งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

พระวาจาทรง ชีวิต พฤศจิกายน 2013.

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "พระวาจาทรง ชีวิต พฤศจิกายน 2013."— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 พระวาจาทรง ชีวิต พฤศจิกายน 2013

2 “จงมีใจโอบอ้อมอารี มีเมตตาต่อกัน ให้อภัยกันดังที่
พระเจ้าทรงให้อภัยแก่ท่านในองค์ พระคริสตเจ้า” (เอเฟซัส 4, 32)

3 นี่ช่างเป็นแนวทางที่จำเป็น และน่านำไปปฏิบัติในชีวิตของเรา เพราะใช้คนคนเดียวก็พอในการสร้างสังคมใหม่ สังคมที่เป็นพี่น้องกันมากกว่าเดิม เป็นปึกแผ่นกันมากยิ่งขึ้น

4 ถ้อยคำข้างบนนี้ เราคัดมาจากเค้าโครงใหญ่ที่เสนอให้กับ
คริสตชนในเขตเอเซียตะวันออกกลาง ในชุมชนดังกล่าว มีสันติภาพอันดีระหว่างชาวยิวและคนต่าง ศาสนา อันเป็นเสมือนตัวแทนของมนุษยชาติที่แตกแยกกัน

5 ความเป็นหนึ่งเดียวกันที่พระคริสตเจ้าประทานให้นี้ ต้องบำรุงเลี้ยงให้มีชีวิตชีวาอยู่เสมอ
และนำมาปฏิบัติในชีวิตประจำวันในสังคม เพราะได้รับแรงบันดาลใจจากความรักซึ่งกันและกัน จึงจะเกิดแนวปฏิบัติในความสัมพันธ์ต่อกันดังนี้

6 “จงมีใจโอบอ้อมอารี มีเมตตาต่อกัน ให้อภัยกันดังที่
พระเจ้าทรงให้อภัยแก่ท่านในองค์ พระคริสตเจ้า” (เอเฟซัส 4, 32)

7 ความปรารถนาดีคือ หวังดีต่อผู้อื่น ทำตัวเป็นหนึ่งเดียวกับทุกคนที่เราอยู่ด้วย ด้วยการทำตัวให้ว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง ว่างเปล่าจากความสนใจส่วนตัว จากความคิดของเราเอง อิสระจากอคติที่ปิดบังสายตาของเรา เพื่อที่จะแบกรับภาระของเขา ความต้องการ ความทุกข์ หรือแบ่งปันความสุขร่วมกับเขา

8 นี่คือการเข้าถึงใจของทุกคนที่อยู่ใกล้ชิดเรา เพื่อที่เราจะเข้าใจความคิด วัฒนธรรม ประเพณี และทำให้สิ่งเหล่านั้น เป็นของเราด้วย เพื่อที่เราจะเข้าใจอย่างแท้จริงว่า เขาต้องการอะไร และเพื่อจะได้เรียนรู้ถึงพระพร ที่พระเจ้าโปรดให้ในดวงใจของทุกคน

9 พูดง่ายๆก็คือ เราเจริญชีวิตเพื่อทุกคนที่อยู่ใกล้ชิดกับเรา

10 เห็นอกเห็นใจคือ รับคนอื่นอย่างที่เขาเป็น มิใช่ดังเช่นที่เรา อยากให้เขาเป็น เขาอาจมีอุปนิสัยต่างจากเรา มีความคิดเห็น ทางการเมืองต่างจากเรา ถือศาสนาไม่เหมือนเรา ด้วยการ มองข้ามข้อบกพร่อง หรือวิธีปฏิบัติของเขาที่เราไม่ชอบ

11 ใช่แล้ว เราต้องเปิดใจให้กว้าง เพื่อที่จะรับทุกคนได้
ใช่แล้ว เราต้องเปิดใจให้กว้าง เพื่อที่จะรับทุกคนได้ ในความแตกต่าง ขีดจำกัด และปัญหาความทุกข์ยากของเขา

12 ให้อภัยคือ การมองคนอื่นเป็นคนใหม่เสมอ รวมทั้งในสถานที่ที่เราอยู่ด้วย บางที่เราคิดว่าดีมากแล้ว เรียบร้อย เช่น ในครอบครัว โรงเรียน ในที่ทำงาน อาจมีบางช่วงบางเวลาที่ขัดแย้งกัน ไม่เข้าใจกัน กระทบกระทั่งกัน

13 อาจถึงขั้นทุ่มเถียงกัน ไม่อยากเจอะเจอกัน หรือมากไปกว่านั้น ในจิตใจอาจเกลียดชังคนที่มีความคิดเห็นต่างจากเรา

14 งานที่จำเป็นเร่งด่วนสำหรับเราก็คือ แต่ละวัน เราต้องพยายามมองพี่น้องเป็นดั่งคนใหม่เสมอ ไม่ต้องไปคิดถึงความผิดที่เขาทำต่อเรา แต่ปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความรัก ให้อภัย จากใจ เป็นการเลียนแบบพระเจ้าที่ทรงให้อภัย และทรง ลืมอดีตอย่างสิ้นเชิง

15 เป็นการปฏิบัติถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน
สันติที่แท้จริงและความเป็นหนึ่งเดียวกันจะเกิดขึ้น เมื่อความปรารถนาดีต่อกัน ความเมตตา และการให้อภัยต่อกันเช่นนี้ ต่างคนต่างนำมาเจริญชีวิตด้วยกัน แต่มิใช่เป็นแค่ต่างคนต่างทำ แต่ต้องเจริญชีวิตเช่นนี้ด้วยกันเป็นกลุ่ม เป็นการปฏิบัติถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน

16 เหมือนในเตาผิงที่จุดไฟไว้ จะต้องมีการกระทุ้งร่อนตะแกรง อยู่บ่อยๆ เพื่อมิให้ขี้เถ้าติดหนาเกินไป เช่นเดียวกัน เพื่อให้ความรักต่อกันมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ ในเรื่องความสัมพันธ์กับผู้อื่น จะต้องกระตุ้นอยู่บ่อยๆ เพื่อมิให้ขี้เถ้าของการไม่ใส่ใจ การขาดความห่วงหาอาทร หรือความเห็นแก่ตัวติดหนาขึ้น

17 “จงมีใจโอบอ้อมอารี มีเมตตาต่อกัน ให้อภัยกันดังที่
พระเจ้าทรงให้อภัยแก่ท่านในองค์ พระคริสตเจ้า” (เอเฟซัส 4, 32)

18 ท่าทีดังกล่าวนี้ เรียกร้องให้เราแสดงออกมาเป็นกิจการที่เห็นได้ สัมผัสได้

19 พระเยซูเจ้าเอง ได้ทรงแสดงให้เราเห็นแล้วว่า ความรักเป็น อย่างไร เมื่อทรงรักษาคนป่วยไข้ ทรงดับความหิวโหยของ ประชาชน ทรงปลุกให้คนตายกลับฟื้นคืนชีวิต ทรงล้างเท้า บรรดาสาวก ทั้งหมดนี้เป็นกิจการล้วนๆ นี่คือความรัก

20 ดิฉันนึกขึ้นมาได้ถึงแม่บ้านคนหนึ่งในครอบครัวอัฟริกัน บุตรสาวของเธอชื่อ
โรสแอนเจิ้ล ต้องสูญเสียตาไปข้างหนึ่งอันเนื่องมาจากเด็กเกเรข้างบ้านใช้ท่อนไม้ตีลูกสาวเธอ และแถมยังพูดจาเยาะเย้ยอยู่เสมอ

21 “แม่สบายใจเถอะ หนูยังโชคดี มีตาอีกข้างให้มองเห็นได้ชัด”
ไม่มีคำขออภัยหลุดจากปากของพ่อหรือแม่ของเด็กคนนั้น เงียบสนิท ความสัมพันธ์กับครอบครัวนั้นก็ต้องขาดสะบั้นลง แต่โรสแอนเจิ้ล ซึ่งให้อภัยเด็กชายนั้นแล้ว พูดกับแม่ว่า “แม่สบายใจเถอะ หนูยังโชคดี มีตาอีกข้างให้มองเห็นได้ชัด”

22 “เช้าวันหนึ่ง” แม่ของโรสแอนเจิ้ลเล่า “แม่ของเด็กชายคนนั้นส่งคนมาตามดิฉัน บอกว่าเธอไม่สบาย” ความรู้สึกแรกของดิฉันคือ “แน่ะ ดูซิ ตอนนี้มาขอให้ดิฉันช่วย ทั้งๆที่มีเพื่อนบ้านคนอื่นๆอีกมากมาย ทำไมต้องมาขอความช่วยเหลือจากดิฉันอีก ลูกชายของเธอเคยทำอะไรไว้”

23 แต่ในทันที ดิฉันก็คิดว่า ความรักไม่มีกำแพงขวางกั้น ดิฉันรีบวิ่งไปที่บ้านของเธอ เธอเองเปิดประตูให้ แล้วก็เป็นลมในอ้อมแขนดิฉัน ดิฉันพาส่งโรงพยาบาล และอยู่เฝ้าเธอจนหมอให้กลับบ้านได้

24 หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลได้อาทิตย์หนึ่ง เธอมาหาดิฉันที่บ้านบอกขอบใจดิฉัน ดิฉันต้อนรับเธอด้วยน้ำใจ ให้อภัยกับเธอในทุกสิ่งที่ผ่านมา ความสัมพันธ์กลับดีขึ้นมาอีกครั้ง พูดได้ว่าดีเหมือนตอนเริ่มต้นใหม่ๆ

25 แต่ละวันของเราก็น่าจะมีแต่กิจการ การรับใช้ที่เห็นได้จับต้องได้ เป็นกิจการที่สุภาพ สร้างความพึงพอใจ เป็นการแสดงออกถึงความรัก เช่นนี้แหละเราจะเห็นว่าความเป็นพี่เป็นน้อง และสันติจะเกิดขึ้นในสถานที่ที่เราอยู่

26 “จงมีใจโอบอ้อมอารี มีเมตตาต่อกัน ให้อภัยกันดังที่
พระเจ้าทรงให้อภัยแก่ท่านในองค์ พระคริสตเจ้า” (เอเฟซัส 4, 32) คำอธิบายโดย เคียร่า ลูบิค ค.ศ. 2006 กราฟฟิกโดย Anna Lollo โดยความร่วมมือของ Fr. Placido D’Omina (ซิชิลี - อิตาลี) * * * คำอธิบายพระวาจาทรงชีวิตนี้แปลเป็นภาษาต่างๆถึง 96 ภาษา และภาษาท้องถิ่นต่างๆด้วย พระวาจานี้ไปถึงผู้คนกว่าล้านคนทั่วโลก ผ่านทางสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และอินเตอร์เน็ต รายละเอียดเพิ่มเติม พาวเวอร์พ้อยท์พระวาจาทรงชีวิตภาษาต่าง ๆ พบได้ที่


ดาวน์โหลด ppt พระวาจาทรง ชีวิต พฤศจิกายน 2013.

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google