งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน."— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน

2 Psalm เพลงสดุดี 51

3 To the choirmaster. A Psalm of David, when Nathan the prophet went to him, after he had gone in to Bathsheba. 1Have mercy on me, O God, according to Your steadfast love; according to Your abundant mercy blot out my transgressions.

4 1ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด เมื่อนาธันผู้เผยพระวจนะมาเฝ้าท่านข้าแต่พระเจ้า ขอทรงแสดงพระกรุณาต่อข้าพระองค์ตามความรักมั่นคง ของพระองค์ ขอทรงลบการทรยศของข้าพระองค์ออกไปตามแต่ พระกรุณาอันอุดมของพระองค์

5 1 Samuel ซามูเอล 11

6 1 In the spring of the year, the time when kings go out to battle, David sent Joab, and his servants with him, and all Israel. And they ravaged the Ammonites and besieged Rabbah. But David remained at Jerusalem.

7 1 ครั้นถึงฤดูแล้งเมื่อบรรดากษัตริย์ยกกองทัพออกไปรบ ดาวิดทรงใช้โยอาบพร้อมกับพวกข้าราชการและ อิสราเอลทั้งหมด เขาไปกวาดล้างคนอัมโมนและล้อมเมืองรับบาห์ไว้ แต่ดาวิดประทับที่เยรูซาเล็ม

8 2 It happened, late one afternoon, when David arose from his couch and was walking on the roof of the king's house, that he saw from the roof a woman bathing; and the woman was very beautiful.

9 2 อยู่มาเวลาเย็นวันหนึ่งเมื่อดาวิดทรงลุกขึ้นจากพระแท่น และดำเนินอยู่บนดาดฟ้าหลังคาพระราชวัง ทอดพระเนตรจากหลังคาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งอาบน้ำอยู่ หญิงคนนั้นสวยงามมาก

10 3 And David sent and inquired about the woman
3 And David sent and inquired about the woman. And one said, “Is not this Bathsheba, the daughter of Eliam, the wife of Uriah the Hittite?”

11 3 ดาวิดทรงใช้คนไปไต่ถามเรื่องผู้หญิงคนนั้น คนหนึ่งมากราบทูลว่า “หญิงคนนี้ชื่อบัทเชบา บุตรีของเอลีอัม ภรรยาของอุรีอาห์คนฮิตไทต์มิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

12 4 So David sent messengers and took her, and she came to him, and he lay with her. (Now she had been purifying herself from her uncleanness.) Then she returned to her house.

13 4 ดาวิดก็ทรงใช้ผู้สื่อสารไปรับนางมา นางก็มาเฝ้าพระองค์ แล้วพระองค์ทรงสมสู่กับนาง (พอดีนางได้ชำระตัวให้สิ้นมลทินของนางแล้ว) แล้วนางก็กลับไปเรือนของตน

14 5 And the woman conceived, and she sent and told David, “I am pregnant

15 6 So David sent word to Joab, “Send me Uriah the Hittite
6 So David sent word to Joab, “Send me Uriah the Hittite.” And Joab sent Uriah to David. 6 ดาวิดทรงใช้คนไปบอกโยอาบว่า “จงส่งอุรีอาห์คนฮิตไทต์มาให้เรา” โยอาบก็ส่งตัวอุรีอาห์ไปให้ดาวิด

16 7 When Uriah came to him, David asked how Joab was doing and how the people were doing and how the war was going.

17 7 เมื่ออุรีอาห์เข้าเฝ้าพระองค์ ดาวิดรับสั่งถามว่าโยอาบเป็นอย่างไรบ้าง พวกพลเป็นอย่างไร การสงครามคืบหน้าไปอย่างไร

18 8 Then David said to Uriah, “Go down to your house and wash your feet
8 Then David said to Uriah, “Go down to your house and wash your feet.” And Uriah went out of the king's house, and there followed him a present from the king.

19 8 แล้วดาวิดรับสั่งอุรีอาห์ว่า “จงลงไปบ้านของเจ้า และล้างเท้าของเจ้าเสีย” อุรีอาห์ก็ออกไปจากพระราชวัง และมีคนนำของประทานจากพระราชาตามไปให้

20 9 But Uriah slept at the door of the king's house with all the servants of his lord, and did not go down to his house. 9 แต่อุรีอาห์ได้นอนเสียที่ประตูพระราชวัง พร้อมกับบรรดาข้าราชการของเจ้านายของพระองค์ มิได้ลงไปที่บ้านของตน

21 10 When they told David, “Uriah did not go down to his house,” David said to Uriah, “Have you not come from a journey? Why did you not go down to your house?”

22 10 เมื่อมีคนกราบทูลดาวิดว่า “อุรีอาห์ไม่ได้ลงไปที่บ้านของเขาพ่ะย่ะค่ะ” ดาวิดรับสั่งแก่อุรีอาห์ว่า “เจ้ามิได้เดินทางมาดอกหรือ ทำไมจึงไม่ลงไปบ้านของเจ้า”

23 11 Uriah said to David, “The ark and Israel and Judah dwell in booths, and my lord Joab and the servants of my lord are camping in the open field. Shall I then go to my house, to eat and to drink and to lie with my wife? As you live, and as your soul lives, I will not do this thing.”

24 11 อุรีอาห์ทูลตอบดาวิดว่า “หีบพันธสัญญาและอิสราเอลกับยูดาห์อยู่ในทับอาศัย โยอาบเจ้านายของข้าพระบาทกับบรรดาข้าราชการ ของฝ่าพระบาทตั้งค่ายอยู่ที่พื้นทุ่ง ส่วนข้าพระบาทจะไปบ้าน ไปกิน ไปดื่ม และนอนกับภรรยาของข้าพระบาทเช่นนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ทรงพระชนม์อยู่และวิญญาณจิตของพระองค์ มีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ข้าพระบาทจะไม่กระทำอย่างนี้เลย”

25 12 Then David said to Uriah, “Remain here today also, and tomorrow I will send you back.” So Uriah remained in Jerusalem that day and the next.

26 12 แล้วดาวิดก็รับสั่งแก่อุรีอาห์ว่า “วันนี้ก็ค้างเสียที่นี่เถิด พรุ่งนี้เราจะให้เจ้าไป” อุรีอาห์ก็ค้างอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มในวันนั้นและ ในวันรุ่งขึ้น

27 13 And David invited him, and he ate in his presence and drank, so that he made him drunk. And in the evening he went out to lie on his couch with the servants of his lord, but he did not go down to his house.

28 13 ดาวิดทรงเชิญเขามา เขาก็มา รับประทานและดื่มต่อพระพักตร์ และพระองค์ทรงกระทำให้เขามึนเมา ในเย็นวันนั้นเขาก็ออกไปนอนกับข้าราชการ ของเจ้านายของเขา แต่มิได้ลงไปบ้าน

29 14 In the morning David wrote a letter to Joab and sent it by the hand of Uriah. 14 ครั้นรุ่งเช้าดาวิดทรง อักษรถึงโยอาบและทรงฝากไปกับอุรีอาห์

30 15 In the letter he wrote, “Set Uriah in the forefront of the hardest fighting, and then draw back from him, that he may be struck down, and die.”

31 15 ในลายพระหัตถ์นั้นว่า “จงตั้งอุรีอาห์ให้เป็นกองหน้าเข้าสู้รบตรงที่ดุเดือดที่สุด แล้วล่าทัพกลับเสียเพื่อให้เขาถูกโจมตีให้ตาย”

32 16 And as Joab was besieging the city, he assigned Uriah to the place where he knew there were valiant men. 16 อยู่มาเมื่อโยอาบกำลังเฝ้าล้อมเมืองอยู่ ท่านจึงกำหนดให้อุรีอาห์ไปรบตรงที่ที่ ท่านทราบว่ามีทหารเข้มแข็งมาก

33 17 And the men of the city came out and fought with Joab, and some of the servants of David among the people fell. Uriah the Hittite also died.

34 17 คนในเมืองก็ออกมาสู้รบกับโยอาบ มีคนตายบ้างคือข้าราชการบางคนของดาวิดได้ล้มตาย อุรีอาห์คนฮิตไทต์ก็ตายด้วย

35 18 Then Joab sent and told David all the news about the fighting

36 19 And he instructed the messenger, “When you have finished telling all the news about the fighting to the king, 19 ท่านได้แนะนำผู้สื่อสารนั้นว่า “เมื่อเจ้ากราบทูลข่าวการรบต่อพระราชาเสร็จทุกประการแล้ว

37 20 then, if the king's anger rises, and if he says to you, ‘Why did you go so near the city to fight? Did you not know that they would shoot from the wall?

38 20 ถ้าพระราชากริ้วและตรัสถามเจ้าว่า 'ทำไมเจ้าทั้งหลายจึงยกเข้ารบใกล้เมืองนัก เจ้าไม่ทราบหรือว่าเขาจะยิงออกมาจากกำแพง

39 21 Who killed Abimelech the son of Jerubbesheth
21 Who killed Abimelech the son of Jerubbesheth? Did not a woman cast an upper millstone on him from the wall, so that he died at Thebez? Why did you go so near the wall?’ then you shall say, ‘Your servant Uriah the Hittite is dead also.’”

40 21 ใครฆ่าอาบีเมเลคบุตรเยรุบเบเชท ไม่ใช่ผู้หญิงคนหนึ่งเอาหินโม่ท่อนบนทุ่ม เขาจากกำแพงเมืองจนเขาตายเสียที่เมืองเธเบศดอกหรือ ทำไมเจ้าทั้งหลายจึงเข้าไปใกล้กำแพง' แล้วเจ้าจงกราบทูลว่า 'อุรีอาห์คนฮิตไทต์ผู้รับใช้ของพระองค์ก็ตายด้วย' ”

41 22 So the messenger went and came and told David all that Joab had sent him to tell. 22 ผู้สื่อสารก็ไป เขามาทูลต่อดาวิดถึงทุกอย่างที่ โยอาบสั่งเขาให้มากราบทูล

42 23 The messenger said to David, “The men gained an advantage over us and came out against us in the field, but we drove them back to the entrance of the gate.

43 23 ผู้สื่อสารนั้นกราบทูลดาวิดว่า “ข้าศึกได้เปรียบต่อเรามาก และได้ออกมาสู้รบกับ ฝ่ายเราที่กลางทุ่ง แต่เราได้ขับไล่เขาเข้าไปถึงทางเข้าประตูเมือง

44 24 Then the archers shot at your servants from the wall
24 Then the archers shot at your servants from the wall. Some of the king's servants are dead, and your servant Uriah the Hittite is dead also.”

45 24 แล้วทหารธนูก็ยิงข้าราชการของพระองค์จากกำแพง ข้าราชการของพระราชาบางคนก็สิ้นชีวิต และอุรีอาห์คนฮิตไทต์ข้าราชการของพระองค์ก็สิ้นชีวิตด้วย”

46 25 David said to the messenger, “Thus shall you say to Joab, ‘Do not let this matter trouble you, for the sword devours now one and now another. Strengthen your attack against the city and overthrow it.’ And encourage him.”

47 25 ดาวิดก็รับสั่งผู้สื่อสารนั้นว่า “เจ้าจงบอกโยอาบดังนี้ว่า 'อย่าให้เรื่องนี้ทำให้ท่านลำบากใจ เพราะดาบย่อมสังหารไม่เลือกว่าคนนั้นหรือคนนี้ จงสู้รบหนักเข้าไป และตีเอาเมืองนั้นเสียให้ได้' เจ้าจงหนุนน้ำใจท่านด้วย”

48 26 When the wife of Uriah heard that Uriah her husband was dead, she lamented over her husband. 26 เมื่อภรรยาของอุรีอาห์ทราบข่าว ว่าอุรีอาห์สามีของตนสิ้นชีวิตแล้ว นางก็คร่ำครวญด้วยเรื่องสามีของนาง

49 27 And when the mourning was over, David sent and brought her to his house, and she became his wife and bore him a son. But the thing that David had done displeased the LORD.

50 27 เมื่อสิ้นการไว้ทุกข์แล้วดาวิดก็ ส่งคนไปให้พานางมาที่พระราชวัง และนางก็ได้เป็นมเหสีของพระองค์ ประสูติโอรสองค์หนึ่งให้พระองค์ แต่สิ่งซึ่งดาวิดทรงกระทำนั้นไม่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า

51 Numbers กันดารวิถี 32:23 23 But if you will not do so, behold, you have sinned against the LORD, and be sure your sin will find you out.

52 23 แต่ถ้าท่านทั้งหลายมิได้กระทำเช่นนี้ ดูเถิด ท่านทั้งหลายได้กระทำบาปต่อพระเจ้า จงรู้แน่เถิดว่า บาปของท่านก็ตามทัน

53 Proverbs สุภาษิต 28:13 13 Whoever conceals his transgressions will not prosper, but he who confesses and forsakes them will obtain mercy. 13 บุคคลที่ซ่อนการละเมิดของตนจะไม่จำเริญ แต่บุคคลที่สารภาพและทิ้งความชั่วเสียจะได้ความกรุณา

54 2 Samuel ซามูเอล 12

55 1 And the LORD sent Nathan to David
1 And the LORD sent Nathan to David. He came to him and said to him, “There were two men in a certain city, the one rich and the other poor.

56 1 พระเจ้าทรงใช้ให้นาธันไปหาดาวิด นาธันก็ไปเข้าเฝ้าและกราบทูลพระองค์ว่า “ในเมืองหนึ่งมีชายสองคน คนหนึ่งมั่งมี อีกคนหนึ่งยากจน

57 2 The rich man had very many flocks and herds, 2 คนมั่งมีนั้นมีแพะแกะและโคเป็นอันมาก

58 3 but the poor man had nothing but one little ewe lamb, which he had bought. And he brought it up, and it grew up with him and with his children. It used to eat of his morsel and drink from his cup and lie in his arms, and it was like a daughter to him.

59 3 แต่คนจนนั้นไม่มีอะไรเลย เว้นแต่แกะตัวเมียตัวเดียวที่ซื้อเขามา ซึ่งเขาเลี้ยงไว้ และอยู่กับเขา มันได้เติบโตขึ้นพร้อมกับบุตรของเขา กินอาหารร่วมและดื่มน้ำถ้วยเดียวกับเขา นอนในอกของเขา และเป็นเหมือนบุตรสาวของเขา

60 4 Now there came a traveler to the rich man, and he was unwilling to take one of his own flock or herd to prepare for the guest who had come to him, but he took the poor man's lamb and prepared it for the man who had come to him.”

61 4 ฝ่ายคนมั่งมีคนนั้นมีแขกคนหนึ่งมาเยี่ยม เขาเสียดายที่จะเอาแพะแกะหรือโคของตน มาทำอาหารเลี้ยงคนที่มาเยี่ยมนั้น จึงเอาแกะตัวเมียของชายคนจนนั้นเตรียมเป็น อาหารให้แก่ชายที่มาเยี่ยมตน”

62 5 Then David's anger was greatly kindled against the man, and he said to Nathan, “As the LORD lives, the man who has done this deserves to die,

63 5 ดาวิดกริ้วชายคนนั้นมาก และรับสั่งแก่นาธันว่า “พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ผู้ชายที่กระทำเช่นนั้นจะต้องตาย

64 6 and he shall restore the lamb fourfold, because he did this thing, and because he had no pity.” 6 และจะต้องคืนแกะให้สี่เท่าเพราะเขาได้กระทำอย่างนี้ และเพราะว่าเขาไม่มีเมตตาจิต”

65 Exodus อพยพ 22:1 1“If a man steals an ox or a sheep, and kills it or sells it, he shall repay five oxen for an ox, and four sheep for a sheep.

66 1 “ถ้าผู้ใดลักโคหรือแกะไปฆ่าหรือขาย ให้ผู้นั้นใช้โคห้าตัวแทนโคหนึ่งตัว และแกะสี่ตัวแทนแกะตัวหนึ่ง

67 7 Nathan said to David, “You are the man
7 Nathan said to David, “You are the man! Thus says the LORD, the God of Israel, ‘I anointed you king over Israel, and I delivered you out of the hand of Saul.

68 7 นาธันจึงทูลดาวิดว่า “ฝ่าพระบาทนั่นแหละคือชายคนนั้น พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า 'เราได้เจิมตั้งเจ้าไว้ให้เป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล และเราช่วยกู้เจ้าออกมาจากมือของซาอูล

69 8 And I gave you your master's house and your master's wives into your arms and gave you the house of Israel and of Judah. And if this were too little, I would add to you as much more.

70 8 และเราได้มอบวงศ์เจ้านายของเจ้าไว้ในมือของเจ้า และได้มอบภรรยาเจ้านายของเจ้าไว้ในอกของเจ้า และมอบวงศ์วานอิสราเอลและวงศ์วานยูดาห์ให้แก่เจ้า ถ้าเท่านี้ยังน้อยไป เราจะเพิ่มให้อีกเท่านี้

71 9 Why have you despised the word of the LORD, to do what is evil in his sight? You have struck down Uriah the Hittite with the sword and have taken his wife to be your wife and have killed him with the sword of the Ammonites.

72 9 ทำไมเจ้าดูหมิ่นพระวจนะของพระเจ้า กระทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรของพระองค์ เจ้าได้ฆ่าอุรีอาห์คนฮิตไทต์เสียด้วยดาบ เอาภรรยาของเขามาเป็นภรรยาของตน และได้ฆ่าเขาเสียด้วยดาบของคนอัมโมน

73 10 Now therefore the sword shall never depart from your house, because you have despised me and have taken the wife of Uriah the Hittite to be your wife.’

74 10 เพราะฉะนั้นดาบนั้นจะไม่คลาดไปจากราชวงศ์ของ เจ้าเพราะเจ้าได้ดูหมิ่นเรา เอาภรรยาของอุรีอาห์คนฮิตไทต์มาเป็นภรรยาของเจ้า'

75 11 Thus says the LORD, ‘Behold, I will raise up evil against you out of your own house. And I will take your wives before your eyes and give them to your neighbor, and he shall lie with your wives in the sight of this sun.

76 11 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า 'ดูเถิด เราจะให้เหตุร้ายบังเกิดขึ้นกับเจ้า จากครัวเรือนของเจ้าเอง และเราจะเอาภรรยาของเจ้าไปต่อหน้าต่อตาเจ้า ยกไปให้แก่เพื่อนบ้านของเจ้า ผู้นั้นจะนอนร่วมกับภรรยาของเจ้า อย่างเปิดเผย

77 12 For you did it secretly, but I will do this thing before all Israel and before the sun.’” 12 เพราะเจ้าทำการนั้นอย่างลับๆ แต่เราจะกระทำการนี้ต่อหน้า อิสราเอลทั้งสิ้นและอย่างเปิดเผย' ”

78 13 David said to Nathan, “I have sinned against the LORD
13 David said to Nathan, “I have sinned against the LORD.” And Nathan said to David, “The LORD also has put away your sin; you shall not die.

79 13 ดาวิดจึงรับสั่งกับนาธันว่า “เรากระทำบาปต่อพระเจ้าแล้ว” และนาธันกราบทูลดาวิดว่า “พระเจ้าทรงให้อภัยบาปของฝ่าพระบาทแล้ว ฝ่าพระบาทจะไม่ถึงแก่มรณา

80 14 Nevertheless, because by this deed you have utterly scorned the LORD, the child who is born to you shall die.” 14 อย่างไรก็ตาม เพราะฝ่าพระบาทได้เหยียดหยามพระเจ้าอย่าง ที่สุดด้วยการกระทำครั้งนี้ ราชบุตรที่จะประสูติมานั้นจะต้องสิ้นชีวิต”

81 2Wash me thoroughly from my iniquity, and cleanse me from my sin

82 3For I know my transgressions, and my sin is ever before me

83 4Against You, You only, have I sinned and done what is evil in Your sight, so that You may be justified in Your words and blameless in Your judgment.

84 4ข้าพระองค์ได้ทำบาปต่อพระองค์ต่อพระองค์เท่านั้น และได้กระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรพระองค์ ทั้งนี้เพื่อพระองค์จะทรงยุติธรรมในคำพิพากษา และไร้ตำหนิในการพิพากษานั้น

85 5Behold, I was brought forth in iniquity, and in sin did my mother conceive me. 5ดูเถิด ข้าพระองค์ถือกำเนิดมาในความผิดบาป และมารดาตั้งครรภ์ข้าพระองค์ในบาป

86 6Behold, You delight in truth in the inward being, and You teach me wisdom in the secret heart. 6ดูเถิด พระองค์มีพระประสงค์ความจริงภายใน เพราะฉะนั้น ขอทรงสอนสติปัญญาแก่ข้าพระองค์ภายในจิตใจลึกลับ ของข้าพระองค์

87 7Purge me with hyssop, and I shall be clean; wash me, and I shall be whiter than snow. 7ขอทรงชำระข้าพระองค์ด้วยต้นหุสบ ข้าพระองค์จึงจะสะอาด ขอทรงล้างข้าพระองค์ และข้าพระองค์จะขาวกว่าหิมะ

88 8Let me hear joy and gladness; let the bones that You have broken rejoice. 8ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ได้ยินความ ชื่นบานและความยินดี ขอกระดูกซึ่งพระองค์ทรงหักนั้นเปรมปรีดิ์

89 9Hide Your face from my sins, and blot out all my iniquities

90 10Create in me a clean heart, O God, and renew a right spirit within me. 10ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงสร้างใจสะอาดภายในข้าพระองค์ และฟื้นน้ำใจที่หนักแน่นขึ้นใหม่ภายในข้าพระองค์

91 11Cast me not away from Your presence, and take not Your Holy Spirit from me. 11ขออย่าทรงเหวี่ยงข้าพระองค์ไปเสียจากเบื้อง พระพักตร์พระองค์ และขออย่าทรงนำวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ ไปจากข้าพระองค์

92 12Restore to me the joy of your salvation, and uphold me with a willing spirit. 12ขอทรงคืนความชื่นบานในความรอดแก่ข้าพระองค์ และชูข้าพระองค์ไว้ด้วยเต็มพระทัย

93 13Then I will teach transgressors Your ways, and sinners will return to You. 13แล้วข้าพระองค์จะสอนผู้ละเมิดทั้งหลาย ถึงบรรดาพระมรรคาของพระองค์ และคนบาปทั้งหลายจะกลับสู่พระองค์

94 14Deliver me from blood guiltiness, O God, O God of my salvation, and my tongue will sing aloud of Your righteousness.

95 14ข้าแต่พระเจ้า คือพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์ ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นจากกรรมชั่วเพราะทำ โลหิตเขาตก และลิ้นของข้าพระองค์จะร้องเพลงเรื่อง การช่วยกู้ของพระองค์

96 15O Lord, open my lips, and my mouth will declare Your praise

97 16For You will not delight in sacrifice, or I would give it; You will not be pleased with a burnt offering. 16เพราะพระองค์มิได้ทรงปีติยินดีในเครื่องสัตวบูชา ถึงข้าพระองค์จะถวายเครื่องเผาบูชา พระองค์จะมิได้พอพระทัย

98 17The sacrifices of God are a broken spirit; a broken and contrite heart, O God, You will not despise. 17เครื่องบูชาที่พระเจ้าทรงรับได้คือจิตใจที่ชอกช้ำ จิตใจที่สำนึกผิดและชอกช้ำนั้น ข้าแต่พระเจ้า พระองค์มิได้ทรงดูถูก

99 18Do good to Zion in Your good pleasure; build up the walls of Jerusalem; 18ขอทรงกระทำดีแก่ศิโยน ตามพระกรุณาของพระองค์ ขอทรงสร้างกำแพงเยรูซาเล็ม

100 19then will You delight in right sacrifices, in burnt offerings and whole burnt offerings; then bulls will be offered on Your altar.

101 19แล้วพระองค์จะทรงปีติยินดีในเครื่องสัตวบูชาที่ถูกต้อง ในเครื่องเผาบูชา และในเครื่องเผาบูชาทั้งตัว แล้วเขาจะถวายวัวผู้บนแท่นบูชาของพระองค์  


ดาวน์โหลด ppt Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google