แม่ครู ประทุมทิพย์ เกื้อหนุน รายงาน วิชา วิทยาศาสตร์ รหัส23102 เรื่อง เอกภพ ครูผู้สอน แม่ครู ประทุมทิพย์ เกื้อหนุน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/5 สมาชิกกลุ่ม 1.นาย กิติพันธ์ จันทร์เสละ เลขที่ 2 2.นาย นววิช แก้วดวงดี “ 9 3.น.ส. พรรษชล มูลตรีภักดี ” 25 4.น.ส. ฤทัยชนก อ้วนนวล ” 27 5.น.ส. วริศรา อุตคำ ” 28 6.น.ส. ศิริลักษณ์ แสงนวล ” 35 7.น.ส. ศศิธร พิมพ์สุนนท์ ” 32 8.น.ส. อรวรรณ โคตรหลักเพ็ชร ” 37 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/5 โรงเรียนฝางวิทยายน
เอกภพ
เอกภพ เอกภพ หรือ จักรวาล (Universe) เป็นระบบที่ใหญ่ที่สุดและไร้ขอบเขต และเป็นห้วงอวกาศที่เต็มไปด้วยดวงดาวจำนวนมหาศาล ซึ่งเราจะเรียกดวงดาว ที่เกาะกันเป็นกลุ่มว่า กาแล็กซี และในแต่ละกาแล็กซี ก็จะมีระบบของดาวฤกษ์ กระจุกดาว เนบิวลา หลุมดำ อุกกาบาต ฝุ่นผง กลุ่มก๊าซ และที่ว่างอยู่รวมกันอยู่ ซึ่งโลกก็อยู่ในกาแล็กซีหนึ่ง ที่เรียกกันว่า กาแล็กซีทางช้างเผือก นั่นเอง
กำเนิดเอกภพ นักดาราศาสตร์ยังไม่ทราบแน่นชัดว่าเอกภพมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งสามารถสรุปทฤษฎีที่กล่าวถึงการกำเนิดเอกภพได้หลายทฤษฎี แต่ที่ยอมรับกันมากก็คือ ทฤษฎีบิกแบง (BigBang Theory) ที่กล่าวว่า "สรรพสิ่งทั้งมวลในเอกภพที่ปรากฏอยู่นี้ครั้งหนึ่งเคยรวมตัวกันกลุ่มก้อนและอัดตัวอยู่รวมกันแน่นด้วยพลังมหาศาล ต่อมาเอกภพเกิดการระเบิดครั้งใหญ่มวลและพลังงานมหาศาลถูกปล่อยออกมา แต่ความร้อนและพลังงานได้ดึงดูดทำให้สารต่าง ๆ รวมตัวกันเกิดเป็นดาวฤกษ์ดาวเคราะห์ กระจุกดาว กาแล็กซี และพลังงานต่าง ๆ"
การขยายตัวของเอกภพ จากการศึกษากาแล็กซีที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ที่อยู่ใกล้โลก คือ กาแล็กซีแอนโดรมีนา ซึ่งอยู่ห่างจากโลกประมาณ 2 ล้าน ปีแสง พบว่า แต่ละกาแล็กซีกำลังเคลื่อนตัวออกห่างกันไปเรื่อย ๆ ทุกทิศทาง นักวิทยาศาสตร์ตรวจสอบได้จากการเปลี่ยนแปลงเส้นสเปกตรัมของแสงที่ได้รับที่บ่งบอกว่ากำลังเคลื่อนที่ออกไป นับเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า เอกภพก็มีการขยายตัวออกไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกัน
สำหรับต้นกำเนิดที่แท้จริงของ เอกภพ สำหรับต้นกำเนิดที่แท้จริงของ เอกภพ การกำเนิดเอกภพนั้น ที่จริงมีอยู่หลายทฤษฎี แต่ทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับจากนักดาราศาสตร์มากที่สุดในปัจจุบัน ก็คือ ทฤษฎีบิ๊กแบง ที่เชื่อกันว่า เอกภพเริ่มต้นจากความเป็นศูนย์ ไม่มีเวลา และเอกภพกำเนิดขึ้นโดยการระเบิด ซึ่งหลังจากการระเบิดนั้น เอกภพ ก็เริ่มขยายตัวออกไป ก่อนที่จะเกิดอนุภาคมูลฐาน อะตอม และโมเลกุล ต่าง ๆ จากนั้น ทั้งแรงระเบิดดังกล่าว ยังทำให้เกิดแรงดันระหว่างกาแล็กซีต่าง ๆ ให้ห่างกันออกไปเรื่อย ๆ ซึ่งแรงดันที่ถือว่าเป็นวิวัฒนาการของเอกภพมีอยู่แรง 2 แรง ซึ่งทั้ง 2 แรงดังกล่าวเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดลักษณะของ เอกภพ ดังนี้
เอกภพปิด คือ เอกภพมีความหนาแน่นของมวลสารและพลังงานมากเพียงพอ จนแรงโน้มถ่วงสามารถเอาชนะแรงดันออกหลังจากการระเบิดครั้งใหญ่ได้ เอกภพแบน คือ เอกภพมีความหนาแน่นของมวลสารและพลังงาน ในระดับที่ แรงโน้มถ่วง ได้ดุลกับแรงดันออกหลังจากการระเบิดครั้งใหญ่ เอกภพเปิด คือ เอกภพมีความหนาแน่นของมวลสารและพลังงาน ต่ำเกินไป ทำให้แรงโน้มถ่วง ไม่สามารถเอาชนะแรงดันออกหลังจากการระเบิดครั้งใหญ่ได้
ภาพเอกภพปิด ภาพเอกภพแบน ภาพเอกภพเปิด
กาแลกซี
กาแล็กซี กาแล็กซี (galaxy) เป็นบริเวณที่ประกอบด้วยดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ บริเวณของดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง อุกกาบาต รวมทั้งแก๊สและฝุ่นธุลีในอวกาศกาแล็กซีเป็นส่วนหนึ่งของเอกภพ ซึ่งกำเนิดมาจากมวลของแก๊ส ภายใต้ความดันและแรงดึงดูดระหว่างกัน
กาแล็กซีทางช้างเผือก กาแล็กซีทางช้างเผือก เป็นกาแล็กซีที่ระบบสุริยะสังกัดอยู่ ในคืนเดือนมืดถ้าเรามองขึ้นไปบนท้องฟ้า จะเห็นเป็นแทบสีขาวพาดอยู่บนฟากฟ้าสำหรับคนไทยจินตนาการว่าเป็นทางเดินของช้างเผือก จึงเรียกว่า "ทางช้างเผือก“ บริเวณใจกลางของกาแล็กซีมีดาวฤกษ์ กระจุกดาวแก๊สและฝุ่นธุลีอยู่หนาแน่น ลักษณะของกาแล็กซีมีรูปร่างคล้ายจักรหรือไข่ดาว ถ้ามองด้านบนจะเห็นเป็นรูปทรงกลมหมุนรอบตัวเองแบบทวนเข็มนาฬิกา แต่ถ้ามองด้านข้างจะเห็นคล้ายจานแบน
องค์ประกอบของกาแล็กซี กาแล็กซีประกอบด้วยดาวฤกษ์ กระจุกดาวสสารระหว่างดาว เนบิวลา ที่ว่างในอากาศเป็นส่วนใหญ่ กระจุกดาว คือกลุ่มดาวตั้งแต่สิบดวงไปจนถึงหลายสิบล้านดวง ในกาแล็กซีทางช้างเผือกจะพบกระจุกดาวรอบ ๆ ศูนย์กลางกาแล็กซี สสารระหว่างดาว ดาวฤกษ์แต่ละดวงอยู่ห่างไกลกันมาก ระหว่างดวงดาวจึงมีสสารระหว่างดาวซึ่งประกอบด้วยแก๊ส ฝุ่นธุลีชิ้นส่วนของสะเก็ดดาวแทรกคั่นอยู่ เนบิวลา กลุ่มเมฆหมอกของแก๊สและฝุ่นธุลีของสสารในอากาศ ที่อยู่ระหว่างดวงดาวใน กาแล็กซี่มี 3 ชนิด - เนบิวลาสว่าง - เนบิวลาเรืองแสง - เนบิวลามืด
กาแลกซีทางช้างเผือก
จบการนำเสนอ ขอบคุณค่ะ