Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.

Slides:



Advertisements
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
John Rawls  John Rawls is the most famous American social contract theorist argued that “Justice is fairness” He Thought human natural have a appropriate.
Advertisements

นานารำพึงของชีวิต (ชีวิตเมื่อคิดไป)
นางสาวอุทัยวรรณ ชัยมงคล กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
Moment in Life บางขณะของชีวิต.
Put the Glass Down จงวางแก้วใบนั้นลง
PERFECT TENSE.
Put “the Glass” Down วาง”แก้ว”ลง
ข้อแตกต่างระหว่าง กับ ผู้ชนะ ผู้แพ้.
English for everyday use
ว เคมีพื้นฐาน พันธะเคมี
Indirect Question word
ครูรุจิรา ทับศรีนวล. “Christmas Day” * อ่านเรื่องแล้วสรุป ใจความสำคัญได้ ครูรุจิรา ทับศรีนวล.
ภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปึที่ 4 Grammar & Reading ครูรุจิรา ทับศรีนวล.
สื่อการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ชุดฝึกเขียนสรุป (Writing Summary)
A Powerful Purpose – Part 1
Sermon 2: THE WORKS OF JESUS – TOUCHING LIVES THROUGH TEACHING
ความเชื่อที่จะมีชัยชนะ
คำเทศนาหัวข้อที่ 3: ประกาศข่าวดี SERMON 3: PREACHING GOOD NEWS
“เอาชนะเนื้อหนัง” OVERCOMING THE FLESH. “เอาชนะเนื้อหนัง” OVERCOMING THE FLESH.
ความเชื่อที่มีการประพฤติตาม
Part 1: By the Power of the Gospel
“ชีวิตที่ไร้กังวล” A WORRY FREE LIFE. “ชีวิตที่ไร้กังวล” A WORRY FREE LIFE.
A Powerful Purpose – Part 2
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
1. นี่เป็นสิ่งที่พระเยซูทรงทำ พระองค์ทรงรักษาทุกคน ที่เจ็บป่วยให้หายดี
Part 8 Overcoming Discouragement
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
1. มีความเชื่อมโยงกันโดยตรงระหว่างการได้ยิน สิ่งที่มองเห็น
สุขสันต์วันครบรอบคริสตจักร 19 ปี คริสตจักรเรมากรุงเทพฯ
เรื่องราวของวันคริสต์มาส
เตรียมลูกๆ ของท่านให้พร้อม
การประเมินความจำเป็นด้านสุขภาพ Health Needs Assessment - HNA
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
อย่ากลัวสิ่งใดเลย Fear Nothing. อย่ากลัวสิ่งใดเลย Fear Nothing.
เดือนครอบครัวแข็งแกร่ง
Direct Speech Vs Indirect Speech
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
ตอนที่ 3: ท่านเป็นผู้ชอบธรรมได้อย่างไร?
พระเยซูและเพื่อนของพระองค์
พื้นฐานอันแข็งแกร่งของความเชื่อ Faith’s Strong Foundation
คำเทศนาชุด: ท่านมีของประทาน
The Christmas Story Part 4: Jesus Reveals The Truth
“เข้าใจเรื่องความเชื่อ”
“คิดอย่างแชมป์” THINK LIKE A CHAMPION. “คิดอย่างแชมป์” THINK LIKE A CHAMPION.
ตอนที่ 2: ความเชื่อจากพระเจ้า
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
ตอนที่ 4: ผลประโยชน์ของความชอบธรรม
1 ยอห์น 1:5-7 5 นี่เป็นเรื่องราวซึ่งเราได้ยินจากพระองค์และประกาศแก่ท่าน คือพระเจ้าทรงเป็นความสว่าง ในพระองค์ไม่มีความมืดเลย 6 ถ้าเราอ้างว่ามีสามัคคีธรรมกับพระองค์แต่ยังดำเนินในความมืด.
พระคริสตธรรมล้านนา Lanna Theological Center, 2018
ความเชื่อที่จะเจริญรุ่งเรือง
ตอนที่ 6: ชอบธรรมที่ภายใน Part 6: Righteous On The Outside
1. พระเยซูทรงมีฤทธิ์เดชที่จะ ช่วยให้รอด
คุณลักษณะของเพื่อนที่ดีที่สุด
ตอนที่ 3 - โดยฤทธิ์เดชแห่งการอธิษฐาน Part 3 - By the Power of Prayer
“ความเชื่อที่นำสู่ชัยชนะ”
อิสยาห์ 54:14 “เจ้าจะได้รับการสถาปนาขึ้นใน
ตอนที่ 1: ผู้เลี้ยงที่ดีเลิศ Part 1: The Good Shepherd
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
แล้วไงเกี่ยวกับความจริง What About Truth?
“เคลื่อนไปสู่ชีวิตใหม่ ตอนที่ 2” Moving Into the Newness of Life
“เคลื่อนไปสู่ชีวิตใหม่” Moving Into the Newness of Life
1. พระเยซูทรงต้องการให้เราเป็น เหมือนพระองค์
ตอนที่ 4: เคลื่อนไปกับของประทานของท่าน Part 4: Flowing In Your Gift
ชีวิตคริสเตียนที่สมดุล ตอนที่ 1: เข้าใจความสมดุล
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
เรื่องราวของวันคริสต์มาส ตอนที่ 2: พระเจ้าทรงกลายมาเป็นมนุษย์
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
FREE INDEED! เสรีภาพให้เราเป็นไท
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
ใบสำเนางานนำเสนอ:

Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน

1 Thessalonians 3 and 4 Paul’s love and concern for the Thessalonians, Christian living, and Good News about the return of Christ

1Therefore when we could bear it no longer, we were willing to be left behind at Athens alone, 1เหตุฉะนั้นเมื่อเราทนอยู่ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว จึงเห็นชอบที่จะให้เขาปล่อยเราไว้ที่กรุงเอเธนส์แต่ลำพัง

2and we sent Timothy, our brother and God's coworker in the gospel of Christ, to establish and exhort you in your faith,

2และได้ให้ทิโมธีน้องของเรา ซึ่งเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ในเรื่องข่าวประเสริฐของพระคริสต์ไปหาพวกท่าน เพื่อจะได้ตั้งพวกท่านไว้ให้มั่นคงในเรื่องความเชื่อของท่าน และเพื่อจะได้ชูใจพวกท่าน

3that no one be moved by these afflictions 3that no one be moved by these afflictions. For you yourselves know that we are destined for this. 3เพื่อจะได้ไม่มีใครหวั่นไหวด้วยการยากลำบากเหล่านี้ ท่านเองก็รู้แล้วว่า เราถูกทรงกำหนดไว้แล้วสำหรับการนั้น

4For when we were with you, we kept telling you beforehand that we were to suffer affliction, just as it has come to pass, and just as you know.

4ด้วยว่าเมื่อเราได้อยู่กับท่านทั้งหลาย เราได้บอกท่านไว้ก่อนแล้วว่า เราจะต้องทนการยากลำบาก แล้วก็เป็นจริงอย่างนั้น ตามที่ท่านก็รู้อยู่แล้ว

5For this reason, when I could bear it no longer, I sent to learn about your faith, for fear that somehow the tempter had tempted you and our labor would be in vain.

5เพราะเหตุนี้ เมื่อข้าพเจ้าอดทนต่อไปอีกไม่ได้ ข้าพเจ้าจึงได้ใช้คนไปเพื่อจะได้รู้ถึงความเชื่อของท่าน เกรงว่าผู้ทดลองนั้นได้ทดลองท่านด้วยประการหนึ่งประการใด แล้วงานที่เราตรากตรำมาจะเป็นงานเปล่าประโยชน์ไป

6But now that Timothy has come to us from you, and has brought us the good news of your faith and love and reported that you always remember us kindly and long to see us, as we long to see you—

6แต่บัดนี้ทิโมธีได้จากพวกท่านมาถึงพวกเราแล้ว และได้นำข่าวดีมาบอกเราเรื่องความเชื่อ และความรักของท่านทั้งหลาย และเขาบอกว่าท่านระลึกถึงเราอยู่เสมอด้วยความหวังดี และใฝ่ฝันจะเห็นเราเหมือนอย่างเราใฝ่ฝันจะเห็นท่านดุจกัน

7for this reason, brothers, in all our distress and affliction we have been comforted about you through your faith. 7ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย โดยเหตุนี้ ความเชื่อของท่านได้ทำให้เราบรรเทาจากความทุกข์ยาก และความลำบากของเรา

8For now we live, if you are standing fast in the Lord

9For what thanksgiving can we return to God for you, for all the joy that we feel for your sake before our God, 9เราจะขอบพระคุณพระเจ้าเพราะท่านอย่างไรอีกจึงจะเหมาะ สำหรับความชื่นชมยินดีซึ่งเรามีอยู่เพราะท่าน จำเพาะพระพักตร์พระเจ้าของเรา

10as we pray most earnestly night and day that we may see you face to face and supply what is lacking in your faith? 10ขณะที่เราอธิษฐานทั้งกลางวันกลางคืนเพื่อจะได้เห็นหน้าท่านอีก จะได้เพิ่มเติมความเชื่อของท่านส่วนที่ยังบกพร่องอยู่ให้บริบูรณ์

11Now may our God and Father himself, and our Lord Jesus, direct our way to you, 11ขอองค์พระบิดาเจ้าและพระเยซูเจ้าของเราทั้งหลาย ทรงนำทางเราไปถึงท่าน

12and may the Lord make you increase and abound in love for one another and for all, as we do for you, 12และขอพระเป็นเจ้า ทรงให้ท่านทั้งหลายจำเริญและบริบูรณ์ไปด้วยความรักซึ่งกันและกัน และรักคนทั้งปวง เหมือนเรารักท่านทั้งหลายดุจกัน

13so that he may establish your hearts blameless in holiness before our God and Father, at the coming of our Lord Jesus with all his saints.

13เพื่อพระองค์จะได้ทรงชูใจของท่านไว้ให้ดำรงอยู่ในความบริสุทธิ์ ปราศจากข้อตำหนิต่อพระพักตร์พระบิดาเจ้าของเรา ในเมื่อพระเยซูเจ้าของเราจะเสด็จมากับธรรมิกชนทั้งปวงของพระองค์

Chapter 4 1Finally, then, brothers, we ask and urge you in the Lord Jesus, that as you received from us how you ought to live and to please God, just as you are doing, that you do so more and more.

1ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ในที่สุดนี้ เราขอวิงวอนและเตือนสติท่านในพระเยซูเจ้าว่า ท่านได้เรียนจากเราแล้วว่าควรจะประพฤติอย่างไร จึงจะเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า ท่านกำลังประพฤติอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่ขอประพฤติให้ยิ่งๆขึ้นไป

2For you know what instructions we gave you through the Lord Jesus

3For this is the will of God, your sanctification: that you abstain from sexual immorality; 3นี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ให้ท่านเป็นคนบริสุทธิ์ เว้นเสียจากการล่วงประเวณี

4that each one of you know how to control his own body in holiness and honor, 4ให้ท่านทุกคนรู้จักมีภรรยาในทางบริสุทธิ์ และในทางที่มีเกียรติ

5not in the passion of lust like the Gentiles who do not know God; 5มิใช่ด้วยราคะตัณหาเหมือนอย่างคนต่างชาติที่ไม่รู้จักพระเจ้า

6that no one transgress and wrong his brother in this matter, because the Lord is an avenger in all these things, as we told you beforehand and solemnly warned you.

6และอย่าให้ผู้ใดทำล่วงเกินและทำผิดต่อพี่น้องในเรื่องนี้เลย เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นผู้ทรงลงโทษคนที่กระทำผิดอย่างนั้น เหมือนอย่างที่เราได้บอกไว้ก่อนแล้ว

7For God has not called us for impurity, but in holiness

8Therefore whoever disregards this, disregards not man but God, who gives his Holy Spirit to you. 8เหตุฉะนั้นคนที่ปัดกฎนี้ทิ้งมิได้ปัดมนุษย์ทิ้ง แต่ได้ปัดพระเจ้าทิ้ง และพระองค์เป็นผู้ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ให้แก่ท่าน

9Now concerning brotherly love you have no need for anyone to write to you, for you yourselves have been taught by God to love one another,

9ส่วนเรื่องการรักพี่น้องทั้งหลายนั้น ไม่จำเป็นที่จะให้ใครเขียนถึงท่านอีก เพราะพระเจ้าทรงสอนท่านเองให้รักกันอยู่แล้ว

10for that indeed is what you are doing to all the brothers throughout Macedonia. But we urge you, brothers, to do this more and more, 10ความจริงท่านได้ประพฤติต่อพวกพี่น้องทั่วแคว้นมาซิโดเนียเช่นนั้นอยู่ แต่พี่น้องทั้งหลาย เราขอวิงวอนท่านให้มีความรักทวีขึ้นอีก

John ยอห์น 3:34-35 34A new commandment I give to you, that you love one another: just as I have loved you, you also are to love one another. 34เราให้บัญญัติใหม่ไว้แก่เจ้าทั้งหลาย คือให้เจ้ารักซึ่งกันและกัน เรารักเจ้าทั้งหลายมาแล้วอย่างไร เจ้าจงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น

35By this all people will know that you are my disciples, if you have love for one another.” 35ถ้าเจ้าทั้งหลายรักกันและกัน ดังนี้แหละคนทั้งปวงก็จะรู้ได้ว่าเจ้าทั้งหลายเป็นสาวกของเรา”

1 John ยอห์น 3:16-18 16By this we know love, that he laid down his life for us, and we ought to lay down our lives for the brothers.

16ดังนี้แหละเราจึงรู้จักความรัก โดยที่พระองค์ได้ทรงยอมสละพระชนม์ของพระองค์เพื่อเราทั้งหลาย และเราทั้งหลายก็ควรจะสละชีวิตของเราเพื่อพี่น้อง

17But if anyone has the world's goods and sees his brother in need, yet closes his heart against him, how does God's love abide in him? 17แต่ถ้าผู้ใดมีทรัพย์สมบัติในโลกนี้ และเห็นพี่น้องของตนขัดสนแล้วยังใจจืดใจดำไม่สงเคราะห์เขา ความรักของพระเจ้าจะดำรงอยู่ในผู้นั้นอย่างไรได้

18Little children, let us not love in word or talk but in deed and in truth. 18ลูกทั้งหลายเอ๋ย อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง

11and to aspire to live quietly, and to mind your own affairs, and to work with your hands, as we instructed you, 11และจงตั้งเป้าว่าจะอยู่อย่างสงบ และทำกิจธุระส่วนของตน และทำการงานด้วยมือของตนเอง เหมือนอย่างที่เรากำชับท่านแล้ว

12so that you may live properly before outsiders and be dependent on no one. 12เพื่อท่านจะได้เป็นที่นับถือของคนภายนอก และท่านจะไม่ต้องพึ่งอาศัยใครเลย

13But we do not want you to be uninformed, brothers, about those who are asleep, that you may not grieve as others do who have no hope. 13ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย เราไม่อยากให้ท่านไม่ทราบความจริงเรื่องคนที่ล่วงหลับไปแล้ว เพื่อท่านจะไม่เป็นทุกข์โศกเศร้า อย่างคนอื่นๆที่ไม่มีความหวัง

1 Corinthiansโครินธ์ 15:20-23, and 51-53 20But in fact Christ has been raised from the dead, the firstfruits of those who have fallen asleep. 20แต่ความจริงพระคริสต์ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว และทรงเป็นผลแรกในพวกคนทั้งหลายที่ได้ล่วงหลับไปแล้วนั้น

21For as by a man came death, by a man has come also the resurrection of the dead. 21เพราะว่าความตายได้อุบัติขึ้น เพราะมนุษย์คนหนึ่งเป็นเหตุฉันใด การเป็นขึ้นมาจากความตายก็ได้อุบัติขึ้น เพราะมนุษย์ผู้หนึ่งเป็นเหตุฉันนั้น

22For as in Adam all die, so also in Christ shall all be made alive

23But each in his own order: Christ the first fruits, then at his coming those who belong to Christ. 23แต่ว่าจะเป็นไปตามลำดับ คือพระคริสต์ทรงเป็นผลแรก แล้วภายหลังก็คือคนทั้งหลายที่เป็นของพระคริสต์ ในเมื่อพระองค์เสด็จมา

51Behold. I tell you a mystery 51Behold! I tell you a mystery. We shall not all sleep, but we shall all be changed, 51ดูก่อนท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้ามีความล้ำลึกที่จะบอกแก่ท่าน คือว่าเราจะไม่ล่วงหลับหมดทุกคน แต่เราจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่หมด

52in a moment, in the twinkling of an eye, at the last trumpet 52in a moment, in the twinkling of an eye, at the last trumpet. For the trumpet will sound, and the dead will be raised imperishable, and we shall be changed.

52ในชั่วขณะเดียว ในพริบตาเดียว เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เพราะว่าจะมีเสียงแตร และคนที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาปราศจากเน่าเปื่อย แล้วเราทั้งหลายจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่

53For this perishable body must put on the imperishable, and this mortal body must put on immortality. 53เพราะว่า สิ่งซึ่งเน่าเปื่อยนี้ต้องสวมซึ่งไม่เน่าเปื่อย และสภาพมตะนี้ต้องสวมสภาพอมตะ

14For since we believe that Jesus died and rose again, even so, through Jesus, God will bring with him those who have fallen asleep.

14เพราะในเมื่อเราเชื่อว่าพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์ และทรงคืนพระชนม์แล้ว โดยพระเยซูนั้น พระเจ้าจะทรงนำบรรดาคนที่ล่วงหลับไปแล้วนั้น มากับพระองค์

15For this we declare to you by a word from the Lord, that we who are alive, who are left until the coming of the Lord, will not precede those who have fallen asleep.

15ในข้อนี้เราขอบอกให้ท่านทราบ ตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า เราผู้ยังเป็นอยู่และคอยองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา จะล่วงหน้าไปก่อนคนเหล่านั้นที่ล่วงหลับไปแล้วก็หาไม่

16For the Lord himself will descend from heaven with a cry of command, with the voice of an archangel, and with the sound of the trumpet of God. And the dead in Christ will rise first.

16ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาจากสวรรค์ด้วยพระดำรัสสั่ง ด้วยสำเนียงเรียกของเทพบดีและด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงในพระคริสต์ที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาก่อน

17Then we who are alive, who are left, will be caught up together with them in the clouds to meet the Lord in the air, and so we will always be with the Lord.

17หลังจากนั้นเราทั้งหลายซึ่งยังเป็นอยู่ จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น และจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละ เราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์

18Therefore encourage one another with these words