ส่วนเกินของผู้บริโภค (consumer surplus)

Slides:



Advertisements
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
เศรษฐศาสตร์แรงงาน (ศ. 471) อุปสงค์แรงงาน
Advertisements

Supply-side Effects of Fiscal Policy.
เศรษฐศาสตร์แรงงาน (ศ. 471) อุปสงค์แรงงาน (ต่อ)
ตัวอย่างการประยุกต์ตัวแบบ IC
บทที่ 2 เทคนิคการปรับปรุงคุณภาพ
คณิตศาสตร์สำหรับการคิดภาระภาษี
การเลือกคุณภาพสินค้า
ตัวอย่างการประยุกต์อุปสงค์/อุปทาน
กรอบแนวคิด ในการทำวิจัย
Research Problem ปัญหาการวิจัย
การทดลองและการเขียนรายงานผลการทดลองทางวิทยาศาสตร์
เศรษฐศาสตร์จุลภาคเป็นการศึกษาพฤติกรรม (behavior) ของหน่วยเศรษฐกิจแต่ละประเภท (individual economic units) ได้แก่ • ผู้บริโภค • แรงงาน • เจ้าของธุรกิจ.
การประยุกต์ 1. Utility function
อุปทานของแรงงานในระดับบุคคล
ตลาดปัจจัยการผลิต (Markets for Factor Inputs)
อุปสงค์ อุปทาน และ การกำหนดราคา Applications
Revision Problems.
ทฤษฎีและนโยบายการเงิน Monetary Theory and Policy
Q1. การที่ Supply เลื่อนระดับดังภาพ เกิดขึ้นเนื่องจากสาเเหตุใดบ้าง ?
บทที่ 6 โปรแกรมเชิงเส้น Linear Programming
ลัทธิคลาสสิคใหม่ Neoclassical Economics
อุปสงค์และอุปทาน Demand and Supply.
บทที่ 9 การแข่งขันในตลาดสินค้าเกษตรและอาหาร
บทที่ 9 ราคาระดับฟาร์มและราคาสินค้าเกษตรและอาหาร
บทที่ 2 อุปสงค์ อุปทาน.
Chapter 3 การกำหนดราคามุ่งที่ต้นทุน
อุปสงค์ อุปทาน และภาวะดุลภาพ/ความหมายของอุปทาน
บทที่ 6 อุปสงค์ (Demand)
บทที่ 2 อุปสงค์ อุปทาน.
หน่วยที่ 3 การกำหนดขึ้นเป็นราคาดุลยภาพ
บรรยาย เศรษฐศาสตร์ขั้นพื้นฐาน
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of Demand)
บทที่ 2 ความรู้เกี่ยวกับอุปสงค์และอุปทาน
บทที่ 4 ทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภค (Theory of Consumer Behavior)
Topic 11 เงินเฟ้อ เงินฝืด การว่างงาน
บทที่ 7 การกำหนดราคาสินค้าในตลาด
สื่อการเรียนรู้ การตัดสินใจในการผลิต
สื่อประกอบการเรียนการสอน
บทที่ 8 การกำหนดราคาและผลผลิตในตลาดแข่งขันสมบูรณ์ (Price and Output Determination Under Perfect Competition) ความหมายของตลาด ลักษณะของตลาดแข่งขันสมบูรณ์
บทที่ 9 การกำหนดราคาและผลผลิตในตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ (Price and Output Determination Under Imperfect Competition) ตลาดผูกขาดที่แท้จริง ลักษณะของตลาดผูกขาดแท้จริง.
บทที่ 3 ความยืดหยุ่นของอุปสงค์และอุปทาน
บทที่ 2 อุปสงค์ อุปทาน และการกำหนดราคาสินค้า
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์และอุปทาน Elasticity of Demand and Supply
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์และอุปทาน Elasticity of Demand and Supply
พฤติกรรมผู้บริโภค.
อุปสงค์และอุปทาน Demand and Supply.
บทที่ 4 การโปรแกรมเชิงเส้น (Linear Programming)
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้ใช้
พฤติกรรมผู้บริโภค.
การเขียนโครงการ.
การวางแผนการผลิตรวม ความหมาย วัตถุประสงค์และขั้นตอนการวางแผนการผลิตรวม
ปัจจัยของการสร้างนวัตกรรม
สื่อโฆษณาเพื่อส่งเสริมการขาย
โครงสร้างของตลาดและการกำหนดราคา
กลวิธีการสอนคณิตศาสตร์ระดับประถมศึกษา
Demand in Health Sector
บทที่ 3 กระบวนการวิจัยตลาดและการกำหนดปัญหาการวิจัย
หน่วยที่ 3 ประเภทแหล่งข้อมูลทางการตลาด
ผู้สอน อ.ศรีวรรณ ปานสง่า
พฤติกรรมผู้ซื้อองค์การ
บทที่ 7 การพยากรณ์ยอดขาย.
ทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภค
บทที่ 7 การวิจัยเชิงสืบเสาะ : การวิจัยเชิงคุณภาพ
บทที่ 3 การโปรแกรมเชิงเส้น (Linear Programming)
วิทยาศาสตร์หมายถึงอะไร
กรณีศึกษาบริษัท ผู้พิทักษ์ความสะอาด จำกัด
เงินเฟ้อ และการว่างงาน
ตลาดผูกขาด ( MONOPOLY )
บทที่ 5 ภาวะการเงิน.
ใบสำเนางานนำเสนอ:

ส่วนเกินของผู้บริโภค (consumer surplus) CS เป็นการวัดว่าผู้บริโภคดีขึ้นกว่าเดิม (better off) เท่าไร ที่ได้ซื้อสินค้าบริการในตลาด เนื่องจาก ราคาตลาดต่ำกว่ามูลค่าที่ผู้บริโภคยินดีที่จะจ่าย (WTP) CS เป็นความแตกต่างระหว่างจำนวนเงินสูงสุดที่ผู้บริโภคยินดีที่จะจ่ายกับจำนวนเงินที่เขาจะต้องจ่ายจริง เช่น ถ้ายินดีที่จะจ่าย 10 บาทต่อหน่วย แต่ซื้อได้ในราคา 5 บาท CS = 10-5 = 5 บาท

CS ใช้ได้ในกรณีบุคคลและกรณีตลาด เพียงแต่เปลี่ยนหน่วยวัดให้สอดคล้อง ถ้าซื้อมากกว่า 1 หน่วย CS จะเป็นผลรวมของทุกๆหน่วย (ซึ่ง WTP อาจเปลี่ยนไปด้วย) เพราะว่าบริโภคเพิ่มขึ้น MU ลดลง WTP ลดลงด้วย ในกรณีที่อุปสงค์เป็นเส้นตรง CS จะเป็นพื้นที่ระหว่างเส้นอุปสงค์ เส้นราคา และแกนตั้ง ประโยชน์ของ CS เป็นการวัดผลได้ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในราคา เนื่องจากนโยบายของรัฐบาล หรือ พฤติกรรมตลาด

Network Externality เป็นปรากฏการณ์ที่อุปสงค์ของบุคคลหนึ่งขึ้นอยู่กับอุปสงค์ของคนอื่นๆ อุปสงค์ต่อสินค้าชนิดหนึ่งของคนหนึ่งจะถูกกระทบด้วยจำนวนผู้บริโภคสินค้าชนิดนั้น Network externality ที่เป็นบวก หมายถึง อุปสงค์ของคนหนึ่งเพิ่มขึ้นเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของการบริโภคของผู้บริโภครายอื่นๆ ตัวอย่างเช่น The Bandwagon effect

สาเหตุของ effect อาจมาจากแฟชั่น เห่อตามกัน เช่น การใช้ internet เมื่อราคาลดลง จะเกิด 2 สิ่งพร้อมๆกัน คือ ปริมาณเพิ่มขึ้นตามอุปสงค์ของบุคคล และปริมาณเพิ่มขึ้นจาก network externality ที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคใช้มากขึ้น สิ่งที่สำคัญคือ bandwagon effect ทำให้เส้นอุปสงค์มีความยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าที่ในกรณีไม่มี effect นี้

Network externality ที่เป็นลบ หมายถึง อุปสงค์ของคนหนึ่งลดลง เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของการบริโภคของผู้บริโภครายอื่นๆ ตัวอย่างเช่น The Snob effect สาเหตุของ effect นี้มาจากความปรารถนาที่จะได้ครอบครองสินค้าบริการที่มีความเฉพาะ/หายาก ทำให้รู้สึกมีเกียรติ หรูหรา ฯลฯ เช่น รถ sports ของมียี่ห้อ ฯลฯ The Snob effect ทำให้เส้นอุปสงค์มีความยืดหยุ่นน้อยลง

การประมาณการอุปสงค์เชิงประจักษ์ (Empirical Estimation of Demand) ประโยชน์ของการประมาณการอุปสงค์คือ การรู้/กำหนดรูป/ลักษณะของเส้นอุปสงค์ รวมทั้งคำนวณความยืดหยุ่นของราคาและรายได้ที่มีต่อปริมาณ ข้อมูลที่นำมาใช้ในการประมาณการอุปสงค์มาจาก 2 ทาง 1. การสัมภาษณ์ผู้บริโภค ทำให้รู้ปริมาณที่ซื้อ ณ ราคาต่างๆ แต่ปัญหาคือ ผู้บริโภคอาจไม่ได้ให้ข้อมูลจริง

ทางแก้คือ การถามแบบอ้อมๆ 2. การทดลองทางการตลาด เป็นการเปลี่ยนแปลงราคาจริงๆเพื่อดูว่าปริมาณเปลี่ยนไปอย่างไร แต่ก็มีปัญหาคือ ต้นทุนสูง ผู้บริโภคไม่แสดงออกอย่างแท้จริง ทำได้จำกัด วิธีไหนเหมาะสม ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของการศึกษา

หลักการสถิติในการประมาณการอุปสงค์ จะอาศัยข้อมูลที่ได้มา สร้างเป็นเส้นอุปสงค์ตามสมการด้วยวิธีการทางสถิติ เช่น least square method ตัวอย่างเช่น Q = a - bP + cI อุปสงค์เป็นเส้นตรง ขึ้นอยู่กับราคา (P) และรายได้ (I) โดยที่ P ผกผันกับ Q แต่ I แปรโดยตรงกับ Q (ดูที่เครื่องหมาย) ข้อมูลอาจ plot เป็นกราฟ หรือประมาณการเป็นตัวเลข เช่น Q = 8.08 - 0.49P + 0.81I (ควรจะรู้หลักการนี้ไว้ เพื่ออ่านผลการศึกษาทางเศรษฐศาสตร์ได้เข้าใจ แม้ว่าจะไม่รู้เรื่องเศรษฐมิติก็ตาม)

การคำนวณ EP จากอุปสงค์ที่ประมาณการได้ Q = a - bP จากสมการ Q = a - b P Q = - b P EP = -b (P / Q)

บางครั้งเรากำหนดให้สมการอุปสงค์อยู่ในรูป log-linear เช่น ซึ่งจะเป็น unit elastic demand

ความยืดหยุ่นของรายได้และความยืดหยุ่นไขว้ก็คำนวณได้ในลักษณะเดียวกัน เช่น log Q = a - b log P + c log I c ก็จะเป็น income elasticity หรือ log Q = a - b log P + d log P2 d จะเป็นความยืดหยุ่นไขว้ ถ้า d เป็นบวก จะเป็นสินค้าทดแทนกัน แต่ถ้า d เป็นลบ จะเป็นสินค้าประกอบกัน