ดาวเนปจูน (Neptune)
ดาวเนปจูนเป็นดาวเคราะห์ที่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นดวงที่แปด และมีขนาดใหญ่เป็นที่สี่ (วัดจากเส้นผ่าศูนย์กลาง) ดาวเนปจูนมีขนาดเล็กกว่าดาวยูเรนัสแต่มีมวลมากกว่า
ในตำนานโรมัน Neptune (หรือตำนานกรีก เรียกว่า Poseidon) เป็นเทพแห่งท้องทะเล
หลังจากการค้นพบดาวยูเรนัส ซึ่งสังเกตเห็นได้ว่า วงโคจรของดาวยูเรนัสไม่เป็นไปตาม Newton’s law จึงคาดว่าน่าจะมีดาวเคราะห์ที่ห่างไกลออกไปเป็นตัวรบกวนวงโคจรของดาวยูเรนัส ดาวเนปจูนถูกค้นพบโดย Galle และ d’Arrest เมื่อ 23 กันยายน 1846 ซึ่งใกล้เคียงกับตำแหน่งที่ได้คำนายไว้โดย Adams และ Le Verrier โดยอาศัยการคำนวณตำแหน่งของดาวพฤหัส ดาวเสาร์ และ ดาวยูเรนัส
ความรู้ทั้งหมดของดาวเนปจูนได้จากยาน Voyenger 2 ซึ่งเดินทางผ่านดาวเนปจูนเมื่อ 25 สิงหาคม 1989
เนื่องจากวงโคจรของดาวพลูโตไม่เป็นวงกลม ในบางครั้งก็ตัดผ่านวงโคจรของดาวเนปจูน ทำให้ดาวเนปจูนอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ที่สุดเป็นเวลาหลายปี
ส่วนประกอบของดาวเนปจูนคล้ายกับของดาวยูเรนัส คือประกอบด้วยน้ำแข็งหลายชนิด และหิน มีไฮโดรเจนประมาณ 15% และ ฮีเลียมอีกเล็กน้อย โครงสร้างไม่แบ่งเป็นชั้นเหมือนดาวพฤหัสและดาวเสาร์ แต่กลับเป็นมวลเนื้อเดียวเหมือนดาวยูเรนัส มีแกนกลางขนาดเล็กมีมวลใกล้เคียงกับโลกซึ่งเป็นหิน บรรยากาศประกอบด้วยไฮโดรเจน ฮีเลียม และมีเทนเล็กน้อย มีเทนที่อยู่ในบรรยากาศทำให้ดาวเนปจูนมีสีน้ำเงิน
ดาวเนปจูนมีแถบสีเช่นเดียวกับดาวก๊าซทั่วไป มีลมซึ่งพัดด้วยความเร็วสูงมากประมาณ 2,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วลมที่เร็วที่สุดในระบบสุริยะ
ดาวเนปจูนมีแหล่งพลังงานความร้อนภายใน ซึ่งปลดปล่อยพลังงานออกมาเป็น 2 เท่าของพลังงานที่ได้รับจากดวงอาทิตย์
จุดมืดยักษ์ (Great Dark Spot) ซึ่งพบอยู่ทางซีกใต้ของดาว มีขนาดเป็นครึ่งหนึ่งของจุดแดงยักษ์ของดาวพฤหัส ความเร็วของลมที่พัดในจุดมืดยักษ์มีความเร็วประมาณ 300 กิโลเมตรต่อวินาที (700 ไมล์ต่อชั่วโมง)
มีจุดมืดขนาดเล็ก และเมฆรูปร่างประหลาดที่พัดวนรอบดาวเนปจูนโดยใช้เวลาประมาณ 16 ชั่วโมง ซึ่งเชื่อว่าเกิดจาก plume ที่ขึ้นมาจากบรรยากาศส่วนล่าง
จุดมืดยักษ์สามารถหายไปได้และเกิดใหม่ได้ ซึ่งบ่งบอกว่า บรรยากาศของดาวเนปจูนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจเกิดเนื่องจากการความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างเมฆชั้นบนและชั้นล่าง
ดาวเนปจูนก็มีวงแหวนเช่นกัน ซึ่งเมื่อสังเกตจากพื้นโลกพบว่าเป็นวงแหวนที่ไม่เต็มวง แต่จากภาพที่ได้จาก Voyager 2 แสดงให้เห็นว่าวงแหวนมีเต็มวง แต่มีความมืดมากและส่วนประกอบยังไม่ทราบ
ดาวเนปจูนก็มีวงแหวนเช่นกัน ซึ่งเมื่อสังเกตจากพื้นโลกพบว่าเป็นวงแหวนที่ไม่เต็มวง แต่จากภาพที่ได้จาก Voyager 2 แสดงให้เห็นว่าวงแหวนมีเต็มวง แต่มีความมืดมากและส่วนประกอบยังไม่ทราบ
วงแหวนของดาวเนปจูนวงนอกสุดเรียกว่า Adam ซึ่งประกอบด้วย วงแหวนเล็กๆ 3 วง คือ Liberty, Equality และ Fraternity วงถัดมายังไม่มีชื่อซึ่งมีวงโคจรร่วมกับดาว Galetea วงถัดมาเรียกว่า Leverrier แบ่งเป็น 2 วงเล็ก เรียกว่า Lassell และ Arago และวงสุดท้ายที่เรียกว่า Galle
สนามแม่เหล็กของดาวเนปจูนคล้ายกับของดาวยูเรนัส คือมีความแปลกในการวางตัว ทำมุมประมาณ 47 องศากับแกนหมุน ซึ่งอาจเกิดจากการเคลื่อนที่ของตัวนำไฟฟ้าในส่วนกลางของชั้น
ดาวเนปจูนสามารถเห็นได้ด้วยกล้องส่องทางไกลเป็นรูปกลมๆ แต่หากต้องการดูรายละเอียดก็จำเป็นต้องใช้กล้องโทรทรรศน์
ดาวเนปจูนมีดาวบริวาร 8 ดวง เป็นดาวขนาดเล็ก 7 ดวง และดาวขนาดใหญ่หนึ่งดวงที่เรียกว่า Triton