Main board
เมนบอร์ด(MAIN BOARD) เมนบอร์ด (mainboard) หรือที่เรียกอีกชื่อว่า มาเธอร์บอร์ด (Motherboard) คือ แผงวงจรขนาดใหญ่ที่รวบรวมเอาส่วนประกอบหลัก ๆ ที่สำคัญของคอมพิวเตอร์เข้าไว้ด้วยกัน มีลักษณะลักษณะเป็นแผ่น circuit board รูปร่างสีเหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งเต็มไปด้วยวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อน ดังนั้นเมนบอร์ดจึงเป็นเสมือนกับศูนย์กลางในการทำงานและเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นซีพียู แรม ฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอม ฟล็อปปี้ดิสก์ การ์ดต่าง ๆ
ชนิดของเมนบอร์ด แบ่งเป็น 4 ชนิดคือ 1.แบบ AT 2.แบบ ATX 3.micro ATX ชนิดของเมนบอร์ด แบ่งเป็น 4 ชนิดคือ 1.แบบ AT 2.แบบ ATX 3.micro ATX 4.แบบ FlexATX
ชนิดของเมนบอร์ด ลักษณะโครงสร้าง AT เป็นเมนบอร์ดที่มีความกว้างและความยาวใกล้เคียงกันคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขั้วรับไฟมี 12 ขา การปิด เครื่องใช้สวิทซ์เป็นตัวควบคุม ATX เป็นเมนบอร์ดมาตรฐานใหม่ ลักษณะคล้ายกับ AT แต่ขนาดเล็กกว่า เมนบอร์ดรุ่นนี้ได้รับการออกแบบ ให้ซีพียูและหน่วยความจำอยู่ใกล้กัน ตลอดจนซีพียูถูกวางไว้ใกล้กับพัดลมระบายความร้อน นอกจากนี้ ยังกำหนดตำแหน่งและสีของช่องสำหรับอุปกรณ์ต่อไว้ต่างกันเพื่อให้จดจำง่าย รวมทั้งสามารถสั่งปิด เครื่องจากระบบปฏิบัติการโดยไม่ต้องกดสวิทซ์มีขนาด 12 นิ้ว x 9.6 นิ้ว Micro ATX ลักษณะคล้ายกับรุ่น ATX แต่ลดจำนวนสล็อตเหลือเพียง 3 – 4 สลอต เพื่อทำให้ราคาจำหน่ายถูกลงมีขนาดเพียง 9.6 นิ้ว คูณ 9.6นิ้ว Flex ATX เป็นเมนบอร์ดแบบ ATX ที่มีขนาดเล็กที่สุด เมนบอร์ดชนิดนี้มักมีอุปกรณ์ Onboard มาด้วยตอนผลิตขนาดเมนบอร์ดเพียง 9 นิ้ว คูณ 7.5 นิ้ว
ส่วนประกอบของเมนบอร์ด
ชิปเซต ( Shipset ) หากเมนบอร์ดถือเป็นส่วนประกอบสำคัญของเครื่องพีซีแล้วละก็ ชิปเซตก็เปรียบได้กับหัวใจของเมนบอร์ด เพราะชิปเซตเป็นตัวกำหนดว่าอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต่ออยู่กับเมนบอร์ดจะต้องมีข้อจำกัดอย่างไร เช่น ชนิดของแรม , ประเภทของฮาร์ดดิสก์ และหารต้องการติดต่อไปยังซีพียู ก็ต้องผ่านการควบคุมและจัดลำดับความสำคัญผ่านทางชิปเซตเหล่านี้ก่อน ซึ่งลักษณะชิปเซตจะเป็นอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ตัวหนึ่งที่ถูกเชื่อมต่อไว้อย่างถาวรบนเมนบอร์ด ฉะนั้นชิปเซตจึงเป็นตัวที่กำหนดคุณลักษณะที่สำคัฐของเมนบอร์ดในแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อว่าสามารถใช้งานกับซีพียู และอุปกรณ์รอบข้างอื่นๆ ประเภทใดบ้าง โดยชิปเซตเองก็มีอยู่หลายยี่ห้อด้วยกัน เช่น VIA , Intel , SiS , AMD , nVidia เป็นต้น จะเห็นว่าชิปเซตของทาง Intel และ AMD เป็นชิปเซตที่ถูกผลิตโดยบริษัทเดียวกันกับที่ซีพียู แต่ใช่ว่าชิปเซตยี่ห้อเดียวกันกับซีพียูที่ตนเองผลิตจะทำงานด้วยกันได้ดีเสมอไป
สล็อต ขีดความสามารถของเมนบอร์ดขึ้นอยู่กับการมีสล็อต และลักษณะชนิดของสล็อต เพราะหากมีสล็อตหลายสล็อตก็หมายถึงการขยายหรือ เพิ่มอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์อื่นได้ แต่หากมีจำนวนสล็อตมาก ก็หมายถึงราคาของเมนบอร์ดก็สูงขึ้น ชนิดของสล็อตที่มีกับเมนบอร์ดประกอบด้วย 4.1.PCI เป็นสล็อตที่มีไว้สำหรับเพิ่มฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ เช่น เพิ่มการ์ดเชื่อมต่อแลน การ์ดวิดีโอ การ์ดเสียง จำนวนสล็อต PCI มี แตกต่างกัน โดยทั่วไปจะมีให้ตั้งแต่ 2 ถึง 6 สล็อต
4.2.DIMM เป็นช่องใส่หน่วยความจำ ซึ่งปกติใช้ได้กับ DDRAM แต่ในบางเมนบอร์ดจะมีสล็อตที่เป็น SDRAM โดยเฉพาะนั่น หมายถึง นำ DDRAM มาใช้ไม่ได้ แต่ถ้าเป็น DIMM สล็อตจะใช้ได้ทั้ง SDRAM และ DDRAM โดยปกติจะมีช่องใส่หน่วยความจำ แบบนี้อยู่ 2 ถึง 4 ช่อง เพราะหน่วยความจำที่ใช้มีความจุต่อการ์ดสูงขึ้น จึงไม่จำเป็นต้องใช้ช่องมากเหมือนเมื่อก่อน 4.3.AGP ย่อมาจาก Accerelator Graphic Port เป็นสล็อตสำหรับใส่การ์ดจอภาพแสดงผล ซึ่งเน้นในเรื่องความเร็วของการแสดงผลกราฟิกส์ ปัจจุบันมีผู้ผลิตการ์ดแสดงผลที่ต้องการแสดงผลได้เร็ว โดยเฉพาะพวกเกม 3D เทคโนโลยี AGP จึงต้องทำให้การถ่ายโอนข้อมูลแสดงผลเป็นไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ความเร็วสูงขึ้น โดยวัดความเร็วเป็นจำนวนเท่าของมาตรฐานปกติ เช่น 4x คือ สี่เท่า
4.4.Ultra DMA/100 DMA ย่อมาจาก Direct Memory Access เป็นช่องทางของการถ่ายโอนหน่วยความจำกับอุปกรณ์อินพุตเอาท์พุตที่มีการโอนย้ายข้อมูลเป็นบล็อก และต้องการความรวดเร็ว พอร์ตที่ใช้ DMA แบบนี้คือ ฮาร์ดดิสค์ ฟลอปปี้ดิสค์ ซีดีและดีวีดี เป็นต้น ช่องทางนี้ จึงเป็นช่องทางเชื่อมกับฮาร์ดดิสค์หรือซีดีรอม ถ้ามี Ultra DMA สองช่องก็หมายถึงมีสายเชื่อมไปยังฮาร์ดดิสค์ที่จะต่อเข้า เมนบอร์ดได้สอง เส้น แต่ละเส้นต่อได้สองไดร์ฟ นั่นหมายถึงใส่ฮาร์ดดิสค์ได้สี่ไดร์ฟ
ซ็อกเก็ตติดตั้งแรม ( RAM Socket ) ซ็อกเก็ตหรือช่องสำหรับติดตั้งแรมหรือหน่วยความจำนั้น จะมีหลายแบบขึ้นอยู่กับว่าเมนบอร์ดแต่ละตัวใช้ชิปเซตที่สนับสนุนแรมชนิดใด ซึ่งในปัจจุบันนี้จะมีทั้ง SDRAM , DDRRAM และ RDRAM โดยแรมแต่ละแบบจะมีลกษณะของซ็อกเก็ตหรือช่องเสียบที่ต่างกัน อย่างเช่นมีรอยบากบนช่องใส่แรมแต่ต่างกันหรือจำนวนขาที่ต่างกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ใส่แรมผิดประเภทกับที่เมนบอร์ดกำหนดไว้ สำหรับตำแหน่งที่มีการติดตั้งซ็อกเก็ตแรมบนเมนบอร์ด ต้องคำนึงถึงความสะดวกสบายในการถอดเข้า-ออกของแรมด้วย โดยไม่ให้อยู่ใกล้กับฐานสำหรับใส่ซีพียูมากจนเกินไปนัก เพราะถ้ามีการติดตั้งฮีตซิงค์ของซีพียูขนาดใหญ่ลงไป อาจทำให้เราเสียเนื้อที่ของช่องใส่แรมในบางส่วนได้
ซ็อกเก็ตติดตั้งซีพียู ( Socket CPU ) ซ็อกเก็ตเป็นชนิดของฐานที่อยู่บนเมนบอร์ด ( บางครั้งหากซีพียูเป็นแบบการ์ด ก็จะมีช่องใส่แบบสล๊อต ( slot ) ) มีไว้สำหรับติดตั้งซีพียู ซึ่งลักษณะของซ็อกเก็ตบนเมนบอร์ด จะเป็นฐานบางๆ และรอบๆฐานนั้น ก็จะมีรูมากมายตามจำนวนขาของซีพียูที่จะนำมาใส่นั้นดูต่างกัน และวางตำแหน่งแยกโดดเดี่ยวออกมาบนเมนบอร์ด ในยุคแรกนั้น จะมีเฉพาะซีพียูที่มีลักษณะเป็นซ็อกเก็ต ต่อมาทางอินเทลซึ่งถือว่าเป็นผู้นำในการผลิตซีพียูในยุคนั้น ได้มีความคิดที่จะผลิตซีพียูที่มีลักษณะเป็นการ์ดมาเสียบลงบนฐานสล็อตในเมนบอร์ด พอมาถึงในปัจจุบัน หลังจากที่เทคโนโลยีสารกึ่งตัวนำได้พัฒนาไปมากขึ้น และราคาต้นทุนที่ถูกกว่าการผลิตซีพียูแบบสล็อตผู้ผลิตซีพียูจึงกลับมาผลิตซีพียูในลักษณะของซ็อกเก็ตอีกครั้ง
ถ่านซีมอส ( CMOS Battery ) ถ่านหรือแบตเตอรี่สำหรับสำรองข้อมูลของซีมอส ( CMOS : Com;lementaru Metal Oxide Semiconductor ) ในขณะที่เครื่องพีซีถูกปิดอยู่ โดยในส่วนของซีมอสนี้จะใช้เก็บข้อมูลของการตั้งค่าต่างๆ ของอุปกรณ์ที่นำมาต่อกับเมนบอร์ด เช่น ข้อมูลทางกายภาพของฮาร์ดดิสก์ จำนวนแรมที่ติดตั้งลงไปบนเมนบอร์ด หรือแม้แต่สาฬิกาของระบบ
ชิปรอมไบออส ( ROM BIOS ) รอมไบออส ( BIOS : Basic Input/Output System ) เป็นส่วนที่บรรจุคำสั่งควบคุมการบู๊ตเครื่องในช่วงเปิดเครื่องครั้งแรก และควบคุมการรับส่งข้อมูลของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่างๆ ที่ต่ออยู่กับเครื่องพีซี ให้สามารถทำงานได้โดยปกติไม่ติดขัด ซึ่งคำสั่งของการควบคุมและตรวจสอบอุปกรณ์เหล่านี้ ได้ถูกบรรจุอยู่ในหน่วยความจำประเภทหนึ่งซึ่งเรียกว่า " Flash Memory " โปรแกรมไบออสจะถูกเรียกขึ้นมาทำงานหลังจากที่เปิดเครื่องคอมฯ ขึ้นมา โดยทำการตรวจสอบอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ต่ออยู่กับเมนบอร์ด ว่ายังสามารถทำงานได้ถูกต้องอยู่หรือไม่ อย่างเช่น ฮาร์ดดิสก์ , คีย์บอร์ด , ซีดีรอม หรือ แหล่งจ่ายไฟจนกระทั่งไปออสได้ ส่วนการทงานต่าฃอไปยังระบบปฏิบัติการพวก Windows หรือ Linux เพื่อเข้าสู่การทำงานต่อไป ซึ่งไปออสนี้สามารุอัพเดตให้ทันสมัยได้ เพื่อจะได้รู้จักกับอุปกรณ์รุ่นใหม่ๆ ที่นำมาต่อกับเมนบอร์ดได้
พอร์ตเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่อพ่วง ( Peripheral Ports ) พอร์ตเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่อพ่วง เป็นส่วนที่ใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภาพนอก เพื่อนำข้อมูลหรือส่งข้อมูลออกจากเครื่อง ซึ่งพอร์ตต่างๆ ที่ควรรู้จักมีดังนี้
PS/2 Port เป็นช่องที่ใช้ต่อกับคีย์บอร์ดและเมาส์ USB Port เป็นช่องที่ใช้ต่อกับอุปกรณ์ที่สนับสนุนการเชื่อมโยงแบบ USB เช่น กล้องดิจิตอล กล้องถ่ายวิดีโอดิจิตอล เครื่องสแกนเนอร์ ฯลฯ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน RJ-45 LAN Port ช่องนี้พบได้บนเมนบอร์ดที่สนับสนุนการเชื่อมต่อเครือข่าย ซึ่งเมนบอร์ดที่มีพอร์ตดังกล่าวก็ไม่จำเป็นที่ต้องซื้อการ์ดแลดมาติดตั้ง Parallel Port หรือ LPT Port เมื่อก่อนจะใช้ช่องนี้ต่อเข้ากับเครื่องพริ้นเตอร์ จนทำให้หลายคนเรียกพอร์ตนี้ว่า " Printer Port " แต่ในปัจจุบันเริ่มมีการใช้งานน้อยลง เพราะพรินเตอร์ส่วนใหญ่จะมีช่อง USB ซึ่งเร็วกว่ามาให้แทน Serial Port หรือ COM Port เป็นช่องที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่มีการรับส่งข้อมูลแบบอนุกรม เช่น โมเด็ม หรือ ใช้เชื่อมโยงระหว่างพีซี 2 เครื่อง เป็นต้น MIDI/Game Port & Sound Connector เป็นช่องที่จะพบได้เฉพาะเมนบอร์ดแบบที่มี Sound on Board ทำให้ประหยัดเงินในการซื้อ Sound Card
ที่มา http://kroo.ipst.ac.th/wkv/mainboard.html http://www.expert2you.com/view_question2.php?q_id=6871 http://www.mwk.ac.th/data/com%2032162/com_part1/mainboard/mainboard.htm http://www.cmct.ac.th/wp/sedtaphop470911/main_2.html