เรื่อง ชีวิตและครอบครัว กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง ชีวิตและครอบครัว ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่มที่ 2 ความเสมอภาคทางเพศ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา วิชา สุขศึกษา พ32101
1. คุณค่าของความเสมอภาคทางเพศ 1.1 ความเสมอภาคทางเพศของเพศชายและเพศหญิง ความเสมอภาคทางเพศ หมายถึง ความเท่าเทียมกันของเพศชายและเพศหญิง ในเรื่องต่างๆ ทั้งในทางกฎหมายและสังคม การสร้างคุณค่าทางเพศให้เท่าเทียมกัน ควรปฏิบัติดังนี้ 1. สร้างค่านิยมให้มีกระบวนการคิดและสร้างความเข้าใจ ในเรื่องความ เป็นเพศชายหญิงให้เกิดขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก 2. สร้างกระบวนการคิดในการเคารพสิทธิของตนเอง และผู้อื่น 3. สนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้ถึงคุณค่าของความเป็นเพศชายและ เพศหญิง พร้อมเกิดพฤติกรรมที่เหมาะสม 4. เปิดโอกาสในสังคมให้เพศชายและเพศหญิง ได้แสดงออกโดยเท่า เทียมกัน
คำถาม 1. นักเรียนตอบหน่อยซิครับว่า ความเสมอภาคทางเพศ หมายถึง .................................................................................................................... 2. การแต่งงานระหว่างชายและหญิงสร้างความสัมพันธ์ในการเสมอภาคทางเพศ อย่างไร ..................................................................................................................... 3. ลักษณะเด่นของการประกอบอาชีพของหญิงในปัจจุบัน บ่งบอก ให้เห็นความ เสมอภาคในด้าน ........................................................................................................................ 4. จากคำกล่าว“ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง” หมายความว่า
คำตอบ 1. ความเท่าเทียมกันของเพศชาย และเพศหญิง ในเรื่องต่างๆ 1. ความเท่าเทียมกันของเพศชาย และเพศหญิง ในเรื่องต่างๆ 2. เมื่อผู้หญิงกับผู้ชายตัดสินใจที่จะแต่งงานกัน ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่จะใช้ชีวิต ร่วมกันต้องให้เกียรติซึ่งกันและกันยอมรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกันไม่กดขี่ข่มเหงกัน 3. สิทธิเสรีภาพการแสดงออก ความเท่าเทียมกันในการทำงานความรับผิดชอบ การตัดสินใจ ฯลฯ 4. ผู้ชายจะเป็นผู้นำ ส่วนผู้หญิงจะเป็นผู้ตาม
1. คุณค่าของความเสมอภาคทางเพศ (ต่อ) 1. คุณค่าของความเสมอภาคทางเพศ (ต่อ) 1.2 ลักษณะและบทบาททางเพศของชายและหญิง ความแตกต่างของเพศชายและเพศหญิง เริ่มจากการกำหนดเพศโดยเริ่มตั้งแต่การปฏิสนธิจากครรภ์มารดา เพศหญิงจะมีแต่โครโมโซม XX ส่วน เพศชายจะมีโครโมโซม XY เด็กวัยทารกอายุไม่เกิน 2 ขวบ จะไม่ค่อยมีความแตกต่างของร่างกายทั้ง 2 เพศ จะดูแตกต่างกันเพียงการใช้เครื่อง แต่งกายที่แตกต่างกันเท่านั้น
ข้อสังเกตบางประการที่ลักษณะของชายและหญิงแตกต่างกัน 1. ขนาดและความแข็งแรงของร่างกาย ผู้ชายจะมีขนาดร่างกายโตกว่า มีความแข็งแรงกว่าและทำงานหนักมากกว่าผู้หญิง 2. รูปร่างหน้าตา ผู้ชายมักมีรูปร่างหน้าตาไม่สวยงาม มักมีรูปร่างหน้าตา แข็งแรง บึกบึน 3. กิริยาท่าทาง ผู้หญิงจะดูมีกิริยาเรียบร้อย นุ่มนวล ซึ่งผู้ชายดูองอาจห้าวหาญ ทะมัดทะแมงชอบเสี่ยงภัย 4. การพูดจา ผู้ชายจะมีเสียงห้าวหาญและดังกว่าผู้หญิง มองลูกกระเดือก ที่ลำคออย่างเห็นได้ชัด 5. การแต่งกาย โดยทั่วไปผู้ชายจะรักสวยรักงามน้อยกว่าผู้หญิง ชอบแต่งตัว ตามสบายส่วนผู้หญิงจะรักสวยรักงาม ชอบแต่งตัว และใช้เครื่องสำอาง
คำถาม 1. ทารกในครรภ์ เพศหญิงมีโครโมโซม คือ........ 1. ทารกในครรภ์ เพศหญิงมีโครโมโซม คือ........ 2. ทารกในครรภ์ เพศชายมีโครโมโซม คือ......... 3. บทบาทของผู้หญิงและผู้ชายมีความเท่าเทียมกันในสังคมหรือไม่ อย่างไร 4. จงยกตัวอย่างผู้หญิงที่มีชื่อเสียง และมีบทบาทสำคัญในสังคมไทย ปัจจุบัน 2 ท่าน พร้อมอธิบายบทบาทที่ชัดเจน 5. ในปัจจุบันความเสมอภาคทางเพศของชายและหญิงในครอบครัวลด น้อยลงจะมีแนวคิดสร้างครอบครัวให้ความเสมอภาคได้อย่างไร
คำตอบ 1. ทารกในครรภ์ เพศหญิงมีโครโมโซม คือ X X 2. ทารกในครรภ์ เพศชายมีโครโมโซม คือ XY 3. บทบาทของผู้หญิงและผู้ชายไม่มีความเท่าเทียมกัน ในสังคมเพราะยังไม่ยอมรับ ทั้งหมดเนื่องจากสภาพสังคมไทยดั้งเดิมผู้หญิงเป็นแม่บ้านและเลี้ยงบุตร ผู้ชายทำงานหาเลี้ยงครอบครัวให้การตัดสินใจทุกอย่างเป็นของผู้ชาย ถือว่าเป็นช้างเท้าหน้าอยู่ 4. ผู้หญิงที่มีชื่อเสียงและบทบาทสำคัญในสังคมไทยในปัจจุบัน 2 ท่านคือ 1. คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน 2. แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสำนักนิติ วิทยาศาสตร์การพิสูจน์หลักฐานคดีต่างๆ ในหลักความเท่าเทียมกันให้เกียรติซึ่งกันและกันทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ซึ่งทำให้เกิดผลดีต่อครอบครัวตลอดจนจิตใจภายในครอบครัวด้วย
2. การวางตัวต่อเพศเดียวกัน 2. การวางตัวต่อเพศเดียวกัน การวางตัวต่อเพศเดียวกัน หมายถึง การประพฤติปฏิบัติต่อกัน เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างกันในแบบเพื่อน แบ่งได้ 2 แบบดังนี้ 2.1 การวางตัวต่อเพศเดียวกันแบบเพื่อน 2.2 การวางตัวต่อเพศเดียวกันแบบพี่น้อง
2. การวางตัวต่อเพศเดียวกัน (ต่อ) 2. การวางตัวต่อเพศเดียวกัน (ต่อ) 2.1 การวางตัวต่อเพศเดียวกันแบบเพื่อน ควรปฏิบัติต่อเพื่อนด้วยการพูด การแสดง กริยาท่าทางเป็นมิตรไมตรีต่อกัน มีการแบ่งปันในสิ่งที่สามารถจะแบ่งปันกันได้ พูดจาสุภาพต่อกัน ไม่ทะเลาะกัน พูดคุยกันด้วยเหตุผล ช่วยเหลือเป็นคู่คิดกัน ตักเตือนเพื่อนเมื่อเพื่อนหลงผิด มีความจริงใจ และเอื้ออาทรต่อกัน
2. การวางตัวต่อเพศเดียวกัน (ต่อ) 2. การวางตัวต่อเพศเดียวกัน (ต่อ) 2.2 การวางตัวต่อเพศเดียวกันแบบพี่น้อง การปฏิบัติเช่นเดียวกับการวางตัวแบบเพื่อน แต่คนที่เป็นพี่ต้องเสียสละมากกว่า มีความเอ็นดูปกป้องน้อง ช่วยเหลือให้คำแนะนำสั่งสอนน้องในฐานะที่มีประสบการณ์มากกว่า เป็นแบบอย่างที่ดีแก่น้อง วางตัวเป็นที่เคารพนับถือของน้องไม่เอาเปรียบน้อง
คำถาม ให้นักเรียนเขียนประสบการณ์ของตนเองเกี่ยวกับ การวางตัวต่อเพศเดียวกัน ตามหัวข้อที่กำหนดให้ 1. การวางตัวต่อเพศเดียวกันแบบเพื่อน ............................................................................................................................. 2. การวางตัวต่อเพศเดียวกันแบบพี่น้อง 3. การวางตัวต่อเพศเดียวกันแบบเพื่อน ต่างกับแบบพี่น้องอย่างไร
คำตอบ 1. การวางตัวต่อเพศเดียวกันแบบเพื่อน ต้องพูดคุยและมีท่าทางเป็นมิตรไมตรีต่อกันอย่างจริงจังไม่ทะเลาะกันแบ่งปันสิ่งของตามความเหมาะสมให้แก่กัน 2. การวางตัวต่อเพศเดียวกันแบบพี่น้อง เสียสละต่อน้องและปฏิบัติเป็นแบบอย่างที่ดีต่อน้อง ให้คำปรึกษาแนะนำน้อง ตามสมควร 3. การวางตัวต่อเพศเดียวกันแบบเพื่อนต่างกับแบบพี่น้อง ช่วยเหลือให้ความเสียสละ และให้คำปรึกษาได้
3. การปรับตัวต่อเพศตรงข้าม 3. การปรับตัวต่อเพศตรงข้าม เมื่อเด็กเจริญเติบโตเป็นวัยรุ่น การเจริญเติบโตทั้งด้านร่างกาย และจิตใจมีมากขึ้น จนเกิดเป็นความต้องการทางเพศ ทำให้เกิดแรงขับ ทางเพศ จึงต้องมีการปรับตัวทางเพศขึ้น ดังนี้ 3.1 การปรับตัวทางด้านร่างกาย 3.2 การปรับตัวทางด้านจิตใจ
3. การปรับตัวต่อเพศตรงข้าม (ต่อ) 3. การปรับตัวต่อเพศตรงข้าม (ต่อ) 3.1 การปรับตัวทางด้านร่างกาย การเจริญเติบโตด้านร่างกายของวัยรุ่น แม้วุฒิภาวะทางเพศพร้อมที่จะทำการสืบพันธุ์ได้ แต่วุฒิภาวะทางสังคมและเศรษฐกิจยังไม่พร้อมเพราะการที่ชายหญิงจะอยู่ร่วมกันเป็นสามี ภรรยา นั้น จำเป็นต้องมีความพร้อมหลายๆ ด้านเสียก่อน
คำถาม คำสั่ง จงกาเครื่องหมาย หน้าข้อที่ถูก และกาเครื่องหมาย หน้าข้อที่ผิด .......1. Sex Drive เป็นแรงขับทางเพศ ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของมนุษย์ .......2. การที่ผู้ชายและผู้หญิงจะอยู่ร่วมกันเป็นสามี ภรรยาต้องมีความพร้อม หลายๆ ด้าน .......3. วัยรุ่นไม่ควรควบคุมแรงขับทางเพศ ควรปล่อยไปตามธรรมชาติเพราะ ร่างกายมีวุฒิภาวะทางเพศพร้อมแล้ว .......4. การเปลี่ยนแปลงของวัยรุ่นเกิดจากการทำงานของต่อมมีท่อ .......5. การวางตัวที่เหมาะสม ต่อเพื่อนต่างเพศถือว่าเป็น วีธีการปรับตัวในเรื่อง การปรับตัวทางด้านร่างกาย
คำตอบ 1. Sex Drive เป็นแรงขับทางเพศ ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของมนุษย์ 2. การที่ผู้ชายและผู้หญิงจะอยู่ร่วมกันเป็นสามี ภรรยา ต้องมีความพร้อม หลายๆ ด้าน 3. วัยรุ่นไม่ควรควบคุมแรงขับทางเพศ ควรปล่อยไปตามธรรมชาติ เพราะร่างกายมีวุฒิภาวะทางเพศพร้อมแล้ว 4. การเปลี่ยนแปลงของวัยรุ่นเกิดจากการทำงานของต่อมมีท่อ 5. การวางตัวที่เหมาะสมต่อเพื่อนต่างเพศ ถือว่าเป็นวิธีการปรับตัว ในเรื่องการปรับตัวทางด้านร่างกาย
3. การปรับตัวต่อเพศตรงข้าม (ต่อ) 3. การปรับตัวต่อเพศตรงข้าม (ต่อ) 3.2 การปรับตัวทางด้านจิตใจ ความสนใจทางเพศระหว่างชายและหญิง ที่เกิดขึ้นในวัยรุ่นเป็นเรื่องธรรมชาติซึ่งแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน บางคนปรับตัวเข้ากับเพื่อนต่างเพศได้เร็ว บางคนปรับตัวได้ช้า บางคนมีปัญหาในการปรับตัว
คำถาม เลือกข้อที่ถูกที่สุด เพียงข้อละคำตอบเดียว 1. คำว่า “ ความรัก ” หมายถึง อะไร ก. ความสงสาร ข. ความเอื้ออาทร ค. ความเมตตา ความปรารถนาดี ง. ถูกทุกข้อ 2. บุคคลประเภทใดที่น่าจะปรับตัวเข้ากับเพศตรงข้ามได้ยาก ก. พูดมาก ข. เห็นแก่ตัว ค. พูดน้อยแต่ทำมาก ง. เก็บความลับไม่อยู่ 3. นักเรียนควรใช้หลักข้อใดในการคบเพื่อนต่างเพศ ก. ปฏิบัติตามความรู้สึกที่มีอยู่ ข. ต้องขออนุญาตจากพ่อแม่ก่อน ค. ไม่จำเป็นไม่ควรคบเพื่อนต่างเพศ ง. พยายามให้อยู่ในขอบเขตจารีต ประเพณี
คำตอบ 1. คำว่า “ ความรัก ” หมายถึง อะไร ง. ถูกทุกข้อ 1. คำว่า “ ความรัก ” หมายถึง อะไร ง. ถูกทุกข้อ 2. บุคคลประเภทใดที่น่าจะปรับตัวเข้ากับเพศตรงข้ามได้ยากเห็นแก่ตัว ข. เห็นแก่ตัว 3. นักเรียนควรใช้หลักข้อใดในการคบเพื่อนต่างเพศ ง. พยายามให้อยู่ในขอบเขตจารีตประเพณี
4. การวางตัวต่อเพศตรงข้าม การวางตัวต่อเพศตรงข้าม หมายถึง การที่ชายและหญิงประพฤติปฏิบัติ ต่อกัน เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างกันในแบบเพื่อน แบบพี่น้อง หรือแบบคู่รัก ภายใต้สภาพแวดล้อมจนขนบธรรมเนียมประเพณีในสังคมนั้น ๆ
4. การวางตัวต่อเพศตรงข้าม (ต่อ) 4.1 การวางตัวต่อเพศตรงข้ามแบบเพื่อน บุคคลควรปฏิบัติต่อเพศตรงข้าม ทั้งด้านการพูด การแสดงกิริยาท่าทาง ความประพฤติอื่น ๆ ที่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ควรล่วงเกิน ฝ่ายหญิงหรือที่เรียกว่า “แต๊ะอั๋ง” ไม่ว่าเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตามระวังคำพูดที่ทะลึ่ง พูดสองแง่สองง่าม
คำถาม 1. การวางตัวต่อเพศตรงข้าม .................................................................................................................................................. 2. การวางตัวต่อเพศตรงข้ามแบบเพื่อน หมายถึง .................................................................................................................................................. 3. การวางตัวต่อเพศตรงข้ามแบบเพื่อนชาย มีสิ่งใดบ้างที่ไม่เหมาะสม (สมมติเป็นหญิง) .................................................................................................................................................. 4. การวางตัวต่อเพศตรงข้ามแบบเพื่อนหญิง มีสิ่งใดบ้างที่ไม่เหมาะสม(สมมติเป็นชาย) 5. ลักษณะของคำว่า “ เป็นเพื่อนตาย ” แสดงถึงบุคคลประเภทใด
คำตอบ 1. การวางตัวต่อเพศตรงข้าม หมายถึง 1. การวางตัวต่อเพศตรงข้าม หมายถึง การที่ชายหรือหญิง ประพฤติปฏิบัติต่อกันเพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดี 2. การวางตัวต่อเพศตรงข้ามแบบเพื่อน หมายถึง ควรพูดแสดงกิริยาท่าทาง และประพฤติ ปฏิบัติอื่นๆ ด้วยความสุภาพให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ล่วงเกินซึ่งกันและกัน 3. การวางตัวต่อเพศตรงข้ามแบบเพื่อนชาย มีสิ่งใดบ้างที่ไม่เหมาะสม (สมมติเป็นหญิง) เช่น มีนิสัยเจ้าชู้ ชอบล่วงเกิน พูดจาส่อไปในสิ่งลามก 4. การวางตัวต่อเพศตรงข้ามแบบเพื่อนหญิง มีสิ่งใดบ้างที่ไม่เหมาะสม(สมมติเป็นชาย) เช่น ไม่พาไปในสถานที่ที่ไม่เหมาะสม ไม่ชักชวนหรือนำพาไปในสิ่งที่เสื่อมเสีย 5. ลักษณะของคำว่า “เป็นเพื่อนตาย” แสดงถึงบุคคลประเภทใด เป็นเพื่อนที่ยอมตาย แทนเพื่อนได้
4. การวางตัวต่อเพศตรงข้าม (ต่อ) 4.2 การวางตัวต่อเพศตรงข้ามแบบพี่น้อง การวางตัวต่อเพศตรงข้ามแบบพี่น้อง มีทั้งแบบฝ่ายชายเป็นพี่ ฝ่ายหญิงเป็นน้อง และฝ่ายชายเป็นน้อง ฝ่ายหญิงเป็นพี่ ซึ่งการปฏิบัติโดยทั่วไปก็เหมือนกับการวางตัวแบบเพื่อน แต่คนที่เป็นพี่ ต้องเสียสละมากกว่า มีความเอ็นดูต่อน้อง ปกป้องน้องช่วยเหลือน้อง ให้คำแนะนำสั่งสอนน้องตามสมควร ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีแก่น้อง วางตัวเป็นที่เคารพนับถือของน้อง
คำถาม เลือกข้อที่ถูกที่สุด เพียงข้อละคำตอบเดียว 1. การวางตัวต่อเพศตรงข้ามแบบพี่น้อง ควรปฏิบัติอย่างไร ก. พี่ควรเสียสละมากกว่าน้อง ข. พี่ต้องปกป้องช่วยเหลือน้อง ค. เหมือนกับการวางตัวแบบเพื่อน ง. ถูกทุกข้อที่กล่าวมา 2. เมื่อนักเรียนเกิดมีปัญหากับเพื่อน ควรปฏิบัติอย่างไรดี ก. เลิกคบกัน ข. หาโอกาสพูดคุยกันให้เข้าใจ ค. ถ้าเพื่อนมาคืนดีก่อน ก็ให้อภัย ง. ให้เพื่อนที่สนิทปรับความเข้าใจให้ 3. สิ่งแรก ในการสร้างมิตรไมตรีให้แก่กันและกันคือข้อใด ก. การพูดคุย ข. การทักทาย ค. การเห็นรอยยิ้ม ง. ถูกทุกข้อที่กล่าว
คำตอบ 1. การวางตัวต่อเพศตรงข้ามแบบพี่น้อง ควรปฏิบัติอย่างไร 1. การวางตัวต่อเพศตรงข้ามแบบพี่น้อง ควรปฏิบัติอย่างไร ง. ถูกทุกข้อที่กล่าวมา 2. เมื่อนักเรียนเกิดมีปํญหากับเพื่อน ควรปฏิบัติอย่างไรดี ข. หาโอกาสพูดคุยกันให้เข้าใจ 3. สิ่งแรก ในการสร้างมิตรไมตรีให้แก่กันและกันคือข้อใด ง. ถูกทุกข้อที่กล่าว
4. การวางตัวต่อเพศตรงข้าม (ต่อ) 4.3 การวางตัวต่อเพศตรงข้ามแบบคู่รัก การวางตัวต่อเพศตรงข้ามแบบคู่รัก การปฏิบัติตัว จะเหมือนการวางตัวแบบเพื่อน แต่จะมีความพิเศษ ความละเอียดลึกซึ้ง เช่น การช่วยเหลือกันมากขึ้น เสียสละต่อกันมากขึ้น ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ห่วงใยเอื้ออาทรกันมากขึ้น คำนึงถึงความรู้สึกกันของอีกฝ่ายหนึ่งมากขึ้น
คำถาม เลือกข้อที่ถูกที่สุด เพียงข้อละคำตอบเดียว 1. ข้อใดคือการวางตัวต่อเพศตรงข้ามแบบคู่รัก ที่น่าเป็นห่วงที่สุด ก. การไม่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ข. การที่ผู้ชายและผู้หญิงจับมือถือแขนกัน ค. การที่ผู้ชายไม่ปกป้องและช่วยเหลือผู้หญิง ง. ความสัมพันธ์ที่เกินเลยจนถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์ 2. สังคมไทย ยอมรับให้ชายและหญิงมีเพศสัมพันธ์ได้เมื่อใด ก. จบการศึกษา ข. มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ ค. แต่งงานตามประเพณี ง. มีอาชีพรับผิดชอบตนเองได้ 3. ข้อใดถือว่า เป็นลักษณะการวางตัวที่ไม่เหมาะสมต่อเพื่อนทั้งเพศเดียวกัน และเพื่อนต่างเพศ ก. พันธะศักดิ์ชอบเฮฮาไปตามเพื่อนื้ ข. ดวงดีให้กำลังใจเพื่อนในทุกกรณี ค. เจษฎาไม่กล่าวให้ร้ายเพื่อนต่อหน้าและลับหลัง ง. พีระคอยช่วยเหลือเพื่อนตามโอกาสที่เหมาะสม
คำตอบ 1. ข้อใด คือการวางตัวต่อเพศตรงข้ามแบบคู่รัก ที่น่าเป็นห่วงที่สุด 1. ข้อใด คือการวางตัวต่อเพศตรงข้ามแบบคู่รัก ที่น่าเป็นห่วงที่สุด ค. ความสัมพันธ์ที่เกินเลยจนถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์ 2. สังคมไทย ยอมรับให้ชายและหญิงมีเพศสัมพันธ์ได้เมื่อใด ค. แต่งงานตามประเพณี 3. ข้อใดถือว่า เป็นลักษณะการวางตัวที่ไม่เหมาะสมต่อเพื่อนทั้งเพศเดียวกัน และเพื่อนต่างเพศ ก. พันธะศักดิ์ชอบเฮฮาไปตามเพื่อน
เรื่อง ความเสมอภาคทางเพศ บทสรุป เรื่อง ความเสมอภาคทางเพศ วัยรุ่นยังเป็นวัยที่ต้องศึกษาเล่าเรียน ผู้ที่อยู่ในวัยนี้ยังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิต และบุตรที่จะเกิดตามมาได้ ดังนั้น วัยรุ่นชายและหญิง จึงควรหลีกเลี่ยงการอยู่ด้วยกันตามลำพัง ไม่เสพของมึนเมา อันจะทำให้ขาดสติสัมปชัญญะ ซึ่งอาจนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ได้และควรหาทางระบายความต้องการทางเพศในทางที่สร้างสรรค์ เช่น การร่วมกิจกรรมหมู่คณะ การเล่นดนตรี การทำงานอดิเรก เป็นต้น ขอให้โชคดีทุกคน ..นะครับ