1. ใบเดี่ยว (Simple Leaf) ใบแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ blade 1. ใบเดี่ยว (Simple Leaf) เมื่อพิจารณาจากก้านใบขึ้นไปมีแผ่นใบจำนวนหนึ่งแผ่นใบเท่านั้น แม้ว่าแผ่นใบนั้นจะเว้าซักเท่าไรก็ตาม แต่จะไม่เว้าจนแผ่นใบขาดจากกัน เช่น ระย่อมน้อย สารภี กาหลง mid rib vein petiole (The Royal Horticultural A-Z Encyclopedia of Garden Plant, 1996)
2. ใบประกอบ (Compound Leaf) 2. ใบประกอบ (Compound Leaf) คือใบที่มีก้านใบ (petiole) อันเดียวแต่มีแผ่นใบมากกว่าหนึ่งแผ่นใบขึ้นไปซึ่งใบย่อยนี้เรียกว่า leaflet ก้านใบย่อยเรียกว่า petiolule ช่วงแกนกลางระหว่างที่ petiolule มาติดอยู่เรียกว่า rachis ถ้าใบมีการแตกย่อยมากกว่า 1 ครั้ง แกนกลางย่อยเรียกว่า rachilla ถ้าที่โคนใบย่อยมีหูใบ เรียกว่า stipel ใบประกอบแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ pinnately compound leaf และ palmately compound leaf
เกณฑ์ในการแยกใบเดี่ยวและใบประกอบ Simple Leaf - แผ่นใบหนึ่งแผ่นติดอยู่บนก้านใบที่จะติดกับส่วนของลำต้น ทำให้สังเกตเห็นข้อ ปล้อง และตาบริเวณรอยต่อของก้านใบกับลำต้นได้ชัดเจน - ความอ่อนแก่ของใบบนกิ่งเดียวกันจะไม่เท่ากัน - บริเวณปลายกิ่งจะมีตา หรือ เนื้อเยื่อที่เจริญต่อไปได้
เกณฑ์ในการแยกใบเดี่ยวและใบประกอบ Compound Leaf - บริเวณที่ใบย่อยต่อกับ rachis มักจะไม่พบข้อ ปล้อง และ ตา - ความอ่อนแก่ของใบในหนึ่ง rachis จะเท่ากันในหนึ่ง rachis - บริเวณปลาย rachis มักไม่มีเนื้อเยื่อเจริญที่จะเจริญต่อไปได้ หรือ ตา
ใบประกอบแยกเป็น 2 ชนิด คือ 2.1 Palmately compound leaf หรือใบประกอบแบบนิ้วมือ ใบย่อยทุกใบออกจากจุดเดียวกัน (The Royal Horticultural A-Z Encyclopedia of Garden Plant, 1996)
2.2 Pinnately compound leaf หรือใบประกอบแบบขนนก ใบย่อยเรียงตัวบนแกนกลาง (rachis) แบบขนนก ซึ่งแบ่งย่อยตามจำนวนครั้งของการแตกของ rachis ได้เป็น one-pinnate, bi-pinnate, tri-pinnate ดังรูป one-pinnate bi-pinnate tri-pinnate (The Royal Horticultural A-Z Encyclopedia of Garden Plant, 1996)
พัฒนาการของใบประกอบจากใบเดี่ยวทั้งแบบ palmately และ pinnately compound Leaf SIMPLE LEAF 3-PALMATE 5-PALMATE 9-PALMATE SIMPLE LEAF 1-PINNATE 2-PINNATE 3-PINNATE (The Royal Horticultural A-Z Encyclopedia of Garden Plant, 1996)