งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐานทาง ธุรกิจระหว่างประเทศ

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐานทาง ธุรกิจระหว่างประเทศ"— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 03762491 ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐานทาง ธุรกิจระหว่างประเทศ
ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐานทาง ธุรกิจระหว่างประเทศ Basic Research Methods in International Business เติมศักดิ์ สุขวิบูลย์ ธนวัต ลิมป์พาณิชย์กุล คณะวิทยาการจัดการ 3 : 28/30 ม.ค. 58

2 การกำหนดแบบแผนการวิจัยขั้นต้น Research Design
1) Variables 1.1) การกำหนดตัวแปรที่ต้องการศึกษาวิจัย Independent variable (S) , X Dependent variable (S) , Y Extraneous Variable/Control Variable (S) , Z - Extraneous variable (S) - Intervening variable (S) - Suppressive variable (S) 1.2) การพิจารณาตัวแปรแทรกซ้อน - Background - Development/Change - Others : Homogeneity and Heterogeneity : Identity : Time : Place, Location

3 การกำหนดแบบแผนการวิจัยขั้นต้น Research Design
2) Source of Data 2.1) Type of Data : - Primary Data / Secondary Data - Quantitative Data / Qualitative Data - Time Series Data / Cross Sectional Data - Level of Data (Measurement) Nominal /Categorical Scale : Equivalence Ordinal Scale Interval Scale Ratio Scale 2.2) Population/Universe and Element/Unit 2.3) Sample/Subject 2.4) Target/Parent Population and Control group 2.5) Sample Size and Sampling/Selection

4 การกำหนดแบบแผนการวิจัยขั้นต้น Research Design
3) Data Collection 3.1) Survey/experiment 3.2) Tools/Instruments 3.3) Qualitative of Tools/Instruments - ความเที่ยงตรง (Validity) ความเชื่อมั่น (Reliability) - ความยากง่าย (Difficulty) อำนาจจำแนก (Discrimination) - ความเป็นปรนัย (Objectivity) - ใช้ Expert judgment - ใช้ try-out/Statistics

5 การกำหนดแบบแผนการวิจัยขั้นต้น Research Design
4) Data Processing/Organization 4.1) ใครดำเนินการ โดยวิธีการใด 4.2) จะได้รับความร่วมมือหรือไม่ วางแผนแก้ปัญหาอย่างไร 4.3) ตรวจสอบรวบรวมข้อมูล : ถูกคน ถูกที่ ถูกเวลา และถูก สถานการณ์ 4.4) การดำเนินการกับข้อมูล

6 การกำหนดแบบแผนการวิจัยขั้นต้น Research Design
5) Analysis of Data 5.1) การมาตรวัดตัวแปร : 4 ระดับ - Nominal Scale /Categorical Scale - Ordinal Scale - Interval Scale - Ratio Scale 5.2) การเลือกใช้เทคนิคการวิเคราะห์ : Means / Proportion 5.3) การต้องตอบวัตถุประสงค์วิจัย 5.4) การตอบต้องหาลักษณะหรือค่าใดจากข้อมูล

7 หลักการเขียนข้อเสนอและรายงานวิจัย
1. ความชัดเจน (Clarity) : การเขียนต้องแจ่มชัด ไม่คลุมเครือ กำกวม สามารถอธิบายแนวคิด กระบวนการเป็นตามลำดับขั้นตอน ความเหมาะสมอย่างสมเหตุสมผลและเข้าใจง่าย 2. ความกะทัดรัด (Conciseness) : การเขียนใช้ถ้อยคำที่กะทัดรัด ตรงจุด (Precise) ไม่ขยายความจนวกวน/ซ้ำซาก 3. ความสมบูรณ์ (Completeness) : เสนอสาระสำคัญของงานวิจัย อย่างครบถ้วนตั้งแต่แนวคิด เป้าหมาย วิธีการ จนถึงผล/ข้อสรุปต่างๆ 4. ความถูกต้อง (Accuracy) : การเสนออย่างตรงไปตรงมา ไม่บิด เบือนจากความเป็นจริงที่ศึกษา/ค้นพบ หลีกเลี่ยงการเสนอแนวคิด นอกเหนือขอบเขตการวิจัย ไม่ควรจะรีบด่วนสรุป (Jump Conclusion) ความซื่อตรง (Honesty) : การเสนอต้องไม่ปิดบังข้อผิดพลาดบางประการที่เกิดขึ้น ไม่แก้ไข/เปลี่ยนข้อมูล ไม่เปลี่ยนแปลงสมมติฐานตามผล ไม่ลำเอียงส่วนตัวหรือลอกผลงานผู้อื่นแต่ไม่อ้างอิง

8 การเขียนข้อเสนอการวิจัย
หัวข้อของโครงร่างวิจัย ประกอบด้วย 1. ชื่อเรื่องวิจัย (Research Topic) 2. คำสำคัญ (Key Words)* 3. ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา (Statement of the Problem) 4. คำถามจากการวิจัย (Research Question)* 5. วัตถุประสงค์การวิจัย (Research Objective)

9 หัวข้อของโครงร่างวิจัย ประกอบด้วย
6. สมมติฐานการวิจัย (Research Hypothesis) 7. ขอบเขตการวิจัย (Scope of the study) 8. ข้อจำกัดของการวิจัย (Limitation of the Study)* 9. ข้อตกลงเบื้องต้น (Basic Assumption)* 10. นิยามศัพท์หรือคำจำกัดความในการวิจัย (Definition of Terms)

10 หัวข้อของโครงร่างวิจัย ประกอบด้วย
11. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ (Significance of the Finding) 12. กรอบแนวคิดการวิจัย (Conceptual Research Framework) 13. วิธีดำเนินการวิจัย (Research Methodology) 14. รายการอ้างอิงหรือบรรณานุกรม (Reference and Bibliography) 15. รายละเอียดงบประมาณและแผนการดำเนินงานวิจัย

11 หลักการเขียนโครงร่างวิจัย
1. ชื่อเรื่องวิจัย (Research Topic) ตรงความต้องการ ชัดเจน และกะทัดรัด ครอบคลุมประเด็นปัญหาและสาระที่จะทำวิจัย ตั้งให้น่าสนใจ ทันต่อเหตุการณ์ เป็นเรื่องที่วิจัยได้ ควรค่าต่อการหาคำตอบ นำเอา keywords มาประกอบเป็นชื่อเรื่อง

12 2. คำสำคัญ (Key Words) ควรเป็นคำที่เกี่ยวข้องกับชื่อเรื่องวิจัย โดยเฉพาะ ตัวแปรที่ศึกษา และนำเสนอให้ครบทุกตัวแปร อาจเขียนคำสำคัญเพื่อบอกให้ทราบถึงประชากรของงานวิจัย

13 3. ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา (Statement of the Problem)
ความสำคัญ คุณค่าและประโยชน์การวิจัยครั้งนี้ เคยมีการศึกษามาแล้วอย่างไรบ้าง การศึกษาครั้งนี้จะเพิ่มคุณค่าต่องานด้านนี้ หลักเกณฑ์เขียนความเป็นมาและความสำคัญปัญหาการวิจัย เขียนตรงประเด็น เน้นประเด็นปัญหา ไม่ยืดเยื้อ ครอบคลุมประเด็นสำคัญที่จะศึกษาทุกประเด็น สอดคล้องกับชื่อเรื่องวิจัย ไม่สั้นไม่ยาวเกินไป (3-5 หน้า) ข้อมูลและอ้างอิงถูกต้องทันสมัย ใช้ภาษาง่าย ๆ จัดลำดับประเด็นที่เสนอเป็นขั้นตอนต่อเนื่องกัน ส่วนสุดท้ายสรุปเชื่อมโยงกับหัวข้อในวัตถุประสงค์การวิจัยที่จะศึกษา

14 4. คำถามจากการวิจัย (Research Question)
เป็นประโยคคำถามทำให้แน่ใจว่าต้องการจะศึกษาเรื่องอะไร บางปัญหาไม่จำเป็นต้องทำวิจัย เพราะมีคำตอบด้วยวิธีการอื่นๆ ได้ การทำวิจัยควรมีคำถามหลัก (Primary research question) ที่ผู้วิจัยสนใจมากที่สุดและต้องการคำตอบมากที่สุด คำถามหลักต้องเลือกด้วยความระมัดระวัง และให้นิยามอย่างชัดเจน เพราะการกำหนดขนาดตัวอย่าง (Sample size) ของการศึกษาขึ้นกับคำถามหลักนี้

15 4. คำถามจากการวิจัย (Research Question)
การวิจัยอาจจะตั้งคำถามรอง (Secondary research questions) จำนวนหนึ่งได้ แต่ไม่ควรจะมีมากเกินไป คำถามรองเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบเช่นเดียวกัน แต่ความสำคัญ รองลงมา ประเด็นที่ต้องคำนึงคือ ผลการวิจัยอาจจะตอบคำถามรองทุกข้อ หรือไม่ก็ได้ เพราะการคำนวณขนาดตัวอย่างไม่ได้กำหนดมาเพื่อ ตอบคำถามรองเหล่านี้

16 5. วัตถุประสงค์การวิจัย (Research Objective)
เหตุผลการกำหนดวัตถุประสงค์การวิจัย เป็นการขยายรายละเอียดแนวคิดของประเด็นปัญหาของการวิจัยว่าต้องการศึกษาอะไรบ้าง เป็นเครื่องชี้แนวทางให้ผู้วิจัยสามารถออกแบบ กำหนดวิธีการดำเนินงานได้ถูกต้อง ทำให้ทราบคุณลักษณะ ตัวแปรที่จะศึกษา ตลอดจนประชากรเป้าหมายการวิจัย เป็นขั้นตอนที่ทำให้ผู้วิจัยมีแนวทางการหาคำตอบ และช่วยกำหนดทิศทางการทำวิจัย

17 5. วัตถุประสงค์การวิจัย (Research Objective)
เหตุผลการกำหนดวัตถุประสงค์การวิจัย เป็นแนวทางการกำหนดสมมติฐานการวิจัยดีขึ้นและมีความถูกต้องตามหลักสถิติ เป็นแนวทางในการวิเคราะห์ข้อมูล และการนำเสนอผลวิจัยได้ชัดเจน

18 5. วัตถุประสงค์การวิจัย (Research Objective)
ลักษณะการเขียนวัตถุประสงค์การวิจัย เขียนประเด็นให้ชัดเจนตามกรอบการวิจัย โดยเขียนให้กระชับใช้ภาษาเข้าใจง่าย เขียนเป็นรูปแบบประโยคบอกเล่าหรือประโยคการเปรียบเทียบ หรือประโยคความสัมพันธ์ของสิ่งที่ต้องการศึกษาวิจัยดีกว่าเขียนเป็นรูปแบบประโยคคำถาม วัตถุประสงค์ข้อเดียวควรมีประเด็นการศึกษาเพียงประเด็นเดียว วัตถุประสงค์ทุกข้อที่เขียนต้องสามารถศึกษาได้ คือ สามารถเก็บข้อมูล วัดและวิเคราะห์ได้ทั้งหมด ไม่ควรนำประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับการวิจัยมาเขียนเป็นวัตถุประสงค์การวิจัย

19 6. สมมติฐานการวิจัย (Research Hypothesis)
สมมติฐานที่ดี - ควรสอดคล้องกับปัญหาการวิจัย - สามารถทดสอบอย่างถูกต้องตามหลักทฤษฎี - ต้องระบุความ สัมพันธ์ระหว่างตัวแปร 2 ตัวแปรหรือมากกว่า - เขียนด้วยถ้อยคำภาษาที่ชัดเจน งานวิจัยเชิงปริมาณจะนิยมกำหนดสมมติฐานที่ทดสอบเป็นข้อๆ อย่างชัดเจน งานวิจัยเชิงคุณภาพบางงานไม่สามารถระบุสมมติฐานเป็นข้อๆ อย่างชัดเจน

20 7. ขอบเขตการวิจัย (Scope of the Study)
งานวิจัยควรกำหนดขอบเขตการวิจัยให้ชัดเจน เพื่อให้งานวิจัยเป็นไปตามปัญหาและวัตถุประสงค์การวิจัยที่ตั้งไว้ เป็นการกำหนดลักษณะประชากร กลุ่มตัวอย่าง ประเภทเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย และกำหนดขอบเขตการศึกษาที่ระบุถึงประเด็นเนื้อสาระ/ตัวแปรการวิจัย - เป็นกรอบของกลุ่มประชากรและกรอบเชิงพื้นที่ที่ใช้ศึกษาวิจัย - เป็นการระบุกรอบเนื้อหาหรือตัวแปรต่างๆ ในการศึกษาวิจัย

21 8. ข้อจำกัดของการวิจัย (Limitation of the Study)
ข้อจำกัดที่เป็นเหตุทำให้ผู้วิจัยไม่ดำเนินการวิจัยให้ครอบคลุมในทุกแง่มุมตามที่ควรดำเนินการ ข้อจำกัดที่มีเหตุผลเชิงวิชาการและยอมรับได้ ไม่ใช่ ข้อจำกัดที่มาจากผู้วิจัย เช่น ไม่มีเวลา ขาดความรู้กระบวนการวิจัย หรือปัญหาสุขภาพ

22 9. ข้อตกลงเบื้องต้น (Basic Assumption)
รายละเอียดที่ผู้วิจัยต้องยึดในการทำวิจัยเรื่องนั้น เพราะอาจทำให้ผลของการวิจัยแตกต่างกัน แต่ไม่ใช่เป็นข้อบกพร่องของการวิจัย การระบุกรอบของการทำวิจัยภายใต้เงื่อนไขของปัจจัยบางอย่างที่ทำให้งานวิจัยไม่สามารถให้ผลสมบูรณ์เท่าที่ควรจะเป็น การวิจัยแต่ละเรื่องหากผู้วิจัยควบคุมตัวแปรและสถานการณ์ไม่ได้ จำเป็นต้องเขียนข้อตกลงเบื้องต้นในการทำวิจัย

23 10. คำนิยามศัพท์หรือคำจำกัดความในการวิจัย (Definition of Terms)
ควรนิยามตัวแปรที่ใช้ในการวิจัยทุกตัว จะเป็นการให้คำนิยามเชิงสามัญ หรือเชิงปฏิบัติการที่ใช้ในการวิจัยเรื่องนั้นๆ เนื่องจากศัพท์บางคำอาจจะมีความหมายหลายประการ การนิยามเชิงปฏิบัติการต้องไม่ขัดกับแนวคิด ทฤษฏี และมีความหมายที่แน่นอนชัดเจนและวัดได้อย่างเดียวกันไม่ว่าใครวัด คำนิยามเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจตรงกับผู้วิจัย

24 วัตถุประสงค์การให้คำนิยามศัพท์
10. คำนิยามศัพท์หรือคำจำกัดความในการวิจัย (Definition of terms) วัตถุประสงค์การให้คำนิยามศัพท์ เพื่อให้เกิดความแน่นอนในความหมายและตัวแปรที่ใช้ในการศึกษาตลอดการวิจัย เพื่อสามารถนำไปสู่การสร้างเครื่องมือและกำหนดวิธี การวัดตัวแปรอย่างถูกต้องเหมาะสม

25 11. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ (Significance of the Finding)
ผลการวิจัยที่ค้นพบนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร ผลการวิจัยที่ค้นพบนำไปใช้ประโยชน์กับกลุ่มใด/หน่วยงานใด/พื้นที่ใด ผลการวิจัยที่ค้นพบสามารถไปใช้แก้ปัญหาใด

26 12. กรอบแนวคิดการวิจัย (Conceptual Research Framework)
แนวคิดของผู้วิจัยที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต้นและตัวแปรตามที่ใช้ศึกษาใน การวิจัยครั้งนั้น ๆ แหล่งมาจากการทบทวนวรรณกรรม แนวคิด ทฤษฏี ตลอดจนผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง นำมาเขียนเป็นแผนภาพ สมการ และการบรรยายเชื่อมโยงเพื่อแสดงให้เห็นถึงวามสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่ศึกษาในงานวิจัย

27 ประโยชน์ของกรอบความคิดในการวิจัย
ช่วยชี้ทิศทางการวิจัย ประเภทและความสัมพันธ์ตัวแปรต้นและตัวแปรตาม ช่วยชี้แนวทางในการออกแบบการวิจัย การเลือกใช้เครื่องมือในการวิจัย ช่วยชี้แนวทางการกำหนดวัตถุประสงค์และสมมติฐานของการวิจัย ช่วยชี้แนวทางการเลือกใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล ช่วยชี้แนวทางกรอบการแปลผลและการอภิปรายผลการวิจัย

28 13. วิธีดำเนินการวิจัย (Research Methodology)
หัวข้อวิธีดำเนินการวิจัย ประกอบด้วย 13.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 13.2 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยและ การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ 13.3 การดำเนินงานทดลอง 13.4 การรวบรวมข้อมูล 13.5 การวิเคราะห์ข้อมูล

29 13. วิธีดำเนินการวิจัย (Research Methodology)
13.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากร เขียนบรรยายลักษณะประชากรของงานวิจัยว่าเป็น กลุ่มใด มีจำนวนเท่าใด กลุ่มตัวอย่าง ระบุขนาดตัวอย่างและวิธีคำนวณขนาดตัวอย่าง แบบแผนการวิจัยที่จำเป็นต้องใช้วิธีการสุมตัวอย่าง ให้ระบุวิธีการสุ่มตัวอย่าง

30 13. วิธีดำเนินการวิจัย (Research Methodology)
13.2 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยและ การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ ระบุประเภทเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เครื่องมือแต่ละชุดเป็นเครื่องมือที่บุคคลใดพัฒนาขึ้นหรือเป็นเครื่องมือ ที่ผู้วิจัยสร้างเอง ผู้วิจัยมีวิธีการสร้างอย่างไร ลักษณะเครื่องมือเป็นอย่างไร เกณฑ์การให้คะแนนเครื่องมือ วิธีการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ โดยเฉพาะคุณภาพความตรงตาม เนื้อหา (Content Validity) และคุณภาพความเที่ยงของเครื่องมือ (Reliability) การทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่างกลุ่มใด จำนวนเท่าไรและผลการวัด ความเที่ยงของเครื่องมือวิจัย

31 13. วิธีดำเนินการวิจัย (Research Methodology)
13.3 การดำเนินการทดลอง งานวิจัยที่ใช้แบบแผนการวิจัยแบบทดลองหรือแบบแผนการวิจัยกึ่งทดลองให้ระบุ : - ขั้นตอนการดำเนินการทดลอง - ระยะเวลาที่ใช้ในแต่ละขั้นตอน - ระบุวิธีการกำกับการทดลอง - วิธีควบคุมตัวแปรแทรกซ้อน

32 13. วิธีดำเนินการวิจัย (Research Methodology)
13.4 การรวบรวมข้อมูล - ระบุขั้นตอนการรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง - วิธีการเก็บข้อมูล - ลักษณะการดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล

33 13. วิธีดำเนินการวิจัย (Research Methodology)
13.5 การวิเคราะห์ข้อมูล งานวิจัยเชิงปริมาณให้ระบุสถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ควร เขียนระบุเป็นข้อๆ เรียงให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การ วิจัย งานวิจัยเชิงคุณภาพให้ระบุวิธีวิเคราะห์ข้อมูลให้ชัดเจน

34 14. รายการอ้างอิงหรือสิ่งอ้างอิง (Reference)
รูปแบบการเขียนรายการอ้างอิง/บรรณานุกรมหนังสือ วารสาร เอกสาร สิ่งพิมพ์ รวมถึงคำสัมภาษณ์ที่มาใช้ประกอบการวิจัยมีหลายรูปแบบ เช่น ระบบแวนคูเวอร์ และ APA Formatted References เป็นต้น การเขียนรายการอ้างอิง/บรรณานุกรมในงานวิจัยให้ ยึดตามรูปแบบที่กำหนดโดยหน่วยงานนั้นๆ

35 15. รายละเอียดงบประมาณ ระบุรายการการใช้จ่ายตลอดโครงการ จำแนก ตามหมวดหมู่ ได้แก่ - หมวดค่าตอบแทน - หมวดค่าใช้สอย หมวดค่าวัสดุ - หมวดครุภัณฑ์และหมวดอื่นๆ

36 ตัวอย่างการเขียนงบประมาณ
งบประมาณการวิจัย - หมวดค่าตอบแทน เช่น ค่าตอบแทนที่ปรึกษา ค่าตอบแทน ผู้วิจัยหลัก ค่าตอบแทนผู้ร่วมวิจัย ค่าตอบแทนผู้นำและแกนนำ เป็นต้น - หมวดค่าใช้สอย เช่น ค่ายานพาหนะและที่พัก ค่าวิเคราะห์ข้อมูล ค่าถ่ายเอกสาร ค่าพิมพ์เอกสารและรายงานผลการวิจัย ค่าจัดทำสื่อ ค่าจัดทำรูปเล่มรายงาน เป็นต้น - หมวดค่าวัสดุ เช่น ค่าวัสดุสำนักงาน ค่าวัสดุคอมพิวเตอร์ เป็นต้น - หมวดครุภัณฑ์ เช่น ค่าเครื่องคอมพิวเตอร์ รถยนต์ เป็นต้น - อื่นๆ เช่น เบ็ดเตล็ด

37 16. แผนการดำเนินการวิจัย
เขียนระบุเวลาการดำเนินการในแต่ละขั้นตอน

38 แหล่งทุนสำคัญ - สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) www.nrct.net
- สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) - สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แห่งชาติ (สวทช.) - หน่วยงานอื่นๆ

39 หลักการประเมินข้อเสนอการวิจัยทั่วไป
การประเมินข้อเสนอโครงการวิจัย ประกอบด้วย : 1) ความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์/แผนงานวิจัย (10) 2) คุณค่าทางปัญญา (60) 2.1) ปัจจัยการวิจัย (input) : ความสำคัญหัวข้อวิจัย ความชัดเจนของ วัตถุประสงค์ ความพร้อมของคณะผู้ทำวิจัย การตรวจเอกสารและ ผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง แผนการดำเนินงาน ความเหมาะสมของ งบประมาณ 2.2) กระบวนการวิจัย (process) : วิธีวิจัยและกลยุทธ์การเชื่อมโยงขั้นตอน การวิจัย แผนการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่กลุ่มเป้าหมาย 2.3) ผลผลิตการวิจัย (output) : ผลสำเร็จที่คาดว่าจะได้รับก่อให้เกิดมูลค่า เพิ่มทางเศรษฐกิจ การสร้างคุณค่าเพิ่มทางสังคมและวัฒนธรรม 3) ผลลัพธ์ (outcome) และผลกระทบ (impact) : ผลลัพธ์ของงานวิจัยที่จะ ทำให้เกิดผลกระทบในด้านต่าง ๆ (30)

40 ประเด็นการประเมินข้อเสนอการวิจัย
1. หัวข้อโครงการวิจัย ประกอบด้วย : 1) ความชัดเจนและกะทัดรัด 2) สามารถระบุสิ่งที่ต้องการศึกษา หรือประดิษฐ์และพัฒนา 3) ชี้ให้เห็นแนวทางการวิจัยหรือประเภทการวิจัย 4) ครอบคลุมประเด็นปัญหาหรือสาระที่จะทำการวิจัย 5) สนองตอบต่อความต้องการของหน่วยงาน หรือแหล่งทุน

41 ประเด็นการประเมินข้อเสนอการวิจัย
2. ความสำคัญและที่มาของปัญหาการวิจัย ประกอบด้วย : 1) นำเสนอชี้ประเด็นปัญหาได้อย่างชัดเจน 2) ความสอดคล้องกับชื่อหัวข้อโครงการวิจัย 3) ชี้ความจำเป็น/ความสำคัญในการศึกษาวิจัย 4) ความเป็นเหตุเป็นผลของการอธิบาย 5) หลักฐานเชิงประจักษ์ยืนยันตามข้อเท็จจริง

42 ประเด็นการประเมินข้อเสนอการวิจัย
3. วัตถุประสงค์การวิจัย ประกอบด้วย : 1) ความชัดเจนที่บ่งบอกถึงสิ่งที่ต้องการทราบจากการศึกษา 2) ความสอดคล้องตรงกับประเด็นปัญหา 3) ความ SMART S : SENSIBLE = เหมาะสม สำคัญ จำเป็น M : MEASURABLE = วัดได้ ตรวจสอบได้ A : ATTAINABLE = สามารถทำได้ R : REASONABLE = สอดคล้อง เหตุ-ผลกับปัญหาการวิจัย T : TIME = มีระยะเวลาสิ้นสุด

43 ประเด็นการประเมินข้อเสนอการวิจัย
4. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ประกอบด้วย : 1) ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับควรเป็นไปได้จริง 2) ความคุ้มค่า/พอเพียงในการทำวิจัย 3) ประโยชน์อยู่ในกรอบของวัตถุประสงค์การวิจัย

44 ประเด็นการประเมินข้อเสนอการวิจัย
5. ขอบเขตการวิจัย ประกอบด้วย : 1) ระบุขอบข่ายประเด็นที่มุ่งเน้น : ตัวแปร 2) ระบุขอบเขตเชิงพื้นที่/ประชากรที่ต้องการศึกษา/กลุ่มเป้าหมาย 3) ความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การวิจัย 4) การระบุเป้าหมายการขยายผลใช้ประโยชน์

45 ประเด็นการประเมินข้อเสนอการวิจัย
6. แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย : 1) ระบุแหล่งที่น่าเชื่อถือ และอ้างอิงถูกต้อง 2) ความเหมาะสม ทันสมัย 3) พอเพียงที่ใช้เป็นแนวคิดการวิจัยและกรอบการวิจัย

46 ประเด็นการประเมินข้อเสนอการวิจัย
การประเมินวรรณกรรม ระดับความเกี่ยวข้อง 1. เกี่ยวข้องกับชื่อเรื่องหรือปัญหาในการวิจัย เพื่อใช้ในการเขียนภูมิหลัง ความสำคัญและที่มาของปัญหาได้ชัดเจน 2. เกี่ยวข้องกับสมมติฐานเพื่อจะได้มีเหตุผลว่าทำไมกำหนดสมมติฐานเช่น เน้นวรรณกรรมที่คัดเลือกมาควรจะเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนสมมติฐาน 3. เกี่ยวข้องกับตัวแปร เพื่อจะได้กำหนดตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย นำไปสู่การสร้างกรอบแนวคิดในการวิจัย 4. เกี่ยวข้องกับการอภิปรายผล เพื่อนำมาสนับสนุน/โต้แย้ง ผลการวิจัยที่ได้ /เปรียบเทียบกับผลงานวิจัยในอดีต 46

47 ประเด็นการประเมินข้อเสนอการวิจัย
การประเมินวรรณกรรม ระดับความครอบคลุม การเลือกวรรณกรรมที่สามารถนำมาอ้างอิง สนับสนุน/ โต้แย้งครอบคลุมประเด็นต่างๆ ให้มากที่สุดตั้งแต่ภูมิหลังความ เป็นมา กรอบแนวคิด สมมติฐาน ขอบเขต ตัวแปร และการ อภิปรายผลการวิจัย ถ้าเลือกวรรณกรรมที่ครอบคลุมน้อยจะต้องใช้วรรณกรรม เป็นจำนวนมากเกินไปในการศึกษาวิจัย 47

48 ประเด็นการประเมินข้อเสนอการวิจัย
การประเมินวรรณกรรม ระดับความน่าเชื่อถือ 1. ความน่าเชื่อถือของแหล่งที่มา จะต้องสามารถสืบค้นได้ถึงเจ้าของผลงานเดิม 2. ความน่าเชื่อถือของประเภทวรรณกรรมปฐมภูมิมากกว่าทุติยภูมิ 3. ความน่าเชื่อถือของเจ้าของวรรณกรรม คุณวุฒิ ความถนัด ความชำนาญของเจ้าของวรรณกรรม 4. ความน่าเชื่อถือในสำนักพิมพ์ McGraw-Hill ,Adison Wesly,. Prentice-Hall, Dryden Press 5. ความทันสมัยของวรรณกรรม ปี พ.ศ. 48

49 ประเด็นการประเมินข้อเสนอการวิจัย
7. สมมติฐาน (ถ้ามี) ประกอบด้วย : 1) ความชัดเจนที่สามารถระบุผลที่คาดหวัง 2) สอดคล้องและครอบคลุมวัตถุประสงค์การวิจัย 3) ความสมเหตุสมผล/มีแนวคิด ทฤษฎี เอกสารและผลงานวิจัยรองรับ 4) สามารถพิสูจน์ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง

50 ประเด็นการประเมินข้อเสนอการวิจัย
8. ข้อจำกัดการวิจัย ประกอบด้วย : 1) ระบุสิ่งที่ไม่ได้พิจารณาถึง พร้อมเหตุผลชัดเจน 2) ระบุสิ่งที่เป็นข้อจำกัดในการวิจัยและเหตุผลชัดเจน 3) ความสมเหตุสมผล/มีแนวคิด ทฤษฎี เอกสารและผลงานวิจัยรองรับ 4) ข้อจำกัดทางวิชาการ/เทคนิค ไม่ได้เป็นมาจากนักวิจัย

51 ประเด็นการประเมินข้อเสนอการวิจัย Refer To ไม่ใช่ Meaning
9. นิยามศัพท์ ประกอบด้วย : 1) ความครบถ้วนและชัดเจนตามตัวแปร X และตัวแปร Y 2) ต้องสามารถช่วยให้เห็นแนวทางหรือลักษณะของข้อมูล 3) ทำให้ผู้อ่าน/ติดตามการวิจัยมีความเข้าใจตรงกับนักวิจัย Refer To ไม่ใช่ Meaning

52 ประเด็นการประเมินข้อเสนอการวิจัย
10. ระเบียบวิธีการวิจัย ประกอบด้วย : 1) ความชัดเจนและเป็นขั้นตอนถูกต้อง 2) ความเป็นไปได้ในการเลือกใช้เครื่องมือและถูกต้อง 3) นำเสนอรัดกุม สามารถให้ผลน่าเชื่อถือ - แบบแผนการวิจัย - การทดลอง

53 ประเด็นการประเมินข้อเสนอการวิจัย
10. ระเบียบวิธีการวิจัย ประกอบด้วย : แบบแผนการวิจัย - ออกแบบตรงกับประเด็นที่ต้องการศึกษาวิจัย - สามารถแสดงให้เห็นผลตามที่ต้องการศึกษาวิจัย - มีการควบคุมตัวแปรแทรกซ้อน - ความเหมาะสมกับสภาพความเป็นจริง การทดลอง - กำหนดวางแผนเป็นขั้นตอนและรัดกุม - ความแตกต่างจากสภาพปกติ - การใช้เวลาที่เหมาะสม - สามารถตอบสมมติฐาน/ให้ข้อสรุปตามวัตถุประสงค์การวิจัย

54 ประเด็นการประเมินข้อเสนอการวิจัย
การรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย : - ความถูกต้องและน่าเชื่อถือของเครื่องมือ - ถูกต้องในช่วงเวลาและถูกสถานการณ์ - แหล่งข้อมูลต่างๆ น่าเชื่อถือ - ข้อมูลเพียงพอ การวิเคราะห์ข้อมูล ประกอบด้วย : - ระบุวิธีการที่ชัดเจนและตามขั้นตอน - วิธีการเหมาะสม

55 ประเด็นการประเมินข้อเสนอการวิจัย
11. ระยะเวลาการวิจัย ประกอบด้วย : 1) ความเหมาะสมและเป็นไปได้ทางปฏิบัติ 2) ความสอดคล้องและทันเหตุการณ์ 12. งบประมาณและค่าใช้จ่าย ประกอบด้วย : 1) ภาระงานตามขั้นตอนที่กำหนดมีความจำเป็น 2) อุปกรณ์และครุภัณฑ์ที่ใช้มีความจำเป็น 3) ช่วงเวลาเหมาะสมตามความจำเป็น


ดาวน์โหลด ppt ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐานทาง ธุรกิจระหว่างประเทศ

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google