บทที่ 2 รูปแบบของฐานข้อมูล
ความหมายของศัพท์ที่ใช้ ความหมายของศัพท์ที่ใช้ บิต (Bit ) หมายถึง หน่วยของข้อมูลที่เล็กที่สุด ไบท์ (Byte ) หมายถึง หน่วยของข้อมูลที่เกิดจากการนำบิตมารวมกันเป็นตัวอักษร ฟิลด์ ( Field ) หมายถึงหน่วยของข้อมูลที่ประกอบด้วยหลาย ๆ ตัวอักษร เพื่อแทนความหมายของสิ่งหนึ่ง เช่น รหัสพนักงาน ชื่อ เป็นต้น เรคคอร์ด ( Record ) หมายถึง หน่วยของข้อมูลที่เกิดจากการนำเอาฟิลด์หลาย ๆ ฟิลด์ มารวมกันเพื่อแสดง รายละเอียด ข้อมูลในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น เรคคอร์ดหนึ่ง ๆ ของพนักงานประกอบด้วย ฟิลด์ ต่าง ๆ เช่น รหัสพนักงาน ชื่อ แผนก เงินเดือน เป็นต้น แฟ้มข้อมูล ( File ) หมายถึง หน่วยของข้อมูลที่เกิดจากการนำเอาเรคคอร์ดหลาย ๆ เรคคอร์ดมารวมกัน
ความหมายของศัพท์ที่ใช้ ความหมายของศัพท์ที่ใช้ เอนทิตี้ ( Entity ) หมายถึง ชื่อของสิ่งใดสิ่งหนึ่งอาจเกี่ยวกับคน สถานที่ สิ่งของ การกระทำ ซึ่งต้องการจัดเก็บข้อมูลไว้ เช่น เอนทิตี้พนักงาน สินค้า ลูกค้า การสั่งซื้อ เป็นต้น แอทริบิวต์ ( Attribute ) หมายถึง รายละเอียดขอข้อมูลในเอนทิตี้หนึ่ง ๆ เช่น เอนทิตี้พนักงาน ประกอบด้วย แอทริบิวต์รหัสพนักงาน ชื่อ ที่อยู่ หรือแอทริบิวต์แผนก ประกอบด้วย แอทริบิวต์รหัสแผนก ชื่อ เป็นต้น ความสัมพันธ์ ( Relationship ) หมายถึง คำกิริยาที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างสองเอนทิตี้ เช่น เอนทิตี้พนักงาน และเอมทิตี้แผนก มีความสัมพันธ์ในด้าน “ ทำงานสังกัดอยู่ ” นั่นคือพนักงานแต่ละคนทำงานอยู่ในแผนกใดแผนหนึ่ง เป็นต้น
ความสัมพันธ์ระหว่างเอนทิตี ความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่ง ความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อกลุ่ม ความสัมพันธ์แบบกลุ่มต่อกลุ่ม
ความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่ง ความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่งเป็นการแสดงความสัมพันธ์ของข้อมูลของเอนทิตี้หนึ่งว่า มีความสัมพันธ์กับข้อมูลอย่างมาก หรือข้อมูลกับอีกเอนทิตี้หนึ่งในลักษณะที่เป็นหนึ่งต่อหนึ่ง
ตัวอย่าง กำหนดให้ A มีสมาชิก entity 6 entity ตามความสัมพันธ์ (a1, a2, a3, a4,a5, a6) และ B มี entity 6 entity ตามความสัมพันธ์ ( b1, b2, b3, b4, b5 ) สมาชิกใน entity A ที่มีความสัมพันธ์กับ entity B จะมีความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่งเท่านั้น เช่น กำหนดให้ entity นักศึกษามีความสัมพันธ์กับ entity อาจารย์แสดงว่านักศึกษาหนึ่งคน จะต้องมีอาจารย์ที่ปรึกษา 1 คน ในทางกลับกันก็คืออาจารย์ที่ปรึกษาหนึ่งคนจะต้องมีนักศึกษาได้ 1 คนซึ่งขัดแย้งกับความเป็นจริง
ความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อกลุ่ม ความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อกลุ่ม เช่น นักศึกษากับอาจารย์ที่ปรึกษา หมายความว่า entity ใน A มีความสัมพันธ์ กับสมาชิก entity B แบบหนึ่งต่อกลุ่ม เช่น กำหนดให้ entityอาจารย์ที่ปรึกษา มี ความสัมพันธ์กับ entity นักศึกษา แบบหนึ่ง ต่อกลุ่ม แสดงว่า อาจารย์หนึ่งคน สามารถมี นักศึกษาในสังกัดได้มากกว่าหนึ่งคน แต่ นักศึกษาจะมีอาจารย์ที่ปรึกษาได้เพียงหนึ่ง คนเท่านั้น
ความสัมพันธ์แบบกลุ่มต่อกลุ่ม ความสัมพันธ์แบบกลุ่มต่อกลุ่ม เช่นนักศึกษากับวิชาที่ลงทะเบียนเรียน หมายความว่า สมาชิกใน entily A มี ความสัมพันธ์กับสมาชิกใน entily B แบบ กลุ่มต่อกลุ่ม ตัวอย่างเช่น กำหนดให้ entily นักศึกษา มีความสัมพันธ์ กับ entily วิชาที่ลงทะเบียน แบบกลุ่มต่อกลุ่ม แสดงว่านักศึกษาหนึ่งคนสามารถลงทะเบียน เรียนได้มากกว่า 1 วิชา และในทำนอง เดียวกัน วิชาหนึ่งวิชาสามารถมีนักศึกษา ลงทะเบียนเรียนได้หลายคน
รูปแบบของฐานข้อมูล ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ เป็นการจัดเก็บข้อมูลของเอนทิตี้ในรูปแบบ ของตาราง ที่มีลักษณะเป็น 2 มิติ คือ เป็นแถว (Row) และเป็น คอลัมภ์ (Column) ในการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างตาราง จะเชื่อมโยง โดยใช้แอททริบิวต์ที่มีอยู่ในทั้งสองตาราง เป็นตัวเชื่อมโยงข้อมูล กัน ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์นี้ จะเป็นรูปแบบที่ใช้ในปัจจุบัน
รูปแบบของฐานข้อมูล ฐานข้อมูลแบบลำดับขั้น โครงสร้างของฐานข้อมูลแบบลำดับขั้น เป็นโครงสร้างที่จัดเก็บข้อมูล ลักษณะความสัมพันธ์แบบ พ่อ – ลูก
รูปแบบของฐานข้อมูล ฐานข้อมูลแบบเครือข่าย โครงสร้างของข่ายงานประกอบด้วยประเภทของเรคคอร์ด และกลุ่ม ของข้อมูลของเรคคอร์ดนั้น ๆ เช่นเดียวกับโครงสร้างของฐานข้อมูลเชิง สัมพันธ์และเชิงลำดับชั้น ความสัมพันธ์ระหว่างประเภทของเรคคอร์ดใน ฐานข้อมูล เรียกว่า Set Type ซึ่งสามารถแสดงในแผนภูมิ ที่เรียกว่า Bachman diagram อันมีองค์ประกอบดังนี้ 1. ชื่อของ Set Type 2. ชื่อของประเภทของเรคคอร์ดหลัก 3. ชื่อของเรคคอร์ดที่เป็นสมาชิก
ใบงานบทที่ 2 1. อธิบายความหมายของศัพท์ที่ใช้ในฐานข้อมูลดังนี้ ใบงานบทที่ 2 1. อธิบายความหมายของศัพท์ที่ใช้ในฐานข้อมูลดังนี้ บิต ไบต์ ฟิลด์ เรคคอร์ด แฟ้มข้อมูล 2. อธิบายความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่ง อธิบายความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อกลุ่ม อธิบายความสัมพันธ์แบบกลุ่มต่อกลุ่ม
จบการนำเสนอ