชอบธรรม -11
12-26 สถานการณ์ของเปาโล 12 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าปรารถนาให้ท่านรู้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้านั้น ได้กลับเป็นเหตุให้ข่าวประเสริฐแผ่ขยายออกไป 13 ฉะนั้นจึงเป็นที่รู้กันในหมู่ผู้คุมประจำกองบัญชาการทั้งหมดและคนอื่นๆ ทุกคนว่า การที่ข้าพเจ้าถูกคุมขังนั้นก็เพื่อพระคริสต์ 14 และพี่น้องส่วนมากก็เกิดความมั่นใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าจากการที่ข้าพเจ้าถูกคุมขัง และพวกเขามีความกล้ามากขึ้นที่จะกล่าวพระวจนะโดยปราศจากความกลัว 15 จริงอยู่ที่มีบางคนประกาศพระคริสต์ด้วยความอิจฉาและการวิวาท แต่ก็มีบางคนที่ประกาศด้วยเจตนาดี 16 ฝ่ายหนึ่งประกาศด้วยความรัก โดยรู้ว่าข้าพเจ้าได้รับการแต่งตั้งไว้ให้กล่าวปกป้องข่าวประเสริฐนั้น 17 แต่อีกฝ่ายหนึ่งประกาศพระคริสต์ด้วยการชิงดีกัน ไม่ใช่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ จงใจจะเพิ่มความยากลำบากแก่ข้าพเจ้าในระหว่างถูกคุมขัง 18 แต่จะเป็นอะไรไปล่ะ ไม่ว่าจะประกาศด้วยการเสแสร้งหรือด้วยความจริงใจ พระคริสต์ก็ถูกประกาศไปในทุกที่ เรื่องนี้แหละที่ทำให้ข้าพเจ้ายินดี และข้าพเจ้ายังจะมีความยินดีต่อไปด้วย 19 เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าโดยการทูลขอของท่านทั้งหลาย และโดยการช่วยเหลือของพระวิญญาณของพระเยซูคริสต์ สิ่งนี้จะเป็นเหตุให้ข้าพเจ้ารอดพ้น 20 ข้าพเจ้าคาดหมายและหวังว่าจะไม่ได้รับความละอายใดๆ เลย แต่โดยความกล้าหาญอย่างยิ่ง พระคริสต์จะทรงได้รับการยกย่องสรรเสริญในร่างกายของข้าพเจ้าในเวลานี้ดังเช่นที่เคยได้ตลอดมา ไม่ว่าจะโดยชีวิตหรือความตาย 21 เพราะว่าสำหรับข้าพเจ้า การมีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระคริสต์ และการตายก็ได้กำไร 22 ถ้าข้าพเจ้ายังจะมีชีวิตอยู่ในร่างกาย ข้าพเจ้าก็จะทำงานให้เกิดผล แต่ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าจะเลือกฝ่ายไหน 23 ข้าพเจ้าลำบากใจระหว่างสองฝ่ายนี้ คือว่า ข้าพเจ้ามีความปรารถนาจะจากไปเพื่ออยู่กับพระคริสต์ ซึ่งประเสริฐกว่ามากนัก 24 แต่การที่ยังอยู่ในร่างกายนี้ก็จำเป็นมากกว่าสำหรับพวกท่าน 25 เมื่อแน่ใจอย่างนี้แล้ว ข้าพเจ้าก็รู้ว่าข้าพเจ้าจะยังอยู่ คืออยู่กับท่านทุกคนเพื่อความเจริญและความชื่นชมยินดีในความเชื่อของท่านทั้งหลาย 26 เพื่อที่ว่าความภูมิใจในตัวข้าพเจ้าของพวกท่านจะทวีขึ้นในพระเยซูคริสต์ เพราะว่าข้าพเจ้าจะมาหาอีกครั้ง
เปาโลเข้าใจการทนทุกข์ของเขาอย่างไรบ้าง ? 12-26 สถานการณ์ของเปาโล เปาโลเข้าใจการทนทุกข์ของเขาอย่างไรบ้าง ? เปาโลมีท่าทีอย่างไรต่อ “คู่แขง” ของเขา ? อะไรเป็นสาเหตุของความชื่นชมยินดีของเปาโล ? เปาโลมีมุมมองต่อชีวิตในโลกนี้ และความตายอย่างไร ?
27-30 คำชักจูงของเปาโล 27 ขอเพียงให้พวกท่านดำเนินชีวิตสมกับข่าวประเสริฐของพระคริสต์ เพื่อที่ว่าไม่ว่าข้าพเจ้าจะมาหาและได้เห็นหน้าท่าน หรือไม่มาหา ข้าพเจ้าก็จะได้ยินข่าวเกี่ยวกับพวกท่านว่า ท่านยืนหยัดมั่นคงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ร่วมกันสู้ด้วยจิตใจเดียวกันเพื่อความเชื่อที่มาจากข่าวประเสริฐ 28 และท่านไม่เกรงกลัวพวกที่ขัดขวางเลย สิ่งนี้เป็นหลักฐานแห่งความพินาศต่อพวกเขา แต่เป็นหลักฐานแห่งความรอดของพวกท่าน และการดังกล่าวมาจากพระเจ้า 29 เพราะพระเจ้าทรงให้พระคุณแก่ท่านเพราะเห็นแก่พระคริสต์ ไม่ใช่ให้ท่านทั้งหลายเชื่อในพระองค์เท่านั้น แต่ให้ทนทุกข์ยากเพราะเห็นแก่พระองค์ด้วย 30 คือพวกท่านก็มีการสู้รบเหมือนอย่างที่ท่านเคยเห็นมาแล้วในตัวข้าพเจ้า และได้ยินในเวลานี้ว่าข้าพเจ้ากำลังสู้รบอยู่
เปาโลชักจูกพี่น้องที่ฟีลิปปีอย่างไรบ้าง ? 27-30 คำชักจูงของเปาโล เปาโลชักจูกพี่น้องที่ฟีลิปปีอย่างไรบ้าง ?
ความเชื่อ 2 อย่างเกี่ยวกับพระคัมภีร์ ท้ายสุดหน้า 7 สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
1. เป็นหนังสือธรรมชาติ ความเชื่อ 2 อย่างเกี่ยวกับพระคัมภีร์ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
2. เป็นหนังสือเหนือธรรมชาติ ความเชื่อ 2 อย่างเกี่ยวกับพระคัมภีร์ 1. เป็นหนังสือธรรมชาติ สิ่งที่เราทำ 2. เป็นหนังสือเหนือธรรมชาติ สิ่งที่เราเชื่อ
หลักการที่ 1 (เป็นหนังสือธรรมชาติ) หลักการแรก คือ เนื่องจากพระคัมภีร์เขียนขึ้นโดยมนุษย์เราจะต้องตีความหมายพระคัมภีร์นั้นเหมือนหนังสือธรรมดาทั่วไปเพื่อเข้าใจความหมายที่ผู้เขียนกำหนดเอง
หลักการที่ 2 (เป็นหนังสือเหนือธรรมชาติ) หลักการสอง คือ เนื่องจากพระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้าและกล่าวความจริงเราต้องแสวงหาความเป็นเอกภาพของพระคัมภีร์ ยอมรับและพยายามเข้าใจการอัศจรรย์ต่าง ๆ
หลักการที่ 3 (เป็นหนังสือเหนือธรรมชาติ) หลักการสาม คือ เนื่องจากพระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้าพระคัมภีร์จึงมีอำนาจให้แนวทางเพื่อดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง
หลักการที่ 1 (เป็นหนังสือธรรมชาติ) หลักการแรก คือ เนื่องจากพระคัมภีร์เขียนขึ้นโดยมนุษย์เราจะต้องตีความหมายพระคัมภีร์นั้นเหมือนหนังสือธรรมดาทั่วไปเพื่อเข้าใจความหมายที่ผู้เขียนกำหนดเอง
หลักการที่ 1 (เป็นหนังสือธรรมชาติ) - เป็นหนังสือ
หลักการที่ 1 (เป็นหนังสือธรรมชาติ) - เป็นหนังสือ - เขียนโดยใช้หลักภาษาทั่วไป
หลักการที่ 1 (เป็นหนังสือธรรมชาติ) - เป็นหนังสือ - เขียนโดยใช้หลักภาษาทั่วไป - เขียนเพื่อจะเข้าใจความจริง
หลักการที่ 1 (เป็นหนังสือธรรมชาติ) - เป็นหนังสือ - เขียนโดยใช้หลักภาษาทั่วไป - เขียนเพื่อจะเข้าใจความจริง - เขียนโดยพระเจ้า ผ่านผู้เขียนที่เป็นมนุษย์
หลักการที่ 1 (เป็นหนังสือธรรมชาติ) - เปิดเผยพระประสงค์ของพระเจ้า
หลักการที่ 1 (เป็นหนังสือธรรมชาติ) หลักการที่ 1 (เป็นหนังสือธรรมชาติ) - เปิดเผยพระประสงค์ของพระเจ้า เฉลยธรรมบัญญัติ 29:29 “สิ่งลี้ลับทั้งปวงเป็นของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทั้งหลาย แต่สิ่งที่ทรงสำแดงนั้นเป็นของเราทั้งหลายและของลูกหลานของเราเป็นนิตย์ เพื่อเราจะทำตามถ้อยคำทั้งสิ้นของธรรมบัญญัตินี้
หลักการที่ 1 (เป็นหนังสือธรรมชาติ) - ความจำกัดของภาษา
หลักการที่ 1 (เป็นหนังสือธรรมชาติ) - ความจำกัดของความเข้าใจของมนุษย์
หลักการที่ 1 (เป็นหนังสือธรรมชาติ) - ต้องคำนึงถึงวัฒนธรรม
- ต้องคำนึงถึงวัฒนธรรม พระคัมภีร์ วัฒนธรรม มิขขันนารี (ผู้สอน) วัฒนธรรม ผู้รับ
วัฒนธรรม พระคัมภีร์ วัฒนธรรม มิขขันนารี (ผู้สอน) วัฒนธรรม ผู้รับ
วัฒนธรรม พระคัมภีร์ วัฒนธรรม มิขขันนารี (ผู้สอน) วัฒนธรรม ผู้รับ
วัฒนธรรม พระคัมภีร์ วัฒนธรรม มิขขันนารี (ผู้สอน) วัฒนธรรม ผู้รับ
วัฒนธรรม พระคัมภีร์ วัฒนธรรม มิขขันนารี (ผู้สอน) วัฒนธรรม ผู้รับ
หัวใจของพระเจ้า วัฒนธรรม พระคัมภีร์ วัฒนธรรม มิขขันนารี (ผู้สอน) ผู้รับ
หลักการที่ 1 (เป็นหนังสือธรรมชาติ) 1. 1 หลักการที่ 1 (เป็นหนังสือธรรมชาติ) 1.1. ต้องแสวงหาความหมายธรรมดาของข้อนั้นตามหลักทั่วไปของภาษา
หลักการที่ 1 (เป็นหนังสือธรรมชาติ) 1. 2 หลักการที่ 1 (เป็นหนังสือธรรมชาติ) 1.2. ต้องพิสูจน์ประเภทของวรรณกรรมในข้อนั้น ๆ เพื่อใช้หลักการต่อไปอย่างถูกต้อง
หลักการที่ 1 (เป็นหนังสือธรรมชาติ) 1. 3 หลักการที่ 1 (เป็นหนังสือธรรมชาติ) 1.3. เสาะแสวงหาความหมายหนึ่งอย่างซึ่งตรงกับจุดประสงค์ของผู้เขียน
เป้าหมายของการตีความหมาย สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
หาจุดประสงค์ของผู้เขียน เป้าหมายของการตีความหมาย หาจุดประสงค์ของผู้เขียน สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
อุปสรรค 4 ประการ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
อุปสรรค 4 ประการ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ สมัยพระคัมภีร์ สมัยปัจจุบัน
อุปสรรค 4 ประการ วัฒนธรรม สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ สมัยพระคัมภีร์ สมัยปัจจุบัน
อุปสรรค 4 ประการ ภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ สมัยพระคัมภีร์ สมัยปัจจุบัน
อุปสรรค 4 ประการ ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ สมัยพระคัมภีร์ สมัยปัจจุบัน
อุปสรรค 4 ประการ ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม ภาษา สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ สมัยพระคัมภีร์ สมัยปัจจุบัน
ยน. 3:16
หลักการที่ 1 (เป็นหนังสือธรรมชาติ) 1. 4 หลักการที่ 1 (เป็นหนังสือธรรมชาติ) 1.4. การตีความหมายข้อพระคัมภีร์ต้องตั้งบนความเข้าใจในเรื่องประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และวัฒนธรรม
1. พิจารณาช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
www.bbsthai.org/stevebbs/chart.pdf สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
พิจารณาช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ อิสยาห์ 1:10 ดูก่อนท่านผู้ปกครองเมืองโสโดม จงฟังพระวจนะของพระเจ้า ดูก่อนท่าน ประชาชนเมืองโกโมราห์ จงเงี่ยหูฟังพระธรรม ของพระเจ้าของเรา สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
พิจารณาช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ สดุดี 51:4 ข้าพระองค์ได้ทำบาปต่อ พระองค์ต่อพระองค์เท่านั้น และได้กระทำ สิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรพระองค์ ทั้งนี้เพื่อพระองค์จะทรงยุติธรรมในคำพิพากษา และไร้ตำหนิในการพิพากษานั้น สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
พิจารณาช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ ฟีลิปปี 4:4 จงชื่นชมยินดีในองค์ พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
พิจารณาช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ ฟีลิปปี 1:13 - 14 13 จนประจักษ์ทั่วกันในหมู่ผู้คุมและคนอื่นๆว่า การที่ข้าพเจ้าถูกจำจองนั้น ก็เพื่อพระคริสต์ 14 และพี่น้องส่วนมากได้เกิดความไว้วางใจในองค์ พระผู้เป็นเจ้า เนื่องด้วยการจำจองของข้าพเจ้า และพวกเขามีใจกล้าขึ้น ที่จะกล่าวพระวจนะของ พระเจ้าโดยปราศจากความกลัว สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
พิจารณาช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ ยอห์น 3:14 - 15 14 โมเสสยกงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารอย่างไร บุตรมนุษย์จะต้องถูกยกขึ้นอย่างนั้น 15 เพื่อทุกคนที่วางใจพระองค์จะได้ชีวิตนิรันดร์” สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
พิจารณาช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ ยอห์น 3:14 - 15 14 โมเสสยกงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารอย่างไร บุตรมนุษย์จะต้องถูกยกขึ้นอย่างนั้น 15 เพื่อทุกคนที่วางใจพระองค์จะได้ชีวิตนิรันดร์” สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ กันดารวิถี 21:8 - 9
พิจารณาช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ ยอห์น 3:14 - 15 14 โมเสสยกงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารอย่างไร บุตรมนุษย์จะต้องถูกยกขึ้นอย่างนั้น 15 เพื่อทุกคนที่วางใจพระองค์จะได้ชีวิตนิรันดร์” สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ กันดารวิถี 21:8 - 9 การเดินทางในทะเลทราย
2. พิจารณาสภาพทางภูมิศาสตร์ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
ลงไปยังเมืองเยรีโค พิจารณาภาพทางภูมิศาสตร์ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
THE WORD
ลงไปยังเมืองซีซาเรีย พิจารณาภาพทางภูมิศาสตร์ ลงไปยังเมืองซีซาเรีย สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
THE WORD
พิจารณาภาพทางภูมิศาสตร์ แต่โยนาห์ได้ลุกขึ้นหนีไปยังเมืองทารชิช จากพระพักตร์พระเจ้า ท่านได้ลงไปยังเมืองยัฟฟา และพบกำปั่นลำหนึ่งกำลังไปเมืองทารชิช ดังนั้นท่านจึงชำระค่าโดยสาร และขึ้นเรือเดิน ทางร่วมกับเขาทั้งหลายไปยังเมืองทารชิช ให้พ้นจากพระพักตร์พระเจ้า (โยนาห์ 1:3) สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
THE WORD
พิจารณาสภาพทางภูมิศาสตร์ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
พิจารณาภาพทางภูมิศาสตร์ และท่านก็ลุกขึ้นรับประทานและดื่ม และเดินไปด้วยกำลังของอาหารนั้น สี่สิบวันสี่สิบคืนถึงโฮเรบภูเขาของพระเจ้า 1 พงศ์กษัตริย์ 19:8 สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
พิจารณาสภาพทางภูมิศาสตร์ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
พิจารณาสภาพทางภูมิศาสตร์ ลูกา 18:35 เมื่อพระองค์เสด็จมาใกล้เมืองเยรีโค มีคนตาบอดคนหนึ่งนั่งขอทานอยู่ริมหนทาง มัทธิว 20:29 เมื่อพระองค์กับเหล่าสาวก ออกไปจากเมืองเยรีโค ฝูงชนเป็นอันมากก็ตาม พระองค์ไป สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
พิจารณาสภาพทางภูมิศาสตร์ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
ยอห์น 4:1 - 5 1 เมื่อพระเยซูทรงทราบว่าพวกฟาริสีได้ยินข่าวว่า “อาจารย์เยซูมีสาวกและให้บัพติศมามากกว่ายอห์น” 2 (ความจริงพระเยซูไม่ได้ทรงให้บัพติศมาเอง แต่สาวกของพระองค์เป็นผู้ให้) 3 พระองค์จึงเสด็จออกจากแคว้นยูเดียกลับไปที่แคว้นกาลิลีอีก 4 พระองค์จำเป็นต้องเสด็จผ่านแคว้นสะมาเรีย 5 จึงเสด็จผ่านเมืองหนึ่งชื่อสิคาร์ในแคว้นสะมาเรีย ซึ่งอยู่ใกล้ที่ดินที่ยาโคบให้กับโยเซฟบุตรของตน
THE WORD
THE WORD
พิจารณาสภาพทางภูมิศาสตร์ มาระโก 11:13 - 14 พอทอดพระเนตรเห็นต้นมะเดื่อมีใบต้นหนึ่ง แต่ไกล จึงเสด็จเข้าไปดูว่าจะมีผลหรือไม่ เมื่อมาถึงต้นนั้นแล้ว ไม่เห็นมีผล มีแต่ใบเท่านั้น เพราะยังไม่ถึงฤดูผลมะเดื่อ พระองค์จึงตรัสแก่ ต้นนั้นว่า “ตั้งแต่นี้ไปจะไม่มีใครได้กินผลจาก เจ้าอีก” เหล่าสาวกก็ได้ยินถ้อยคำที่พระองค์ตรัสนั้น สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
THE WORD
THE WORD
3. พิจารณาวัฒนธรรม สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
หัวใจของพระเจ้า วัฒนธรรม พระคัมภีร์ วัฒนธรรม มิขขันนารี (ผู้สอน) ผู้รับ
พิจารณาวัฒนธรรม สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ 1ทิโมธี 2:11 - 15 11 ให้ผู้หญิงเรียนอย่างเงียบๆ ด้วยความนอบน้อมอย่างยิ่ง 12 ข้าพเจ้าไม่ยอมให้ผู้หญิงสั่งสอนหรือควบคุมผู้ชาย แต่ให้เธออยู่เงียบๆ 13 เพราะพระเจ้าทรงสร้างอาดัมก่อน แล้วจึงสร้างเอวา 14 และอาดัมไม่ได้ถูกล่อลวง แต่ผู้หญิงถูกล่อลวงและทำบาป 15 แต่ถึงกระนั้นเธอก็จะได้รับความรอดในการมีบุตร ถ้าหากพวกเธอดำรงอยู่ในความเชื่อ ความรัก และความบริสุทธิ์ ด้วยความสงบเสงี่ย สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
พิจารณาวัฒนธรรม สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ 1 โครินธ์ 11:3 - 10 3 แต่ข้าพเจ้าต้องการให้พวกท่านเข้าใจว่า พระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของชายทุกคน และชายเป็นศีรษะของหญิง และพระเจ้าเป็นพระเศียรของพระคริสต์ 4 ผู้ชายทุกคนที่อธิษฐานหรือเผยพระวจนะโดยมีผ้าบนศีรษะ ก็ทำความอับอายแก่ศีรษะของเขา 5 แต่ผู้หญิงทุกคนที่อธิษฐานหรือเผยพระวจนะโดยไม่คลุมศีรษะ ก็ทำความอับอายแก่ศีรษะของเธอ เพราะเหมือนกับว่าเธอได้โกนผมเสียแล้ว 6 เพราะว่าถ้าผู้หญิงไม่คลุมศีรษะ ก็ควรจะตัดผมเสีย แต่ถ้าการตัดผมหรือโกนผมเป็นเรื่องน่าอับอายของผู้หญิง จงคลุมศีรษะเสีย 7 ผู้ชายไม่สมควรคลุมศีรษะเพราะว่าผู้ชายเป็นพระฉายาและพระรัศมีของพระเจ้า ส่วนผู้หญิงนั้นเป็นรัศมีของผู้ชาย 8 (เพราะว่าผู้ชายไม่ได้มาจากผู้หญิง แต่ผู้หญิงมาจากผู้ชาย 9 และไม่ได้ทรงสร้างผู้ชายเนื่องเพราะผู้หญิง แต่ทรงสร้างผู้หญิงเนื่องเพราะผู้ชาย) 10 เพราะเหตุนี้เอง ผู้หญิงจึงสมควรจะมีสัญลักษณ์แห่ง สิทธิอำนาจนี้อยู่บนศีรษะ เพราะเห็นแก่พวกทูตสวรรค์ สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
พิจารณาวัฒนธรรม สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ มัทธิว 22:11 - 13 11 "แต่เมื่อกษัตริย์องค์นั้นเสด็จทอดพระเนตรแขก ก็เห็นผู้หนึ่งมิได้สวมเสื้อสำหรับงาน 12 จึงรับสั่งถามว่า 'สหายเอ๋ย เหตุไฉนจึงมาที่นี่โดยไม่สวมเสื้อสำหรับงานแต่งงาน' ผู้นั้นก็นิ่งอั้นอยู่พูดไม่ออก 13 กษัตริย์จึงรับสั่งแก่พวกข้าราชการว่า 'จงมัดมือมัดเท้าคนนี้เอาไปทิ้งเสียที่มืดภายนอก อันเป็นที่ที่มีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน' สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
พิจารณาวัฒนธรรม สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
พิจารณาวัฒนธรรม สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
พิจารณาวัฒนธรรม สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ 2 พงศ์กษัตริย์ 2:9 (2011) เมื่อข้ามไปแล้ว เอลียาห์พูดกับเอลีชาว่า “ท่านอยากให้เราทำอะไรให้ ก็จงขอเถิด ก่อนที่เราจะถูกรับไปจากท่าน” และเอลีชาตอบว่า “โปรดให้ข้าพเจ้าได้รับฤทธิ์เดชของท่านสองส่วน” สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
พิจารณาวัฒนธรรม สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
พิจารณาวัฒนธรรม สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
พิจารณาวัฒนธรรม สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ 2พงศ์กษัตริย์ 2:9 (1971) และอยู่มาเมื่อท่านทั้งสองข้ามไปแล้ว เอลียาห์จึงพูดกับเอลีชาว่า "จงขอสิ่งที่อยากให้ ข้าพเจ้าทำเพื่อท่าน ก่อนที่ข้าพเจ้าจะถูกรับไป จากท่าน" และเอลีชาตอบว่า "ขอให้ฤทธิ์เดช ของท่านอยู่กับข้าพเจ้าตามส่วนสิทธิบุตรหัวปี" สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
พิจารณาวัฒนธรรม สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ มัทธิว 15:2 "ทำไมพวกสาวกของท่านจึงละเมิด คำสอนที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ด้วยว่าเขามิได้ล้างมือเมื่อรับประทานอาหาร" สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
พิจารณาวัฒนธรรม สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ ยอห์น 13:14 ฉะนั้นถ้าเราผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระอาจารย์ของท่านได้ล้างเท้าของพวกท่าน พวกท่านก็ควรจะล้างเท้าของกันและกันด้วย สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
พิจารณาวัฒนธรรม สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ ยอห์น 9:22 การที่บิดามารดาของเขาพูดอย่างนั้นก็เพราะกลัวพวกยิว เพราะพวกยิวตกลงกันแล้วว่า ถ้าใครยอมรับว่าพระเยซูเป็นพระคริสต์ คนนั้นจะถูกขับออกจากธรรมศาลา สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม ยน. 4:3-26 ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม สิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราเชื่อ
ป = ประวัติศาสตร์ ภ = ภูมิศาสตร์ ว = วัฒนธรรม
1. มีแม่น้ำไหลผ่านใจกลางกรุงเทพฯ
1. มีแม่น้ำไหลผ่านใจกลางกรุงเทพฯ 2 1. มีแม่น้ำไหลผ่านใจกลางกรุงเทพฯ 2. คนอีสานกินส้มต๋ำมากกว่าคนไทยภาคอื่นๆ
1. มีแม่น้ำไหลผ่านใจกลางกรุงเทพฯ 2 1. มีแม่น้ำไหลผ่านใจกลางกรุงเทพฯ 2. คนอีสานกินส้มต๋ำมากกว่าคนไทยภาคอื่นๆ 3. ชาวยุโรปมีแนวโน้มที่จะสร้างเมืองติดกับแม่น้ำ
1. มีแม่น้ำไหลผ่านใจกลางกรุงเทพฯ 2 1. มีแม่น้ำไหลผ่านใจกลางกรุงเทพฯ 2. คนอีสานกินส้มต๋ำมากกว่าคนไทยภาคอื่นๆ 3. ชาวยุโรปมีแนวโน้มที่จะสร้างเมืองติดกับแม่น้ำ 4. เมื่อวานนี้ คุณสมชายลืมกุญแจไว้ในรถของเขา
1. มีแม่น้ำไหลผ่านใจกลางกรุงเทพฯ 2 1. มีแม่น้ำไหลผ่านใจกลางกรุงเทพฯ 2. คนอีสานกินส้มต๋ำมากกว่าคนไทยภาคอื่นๆ 3. ชาวยุโรปมีแนวโน้มที่จะสร้างเมืองติดกับแม่น้ำ 4. เมื่อวานนี้ คุณสมชายลืมกุญแจไว้ในรถของเขา 5. อิสราเอลมีหิมะปกคลุมภูเขาทางตอนเหนือของประเทศ
1. มีแม่น้ำไหลผ่านใจกลางกรุงเทพฯ 2 1. มีแม่น้ำไหลผ่านใจกลางกรุงเทพฯ 2. คนอีสานกินส้มต๋ำมากกว่าคนไทยภาคอื่นๆ 3. ชาวยุโรปมีแนวโน้มที่จะสร้างเมืองติดกับแม่น้ำ 4. เมื่อวานนี้ คุณสมชายลืมกุญแจไว้ในรถของเขา 5. อิสราเอลมีหิมะปกคลุมภูเขาทางตอนเหนือของประเทศ 6. ขอนแก่นร้อนมากในช่วงฤดูร้อน ได้ถึง 40 องศาเซลเซียส
1. มีแม่น้ำไหลผ่านใจกลางกรุงเทพฯ 2 1. มีแม่น้ำไหลผ่านใจกลางกรุงเทพฯ 2. คนอีสานกินส้มต๋ำมากกว่าคนไทยภาคอื่นๆ 3. ชาวยุโรปมีแนวโน้มที่จะสร้างเมืองติดกับแม่น้ำ 4. เมื่อวานนี้ คุณสมชายลืมกุญแจไว้ในรถของเขา 5. อิสราเอลมีหิมะปกคลุมภูเขาทางตอนเหนือของประเทศ 6. ขอนแก่นร้อนมากในช่วงฤดูร้อน ได้ถึง 40 องศาเซลเซียส 7. นักธุรกิจมักจะใส่เนคไทเวลาทำงาน
1. มีแม่น้ำไหลผ่านใจกลางกรุงเทพฯ 2 1. มีแม่น้ำไหลผ่านใจกลางกรุงเทพฯ 2. คนอีสานกินส้มต๋ำมากกว่าคนไทยภาคอื่นๆ 3. ชาวยุโรปมีแนวโน้มที่จะสร้างเมืองติดกับแม่น้ำ 4. เมื่อวานนี้ คุณสมชายลืมกุญแจไว้ในรถของเขา 5. อิสราเอลมีหิมะปกคลุมภูเขาทางตอนเหนือของประเทศ 6. ขอนแก่นร้อนมากในช่วงฤดูร้อน ได้ถึง 40 องศาเซลเซียส 7. นักธุรกิจมักจะใส่เนคไทเวลาทำงาน 8. คนเลี้ยงแกะควรจะดูแลแกะของเขา ถึงแม้ว่าเขา อาจจะต้องสละชีวิตของตัวเองในการดูแล
1. มีแม่น้ำไหลผ่านใจกลางกรุงเทพฯ ภ 2 1. มีแม่น้ำไหลผ่านใจกลางกรุงเทพฯ ภ 2. คนอีสานกินส้มต๋ำมากกว่าคนไทยภาคอื่นๆ ว 3. ชาวยุโรปมีแนวโน้มที่จะสร้างเมืองติดกับแม่น้ำ ว ภ ป 4. เมื่อวานนี้ คุณสมชายลืมกุญแจไว้ในรถของเขา ป 5. อิสราเอลมีหิมะปกคลุมภูเขาทางตอนเหนือของประเทศ ภ 6. ขอนแก่นร้อนมากในช่วงฤดูร้อน ได้ถึง 40 องศาเซลเซียส ภ 7. นักธุรกิจมักจะใส่เนคไทเวลาทำงาน ว 8. คนเลี้ยงแกะควรจะดูแลแกะของเขา ถึงแม้ว่าเขา อาจจะต้องสละชีวิตของตัวเองในการดูแล ว