เนื้อเรื่อง สามัคคีเภทคำฉันท์
ณ แคว้นมคธ
ข้าขออาสาเป็นไส้ศึกเองขอรับ ข้าต้องการยึด แคว้นวัชชี !! ข้าขออาสาเป็นไส้ศึกเองขอรับ
ณ แคว้นวัชชี
มาเป็นครูให้ลูกพวกเราสิ ข้าถูกไล่มา เลยมารับราชการที่นี่
เรียนอะไรกันดีวันนี้ ?
เมื่อเช้ากินอะไรมาหรือ ?
อาจารย์ถามว่าเมื่อเช้าทานอะไร จริงหรอ ? คุยไรกับอาจารย์หรือ?
คนอื่นบอกว่าพ่อเจ้านั้นจน
คนอื่นหาว่าพ่อจนครับ
ว่าข้าหรอเชอะ!!
ไม่มีใครมาเลยหรอ.. ประชุม !!!
พวกนี้ขาดความสามัคคีแล้วขอรับ จัดการเลย!!
เมืองนี้เป็นของข้าแล้ว!!
ตอนวัสสการพราหมณ์เริ่มทำอุบายทำลายสามัคคี (ภุชงคประยาค ฉันท์12) วัสสการพราหมณ์แกล้งเรียกราชกุมารองค์หนึ่งเข้าไปในที่ลับๆ แล้วถามว่า ชาวนาจูงวัวไปไถนาใช่หรือไม่ พระกุมารองค์ก็ตอบว่าใช่ เมื่อพระกุมารองค์นั้นออกมา พระกุมารองค์ถามว่าพระอาจารย์เรียกเข้าไปถามอะไร ราชกุมารก็ตอบตามจริง แต่พระกุมารองค์อื่นไม่เชื่อ เพราะคิดว่าอาจารย์ไม่น่าจะเรียกไปถามแค่นี้ในที่ลับตาคน พระกุมารองค์อื่นเริ่มรู้สึกระแวงราชกุมารองค์นั้น
ตอนวัสสการพราหมณ์เริ่มทำอุบายทำลายสามัคคี (มาณวก ฉันท์8) ต่อมาวัสสการพรามหมณ์ก็เรียกกุมารองค์อื่นไปสอนในที่ลับตาคนถามว่า วันนี้กินอะไรมาอร่อยมั้ย พระกุมารก็ตอบพราหมณ์ไป เมื่อเรียนเสร็จ ราชกุมารองค์อื่นก็ถามพระกุมารองค์นั้นว่า อาจารย์พูดอะไรด้วยพระราชกุมารองค์นั้นก็ตอบตามจริง แต่ราชกุมารองค์อื่นๆไม่เชื่อ และเกิดความรู้สึกระแวง
ตอนวัสสการพราหมณ์เริ่มทำอุบายทำลายสามัคคี (อุเปนทรวิเชียร ฉันท์11) วัสสการพราหมณ์ยังกระหน่ำวิธีการเดิม เมื่อเห็นว่าเหมาะ จะเรียกราชกุมารองค์หนึ่งไปพูดไร้สาระด้วย หรือไม่ก็แกล้งบอกว่าตนได้ยินกุมารองค์อื่นพูดว่าท่านจนบ้าง หรือมีรูปร่างพิกลพิการบ้าง ราชกุมารเชื่อโดยไม่ไตร่ตรองจึงโกรธราชกุมารองค์อื่นๆ และทะเลาะกัน ราชกุมารแต่ละองค์ต่างถือว่ามีพ่อที่เก่งกาจ
ตอนกษัตริย์ลิจฉวีแตกสามัคคี วัสสการพราหมณ์ลอบส่งข่าวทูลพระเจ้าอชาตศัตรู (สัทธรา ฉันท์21) หลังจากวัสสการพราหมณ์ยุแล้ว พวกราชกุมารทุกองค์ต่างก็เชื่อคำยุยง จึงต่างนำเรื่องไปฟ้องบิดาของตน จนลามไปถึงบรรดากษัตริย์ลิจฉวี บรรดากษัตริย์ลิจฉวีต่างก็เชื่อคำของลูก โดยไม่สืบสวนความ เวลาล่วงไปสามปี ความสามัคคีของบรรดาเหล่ากษัตริย์ลิจฉวีก็สิ้นสุดลง
ตอนกษัตริย์ลิจฉวีแตกสามัคคี วัสสการพราหมณ์ลอบส่งข่าวทูลพระเจ้าอชาตศัตรู (สาลินี ฉันท์11) วัสสการพราหมณ์เห็นว่าความเพียรของตนได้ผลแล้ว จึงแกล้งลองตีกลองนัดประชุมเหล่ากษัตริย์ลิจฉวี เหล่ากษัตริย์ต่างทรงได้ยินเสียงกลองแต่ไม่เสด็จไปประชุม ต่างรับสั่งว่า “ จะเรียกประชุมไปทำไม เราไม่ใช่คนเก่งนี่นา เป็นแค่คนขลาดไม่กล้าหาญ ใครที่คิดว่าใหญ่และกล้าหาญ ไม่มีใครเทียมได้ อยากจะไปประชุมก็เชิญไปปรึกษาหารือกันเหอะ (อุปัฏฐิตา ฉันท์11) พอเห็นว่าได้โอกาสชนะ วัสสการพราหมณ์ก็ลอบส่งสารไปกราบทูลพระเจ้าอชาตศัตรูว่าบัดนี้เหล่ากษัตริย์วัชชีแตกสามัคคีแล้ว โอกาสมาถึงแล้ว ขอเชิญยกทัพมาตีแคว้นวัชชีโดยเร็ว
ตอนพระเจ้าอชาตศัตรูยกทัพมาตีแคว้นวัชชี (วิชุมมาลา ฉันท์8) ในบัดดล ชาวเวสาลีทราบข่าวศึกต่างหวาดกลัวและหนีเข้าป่า แต่หัวหน้าราษฎร ปรึกษากันเพื่อหาทางยั้งศึกครั้งนี้ จึงตีกลองแจ้งข่าวร้ายว่าข้าศึกมาโจมตี แต่ไม่มีกษัตริย์มาแม้แต่องค์เดียว (อินทรวิเชียร ฉันท์11) พระเจ้าอชาตศัตรูยกทัพมาถึงกรุงเวสาลี ไม่เห็นความเคลื่อนไหวใด จึงทรงแน่ใจว่าเป็นไปตามแผน จากนั้นทรงบัญชาให้ทหารสร้างแพข้ามแม่น้ำไปในกรุงเวสาลี แล้วนำไพร่พลขึ้นฝั่งได้อย่างสะดวก
ตอนพระเจ้าอชาตศัตรูยกทัพมาตีแคว้นวัชชี (จิตรปทา ฉันท์8) ชาวเมืองเวสาลีเห็นข้าศึก ต่างก็ตกใจกลัว เกิดการจลาจลวุ่นวายทั้งเมือง แต่บางคนยังคิดว่ายังไม่เป็นไร รักษาประตูเมืองให้มั่นเพื่อรอคำสั่งจากเหล่ากษัตริย์ หลังจากนั้นก็เริ่มเคาะกลองเพื่อเรียกประชุม แต่เหล่ากษัตริย์ต่างวางเฉย ไม่มีใครเสด็จมาประชุม ประตูเมืองทุกด้านก็ไม่มีใครปิด (สัททุลวิกกีฬิต ฉันท์19) พระเจ้าอชาตศัตรูยกทัพมาในนคร โดยมีวัสสการพราหมณ์เป็นผู้เชิญเสด็จนำทัพเข้าครองเมืองโดยไม่ต้องออกแรงรบ จากนั้นเสด็จกลับกรุงราชคฤห์
รายชื่อ นางสาวจิดาภา นาคจันทร์ เลขที่ 14 นางสาวชุติมา สิมาจารย์ เลขที่ 15 นางสาวฐิติพร ฉัตรแก้ว เลขที่ 17 นางสาวพรปวีณ์ จันทรีศรี เลขที่ 18 นางสาวรัฐิกานต์ กองสี เลขที่ 19 นายตันติกร เศรษฐวงศ์ เลขที่ 29 นางสาวมาลิณี อาหาสิเม เลขที่ 33 นางสาวกิตติกา โคตรชมพู เลขที่ 37 นางสาวเกตน์สิรี ทองขาว เลขที่ 38 นางสาวอริสา กุลฉวะ เลขที่ 39 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1