การบันทึกเสียง Field trips, guest speakers, projects… Show, Clone Stamp, Chroma-Key, Shape Tween Show project examples
Shock Mounts
Wind Screens
Omnidirectional Pickup Pattern
Omnidirectional Pickup Pattern
Cardioid Pickup Pattern
Cardioid Pickup Pattern
Hypercardioid Pickup Pattern
องค์ประกอบของระบบขยายเสียง * INPUT SIGNAL * AMPLIFIER * OUTPUT SIGNAL
ส่วนประกอบของเครื่องขยายเสียง Pre Amplifier Tone Control Power Amplifier IN PUT OUT PUT Power Supply
Loud speaker
ประเภทของลำโพงตามการตอบสนองความถี่ Sub woofer Woofer Midrange/Bass Midrange or Squawker Tweeter Full Range Multiway Speaker
Connectors XLR for balanced connections RCA for consumer unbalanced Mini-plug for computer soundcards ¼” TRS (tip-ring-sleeve) for some balanced audio applications
ห้องบันทึกเสียง Studio Recorder
directed sound early reflections (50-80 msec) reverberation amplitude time
1.เสียงพูด เป็นเสียงที่มีความดังไม่มากนัก 50 มิลลิวัตต์ มีความถี่ระหว่าง 100Hz-8000Hz เสียงเพศหญิงจะมีความถี่สูงกว่าเพศชายและในบางเสียงเช่น การออกเสียงตัวอักษรส ซ ช ฉ หรือ s ch sh จะทำให้เกิดความถี่สูงขึ้นมาเรียนกว่า ซิบิแลนซ์(sibilance)มีผลต่อการบันทึกเสียงทำให้เสียงแตกพร่าได้ง่าย
2.เสียงดนตรี เป็นเสียงมีความถี่สูงกว่าเสียงพูด คืออยู่ระหว่าง 30Hz-20,000Hz เป็นความถี่ที่หูมนุษย์สามารถรับรู้ได้ เสียงดนตรีแต่ละประเภทจะให้ความถี่แตกต่างกัน จากโครงสร้างของเครื่องดนตรีและลักษณะของเสียงที่ดังออกมา เสียงที่แตกต่างกันนี้ทำให้เรารู้ว่าเป็นเครื่องดนตรีประเภทใด แม้จะเล่นโน้ตตัวเดียวกันและมีการเล่นที่แตกต่างกันออกไป
3.เสียงรบกวน(Noise) มีอยู่ด้วยกันหลายรูปแบบ จากอุปกรณ์ทางไฟฟ้าเอง เนื้อเทป หรือแม้แต่เสียงรบกวนในขณะบันทึก ดังนั้นผู้บันทึกจึงจำเป็นที่จะต้องเข้าใจในเรื่องของเสียงรบกวนแต่ละประเภทจึงจะแก้ได้อย่างถูกต้อง
3.1 เสียงฮัม(hum) เป็นเสียงรบกวนในความถี่ต่ำ 60Hz-120Hz เกิดขึ้นจาก การรบกวนของมอเตอร์ในเครื่องเล่นต่างๆ สายสัญญาณหรือการรบกวนของหม้อแปลงไฟฟ้า
3. 2 เสียงเทปฮีส(Tape hiss) 3.2 เสียงเทปฮีส(Tape hiss) เป็นเสียงซ่า เหมือนขณะที่หมุนหาคลื่นวิทยุ ลักษณะจะเหมือนเสียงพิงค์นอยส์ (pink noise)มักจะพบในเนื้อ เทป หรือในอุปกรณ์ต่างๆ เครื่องเสียงที่ดี มักจะมีค่าS/N Ratio สูง
4.เฮดรูม(head room) ความสามารถในการรับสัญญาณหรือบันทึกได้สูงสุดของเครื่องมือต่างๆ ก่อนจะเกิดเสียงที่แตกพร่า (Distrotion) สามารถปรับเลือกได้ ว่าจะให้มีค่าในการรับที่เท่าไหร่ เช่น 110dB หากมีเสียงเข้ามาที่ 120dB เสียงจะแตก ดังนั้นจะต้องปรับไปที่ 120 dB
4.เฮดรูม(head room)
Volume Unit Meters Analog VU Meter Measures the volume units, the relative loudness of amplified sound. LED VU Meter
5.เฟสของเสียง (Phase) รูปแบบการเคลื่อนที่ของสัญญาณเสียง 2 สัญญาณ สเตอริโอที่ออกมาพร้อมกัน หากตรงกันและพร้อมกันจะเกิดสัญญาณที่แรงขึ้น หากกลับเฟสกัน ในเวลาเดียวกัน เสียงจะหายไป และกลับเฟสกันในเวลาต่างกันจะทำให้เสียงหายไปในบางช่วง
5.เฟสของเสียง (Phase)
6. เสียงแตกพร่า(Distortion) 6.เสียงแตกพร่า(Distortion) เป็นลักษณะการบันทึกที่เสียงเกินจากที่กำหนดจะทำให้เสียงแตก ซึ่งดูได้จาก VU miter ไม่สามารพแก้ไขได้ หากเสียงที่ต่ำกว่า เฮดรูมมาก จะไปเข้าใกล้นอยส์ ทำให้เสียงมีคุณภาพแย่มาก
แนวคิดในการออกแบบห้องบันทึกเสียง ปรับแต่งห้อง Turning a Room
ลักษณะของห้องและผนัง
ปรับเสียง (sound proofing)
การออกแบบผนังห้องบันทึกเสียง
จุดรับฟัง(Sweet spot)
Sound System 5.1
การสะท้อนและดูดซับของเสียง(live & dead) การสะท้อนและดูดซับของเสียง(live & dead) ในยุคก่อน การบันทึกเสียงมักจะให้เป็นห้องเก็บเสียง(dead room) แต่ทำให้ได้เสียงที่ไม่เป็นธรรมชาติ ดังนั้นจึงมีการนำวัสดุหรืออุปกรณ์ต่างๆเข้ามาใช้ในการจัดห้อง เพื่อให้เหมือนกับสภาพเสียงต่างเช่น ในห้องประชุมใหญ่ หรือในสตูดิโอซึ่งผนังห้องที่ต้องการให้เกิดเสียงสะท้อน เรียกว่า reflective หรือ live or wet-sounding room หากผนังต้องการให้ซับเสียงมากเรียกว่า absorbent หรือ dead or dry
การสะท้อนของเสียง
การดูดกลืนของเสียง
วัสดุ อคุสติก acoustic
การดูดซับของเสียง
การบันทึกด้วยเทปเสียง
ห้องบันทึกเสียง