ทางรอดของมนุษย์ ในวันสิ้นโลกหรือ...? Vivos บังเกอร์หรู ทางรอดของมนุษย์ ในวันสิ้นโลกหรือ...?
มะกันเปิดตัว “วีโวส” บังเกอร์สุดหรู ใต้ดินมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ที่มีความแข็งแกร่งทนทานสามารถ ต้านทานภัย พิบัติร้ายแรงทั้งที่เกิดจากธรรมชาติและ น้ำมือมนุษย์
แต่ละบังเกอร์รองรับประชาชนได้มากสุดถึง 200 คน ภายในมี อาหาร ยา ข้าวของเครื่องใช้ สิ่งอำนวยความสะดวก และ อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตอย่างครบครัน จึงช่วยให้ผู้ที่อยู่ภายในสามารถใช้ชีวิตแบบสบายๆ ได้นาน ถึง 1 ปีโดยไม่ต้องออกจากบังเกอร์
หาก คุณเป็นคนหนึ่งที่คิดว่าภาพยนตร์เรื่อง “2012 วันสิ้นโลก” และ “The Da y A fter Tomorrow” (วิกฤติวันสิ้นโลก)
นำเสนอภาพภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นกับโลกมนุษย์แบบโหดร้ายเกินจริง อาจรู้สึกว่าแนวคิดในการก่อสร้างบังเกอร์ “วีโวส”ของบริษัท Vivos ในมลรัฐ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นแค่จินตนาการและเรื่องเพ้อ ฝันที่ไม่มีวันเป็นไปได้ (ในเชิงพาณิชย์)
แต่ สำหรับคนบางกลุ่มที่เชื่อเรื่องวันโลกา วินาศอย่างจริงจังและต้องการเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติร้ายแรง… บังเกอร์ ใต้ดิน “วีโวส” ก็เป็นทางเลือกหนึ่ง ที่ช่วยให้ผู้ที่ไม่ประมาท (หรือแม้แต่ภาครัฐบาล) เตรียมตัวรับสถานการณ์ร้ายแรงทุกรูปแบบที่อาจเกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ได้อย่าง มั่นใจ
ที่ผ่านมา แนวทางหนึ่งที่มักถูกหยิบยกมากล่าวถึงในกรณีที่ เกิดภัยพิบัติก็คือ “การหาที่กำบังใต้ดิน” เพราะ บริเวณใต้พื้นโลกสามารถต้านทานหายนะส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นบนผิวโลกได้ ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนขั้วแกนหมุนของโลก
เหตุการณ์ภูเขาไฟใต้น้ำระเบิดครั้งร้ายแรงหรือซูเปอร์ โวลคาโน (ครบกำหนด 7.4 หมื่นปีที่จะทำลายหรือระเบิดตัว เองในปี 2012) การระเบิดหรือลุกจ้าของดวงอาทิตย์ (solar flares) เหตุแผ่นดินไหวร้ายแรง สึนามิ และมหันตภัยจากกลุ่มดาวเคราะห์น้อยพุ่งเข้าชนโลก
รวมทั้ง ภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์ เช่น ระเบิดนิวเคลียร์ สงครามชีวภาพ สงครามเคมี ตลอดจนการกลับมาอีกครั้งของ Planet X หรือที่รู้จักกันในนาม “ดาว นิบิรุ” ซึ่งมีแรงดึงดูดมหาศาล อันจะส่งผลให้เกิดการรบกวนระบบสุริยะ (วงโคจรของดาวที่ว่าจะมาถึงในปี 2012)
และด้วยเหตุผลดังกล่าว บริษัทวีโวส จึงมีแนวคิดในการออกแบบบังเกอร์หรูสไตล์คอมเพล็กซ์ที่อยู่ลึกลงไปใต้พื้นดิน ภายใต้ระบบอากาศแบบปิด (ไม่ให้มีอากาศเข้า-ออก)
โดยออกแบบให้เป็นที่อยู่อาศัยแบบพึ่งพาตนเอง สามารถต้านทานภัยพิบัติร้ายแรงทุกชนิดดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น (รวมทั้งช่วยให้ หลีกหนีจาก สังคมอนาธิปไตย ที่มีเหตุการณ์จราจล ประชาชนไม่เคารพกฏหมายและกติกาบ้านเมือง) เพื่อให้ผู้ที่อยู่ภายในไม่เพียง “รอดชีวิต” แต่ยังสามารถ “ดำรงชีวิต” อยู่ได้เป็นอย่างดี และมีความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายหลังเกิดภัยพิบัติร้ายแรงอีกด้วย
“วีโวส” เป็นสถานที่กำบังที่สามารถรองรับ ผู้อยู่อาศัยได้ทั้งสิ้นราว 172-200 คน ทุกคนสามารถดำรงชีวิตแบบสบายๆ ภายในบังเกอร์ได้นานถึง 1 ปี โดยไม่ต้องเตรียมตัวหรือวางแผนใดๆ สิ่งที่ต้องทำมีเพียงอย่างเดียวก็คือ เดินทางมาถึง “วีโวส” ให้ทันตามกำหนดเวลา ก่อนที่ระบบจะปิดล็อกเพื่อดำเนินมาตรการ ด้านการรักษาความปลอดภัย
ระบบกำบังของ “วีโวส” มีความแข็งแกร่งทนทานเป็นพิเศษ ได้รับการออกแบบให้สามารถ ต้านทานแรงระเบิดขนาด 50 เมกะตัน (เท่ากับระเบิดทีเอ็นที 50 ล้านตัน) ภายในประกอบด้วย ส่วนของที่พักอาศัย (ในบริเวณที่มีลักษณะคล้ายท่อ) จำนวน 10 จุดที่อยู่รายรอบและเชื่อมต่อกับโถงกลางรูปทรงกลมหรือ โดม 2 ชั้นขนาด 60 ฟุต ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะที่อยู่กลางที่พักอาศัย แต่ละโซน
จะมีระบบผลิตพลังงาน ธนาคารแบตเตอรี่สำรอง บ่อกักเก็บน้ำ ระบบกรองอากาศ (สามารถป้องกันและกำจัดการ ปนเปื้อนของเชื้อโรค สารเคมี และ รังสีชนิดต่างๆ) ระบบบำบัดน้ำเสีย ตลอดจน คลังเก็บเสบียง เสื้อผ้า ยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ อุปกรณ์รักษาความปลอดภัย อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในกรณีฉุกเฉิน (รวมทั้งรถยนต์ออฟโรด) เป็นของตัวเองอีกด้วย
ผู้ที่อาศัยอยู่ใน “วีโวส” จะมีพื้นที่ใช้ สอยส่วนตัวคนละ 100 ตารางฟุต ( 9 ตารางเมตร) ในขณะที่กาชาดสากลระบุว่าที่กำบัง หรือสถานที่หลบภัยใต้ดินจะต้องมีพื้นที่ ใช้สอยอย่างน้อยคนละ 40 ตารางฟุต (เกือบ 4 ตารางเมตร)
ส่วนหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยของสหรัฐอเมริกา หรือ FEM A ระบุว่า สถานที่หลบภัยใต้ดินจะต้องมีพื้นที่ใช้สอยอย่างน้อยคนละ 50 ตารางฟุต (เกือบ 5 ตารางเมตร)
ช่วงที่ยังไม่มีการใช้งาน ทางบริษัทฯ จะเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ตรวจสอบ บำรุงรักษา ซ่อมแซม และรักษาความปลอดภัยบังเกอร์หลบภัยใต้ดินให้เจ้าของร่วม (ลูกค้า) อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา
ปัจจุบัน บริษัท “วีโวส” กำลังเตรียมก่อสร้างสถานที่หลบ ภัยใต้ดิน 20 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา เพื่อให้เป็นบ้านของ ประชาชนราว 4 พันคน โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่ประมาท และเชื่อในคำนายเกี่ยวกับวันสิ้นโลกได้เข้า ร่วมลงทุน และจับจองพื้นที่
เพื่อเตรียมตั้งรับภัยพิบัติร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ ทั้งในอนาคตอันใกล้หรืออีกหลาย 10 ปีข้างหน้า โดยไม่จำกัด เชื้อชาติ ศาสนา ซึ่งในเบื้องต้นมีรายงานว่า ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างบังเกอร์แต่ละแห่งมีมูลค่าราว 10 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 300 ล้านบาทเลย ทีเดียว