Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน
Psalm เพลงสดุดีบทที่ 105
1Oh give thanks to the LORD; call upon His name; make known His deeds among the peoples! 1จงโมทนาขอบพระคุณพระเจ้า จงร้องทูลออกพระนามพระองค์ จงให้บรรดาพระราชกิจของพระองค์แจ้งแก่ชนชาติทั้งหลาย
2Sing to Him, sing praises to Him; tell of all His wondrous works
3Glory in His holy name; let the hearts of those who seek the LORD rejoice! 3จงอวดพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์ ให้จิตใจของบรรดาผู้แสวงหาพระเจ้าเปรมปรีดิ์
4Seek the LORD and His strength; seek His presence continually
5Remember the wondrous works that He has done, His miracles, and the judgments He uttered, 5จงระลึกถึงการอัศจรรย์ซึ่งพระองค์ทรงกระทำ การมหัศจรรย์และคำพิพากษาแห่งพระโอษฐ์ของพระองค์
6O offspring of Abraham, His servant, children of Jacob, His chosen ones! 6นะ พงศ์พันธุ์ของอับราฮัม ผู้รับใช้ของพระองค์ เชื้อสายของยาโคบ ผู้เลือกสรรของพระองค์
7He is the LORD our God; His judgments are in all the earth
8He remembers His covenant forever, the word that He commanded, for a thousand generations, 8พระองค์ทรงจดจำพันธสัญญาของพระองค์อยู่เป็นนิตย์ คือพระวจนะที่พระองค์ทรงพระบัญชาไว้ตลอดชั่ว หนึ่งพันชาติพันธุ์
9the covenant that He made with Abraham, His sworn promise to Isaac, 9คือพันธสัญญาซึ่งพระองค์ทรงกระทำไว้กับ อับราฮัม พระสัญญาซึ่งทรงปฏิญาณไว้กับอิสอัค
10which He confirmed to Jacob as a statute, to Israel as an everlasting covenant, 10ซึ่งพระองค์ทรงยืนยันอีกกับยาโคบให้เป็นกฎเกณฑ์ แก่อิสราเอล ให้เป็นพันธสัญญานิรันดร์
11saying, “To you I will give the land of Canaan as your portion for an inheritance.” 11ว่า “เราจะให้แผ่นดินคานาอันแก่เจ้า” เป็นส่วนมรดกของเจ้าทั้งหลาย
12When they were few in number, of little account, and sojourners in it, 12เมื่อเขายังมีคนจำนวนน้อย จำนวนน้อยจริง ยังเป็นแต่คนอาศัยอยู่ในนั้น
13wandering from nation to nation, from one kingdom to another people, 13พเนจรไปจากประชาชาตินี้ถึงประชาชาตินั้น จากราชอาณาจักรนี้ถึงอีกชนชาติหนึ่ง
14 He allowed no one to oppress them; He rebuked kings on their account, 14พระองค์มิได้ทรงยอมให้ผู้ใดบีบบังคับเขา พระองค์ทรงขนาบพระราชาหลายองค์ด้วยเห็นแก่เขา
15saying, “Touch not my anointed ones, do my prophets no harm
16When He summoned a famine on the land and broke all supply of bread, 16เมื่อพระองค์ทรงเรียกการกันดารอาหาร ให้เกิดขึ้นที่แผ่นดิน และทรงทำลายอาหารที่บำรุงชีวิตเสีย สิ้น
17He had sent a man ahead of them, Joseph, who was sold as a slave
18His feet were hurt with fetters; his neck was put in a collar of iron; 18เท้าของเขาเจ็บช้ำด้วยตรวน คอของเขาเข้าอยู่ในปลอกเหล็ก
19until what he had said came to pass, the word of the LORD tested him
20The king sent and released him; the ruler of the peoples set him free; 20พระราชาก็ทรงใช้ให้ไปปล่อยตัวเขา ผู้ปกครองของชนชาติทั้งหลายได้ปล่อยเขาเป็น อิสระ
21he made him lord of his house and ruler of all his possessions, 21พระราชาทรงตั้งเขาให้เป็นเจ้านายเหนือวังของพระองค์ เป็นผู้ปกครองกรรมสิทธิ์ของพระองค์
22to bind His princes at His pleasure and to teach His elders wisdom
23Then Israel came to Egypt; Jacob sojourned in the land of Ham
24And the LORD made His people very fruitful and made them stronger than their foes. 24และพระเจ้าทรงกระทำให้ประชากรของ พระองค์มีลูกดก และทรงกระทำให้เขาแข็งแรงกว่าคู่อริของเขา
25He turned their hearts to hate His people, to deal craftily with His servants. 25พระองค์ทรงหันใจเขาเหล่านั้นให้เกลียดประชากร ของพระองค์ ให้ใช้กลอุบายแก่ผู้รับใช้ของพระองค์
26He sent Moses, His servant, and Aaron, whom He had chosen
27They performed His signs among them and miracles in the land of Ham
28He sent darkness, and made the land dark; they did not rebel against His words. 28พระองค์ทรงใช้ความมืดมา กระทำให้แผ่นดินมืด เขาทั้งหลายมิได้กบฏต่อพระวจนะของพระองค์
29He turned their waters into blood and caused their fish to die
30Their land swarmed with frogs, even in the chambers of their kings
31He spoke, and there came swarms of flies, and gnats throughout their country. 31พระองค์ตรัส และฝูงเหลือบก็มา และริ้นมีไปทั่วในแผ่นดินของเขา
32He gave them hail for rain, and fiery lightning bolts through their land. 32พระองค์ประทานลูกเห็บแก่เขาแทนฝน และฟ้าผ่าทั่วแผ่นดินของเขา
33He struck down their vines and fig trees, and shattered the trees of their country. 33พระองค์ทรงนาบเถาองุ่น และต้นมะเดื่อเทศของเขา และทรงฟาดต้นไม้ในประเทศของเขาให้หัก
34He spoke, and the locusts came, young locusts without number, 34พระองค์ตรัส และตั๊กแตนวัยบินก็มา และตั๊กแตนวัยกระโดดมานับไม่ถ้วน
35which devoured all the vegetation in their land and ate up the fruit of their ground. 35มากินพืชในแผ่นดินของเขาหมด และกินผลแห่งดินของเขาสิ้น
36He struck down all the firstborn in their land, the firstfruits of all their strength. 36พระองค์ทรงสังหารลูกหัวปีในแผ่นดินของเขา คือผลแรกแห่งกำลังของเขา
37Then He brought out Israel with silver and gold, and there was none among His tribes who stumbled. 37แล้วพระองค์ทรงนำอิสราเอลออกไป พร้อมกับเงินและทองคำ และไม่มีสักคนหนึ่งในเผ่าของพระองค์สะดุด
38Egypt was glad when they departed, for dread of them had fallen upon it. 38เมื่อเขาพรากจากไป อียิปต์ก็ยินดี เพราะความครั่นคร้ามต่ออิสราเอล ได้ตกอยู่บนเขา
39He spread a cloud for a covering, and fire to give light by night
40They asked, and he brought quail, and gave them bread from heaven in abundance. 40เขาทั้งหลายร้องขอ และพระองค์ทรงนำนกคุ่มมา และประทานอาหารจากฟ้าให้เขาอย่างอุดม
41He opened the rock, and water gushed out; it flowed through the desert like a river. 41พระองค์ทรงเปิดหิน และน้ำก็ไหลออกมา มันไหลไปเป็นแม่น้ำในที่แห้งแล้ง
42For He remembered His holy promise, and Abraham, His servant
43So He brought His people out with joy, His chosen ones with singing
44And He gave them the lands of the nations, and they took possession of the fruit of the peoples' toil, 44และพระองค์ประทานแผ่นดินของบรรดา ประชาชาติให้แก่เขา และเขาได้ผลงานของชาติทั้งหลายเป็นกรรมสิทธิ์
45that they might keep His statutes and observe His laws 45that they might keep His statutes and observe His laws. Praise the LORD! 45เพื่อเขาจะรักษากฎเกณฑ์ของพระองค์ และถือปฏิบัติพระธรรมของพระองค์ จงสรรเสริญพระเจ้าเถิด