01132491 ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐานทางธุรกิจ Basic Research Methods in Business เติมศักดิ์ สุขวิบูลย์ คณะวิทยาการจัดการ 1-2 : 19/26 ส.ค. 57
วิชาพื้นฐาน : - : Statistics 01132491 ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐานทางธุรกิจ 3 หน่วยกิต Basic Research Methods in Business วัน/เวลา/สถานที่ : หมู่ 800 วันอังคาร เวลา 9.00 - 12.00 น. ห้อง 10209 หมู่ 850 วันอังคาร เวลา 16.30 - 19.30 น. ห้อง 10209 วิชาพื้นฐาน : - : Statistics นิสิตเข้าพบและให้คำแนะนำนอกเวลาเรียน - วันจันทร์ เวลา 14.00-16.00 น. - วันพุธ/วันพฤหัสบดี/วันอาทิตย์ เวลา 14.00-17.00 น. วันหรือเวลาที่เหมาะสม โดยนัดหมายศูนย์การเรียน คณะวิทยาการจัดการ : http://www.ms.src.ku.ac.th : E-mail fmstss@src.ku.ac.th : Tel. 08-0663-3707
วัตถุประสงค์ของวิชา (Objective of Subject) : 01132491 ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐานทางธุรกิจ 3 หน่วยกิต Basic Research Methods in Business วัตถุประสงค์ของวิชา (Objective of Subject) : เพื่อให้นิสิตมีความเข้าใจถึงหลักการ แนวทางการวิจัย บทบาทและ ความสำคัญการวิจัยทางธุรกิจที่มีต่อการจัดการและการตัดสินใจทางธุรกิจ 2. เพื่อให้นิสิตมีความรู้เกี่ยวกับหลักการ ระเบียบวิธีวิจัย ขั้นตอนและกระบวนการ ดำเนินงานวิจัยตั้งแต่การกำหนดประเด็นปัญหาจนถึงการเขียนรายงานการ วิจัยและเสนอผลงานวิจัยทางธุรกิจ 3. เพื่อให้นิสิตมีทักษะ ความชำนาญ ความสามารถเชิงการวิเคราะห์และการ ปฏิบัติทางการวิจัยทุกขั้นตอนตามหลักวิชาการ พร้อมทั้งการประยุกต์ใช้ งานวิจัยสำหรับการจัดการและตัดสินใจทางธุรกิจ
คำอธิบายรายวิชา (Course Description) : 01132491 ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐานทางธุรกิจ 3 หน่วยกิต Basic Research Methods in Business คำอธิบายรายวิชา (Course Description) : หลักและระเบียบวิธีการวิจัยทางธุรกิจ การกำหนดปัญหา การวางรูปแบบวิจัย การตั้งวัตถุประสงค์และสมมติฐาน การเก็บรวบรวมข้อมูล การสร้างแบบสอบถาม การวิเคราะห์และตีความข้อมูล การใช้สถิติสำหรับการวิจัย การเขียนรายงานและ การเสนอผลการวิจัย Principles and methods in business research, identification of research problems, formulation of research objectives and Hypotheses, collection of data, construction of questionnaire, data analysis and interpretation, application of statistics for research, report writing and presentation.
วิธีการสอนและระบบสอนเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ : 01132491 ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐานทางธุรกิจ 3 หน่วยกิต Basic Research Methods in Business วิธีการสอนและระบบสอนเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ : - การบรรยาย ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง/กลุ่ม การฝึกปฏิบัติการ - การค้นคว้าผลงานวิจัย การรวบรวมผล การวิเคราะห์วิจารณ์ การอภิปรายแบบมีส่วนร่วม - การจัดทำโครงการวิจัย เก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล การสรุปผลและนำเสนอ โดยที่มีงานค้นคว้าศึกษาเพิ่มเติมความรู้ และการฝึกปฏิบัติการตาม การมอบหมายให้ค้นคว้าจัดทำการวิจัยและรายงานผลการวิจัยด้วยตนเอง
1. เอกสารประกอบการสอน อุปกรณ์สื่อการสอน : 2. ตำราและหนังสือ 01132491 ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐานทางธุรกิจ 3 หน่วยกิต Basic Research Methods in Business อุปกรณ์สื่อการสอน : 1. เอกสารประกอบการสอน 2. ตำราและหนังสือ 3. เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องฉาย LCD และเครื่องฉายวัตถุ 3 มิติ 4. เครื่องคอมพิวเตอร์ฝึกปฏิบัติการ โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ และเครื่องพิมพ์ 5. แบบฝึกหัด คู่มือการลงรหัส กระดาษลงรหัสและสื่อบันทึกข้อมูล
การวัดผลสัมฤทธิ์ในการเรียน : 01132491 ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐานทางธุรกิจ 3 หน่วยกิต Basic Research Methods in Business การวัดผลสัมฤทธิ์ในการเรียน : 1. การมีส่วนร่วมและความสนใจในการเรียน โดยการเข้าร่วม ร้อยละ 10 รับฟังคำบรรยายอย่างสม่ำเสมอและอภิปราย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ 2. การทดสอบ แบบฝึกหัดและงานที่มอบหมายในชั้นเรียน ร้อยละ 15 3. การทำรายงานการวิจัย ร้อยละ 35 4. การสอบกลางภาค ร้อยละ 20 5. การสอบปลายภาค ร้อยละ 20 หมายเหตุ : การเปลี่ยนแปลงจะต้องตกลงร่วมกันระหว่างนิสิตและผู้สอน
การประเมินผลการเรียน : 01132491 ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐานทางธุรกิจ 3 หน่วยกิต Basic Research Methods in Business การประเมินผลการเรียน : สูงกว่า 79.9 คะแนน ระดับคะแนน A หรือ 4.0 75.0 - 79.9 คะแนน ระดับคะแนน B+ หรือ 3.5 70.0 - 74.9 คะแนน ระดับคะแนน B หรือ 3.0 65.0 - 69.9 คะแนน ระดับคะแนน C+ หรือ 2.5 60.0 - 64.9 คะแนน ระดับคะแนน C หรือ 2.0 55.0 - 59.9 คะแนน ระดับคะแนน D+ หรือ 1.5 50.0 - 54.9 คะแนน ระดับคะแนน D หรือ 1.0 ต่ำกว่า 50.0 คะแนน ระดับคะแนน F หรือ 0.0
1. นิสิตจะต้องเข้าเรียนไม่น้อยกว่า 36 ชั่วโมง 01132491 ระเบียบวิธีวิจัยพื้นฐานทางธุรกิจ 3 หน่วยกิต Basic Research Methods in Business ข้อกำหนดในการเรียน : 1. นิสิตจะต้องเข้าเรียนไม่น้อยกว่า 36 ชั่วโมง 2. นิสิตที่แต่งกายไม่เรียบร้อยจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าชั้นเรียน 3. นิสิตต้องไม่ส่งเสียงรบกวนในขณะสอนอันจะมีผลทำให้การเรียน การสอนขาดคุณภาพ 4. นิสิตต้องเข้าร่วมการฝึกปฏิบัติการและการจัดทำรายงานการวิจัยกลุ่มอย่างสม่ำเสมอ 5. นิสิตเข้าเรียนสายหรือลากิจ 2 ครั้ง เท่ากับขาดเรียน 1 ครั้ง
เหตุผลการวิจัยธุรกิจ การวิจัยทำให้เกิดความรู้และความชำนาญที่ต้องการสำหรับการ ตัดสินใจที่รวดเร็วภายใต้สภาวะแวดล้อมที่ถูกกำหนด : 1. ปัจจัยในการพิจารณาสภาพแวดล้อมและตัดสินใจดำเนินงาน ทางธุรกิจขององค์กรต่างๆ มีปริมาณมากขึ้น 2. การแข่งขันของธุรกิจมีมาก และรุนแรงขึ้นทั้งระดับภายใน ประเทศและระดับโลก องค์กรจำเป็นต้องปรับตัว 3. องค์ความรู้ต่างๆ ทางธุรกิจเจริญก้าวหน้ามากขึ้น : ระดับ คุณภาพทฤษฎีและแบบจำลอง 4. สารสนเทศต่างๆ มีอยู่มากมายบนเครือข่ายโลก (World Wide Web, WWW)
เหตุผลการวิจัยธุรกิจ 5. องค์กรต่างๆ นิยมทำเหมืองข้อมูล (Data Mining) ใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากเพื่อหากฎเกณฑ์ การเรียนรู้และหาความรู้ที่ มีอยู่ในระบบฐานข้อมูลสารสนเทศในองค์กร (Internal Databases) 6. ความก้าวหน้าเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ช่วยให้ภาคธุรกิจสร้าง คลังข้อมูล (Data Warehousing) 7. บุคลากร พนักงาน/เจ้าหน้าที่ ผู้ถือหุ้น ลูกค้าและสาธารณชน ทั่วไปสามารถแสวงหาสารสนเทศได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว 8. เทคนิคการวิเคราะห์เชิงปริมาณช่วยการคำนวณได้รวดเร็วขึ้น ในการแก้ไขปัญหาองค์กร 9. จำนวนและขีดความสามารถเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในการวิจัย เพิ่มขึ้น เช่น โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ เครื่องคอมพิวเตอร์ ระบบ สารสนเทศและการพัฒนาเทคนิค
เหตุผลการวิจัยธุรกิจ 10. พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตาม สถานการณ์และความต้องการ 11. ความต้องการลดความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมที่มีความ ซับซ้อน ขึ้นและทรัพยากรมีจำกัด แต่ความต้องการบริโภคหรือใช้ บริการมากขึ้น 12. ภาคธุรกิจมีการพัฒนาองค์กรอย่างมาก และเกิดความทันสมัย ประกอบกับภาวะโลกาภิวัตน์ทำให้สามารถเชื่อมโยงของภาคการผลิต การค้า และพาณิชยกรรมทั่วทุกพื้นที่และทั่วโลกใกล้ชิดกันมากขึ้น
ภาระหน้าที่/บทบาทของผู้บริหาร การแก้ไขปัญหาทางการจัดการที่เกิดขึ้น โดยนักบริหารนักบริหาร การเงิน-บัญชี จะเสนอข้อมูลหรือต้องตัดสินใจเกี่ยวกับ: - การตัดสินใจลงทุน (Investment Decision) - การตัดสินใจแสวงหาเงินทุน (Financial Decision) - การตัดสินใจการจ่ายเงินปันผล (Dividend Decision) การวางแผนเพื่อกำหนดแนวทางที่เหมาะสมในการบรรลุตาม เป้าหมายองค์กร 3. การให้สารสนเทศประกอบการตัดสินใจขององค์กร 4. การควบคุม และตรวจสอบระบบการเงิน-บัญชีให้มีเสถียรภาพและมั่นคงอย่างถูกต้อง สร้างความต้องการเสนอให้กับลูกค้า ผู้บริโภคหรือผู้ใช้บริการ แทนที่จะให้ลูกค้าเรียกร้องก่อน
ภาระหน้าที่/บทบาทของผู้บริหาร ปัญหาที่เกิดขึ้น หรือ แผนงาน ที่กำลังพัฒนา การแก้ปัญหา/งาน พัฒนาของผู้บริหาร ข้อมูลที่ถูกต้อง และเชื่อถือได้ ทางเลือก ที่เกิดขึ้น - Primary Data - Secondary Data ทางเลือก ที่เลือก
ภาระหน้าที่/บทบาทของผู้บริหาร สภาพแวดล้อม แนวทางและ ทางเลือกทาง การตลาด แนวทางหรือ ทางเลือก ที่ดีที่สุด ปัญหาและ เหตุการณ์ ทางการตลาด ข้อมูล ความต้องการ ของผู้บริโภค ความพอใจ แผนการทาง การตลาด
ภาระหน้าที่/บทบาทของผู้บริหาร สร้างความต้องการ ให้กับลูกค้า 4 Ps Product Price Place Promotion การตอบสนอง ความต้องการ ของผู้บริโภค ให้ได้รับความ พึงพอใจสูงสุด การตลาด พฤติกรรม ลูกค้า
ภาระหน้าที่/บทบาทของผู้บริหาร คุณสมบัติของข้อมูลที่ใช้ในการวางแผน มีความเกี่ยวข้อง (Relevance) มีคุณภาพ (Quality) มีความทันสมัย (Timeless) มีความสมบูรณ์ (Completeness)
ประโยชน์การวางแผนทางธุรกิจ 1. รับรู้แนวทางในการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ 2. ง่ายต่อการควบคุมและประเมินผล 3. สามารถกำหนดกิจกรรมทางธุรกิจช่วงเวลาต่างๆ อย่างเหมาะสม 4. สามารถคาดการณ์หรือพยากรณ์ปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้ล่วงหน้าในอนาคต 5. ดำเนินการแก้ไขปัญหา ปรับปรุงและพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพ
คุณค่าของการมีทักษะการวิจัย เพื่อเป็นการรวบรวมสารสนเทศต่างๆ ก่อนลงมือในการปฏิบัติงาน ซึ่ง สามารถป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น เพื่อสามารถใช้ในการศึกษาวิจัยและแสวงหาความรู้ระดับสูงที่มีความลึกซึ้ง ต่อไป เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจในการออกแบบวิจัย ขั้นตอนและกระบวน การวิจัย เพื่อสามารถประเมินและแก้ปัญหาทางการบริหารในองค์กรอย่าง ถูกต้องและรวดเร็ว เพื่อสร้างอาชีพเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการวิจัยทางการตลาดและธุรกิจ หรือการวิจัยด้านต่างๆ
ศาสตร์กับการวิจัย Sciences and Research
เหตุผลการแสวงหาความรู้ Rational of Acquiring Knowledge มนุษย์ต้องการพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ ความรู้และความจริงที่เกิดขึ้นมีการเปลี่ยนแปลงได้ มนุษย์มักมีปัญหาตลอดเวลา เพราะมีประสบการณ์ใหม่ๆ ไม่ตอบสนองความต้องการ ไม่สามารถอธิบายหรือบอกสิ่งที่ต้องการรู้ การสังเกตุสภาพแวดล้อมหรือเหตุการณ์ต่างๆ รอบตัว มนุษย์มีความอยากรู้ อยากเห็นและต้องการใหม่เสมอ
ระดับความรู้ (Level of Knowledge) วิเคราะห์ / สังเคราะห์ / วิจัย Wisdom ปัญญา ประมวลทฤษฎี & ประสบการณ์ กฎ/ทฤษฎี Law/Theory สรุป / สังเคราะห์ / วิจัย ความรู้ Knowledge วิเคราะห์ / สังเคราะห์ / วิจัย ข่าวสาร Information จัดระบบ / ประมวล ข้อมูล Raw Data ข้อมูลดิบ
ลักษณะของศาสตร์ (Science) ศาสตร์ :“ วิธีการวิเคราะห์ที่เป็นระบบ เป็นเหตุเป็นผลและเป็นวัตถุวิสัย ” จุดประสงค์ศาสตร์ - บรรยาย (Descriptive) - อธิบาย (Explanatory) - ทำนาย (Predictive) ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น/สังเกต วิธีการวิเคราะห์ - เป็นระบบ (Systematic) - เป็นเหตุเป็นผล (Logical) - เป็นวัตถุวิสัย (Objective) เพื่อ ระบบวิชาความรู้/องค์ความรู้ เนื้อหาวิชา (Content) วิธีการ (Method)
การวิเคราะห์ของศาสตร์ ลักษณะเป็นระบบ (Systematic) ส่วนย่อยหลายส่วนมีการเชื่อมกันอย่างดี แต่ละส่วนย่อย มีผลต่อกันและกัน ลักษณะเป็นเหตุเป็นผล (Logical) การใช้หลักของความเป็นเหตุผลหรือมรรควิธีในการ พิจารณา ลักษณะเป็นวัตถุวิสัย (Objective) หลักเกณฑ์ทั้งหมดต้องสามารถทดสอบโดยผู้ที่มีความ สามารถอื่นๆได้ หรือหลายวิธีการซ้ำๆ ทุกขั้นตอนได้
การวิเคราะห์ของศาสตร์ การบรรยาย (Description) ความพยายามจะตอบคำถามว่า ใครทำอะไร ที่ไหน เมื่อไรและอย่างไร การอธิบาย (Explanation) ความพยายามจะตอบคำถามว่าทำไม การทำนาย (Predictive) ความพยายามจะตอบคำถามในอนาคตข้างหน้า
ศาสตร์ที่ว่าด้วยสาระเกี่ยวกับธรรมชาติ สิ่งมีชีวิตและ สาขาของศาสตร์ วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ (Natural Sciences) ศาสตร์ที่ว่าด้วยสาระเกี่ยวกับธรรมชาติ สิ่งมีชีวิตและ สิ่งไม่มีชีวิต * วิทยาศาสตร์กายภาพ (Physical Sciences) เช่น เคมี ฟิสิกส์ ธรณีวิทยา วิศวกรรม ปฐพีวิทยา * วิทยาศาสตร์ชีวภาพ (Biological Sciences) เช่น การเกษตร ป่าไม้ สัตว์ป่า สัตววิทยา ชีววิทยา
ศาสตร์ที่ว่าด้วยเกี่ยวกับพฤติกรรมทางสังคมของมนุษย์ สาขาของศาสตร์ สังคมศาสตร์ (Social Sciences) ศาสตร์ที่ว่าด้วยเกี่ยวกับพฤติกรรมทางสังคมของมนุษย์ หรือปรากฏการณ์ทางสังคม ซึ่งจะมีการเกิดขึ้นและการ เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา Encyclopaedia of Social Sciences แบ่งเป็น * สังคมศาสตร์บริสุทธิ์ (Pure Social Sciences) * กึ่งสังคมศาสตร์ (Semi Social Sciences) * ศาสตร์เกี่ยวกับสังคมศาสตร์ (Sciences with Social Implication)
วิธีการค้นหาความรู้ Methods of Acquiring Knowledge การไต่ถามผู้รู้ (Authority) - ผู้เชี่ยวชาญ (Scholar) - ผู้ชำนาญการ (Expert) การใช้ประสบการณ์ (Experience) อาศัยประสบการณ์ที่ผ่านมาและรวบรวมมาใช้ใน การแก้ปัญหาหรือการลองผิด/ลองถูก (Trial and Error) สรุปเป็นข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่
วิธีการค้นหาความรู้ Methods of Acquiring Knowledge การอนุมาน (Deductive Method/ Syllogism/ Deductive Logic/ Inside-out Method) Aristotle นำวิธีการมาค้นหาความรู้/ข้อเท็จจริง โดยใช้ เหตุผล ด้วยการอ้างข้อเท็จจริงที่พบแล้วมาสรุปเป็นข้อเท็จ จริงใหม่ /ความรู้ใหม่ ข้อบกพร่อง : - ข้อสรุป/ข้อเท็จจริงที่ได้อาจไม่เป็นความจริง/สรุปได้ไม่ ชัดเจน - ข้อสรุปหรือข้อเท็จจริงที่ได้ไม่ใช่ความรู้ใหม่
วิธีการค้นหาความรู้ Methods of Acquiring Knowledge การอุปมาน (Inductive Method) Francis Bacon เสนอให้มีการค้นคว้าหาความรู้ใหม่ /ข้อเท็จจริงใหม่ในลักษณะเก็บรวบรวมข้อมูล/ข้อเท็จจริง ย่อยๆ จำแนกประเภทตามลักษณะ หาความสัมพันธ์ แปล ความหมายและสรุป : - การอุปมานแบบสมบูรณ์ (Perfect Inductive Method) เก็บรวมรวมข้อเท็จจริงย่อยครบทุกหน่วยประชากร - การอุปมานแบบไม่สมบูรณ์ (Imperfect Inductive Method)เก็บรวมรวมข้อเท็จจริงย่อยจากตัวอย่างบางส่วน ประชากร
วิธีการค้นหาความรู้ Methods of Acquiring Knowledge วิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Method) Charles Darwin เป็นผู้นำค้นคว้าวิธีการมาใช้ศึกษาหา ข้อเท็จจริงและความรู้ใหม่ โดยอาศัยใช้วิธีการ : - Deductive Method - Inductive Method
วิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Method) การตรวจสอบและนิยามปัญหา Identification and Definition of the Problem การตั้งสมมติฐาน Formulation of Hypothesis การรวบรวมข้อมูล จัดระเบียบและการวิเคราะห์ข้อมูล Collection Organization and Analysis of Data การสรุป Formulation of Conclusion การยืนยัน ปฏิเสธ หรือปรับสมมติฐาน Verification Rejection or Modification of Hypothesis
รูปแบบการสร้างทฤษฎีแห่งวิทยาศาสตร์ Deductive Theory Building Functional Theory Building ทฤษฎี (Theories) INDUCTIVE LOGIC EMPIRICAL BASED DEDUCTIVE LOGIC THEORY BASED การสรุปจากข้อเท็จจริง (Empirical generalization) สมมติฐาน (Hypothesis) Inductive Theory building Model based Theory Building การสังเกต/ เก็บข้อมูล (Observation)
ขั้นตอนในกระบวนการทำวิจัย (Steps of Research Process) เลือกหัวข้อ (Choose Topic) ตั้งคำถามในการวิจัย (Focus Research Question) บอกกล่าวผู้อื่น (Inform Others) ตีความข้อมูล (Interpret Data) ออกแบบการวิจัย (Research Design) วิเคราะห์ข้อมูล (Analyze Data) เก็บรวบรวมข้อมูล (Collect Data)
วงล้อการวิจัย (The Research Wheel) แบบที่ 1 การกลั่นกรองและคำถามใหม่ (Refinement and new question) ความคิด (idea) เอกสาร (Literature) การเผยแพร่ (Dissemination) ทฤษฎี (theory) การอนุมาน (Deduction) ผลและข้อค้นพบ (Results and findings) สมมติฐาน (Hypothesis) นิยามและการวัด (Operational definition and measurement) การวิเคราะห์ (Analysis) การจัดการข้อมูล (Data organization) แบบแผนการวิจัย (Research design) การเก็บข้อมูล (Data collection)
วงล้อการวิจัย (The Research Wheel) แบบที่ 2 กรอบแนวคิด (ทฤษฎี,เอกสารที่เกี่ยวข้อง) สิ่งที่เป็นข้อเสนอ คำถามในการวิจัย สมมุติฐาน การสังเกตข้อเท็จจริง การวิเคราะห์ข้อมูล การเก็บรวบรวมข้อมูล Deduction (อนุมาน) Induction (อุปมาน)
ลำดับขั้นตอนการวิจัย (The Research Sequence) ระบุสาขาหัวข้อกว้างๆ (Identify Boardarea) เลือกหัวเรื่องที่จะทำ (Select Topic) ตัดสินใจเลือกวิธีการที่จะใช้ (Decide Approach) กำหนดแผนการวิจัย (Formulate Plan) เก็บรวบรวมข้อมูล (Collect Information) วิเคราะห์ข้อมูล (Analyze Data) เสนอผลการวิจัยที่ค้นพบ (Present Findings)
ขั้นตอนสำคัญของการวิจัย 1. การตั้งคำถามหรือปัญหาของการวิจัย 2. การทบทวนวรรณกรรม 3. การกำหนดแบบของการวิจัย 4. การเก็บรวบรวมข้อมูล 5. การจัดกระทำกับข้อมูล 6. การวิเคราะห์ข้อมูล และ 7. รายงานผลการวิเคราะห์