งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐานทางการจัดการ โลจิสติกส์

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐานทางการจัดการ โลจิสติกส์"— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 03764491 ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐานทางการจัดการ โลจิสติกส์
ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐานทางการจัดการ โลจิสติกส์ Basic Research Methods in Logistics Management เติมศักดิ์ สุขวิบูลย์ ณรงค์พงศ์ เพิ่มผล คณะวิทยาการจัดการ 2 : 22 ม.ค. 62

2 หัวข้อบรรยาย ความหมายการวิจัยทั่วไป ความหมายการวิจัยทางธุรกิจ
ประเภทของการวิจัย มิติต่าง ๆ ของการวิจัย คุณค่าการวิจัยต่อธุรกิจ บทบาทการวิจัยกับธุรกิจ

3 ความหมายการวิจัยทั่วไป
“Research” การค้นคว้าหาสิ่งใดสิ่งหนึ่งหลายๆ ครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกระทั่งมั่นใจว่า ค้นพบข้อเท็จจริงที่สามารถจะคาดการณ์ ทำนายและอธิบายในเรื่องนั้นๆ ได้อย่างถ้วนถี่และเชื่อถือได้ การวิจัยรากศัพท์ละติน Re + Search Research Again + Cercier อีกครั้งช้าๆ การค้นคว้า/แสวงหา

4 ความหมายการวิจัยทั่วไป
OXFORD Advanced Learner’s Dictionary (1994 :1073) ที่เสนอว่า การวิจัย มาจากคำว่า Research ที่ระบุความหมายว่า “Careful Study and Investigate” ที่หมายถึง การวิจัยเป็นการศึกษาและการสืบค้นความรู้อย่างใดอย่างหนึ่งด้วยความระมัดระวังอย่างละเอียดถี่ถ้วน พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน (2546) กำหนดให้ความหมายการวิจัย 2 ประเด็นคือ “การวิจัยเป็นการค้นคว้าเพื่อหาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนตามหลักวิชา ” “การวิจัยเป็นการสะสมและรวบรวม ” การวิจัย หมายถึง การศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์หรือทดลองอย่างมีระบบ โดยใช้อุปกรณ์หรือวิธีการ เพื่อค้นหาข้อเท็จจริง หรือค้นหาหลักการสำหรับนำไปใช้ตั้งกฎ ทฤษฏี หรือแนวทางปฏิบัติ (สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ, 2547 :45)

5 ความหมายการวิจัยทั่วไป
พจนานุกรม Webster’s New Twentieth Century Dictionary (1966) ให้คำจำกัดความ “Research” - การสอบสวน/ตรวจสอบในความรู้สายใดสายหนึ่งอย่างระมัดระวัง อดทน อย่างเป็นระบบ ระเบียบและขันแข็งเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริง และกฎเกณฑ์ต่างๆ - การแสวงหาความจริงอย่างคร่ำเคร่งและต่อเนื่อง Williams and Stevenson (1963) ให้ความหมาย Research ว่า “การค้นหาโดยวิธีครุ่นคิด/การแสวงหาอย่างคร่ำเคร่ง เพื่อให้เกิดความแน่นอน” Plutchick (1968) ให้ความหมายในทำนองว่า การวิจัยเป็นการ สำรวจเพื่อให้เข้าใจธรรมชาติได้ดีขึ้น ซึ่งจะมีส่วนประกอบ 2 อย่าง : - การพยายามอย่างเข้มแข็งที่จะค้นหาข้อเท็จจริงใหม่ - การพยายามจัดระเบียบข้อเท็จจริงที่ค้นพบให้เป็นแบบแผนที่มีความหมาย

6 ความหมายการวิจัยทั่วไป
Best and Khan (1998 : 18) คือ การวิเคราะห์และบันทึกการสังเกตภายใต้การควบคุมอย่างเป็นระบบระเบียบและเป็นปรนัยที่จะนำไปสู่การสร้างทฤษฎี หลักการหรือการวางนัยทั่วไปโดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ การวิจัย หมายถึง การใช้ความรู้พื้นฐานที่มีอยู่สำหรับการศึกษา ค้นคว้าความรู้ใหม่ด้วยวิธีการที่เป็นระบบ มีการทดสอบสมมติฐานที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้ความรู้ที่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ (Burns and Grove, 1997 : 3) Kerlinger (1986) ให้ความหมายของ “การวิจัย” ว่า การวิจัยเป็นการไต่สวนสืบค้นปรากฏการณ์ต่าง ๆตามธรรมชาติอย่างมีระบบ มีการควบคุม มีการสังเกตการณ์จริงและการวิพากษ์วิจารณ์โดยใช้ทฤษฎีและสมมติฐานเป็นแนวทางค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างปรากฏการณ์นั้น Schumacher และ Mcmillan (1993) อธิบายถึง “การวิจัย” ว่า การวิจัยเป็นกระบวนการเชิงระบบในการรวบรวมข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างสมเหตุสมผลเพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง

7 สุชาติ ประสิทธิรัฐสินธุ์ (2540) ให้ความหมาย การวิจัย ว่า
ความหมายการวิจัยทั่วไป บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์ (2540) ให้ความหมาย “การวิจัย” ว่า กระบวนการ การค้นคว้าหาข้อเท็จจริงหรือปรากฏการณ์ตามธรรมชาติอย่างมีระบบและมี จุดมุ่งหมายที่แน่นอนเพื่อให้ได้ความรู้ที่เชื่อถือได้ - การศึกษาค้นคว้าหาข้อเท็จจริง = ผู้วิจัยต้องค้นคว้าให้ได้มาทั้งข้อเท็จและ ข้อจริง ศึกษาค้นคว้าครบถ้วนทุกแง่ทุกมุมทั้งข้อสนับสนุนและข้อคัดค้าน - การศึกษาค้นคว้าต้องทำเป็นระบบระเบียบเป็นขั้นตอนมีเหตุมีผล = วิธีทางวิทยาศาสตร์ - การศึกษาค้นคว้าต้องเป็นการกระทำที่มีจุดมุ่งหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง/หลายอย่างผสมกัน สุชาติ ประสิทธิรัฐสินธุ์ (2540) ให้ความหมาย การวิจัย ว่า กระบวนการแสวงหาความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในสิ่งที่ต้องการศึกษาโดยที่มี… - การเก็บรวบรวมข้อมูล - การจัดระเบียบข้อมูล - การวิเคราะห์ข้อมูล - การตีความหมายผลการวิเคราะห์ ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบอันถูกต้อง กระบวนการ = กิจกรรมต่างๆ ที่ได้กระทำขึ้นโดยมีความเกี่ยวโยงต่อเนื่องกันอย่างมีระบบเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมาย

8 ความหมายการวิจัยทั่วไป
ในที่ประชุม Pan Pacific Science Congress ปี1961 ประเทศสหรัฐ ได้มีการอธิบายถึงความหมายคำว่า “ R E S E A R C H ” R = Recruitment and Relationship E = Education and Efficiency S = Science and Stimulation E = Evaluation and Environment A = Aim and Attitude R = Result C = Curiosity H = Horizon

9 ความหมายการวิจัยทั่วไป
R = Recruitment and Relationship การฝึกฝนให้คนมีความรู้ การรวบรวมผู้ที่มีความรู้เพื่อปฏิบัติงานร่วมกัน รวมทั้งการติดต่อสัมพันธ์และประสานงานกัน E = Education and Efficiency ผู้วิจัยจะต้องมีการศึกษา มีความรู้และมีสมรรถภาพสูงในการวิจัย S = Science and Stimulation การวิจัยเป็นศาสตร์ที่ต้องพิสูจน์ค้นคว้าเพื่อหาความจริงโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และผู้วิจัยต้องมีความคิดริเริ่ม การกระตือรือร้นที่จะศึกษาวิจัย E = Evaluation and Environment ผู้วิจัยต้องรู้จักการประเมินคุณค่าของผลงานวิจัยประโยชน์มาก/น้อย และต้องรู้จักใช้เครื่องมือ อุปกรณ์และอาจรวมถึงกำลังคนในการวิจัยอย่างเหมาะสม

10 ความหมายการวิจัยทั่วไป
A = Aim and Attitude การวิจัยจะต้องมีจุดมุ่งหมาย/เป้าหมายที่แน่นอนและผู้วิจัยต้องมีทัศนคติที่ดีต่อการวิจัยตั้งแต่เริ่มปฏิบัติ และติดตามผลการวิจัย R = Result ผลการวิจัยที่เกิดขึ้นจะต้องยอมรับกันอย่างดุษฎี เพราะเป็นผลที่ได้จากการค้นคว้า ศึกษาอย่างมีระบบระเบียบที่ดีและถูกต้อง C = Curiosity ผู้วิจัยต้องมีความอยากรู้อยากเห็น ความสนใจ ความสงสัยและขวนขวายในการศึกษาวิจัยตลอดเวลา H = Horizon ผลงานการวิจัยย่อมทำให้ทราบและเข้าใจถึงปัญหาต่างๆ ซึ่งเสมือนกับเกิดแสงสว่าง หากการวิจัยยังไม่บรรลุผลจะต้องหาทางศึกษาค้นคว้าต่อไปจนสำเร็จ

11 ความหมายการวิจัยธุรกิจ การวิจัยทางธุรกิจ ---> Business Research
เป็นกระบวนการศึกษาค้นคว้าที่มีระบบ ระเบียบอย่างถูกต้องตามวิธีทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้เกิดผลตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ โดยปราศจากการอคติ และมีประสิทธิภาพ ผลวิจัยสามารถนำมาเป็นเครื่องมือในกระบวนการตัดสินใจ/การแก้ไขปัญหาการบริหารทุกลักษณะของธุรกิจ Business Research : Zikmund (2000) ให้ความหมาย “การวิจัยทางธุรกิจ” ว่า การรวบรวมข้อมูล/ สารสนเทศที่มีกระบวนการอย่างเป็นระบบระเบียบและมีวัตถุประสงค์ : - การรวบรวม (Gathering) - การบันทึก (Recording) - การวิเคราะห์ข้อมูล (Analyzing Data) ทั้งนี้เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ

12 ความหมายการวิจัยธุรกิจ
นอกจากนี้ Zikmund (2002 : 6) ยังให้ความหมายเหมือนเดิม คือ Business Research may be defined as the “systematic and objective process of gathering, recording and analyzing data for aid in making business decisions” Cooper and Schindler (2011) : A process of determining, acquiring, analyzing, synthesizing, and disseminating relevant business data, information, and insights to decision makers in ways that mobilize the organization to take appropriate business actions that, in turn, maximize business performance Research Should Reduce Risk : The primary purpose of research is to reduce the level of risk of a marketing decision

13 ความหมายการวิจัยธุรกิจ
Cooper and Schindler (2011) : Types of risk that organizations face : - Financial risk - Economic risk - Social risks (preserving their reputation) - Physical risk (represented by dangers to living things: product recalls in pet food and human food, pharmaceuticals, etc. provide examples.) - Environmental risk (preserving the organization’s relationship with their physical environment) - Technological risk (falling behind or having the opportunity to leap ahead of their competition)

14 ความหมายการวิจัยธุรกิจ
นราศรี ไววนิชกุล และชูศักดิ์ อุดมศรี (2542) ได้ให้ความหมาย “การวิจัยธุรกิจ” หมายถึง การศึกษาค้นคว้าถึงความจริงเกี่ยวกับธุรกิจด้วยวิธีการที่มีหลักเกณฑ์ (Scientific Method) ถูกต้องตามระบบที่มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ธุรกิจดำเนินงานบรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ สถานการณ์ที่ใช้วิจัยทางธุรกิจ ตั้งแต่… การวิจัยทางการจัดการ การตลาด การเงิน การบัญชี การผลิต ตลอดจนเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ และการวิจัยทางสังคมศาสตร์อื่นที่เกี่ยวข้อง

15 ลักษณะจุดมุ่งหมายการวิจัย
1. การวิจัยมีเป้าหมายเพื่อมุ่งหาคำตอบ เพื่อนำมาใช้แก้ปัญหา โดยศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่มีความเป็นเหตุและเป็นผลซึ่งกันและกันอย่างชัดเจน 2. การวิจัยเป็นการสรุปผล หลักเกณฑ์และทฤษฎีที่ใช้ในการคาดคะเนเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หรือเป็นการศึกษาข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างเพื่อนำผลสรุปอ้างอิงไปสู่ประชากร 3. การวิจัยเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูล หรือปรากฏการณ์ที่สังเกตได้มาใช้ในการสรุปผล โดยปัญหาบางปัญหาไม่สามารถทำการวิจัยได้เนื่องจากไม่สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลได้

16 แนวคิดพื้นฐานการวิจัย
กฎเหตุและผลของธรรมชาติ (Deterministic Law of Nature) เป็น แนวคิดที่ว่า ปรากฏการณ์ใดๆ ที่เกิดขึ้นจะสามารถแสวงหาสาเหตุที่ก่อ ให้เกิดปรากฏการณ์นั้นได้เสมอๆ หรือเมื่อกำหนดสถานการณ์ใดๆ ที่ เป็นสาเหตุย่อมจะหาผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้เช่นเดียวกัน กฎความเป็นระบบของธรรมชาติ (Systematic Law of Nature) เป็นแนวคิดที่ว่า ปรากฏการณ์ใดๆ ที่เกิดขึ้นตามกฎของเหตุและผลตามธรรมชาติจะมีรูปแบบของความสัมพันธ์ของตัวแปรที่ค่อนข้างจะชัดเจน เช่น Y = f(x) หรือ y = ax+b เป็นต้น ผู้วิจัยจะได้นำรูปแบบดังกล่าวไปใช้อธิบายในปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทั่วๆ ไปได้ 3. กฎความสัมพันธ์ของธรรมชาติ (Associative Law of Nature) เป็น แนวคิดที่ว่า การเกิดปรากฏการณ์ใดๆ ที่แตกต่างกัน จะมีความมาก น้อยของตัวแปรที่เป็นสาเหตุและตัวแปรผลที่แตกต่างกัน

17 แนวคิดพื้นฐานการวิจัย
4. กฎองค์ประกอบหลักของธรรมชาติ (Principle Component of Nature) เป็นแนวคิดที่ว่า ตัวแปรสาเหตุและตัวแปรผลที่เกิดขึ้นนั้นๆ ไม่ได้เป็นความสัมพันธ์เชิงเดี่ยว แต่จะมีตัวแปรอื่น ๆ (ตัวแปรแทรก ซ้อน/สอดแทรก) ที่มักจะมาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ ๆ 5. กฎความน่าจะเป็นของธรรมชาติ (Probabilistic Law of Nature) เป็นแนวคิดที่ว่า ปรากฏการณ์ใดๆ หรือความรู้ความจริงที่เกิดขึ้นตาม ธรรมชาติจะเป็นผลลัพธ์ของปรากฏการณ์ที่มีความน่าจะเป็นในการ เกิดขึ้นที่ค่อนข้างสูง

18 หลักในการจำแนกประเภทการวิจัย
1. ต้องมีกลุ่มครบถ้วน (mutually exhaustive) เมื่อใช้เกณฑ์นั้นแล้ว จะต้องมีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่สมาชิก แต่ละหน่วยที่ต้องการจําแนกนั้น สามารถลงหรือจัดอยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้ 2. แต่ละกลุ่มที่กำหนดเพื่อจำแนกประเภทจะต้องแยกออกจากกันและ กันโดยเด็ดขาด (mutually exclusive) สมาชิกแต่ละหน่วย หรือแต่ละสิ่งที่ต้องการจําแนกประเภทเมื่อได้ลงหรือจัดลงเป็นสมาชิก ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแล้ว จะต้องไม่สามารถจัดเป็นสมาชิกของกลุ่มอื่นได้อีก 3. แต่ละกลุ่มควรจะมีความหมายที่ชัดเจนและมีจำนวนมากเพียงพอ

19 ประเภทการวิจัย มิติการจำแนกการวิจัย - เหตุผลของการทำวิจัย
- วัตถุประสงค์ของการวิจัย - วิธีการวิจัย - สถานที่หรือทำเลของการวิจัย - วัตถุหรือสิ่งที่ต้องการวิจัย - ผู้กระทำการวิจัย

20 การจำแนกตามเหตุผลการวิจัย
ประเภทการวิจัย การจำแนกตามเหตุผลการวิจัย การวิจัยพื้นฐาน (Basic research) : การวิจัยแสวงหาความรู้และความเข้าใจประเด็นเรื่องต่างๆ ให้มากขึ้น มุ่งแสวงหาความจริงใช้ทดสอบ/สร้างทฤษฎี ไม่มีวัตถุประสงค์ใช้ประโยชน์ทันที แต่เพิ่มพูนความรู้ทางวิชาการและวิจัยต่อไป การวิจัยประยุกต์ (Applied research) : การวิจัยที่นำผลการวิจัย/ข้อค้นพบไปใช้ในทางปฏิบัติจริง โดยมุ่งหาข้อเท็จจริง/ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล/ตัวแปรในการแก้ไขปัญหาจริง

21 การจำแนกตามวัตถุประสงค์การวิจัย
ประเภทการวิจัย การจำแนกตามวัตถุประสงค์การวิจัย การวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive research) : การวิจัยที่มุ่งพรรณนาสภาพที่เป็นอยู่และลักษณะสำคัญของปรากฏการณ์/พฤติกรรมที่เกิดขึ้น บรรยายให้ทราบว่ามีอะไรบ้าง (what) เช่น ค้นพบอะไร มีอะไรในเรื่องนี้บ้าง Descriptive research focuses on describing some phenomenon, event, or situation เช่น การศึกษาความคิดเห็นการใช้บริการบัตรเครดิตของสถาบันการเงินของลูกค้าประเภทข้าราชการ การวิจัยเชิงอธิบาย (Explanatory research) : การวิจัยที่มุ่งอธิบายสาเหตุการเกิดขึ้นสภาพที่เป็นอยู่ ปรากฏการณ์หรือพฤติกรรมที่เกิดขึ้น โดยมุ่งหาเหตุผล - ชี้ให้ทราบเหตุผลว่า ทำไม (why) และ อย่างไร (how) โดยหลักการแล้วเราสามารถพรรณนาเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องใช้เหตุผลมาอธิบาย แต่เราไม่สามารถอธิบายโดยปราศจากการพรรณนา

22 การจำแนกตามวิธีการเก็บข้อมูลการวิจัย
ประเภทการวิจัย การจำแนกตามวิธีการเก็บข้อมูลการวิจัย การวิจัยแบบอาศัยการทดลอง (Experimental research) : กระบวนการวิจัยที่มีการวางแผน โดยที่มีการกระตุ้นเพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายใต้การควบคุม ควบคุมดูแลและเฝ้าสังเกตอย่างเป็นระบบ Experimental research attempts to identify cause-and-effect relationships by conducting controlled experiments เช่น การวิจัยทัศนคติของนิสิตมหาวิทยาลัยต่อโครงการป้องกันยาเสพติด โดยใช้แบบทดสอบก่อนและหลังการทดลอง, การเปรียบเทียบรูปแบบการดำเนินงาน แบบ A กับแบบ B The key feature of this approach is that one thing is deliberately varied to see what happens to something else To determine the effects of presumed causes Researcher makes a deliberate attempt to make observations that are free of bias and that have controlled for extraneous variables

23 การจำแนกตามวิธีการเก็บข้อมูลการวิจัย
ประเภทการวิจัย การจำแนกตามวิธีการเก็บข้อมูลการวิจัย การวิจัยแบบไม่อาศัยการทดลอง (Non-experimental research) : กระบวนการวิจัยที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ ตามสภาพเป็นจริงโดยไม่มีการจัดกิจกรรม/การกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ There is no manipulation of an independent variable Typically, this is a descriptive type of research When initially investigating a new area, scientists frequently use nonexperimental quantitative research to identify existing factors and relationships among them Such knowledge is later used to formulate hypotheses to be used either in more advanced forms of nonexperimental quantitative research or in experimental research

24 การจำแนกตามสภาวะการวิจัย
ประเภทการวิจัย การจำแนกตามสภาวะการวิจัย การวิจัยในสภาวะที่ควบคุมเต็มที่ (Highly controlled settings) : การวิจัยที่ควบคุมปัจจัยการเปลี่ยนแปลงต่างๆ อย่างครบถ้วนเต็มที่ การวิจัยในสภาวะที่ควบคุมได้บ้าง (Partially controlled settings) : การวิจัยที่ควบคุมปัจจัยการเปลี่ยนแปลงต่างๆ บางประการเท่านั้น เพื่อสังเกตการกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงโดยวิธีการหนึ่งวิธีการใด การวิจัยในสภาวะที่ควบคุมไม่ได้ (Uncontrolled settings) : การวิจัยที่ไม่มีการควบคุมปัจจัยที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ โดยทำการศึกษาเก็บข้อมูลตามสภาพ ลักษณะหรือพฤติกรรมตามธรรมชาติที่เกิดขึ้น

25 การจำแนกตามสิ่งที่ทำการวิจัย
ประเภทการวิจัย การจำแนกตามสิ่งที่ทำการวิจัย มนุษย์ : บุคคล กลุ่มบุคคล สัตว์ พืช และอื่นๆ : สิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่ต้องการศึกษา สิ่งไม่มีชีวิต : สิ่งของ/วัตถุต่างๆ การจำแนกตามผู้กระทำการวิจัย การวิจัยโดยบุคคลเดียว : การวิจัยที่ต้องอาศัยผู้ที่มีความรู้เพียงคนเดียว การวิจัยคณะบุคคล : การวิจัยที่ต้องอาศัยผู้ที่มีความหลากหลายสาขา

26 การจำแนกตามระดับหน่วยการวิเคราะห์ในการวิจัย
ประเภทการวิจัย การจำแนกตามระดับหน่วยการวิเคราะห์ในการวิจัย การวิจัยระดับจุลภาค (Micro level) : การวิจัยปรากฏการณ์เกี่ยวกับลักษณะต่าง ๆ ของบุคคล หรืออาจจะเป็นพฤติกรรม ทัศนคติและความคิดเห็น การวิจัยระดับมหภาค (Macro level) : การวิจัยปรากฏการณ์เกี่ยวกับลักษณะรวม ๆ ระดับชุมชน สังคมหรือ ประเทศในหลายจุดเวลา

27 ประเภทการวิจัย การจำแนกตามคุณลักษณะของข้อมูล
การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative research) : การวิจัยที่อาศัยข้อมูลตัวเลขเพื่อยืนยันพิสูจน์ความถูกต้องของ ข้อค้นพบและข้อสรุปต่าง ๆ สามารถใช้สถิติวิเคราะห์และวัดได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น การวิจัยเกี่ยวกับการกำหนดราคาสินค้าและราคาบริการตามฤดูกาล A quantitative research study is one that collects some type of numerical data to answer a given research question Ex. a study that collects information such as a person’s ratings of attractiveness, the number of times a child hits another child, or the score a person makes on a personality test

28 ประเภทการวิจัย การจำแนกตามคุณลักษณะของข้อมูล
การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative research) : การวิจัยที่ไม่เน้นข้อมูลตัวเลขเพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อค้นพบและข้อสรุปต่าง ๆ เช่น การวิจัยเกี่ยวกับพัฒนาการของรูปแบบสินค้าประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในรอบสิบปีที่ผ่านมา A qualitative research study is a study that collects some type of non-numerical data to answer a research question Non-numerical data consist of data such as the statements made by a person during an interview, written records, pictures, clothing, or observed behavior A number of individuals feel that research that collects only quantitative data often provides an incomplete analysis or picture of the phenomenon, event, or situation being investigated and that the addition of qualitative data provides an added level of understanding

29 Variables in Quantitative Research
The basic building blocks of quantitative research are variables A variable is something that takes on different values or categories It is the opposite of a constant, which is something that cannot vary, such as a single value or category of a variable Ex. “gender” is a __________ “male” is a __________

30 There are many important types of variables used in quantitative research
One useful distinction for variables is to determine if they are categorical or quantitative A categorical variable is a variable that varies by type or kind A quantitative variable is a variable that varies by degree or amount Ex. the variable “gender” is _________ the variable “reaction time” is __________ religion, college major, political party identification, personality type, type of memory strategy, and method of therapy are examples of _________________ height, self-esteem level, age, anxiety level, and rate of cognitive processing are examples of __________________

31

32 The other set of variables are the kinds researchers use when describing and explaining how the world operates and when designing a quantitative research study Independent variables (“IV”) are the presumed cause of another variable Dependent variables (“DV”) are the presumed effect or outcome Dependent variables are influenced by one or more independent variables Ex. What are the IV and the DV in the relationship between smoking and lung cancer? In experimental research, the independent variable is the variable manipulated by the experimenter Ex. one level of the manipulated independent variable might be administration of a new therapy, and the other level is the “no therapy” control condition Presume = สันนิษฐาน

33 Whenever you want to make a claim about a cause-and-effect relationship (i.e., that changes in an IV cause changes in a DV), you must be careful, especially in nonexperimental research, about what are called extraneous variables An extraneous variable is a variable that competes with the independent variable in explaining the outcome Extraneous variables are also called third variables and confounding variables Extraneous variable = ตัวแปรแทรกซ้อน หรือ ตัวแปรเกิน Confounding variable = ตัวแปรกวน

34 When attempting to identify an extraneous variable, you should consider this question, “Could my DV have changed values not because of the IV, but because of an extraneous variable that I did not consider?” Ex. researchers have shown that there is a statistical relationship between coffee drinking and heart attacks. Is this a causal relationship? Additional research showed that this was not a causal relationship, and that the reason was the extraneous variable of smoking High coffee consumers are more likely to smoke than low coffee consumers; it is the smoking that causes heart attacks and not the consumption of great amounts of coffee Smoking, therefore, was a confounding extraneous variable because this variable influences the DV of heart attacks Extraneous variable = ตัวแปรแทรกซ้อน หรือ ตัวแปรเกิน Confounding variable = ตัวแปรกวน

35 Sometimes we want to understand the process or variables through which one variable affects another variable. This brings us to the idea of a mediating variable (also called an intervening variable) A mediating variable is a variable that occurs in-between two other variables in a causal chain Ex. tissue damage is an intervening variable in the smoking and lung cancer relationship We can use arrows (which mean causes) and draw this relationship as follows: Mediating variable = ตัวแปรแทรก หรือ ตัวแปรคั่นกลาง Intervening variable = ตัวแปรสอดแทรก

36 Sometimes a relationship between two variables will not generalize to everyone, and you will need another type of variable to study this possibility Specifically, moderator variables are used to determine how the relationship between an IV and a DV changes across the levels of an additional variable It “moderates” the relationship Ex. if behavioral therapy worked better for males and cognitive therapy worked better for females, then gender would be a moderator variable That’s because the relationship between the IV (type of therapy) and the DV (client mental health) varies across the levels of the moderator variable (gender) In this case, we would say that the relationship between type of therapy and mental health is moderated by gender There are many moderator variables working in the natural causal world because this world tends to be quite complex Moderator variable = ตัวแปรกำกับ Cognitive = ความคิด

37

38 คุณค่างานวิจัยต่อธุรกิจ
1 2 3 4 เกิดความรู้ใหม่ทางธุรกิจ แก้ไขปัญหาในการปฏิบัติงาน ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน กำหนดนโยบายและแผน

39 2 1 3 4 ลักษณะงานวิจัยที่ดี ลักษณะงานวิจัยที่ดี วัตถุประสงค์ชัดเจน
มิติวิจัย เวลา สถานที่ ตัวแปร ลักษณะงานวิจัยที่ดี 3 เครื่องมือมีความเชื่อมั่นสูง 4 มีความเที่ยงตรงทั้งภายใน/ภายนอก ภายใน - ผลการวิจัยที่ได้จากการทดสอบ/วิเคราะห์ข้อมูลอย่างแท้จริง ภายนอก - นำผลการวิจัยที่ได้ไปประยุกต์ใช้ได้อย่างถูกต้อง

40 6 5 7 8 ลักษณะงานวิจัยที่ดี ลักษณะงานวิจัยที่ดี ความรู้ ความซื่อสัตย์
กระบวนการ ขั้นตอนเป็นที่ยอมรับ 6 ความรู้ ความซื่อสัตย์ ลักษณะงานวิจัยที่ดี 7 การวางแผนอย่างรอบคอบ 8 มีประสิทธิภาพและประหยัด

41 ลักษณะงานวิจัยที่ดี Characteristics of Good Research
Clearly defined purpose Detailed research process Thoroughly planned design High ethical standards Limitations addressed Adequate analysis Unambiguous presentation Conclusions justified Credentials

42 มาตรฐานงานวิจัย : มาตรฐานที่ดี/ถูกต้องตามวิธีการ
- มีจุดประสงค์จำกัดความอย่างชัดเจน - มีรายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการวิจัย - มีการออกแบบวางแผนการวิจัยอย่างถี่ถ้วน - ข้อจำกัดถูกแสดงอย่างเปิดเผย - มีมาตรฐานเกี่ยวกับหลักจริยธรรมสูง - การวิเคราะห์ที่เหมาะสมสำหรับความต้องการของผู้ทำ - การค้นคว้าถูกแสดงอย่างไม่คลุมเครือ - บทสรุปที่พิสูจน์ว่าถูกต้อง - สะท้อนประสบการณ์ของการวิจัย

43 บทบาทการวิจัยกับการจัดการทางธุรกิจ
เหตุผลการทำวิจัยธุรกิจ : Research provides you with the knowledge and skills needed for the fast-paced decision-making environment ความต้องการสารสนเทศและข้อมูลการบริหาร : 1. Global and domestic competition is more vigorous 2. Organizations are increasingly practicing data mining and data warehousing Data Mining คือ การวิเคราะห์ข้อมูลจากข้อมูลจำนวนมาก (big data) เพื่อหาความสัมพันธ์ของข้อมูลที่ซ่อนอยู่ โดยทำการจำแนกประเภท รูปแบบ เชื่อมโยงข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กัน และหาความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้ได้องค์ความรู้ใหม่ ที่สามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจในด้านต่าง ๆ Data Warehouse คือ ฐานข้อมูลขนาดยักษ์ ที่รวบรวมฐานข้อมูลจากหลายแหล่งหลายช่วงเวลา Data warehouse ใช้เพื่อการวิเคราะห์ (ข้อมูลทั้งในอดีตและปัจจุบัน) Database ใช้เพื่อการประมวลผล (เฉพาะข้อมูลปัจจุบัน)

44 บทบาทการวิจัยกับการดำเนินงานทางธุรกิจ
การตัดสินที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ (ข้อมูล) สภาพแวดล้อม PEST รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล (Scenario) แนวทางหรือ ทางเลือก ที่ดีที่สุด ปัญหา/โอกาส ทางการเงิน/บัญชี สภาพแวดล้อม ภายในองค์การ การเงิน/บัญชี การผลิต การบริหาร/จัดการ การตลาด ทรัพยากรมนุษย์ ฯลฯ แผนกลยุทธ์และดำเนินงาน ข้อมูลย้อนกลับ นำแผนสู่ภาคปฏิบัติ ประเมินผล

45 New Product Development Process
Idea Generation Concept Development and Testing Marketing Strategy Screening Business Analysis Product Market Testing Commercialization 45

46 Research Problem and Decision Problem
Decision Problem Research Problem - Package development - Effectiveness of various package - Market expansion by - Shop’s new location Increasing Mkt. Channel evaluation - Increasing of re-consumption - Re-consumption of consumers measurement - Introducing new product - Market test for launching new product Type of Problem - Unanticipated Change Planned Change New Idea

47 ภาระหน้าที่/บทบาทของผู้บริหารกับการวิจัยทางธุรกิจ
1. สร้างความต้องการให้กับลูกค้า/ผู้ใช้บริการแทนที่จะให้เรียกร้องก่อนภายหลัง 2. แก้ไขปัญหาทางการบริหารและจัดการที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งภายใน องค์การ และภายนอกองค์การ 3. ประเมินสถานการณ์/คาดการณ์ปัญหาหรืออุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต พร้อม จัดเตรียมแผนสำรองเพื่อจัดการกับปัญหาดังกล่าวทางการจัดการเพื่อความ ยั่งยืนทางธุรกิจ 4. วางแผนและกำหนดกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับบริบทหรือสถานการณ์โดยอาศัย PEST 3C’s SWOT Five Competitive Forces Analysis Balanced Scorecard เป็นต้น แผนดำเนินการจะต้อง สอดคล้องกับแผนและนโยบายของ องค์การในภาพรวม 5. การดำเนินงานขององค์การจะต้องคอยควบคุม ติดตามและตรวจสอบ อย่าง ใกล้ชิด พร้อมประเมินผลตามกรอบเวลา เช่น การประเมินผล ทุกรอบ 6 เดือน

48 ข้อพึงระวังเกี่ยวกับการวิจัย
- เมื่อผลการวิจัยไม่สามารถนำมาใช้ตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการ ในเรื่องที่สำคัญได้ - เมื่อเป็นการตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการที่มีความสี่ยงเล็กน้อย - เมื่อมีทรัพยากรไม่เพียงพอที่จะทำการศึกษาวิจัย - เมื่อต้นทุนของการศึกษาวิจัยสูงเกินระดับความเสี่ยงในการ ตัดสินใจ


ดาวน์โหลด ppt ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐานทางการจัดการ โลจิสติกส์

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google