Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.

Slides:



Advertisements
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
นางสาวอุทัยวรรณ ชัยมงคล กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
Advertisements

Pronouns Pronouns (คำสรรพนาม) คือ คำที่ใช้แทนที่คำนาม
Indirect Question without Question Word.
English for everyday use
ครูรุจิรา ทับศรีนวล.
Indirect Question word
ครูรุจิรา ทับศรีนวล. “Christmas Day” * อ่านเรื่องแล้วสรุป ใจความสำคัญได้ ครูรุจิรา ทับศรีนวล.
ภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปึที่ 4 Grammar & Reading ครูรุจิรา ทับศรีนวล.
A Powerful Purpose – Part 1
คำเทศนาหัวข้อที่ 4: รักษาคนเจ็บป่วย SERMON 4: HEALING THE SICK
Sermon 2: THE WORKS OF JESUS – TOUCHING LIVES THROUGH TEACHING
ความเชื่อที่จะมีชัยชนะ
คำเทศนาหัวข้อที่ 3: ประกาศข่าวดี SERMON 3: PREACHING GOOD NEWS
คำเทศนาหัวข้อที่ 3: ประกาศข่าวดี SERMON 3: PREACHING GOOD NEWS
“เอาชนะเนื้อหนัง” OVERCOMING THE FLESH. “เอาชนะเนื้อหนัง” OVERCOMING THE FLESH.
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
ความเชื่อที่มีการประพฤติตาม
Part 1: By the Power of the Gospel
“ชีวิตที่ไร้กังวล” A WORRY FREE LIFE. “ชีวิตที่ไร้กังวล” A WORRY FREE LIFE.
A Powerful Purpose – Part 2
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
1. นี่เป็นสิ่งที่พระเยซูทรงทำ พระองค์ทรงรักษาทุกคน ที่เจ็บป่วยให้หายดี
Part 8 Overcoming Discouragement
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
สุขสันต์วันครบรอบคริสตจักร 19 ปี คริสตจักรเรมากรุงเทพฯ
1. ดาวิด มอง ผ่านสายตาของพระเจ้า
เรื่องราวของวันคริสต์มาส
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
อย่ากลัวสิ่งใดเลย Fear Nothing. อย่ากลัวสิ่งใดเลย Fear Nothing.
เดือนครอบครัวแข็งแกร่ง
Direct Speech Vs Indirect Speech
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
ตอนที่ 3: ท่านเป็นผู้ชอบธรรมได้อย่างไร?
พระเยซูและเพื่อนของพระองค์
พื้นฐานอันแข็งแกร่งของความเชื่อ Faith’s Strong Foundation
คำเทศนาชุด: ท่านมีของประทาน
“เข้าใจเรื่องความเชื่อ”
“คิดอย่างแชมป์” THINK LIKE A CHAMPION. “คิดอย่างแชมป์” THINK LIKE A CHAMPION.
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
ตอนที่ 4: ผลประโยชน์ของความชอบธรรม
1 ยอห์น 1:5-7 5 นี่เป็นเรื่องราวซึ่งเราได้ยินจากพระองค์และประกาศแก่ท่าน คือพระเจ้าทรงเป็นความสว่าง ในพระองค์ไม่มีความมืดเลย 6 ถ้าเราอ้างว่ามีสามัคคีธรรมกับพระองค์แต่ยังดำเนินในความมืด.
พระคริสตธรรมล้านนา Lanna Theological Center, 2018
ความเชื่อที่จะเจริญรุ่งเรือง
ตอนที่ 6: ชอบธรรมที่ภายใน Part 6: Righteous On The Outside
1. พระเยซูทรงมีฤทธิ์เดชที่จะ ช่วยให้รอด
“ความเชื่อที่นำสู่ชัยชนะ”
ที่มาและหน่วยงานกาชาดต่างๆ
ตอนที่ 2: ค้นพบของประทานของท่าน Part 2: Finding Your Gift
ตอนที่ 1: ผู้เลี้ยงที่ดีเลิศ Part 1: The Good Shepherd
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
แล้วไงเกี่ยวกับความจริง What About Truth?
“เคลื่อนไปสู่ชีวิตใหม่ ตอนที่ 2” Moving Into the Newness of Life
“เคลื่อนไปสู่ชีวิตใหม่” Moving Into the Newness of Life
1. พระเยซูทรงต้องการให้เราเป็น เหมือนพระองค์
ตอนที่ 4: เคลื่อนไปกับของประทานของท่าน Part 4: Flowing In Your Gift
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
เรื่องราวของวันคริสต์มาส ตอนที่ 2: พระเจ้าทรงกลายมาเป็นมนุษย์
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
FREE INDEED! เสรีภาพให้เราเป็นไท
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
ใบสำเนางานนำเสนอ:

Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน

Psalm เพลงสดุดีบทที่ 114    

1When Israel went out from Egypt, the house of Jacob from a people of strange language, 1เมื่ออิสราเอลออกไปจากอียิปต์ คือพงศ์พันธุ์ของยาโคบไปจากชนชาติต่างภาษา    

Ephesians เอเฟซัส 2:1-3 1And you were dead in the trespasses and sins 1ท่านตายแล้วโดยการละเมิด และการบาป

2in which you once walked, following the course of this world, following the prince of the power of the air, the spirit that is now at work in the sons of disobedience— 2ครั้งเมื่อก่อนท่านเคยประพฤติในการบาปนั้นตามวิถีของโลก ตามเจ้าแห่งย่านอากาศ คือวิญญาณที่ครอบครองอยู่ในคนทั้งหลายที่ไม่เชื่อฟัง

3among whom we all once lived in the passions of our flesh, carrying out the desires of the body and the mind, and were by nature children of wrath, like the rest of mankind.

3เมื่อก่อนเราทั้งปวงเคยประพฤติเป็นพรรคพวกกับคนเหล่านั้น ที่ประพฤติตามตัณหาของเนื้อหนัง คือกระทำตามความปรารถนาของเนื้อหนังและความคิดในใจ ตามสันดานเราจึงเป็นคนควรแก่พระอาชญาเหมือนอย่างคนอื่น  

Ephesians เอเฟซัส 2:4-10 4But God, being rich in mercy, because of the great love with which he loved us, 4แต่พระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระกรุณา เพราะเหตุความรักอันใหญ่หลวง ซึ่งพระองค์ทรงรักเรานั้น

5even when we were dead in our trespasses, made us alive together with Christ—by grace you have been saved— 5ถึงแม้ว่าเมื่อเราตายไปแล้วในการบาป พระองค์ยังทรงกระทำให้เรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ (ซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณ)

6and raised us up with Him and seated us with Him in the heavenly places in Christ Jesus, 6และพระองค์ทรงให้เราเป็นขึ้นมากับพระองค์ และทรงโปรดให้เรานั่งในสวรรคสถานกับพระเยซูคริสต์

7so that in the coming ages He might show the immeasurable riches of His grace in kindness toward us in Christ Jesus. 7เพื่อว่าในยุคต่อๆไป พระองค์จะได้ทรงสำแดงพระคุณของพระองค์อันอุดมเหลือล้น ในการซึ่งพระองค์ได้ทรงเมตตาเราในพระเยซูคริสต์

8For by grace you have been saved through faith 8For by grace you have been saved through faith. And this is not your own doing; it is the gift of God, 8ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้

9not a result of works, so that no one may boast

10For we are His workmanship, created in Christ Jesus for good works, which God prepared beforehand, that we should walk in them. 10เพราะว่าเราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ ที่ทรงสร้างขึ้นในพระเยซูคริสต์เพื่อให้ประกอบการดี ซึ่งพระเจ้าได้ทรงดำริไว้ล่วงหน้าเพื่อให้เรากระทำ

Romans โรม 8:31 31. What then shall we say to these things Romans โรม 8:31 31 What then shall we say to these things? If God is for us, who can be against us? 31ถ้าเช่นนั้นเราจะว่าอย่างไร ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเรา  

Isaiah อิสยาห์ 43:14-21 14Thus says the LORD, your Redeemer, the Holy One of Israel: “For your sake I send to Babylon and bring them all down as fugitives, even the Chaldeans, in the ships in which they rejoice.

14พระเจ้าผู้ไถ่ของเจ้า องค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า “เพื่อเห็นแก่เจ้า เราจะส่งไปยังบาบิโลน และเราจะนำเขาทั้งหลายลงมาเป็นผู้ลี้ภัยสิ้น คือพวกเคลเดียในกำปั่นที่เขาทั้งหลายเคยโห่ร้อง

15I am the LORD, your Holy One, the Creator of Israel, your King

16Thus says the LORD, who makes a way in the sea, a path in the mighty waters, 16พระเจ้า ผู้ทรงสร้างทางในทะเล สร้างวิถีในน้ำที่มีอานุภาพ

17who brings forth chariot and horse, army and warrior; they lie down, they cannot rise, they are extinguished, quenched like a wick: 17ผู้ทรงนำรถรบและม้า กองทัพ และนักรบออกมา เขาทั้งหลายนอนลงด้วยกันและลุกขึ้นไม่ได้ เขาทั้งหลายศูนย์ไปและดับเสียเหมือนไส้ตะเกียง

18“Remember not the former things, nor consider the things of old

19Behold, I am doing a new thing; now it springs forth, do you not perceive it? I will make a way in the wilderness and rivers in the desert. 19ดูเถิด เรากำลังกระทำสิ่งใหม่ งอกขึ้นมาแล้ว เจ้าไม่เห็นหรือ เราจะทำทางในถิ่นทุรกันดาร และแม่น้ำในที่แห้งแล้ง

20The wild beasts will honor me, the jackals and the ostriches, for I give water in the wilderness, rivers in the desert, to give drink to my chosen people, 20สัตว์ป่าทุ่งจะให้เกียรติเรา คือหมาป่าและนกกระจอกเทศ เพราะเราให้น้ำในถิ่นทุรกันดาร ให้แม่น้ำในที่แห้งแล้ง เพื่อให้น้ำดื่มแก่ชนชาติผู้เลือกสรรของเรา

21the people whom I formed for myself that they might declare my praise. 21คือชนชาติที่เราปั้นเพื่อเราเอง เพื่อเขาจะถวายสรรเสริญเรา  

2Judah became His sanctuary, Israel His dominion

1 Kings พงศ์กษัตริย์ 8:1-11 1Then Solomon assembled the elders of Israel and all the heads of the tribes, the leaders of the fathers' houses of the people of Israel, before King Solomon in Jerusalem, to bring up the ark of the covenant of the LORD out of the city of David, which is Zion.

1แล้วซาโลมอนทรงประชุมพวกผู้ใหญ่ของอิสราเอล และหัวหน้าของเผ่า คือบรรดาประมุขของตระกูลคนอิสราเอล ต่อพระพักตร์พระราชาซาโลมอนในกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อจะนำหีบพันธสัญญาของพระเจ้าขึ้นมาจากนครดาวิด คือเมืองศิโยน

2And all the men of Israel assembled to King Solomon at the feast in the month Ethanim, which is the seventh month. 2และผู้ชายทั้งสิ้นของอิสราเอลก็ประชุมต่อ พระพักตร์พระราชาซาโลมอน ณ การเลี้ยงในเดือนเอธานิม ซึ่งเป็นเดือนที่เจ็ด

3And all the elders of Israel came, and the priests took up the ark

4And they brought up the ark of the LORD, the tent of meeting, and all the holy vessels that were in the tent; the priests and the Levites brought them up. 4และเขาทั้งหลายนำหีบของพระเจ้า และเต็นท์นัดพบ และเครื่องใช้บริสุทธิ์ทั้งสิ้น ซึ่งอยู่ในเต็นท์ขึ้นมา ของเหล่านี้ บรรดาปุโรหิต และชนเลวีหามขึ้นมา

5And King Solomon and all the congregation of Israel, who had assembled before him, were with him before the ark, sacrificing so many sheep and oxen that they could not be counted or numbered.

5และพระราชาซาโลมอน และชุมนุมชนอิสราเอลทั้งสิ้นที่ได้ประชุมกันต่อพระองค์ อยู่กับพระองค์ต่อหน้าหีบได้ถวายแกะและวัวมากมาย ซึ่งเขาจะนับหรือเอาจำนวนก็ไม่ได้

6Then the priests brought the ark of the covenant of the LORD to its place in the inner sanctuary of the house, in the Most Holy Place, underneath the wings of the cherubim. 6แล้วปุโรหิตก็นำหีบพันธสัญญาของพระเจ้ามายังที่ของหีบ ที่อยู่ในห้องหลังของพระนิเวศ คือในอภิสุทธิสถาน ภายใต้ปีกเครูบ

7For the cherubim spread out their wings over the place of the ark, so that the cherubim overshadowed the ark and its poles. 7เพราะว่าเครูบนั้นกางปีกออกเหนือที่ของหีบ เครูบจึงเป็นเครื่องคลุมเหนือหีบ และไม้คานของหีบ

8And the poles were so long that the ends of the poles were seen from the Holy Place before the inner sanctuary; but they could not be seen from outside. And they are there to this day.

8คานหามของหีบนั้นยาวมาก จึงเห็นปลายคานหามได้จากวิสุทธิสถาน ซึ่งอยู่ข้างหน้าห้องหลัง แต่เขาจะเห็นจากข้างนอกไม่ได้ และคานหามก็ยังอยู่ที่นั่นจนทุกวันนี้

9There was nothing in the ark except the two tablets of stone that Moses put there at Horeb, where the LORD made a covenant with the people of Israel, when they came out of the land of Egypt.

9ไม่มีสิ่งใดในหีบนอกจากศิลาสองแผ่น ซึ่งโมเสสเก็บไว้ ณ โฮเรบ เมื่อพระเจ้าทรงกระทำพันธสัญญากับชนอิสราเอล เมื่อเขาทั้งหลายออกมาจากแผ่นดินอียิปต์

10And when the priests came out of the Holy Place, a cloud filled the house of the LORD, 10และอยู่มาเมื่อปุโรหิตออกมาจากวิสุทธิสถาน เมฆมาเต็มพระนิเวศของพระเจ้า

11so that the priests could not stand to minister because of the cloud, for the glory of the LORD filled the house of the LORD. 11ปุโรหิตจึงยืนปรนนิบัติอยู่ไม่ได้ เพราะเมฆนั้น เพราะพระสิริของพระเจ้า เต็มพระนิเวศของพระเจ้า

Acts กิจการ 7:48-50 48Yet the Most High does not dwell in houses made by hands, as the prophet says, 48ถึงกระนั้นก็ดีองค์ผู้สูงสุดหาได้ประทับในพระนิเวศ ซึ่งมือมนุษย์ได้ทำไว้ไม่ ตามที่ผู้เผยพระวจนะได้กล่าวไว้ว่า

49“‘Heaven is my throne, and the earth is my footstool 49“‘Heaven is my throne, and the earth is my footstool. What kind of house will you build for me, says the Lord, or what is the place of my rest?

49'สวรรค์เป็นบัลลังก์ของเรา และแผ่นดินโลกเป็นแท่นรองเท้าของเรา เจ้าจะสร้างนิเวศอะไรสำหรับเรา หรือที่พำนักของเราอยู่ที่ไหน

50Did not my hand make all these things

1 Corinthians โครินธ์ 3:16-17 16Do you not know that you are God's temple and that God's Spirit dwells in you? 16ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในท่าน

17If anyone destroys God's temple, God will destroy him 17If anyone destroys God's temple, God will destroy him. For God's temple is holy, and you are that temple. 17ถ้าผู้ใดทำลายวิหารของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงทำลายผู้นั้น เพราะวิหารของพระเจ้าเป็นที่บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ และท่านทั้งหลายเป็นวิหารนั้น

1 Corinthians โครินธ์ 6:19-20 19Or do you not know that your body is a temple of the Holy Spirit within you, whom you have from God? You are not your own,

19ท่านไม่รู้หรือว่า ร่างกายของท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งสถิตอยู่ในท่าน ซึ่งท่านได้รับจากพระเจ้า ท่านไม่ใช่เจ้าของตัวท่านเอง

20for you were bought with a price. So glorify God in your body

2 Corinthians โครินธ์ 6:14-18 14Do not be unequally yoked with unbelievers. For what partnership has righteousness with lawlessness? Or what fellowship has light with darkness?

14ท่านอย่าเข้าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อ เพราะว่าความชอบธรรมจะมีหุ้นส่วนอะไรกับความอธรรม และความสว่างจะเข้าสนิทกับความมืดได้อย่างไร

15What accord has Christ with Belial 15What accord has Christ with Belial? Or what portion does a believer share with an unbeliever? 15พระคริสต์กับเบลีอัลจะลงรอยกันอย่างไรได้ หรือคนที่เชื่อจะมีส่วนอะไรกับคนที่ไม่เชื่อ

16What agreement has the temple of God with idols 16What agreement has the temple of God with idols? For we are the temple of the living God; as God said, “I will make my dwelling among them and walk among them, and I will be their God, and they shall be my people.

16วิหารของพระเจ้าจะตกลงอะไรกับรูปเคารพได้ เพราะว่าเราเป็นวิหารของพระเจ้าผู้ทรงดำรงพระชนม์ ดังที่พระเจ้าตรัสไว้ว่า “เราจะอยู่ในเขาทั้งหลายและจะดำเนินในหมู่พวกเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นชนชาติของเรา”

17Therefore go out from their midst, and be separate from them, says the Lord, and touch no unclean thing; then I will welcome you, 17พระเจ้าตรัสว่า “เหตุฉะนั้น เจ้าจงออกจากหมู่พวกเขาเหล่านั้น และจงแยกตัวออกจากเขาทั้งหลาย อย่าแตะต้องสิ่งซึ่งไม่สะอาด แล้วเราจึงจะรับพวกเจ้าทั้งหลาย

18and I will be a father to you, and you shall be sons and daughters to me, says the Lord Almighty.” 18เราจะเป็นดังบิดาของพวกเจ้า และพวกเจ้าจะเป็นบุตรชายบุตรหญิงของเรา” พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทั้งสิ้นได้ตรัสดังนั้น  

3The sea looked and fled; Jordan turned back

4The mountains skipped like rams, the hills like lambs

5What ails you, O sea, that you flee. O Jordan, that you turn back

6O mountains, that you skip like rams. O hills, like lambs

7Tremble, O earth, at the presence of the Lord, at the presence of the God of Jacob, 7แผ่นดินเอ๋ย สั่นเทิ้มเถิด ต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า ต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้าของยาโคบ

8who turns the rock into a pool of water, the flint into a spring of water. 8ผู้ให้หินเป็นสระน้ำ หินเหล็กไฟเป็นน

Exodus อพยพ 17:1-7 1All the congregation of the people of Israel moved on from the wilderness of Sin by stages, according to the commandment of the LORD, and camped at Rephidim, but there was no water for the people to drink.

1ชุมนุมชนชาติอิสราเอลทั้งหมด ยกออกจากถิ่นทุรกันดารสีน ไปเป็นระยะๆ ตามพระบัญชาของพระเจ้า และมาตั้งค่ายที่เรฟีดิม ที่นั่นไม่มีน้ำให้ประชาชนดื่ม

2Therefore the people quarreled with Moses and said, “Give us water to drink.” And Moses said to them, “Why do you quarrel with me? Why do you test the LORD?”

2เหตุฉะนั้นประชาชนจึงกล่าวหาว่าเป็นความผิดของโมเสส และกล่าวกับโมเสสว่า “ให้น้ำพวกข้าดื่มซิ” โมเสสจึงบอกเขาว่า “พวกเจ้าหาเรื่องเราทำไม เหตุไฉนพวกเจ้าจึงบังอาจลองดีกับพระเจ้า”

3But the people thirsted there for water, and the people grumbled against Moses and said, “Why did you bring us up out of Egypt, to kill us and our children and our livestock with thirst?”

3ประชาชนกระหายน้ำที่ตำบลนั้น จึงบ่นต่อโมเสสว่า “ทำไมท่านจึงพาพวกข้าทั้งบุตรและฝูงสัตว์ของข้าออกมา จากประเทศอียิปต์ให้อดน้ำตาย”

4So Moses cried to the LORD, “What shall I do with this people 4So Moses cried to the LORD, “What shall I do with this people? They are almost ready to stone me.” 4โมเสสจึงร้องทูลพระเจ้าว่า “ข้าพระองค์จะทำอย่างไรกับชนชาตินี้ดี เขาเกือบจะเอาหินขว้างข้าพระองค์ให้ตายอยู่แล้ว”

5And the LORD said to Moses, “Pass on before the people, taking with you some of the elders of Israel, and take in your hand the staff with which you struck the Nile, and go. 5พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า “จงเดินล่วงหน้าประชาชนไป และนำพวกผู้ใหญ่บางคนของอิสราเอลไปด้วย ให้ถือไม้เท้าที่เจ้าใช้ตีแม่น้ำไนล์นั้นไปด้วย

6Behold, I will stand before you there on the rock at Horeb, and you shall strike the rock, and water shall come out of it, and the people will drink.” And Moses did so, in the sight of the elders of Israel.

6เราจะยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าที่นั่น บนศิลาที่ภูเขาโฮเรบ จงตีศิลานั้น แล้วน้ำจะไหลออกมาให้ประชาชนดื่ม” โมเสสก็ทำดังนั้นต่อหน้าพวกผู้ใหญ่ของอิสราเอล

7And he called the name of the place Massah and Meribah, because of the quarreling of the people of Israel, and because they tested the LORD by saying, “Is the LORD among us or not?”

7โมเสสเรียกชื่อตำบลนั้นว่า มัสสาห์และเมรีบาห์ด้วยเหตุว่า คนอิสราเอลกล่าวหาตน ณ ที่นั้น และลองดีกับพระเจ้าว่า “พระเจ้าทรงสถิตอยู่ท่ามกลาง พวกข้าพเจ้าจริงหรือ”

Numbers กันดารวิถี 20:1-13 1And the people of Israel, the whole congregation, came into the wilderness of Zin in the first month, and the people stayed in Kadesh. And Miriam died there and was buried there. 1ชุมนุมชนทั้งหมดของอิสราเอลเข้ามาในถิ่นทุรกันดารสีน ในเดือนที่หนึ่ง ประชาชนพักอยู่ในคาเดช มิเรียมก็สิ้นชีวิตและฝังไว้ที่นั่น

2Now there was no water for the congregation 2Now there was no water for the congregation. And they assembled themselves together against Moses and against Aaron. 2ครั้งนั้นชุมนุมชนไม่มีน้ำ เขาประชุมกันว่าโมเสสและอาโรน

3And the people quarreled with Moses and said, “Would that we had perished when our brothers perished before the LORD! 3ประชาชนตัดพ้อต่อว่าโมเสสว่า “เมื่อพี่น้องเราตายต่อพระพักตร์พระเจ้านั้น เราตายเสียด้วยก็ดี

4Why have you brought the assembly of the LORD into this wilderness, that we should die here, both we and our cattle? 4ท่านพาชุมนุมชนของพระเจ้ามา ในถิ่นทุรกันดารนี้ให้ตายเสียที่นี่ ทั้งตัวเราและสัตว์ของเราทำไม

5And why have you made us come up out of Egypt to bring us to this evil place? It is no place for grain or figs or vines or pomegranates, and there is no water to drink.” 5และทำไมท่านจึงให้เราออกจากอียิปต์ นำเรามายังที่เลวทรามนี้เป็นที่ซึ่งไม่มีพืช ไม่มีมะเดื่อ องุ่นหรือทับทิม และไม่มีน้ำดื่ม”

6Then Moses and Aaron went from the presence of the assembly to the entrance of the tent of meeting and fell on their faces. And the glory of the LORD appeared to them, 6แล้วโมเสสและอาโรนออกจากที่ประชุม ไปที่ประตูเต็นท์นัดพบและซบหน้าลง และพระสิริของพระเจ้าปรากฏแก่เขา

7and the LORD spoke to Moses, saying, 7พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

8“Take the staff, and assemble the congregation, you and Aaron your brother, and tell the rock before their eyes to yield its water. So you shall bring water out of the rock for them and give drink to the congregation and their cattle.”  

8“จงเอาไม้เท้าและเรียกประชุมชุมนุมชน ทั้งเจ้าและอาโรนพี่ชายของเจ้า และบอกหินต่อหน้าประชาชนให้หินหลั่งน้ำ ดังนั้นเจ้าจะเอาน้ำออกจากหินให้เขา ดังนั้นแหละเจ้าจะให้น้ำแก่ชุมนุมชนและสัตว์ดื่ม”

9And Moses took the staff from before the LORD, as he commanded him

10Then Moses and Aaron gathered the assembly together before the rock, and he said to them, “Hear now, you rebels: shall we bring water for you out of this rock?” 10โมเสสกับอาโรนก็เรียกชุมนุมชนให้ไปพร้อมกันที่หิน โมเสสกล่าวแก่เขาว่า “เจ้าผู้กบฏจงฟัง ณ บัดนี้จะให้เราเอาน้ำออกจากหินนี้ให้พวกเจ้าดื่มหรือ”

11And Moses lifted up his hand and struck the rock with his staff twice, and water came out abundantly, and the congregation drank, and their livestock. 11และโมเสสก็ยกมือขึ้นตีหินนั้นสองครั้งด้วยไม้เท้า และน้ำก็ไหลพล่านออกมามากมาย ชุมนุมชนและสัตว์ของเขาก็ได้ดื่มน้ำ

12And the LORD said to Moses and Aaron, “Because you did not believe in me, to uphold me as holy in the eyes of the people of Israel, therefore you shall not bring this assembly into the land that I have given them.”

12พระเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า “เพราะเจ้ามิได้เชื่อเราจึงมิได้ถวาย ความศักดิ์สิทธิ์แก่เราต่อหน้าคนอิสราเอล เพราะฉะนั้นเจ้าจึงจะมิได้นำคนที่ประชุม นี้เข้าไปในแผ่นดินซึ่งเราได้ให้แก่เขา”

13These are the waters of Meribah, where the people of Israel quarreled with the LORD, and through them He showed himself holy. 13น้ำนั้นคือน้ำเมรีบาห์เพราะว่าคนอิสราเอลได้ต่อว่าพระเจ้า และพระองค์ทรงสำแดงความบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ท่ามกลาง เขา