ชื่อเรื่องวิจัย ชื่อผู้วิจัย ความพึงพอใจของครูผู้สอน ต่อการบริหารสถานศึกษาของวิทยาลัยเทคโนโลยี บางละมุงอินเตอร์-เทค ชื่อผู้วิจัย ประทุมทิพย์ แก้วทองคำ
วัตถุประสงค์การวิจัย เพื่อศึกษาความพึงพอใจของครูผู้สอน ต่อการบริหารการศึกษาของวิทยาลัยเทคโนโลยีบางละมุงอินเตอร์-เทค ชลบุรี
กรอบแนวคิด/ตัวแปรการวิจัย ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ ครูที่ปฏิบัติงานในวิทยาลัยเทคโนโลยีบางละมุงอินเตอร์-เทค ชลบุรี จำนวน 28 คน (ทั้งนี้ผู้วิจัยได้ใช้กลุ่มประชากรทั้งหมดในการวิจัย)
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษานี้เป็นแบบสอบถาม มี 2 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับสถานภาพทั่วไปของครูผู้สอน เป็นแบบตรวจสอบรายการ มีจำนวน 4 ข้อ ตอนที่ 2 เป็นแบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับความพึงพอใจในการบริหารสถานศึกษาของวิทยาลัยเทคโนโลยีบางละมุงอินเตอร์-เทค ชลบุรี จำนวน 19 ข้อ จำแนกได้ 4 ด้านดังนี้ ด้านการบริหารวิชาการ 7 ข้อ ด้านการบริหารงานงบประมาณ 5 ข้อ ด้านการบริหารงานบุคคล 3 ข้อ ด้านการบริหารงานทั่วไป 4 ข้อ
สถิติที่ใช้ในการวิจัย การประเมินความพึงพอใจของครูผู้สอนการบริหารการศึกษาของวิทยาลัยเทคโนโลยีบางละมุงอินเตอร์-เทค ชลบุรี ว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับใด โดยยึดเอาค่าเฉลี่ย (Mean) ของคะแนนเป็นตัวชี้วัดโดยกำหนดเกณฑ์ในการประเมินไว้ดังนี้ (ดร.ชัยวิชิต เชียรชนะ :2554:หน้า 41) 4.51-5.00 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด 3.51-4.50 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก 2.51-3.50 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับปานกลาง 1.51-2.50 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อย 1.00-1.50 หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อยที่สุด
ผลการวิเคราะห์
สรุปผลการวิจัย 1. การวิเคราะห์การประเมินความพึงพอใจของครูที่มีต่อการบริหารงานของวิทยาลัยเทคโนโลยีบางละมุงอินเตอร์-เทค ชลบุรี พบว่า ความพึงพอใจของครูที่มีต่อการบริหารงานของวิทยาลัยเทคโนโลยีบางละมุงอินเตอร์-เทค ชลบุรีโดยภาพรวมอยู่ในระดับ มาก (μ=4.01,σ=0.332)เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่าระดับความพึงพอใจด้านที่มีค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย คือ ด้านการบริหารงานทั่วไป ด้านบริหารงานบุคคล ด้านการบริหารงานงบประมาณ และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดคือ ด้านบริหารงานบริหารงานทั่วไป
สรุปผลการวิจัย (ต่อ) 2. การวิเคราะห์การประเมินความพึงพอใจของครูผู้สอนที่มีต่อการบริหารงานของวิทยาลัยเทคโนโลยีบางละมุงอินเตอร์-เทค ชลบุรี เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ด้านการบริหารงานวิชาการ โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มาก(μ=3.89, σ=0.358)เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ ส่งเสริมให้มีการวิจัยทางการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพของนักเรียน รองลงมาคือ จัดให้มีการวัดผล ประเมินผล โดยเทียบโอนความรู้ ทักษะประสบการณ์ ผลงานจากสถานศึกษาอื่นตามแนวทางที่กระทรวงกำหนด และข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ส่งเสริม สนับสนุนให้ครูพัฒนาแหล่งการเรียนทั้งในวิทยาลัย และชุมชน ตลอดจนภูมิปัญญาท้องถิ่น
สรุปผลการวิจัย (ต่อ) ด้านการบริหารด้านงบประมาณ โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มาก (μ=3.97 σ=0.402)เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ จัดทำระบบการบริหารการเงินเป็นไปตามขั้นตอนและเปิดเผยต่อชุมชน รองลงมาคือ จัดทำแผนพัฒนาเพื่อหาความเหมาะสมในการเสนองบประมาณ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ มีระบบการบริหารจัดการพัสดุ และสินทรัพย์ที่ดีและตรวจสอบได้
สรุปผลการวิจัย (ต่อ) ด้านการบริหารงานบุคคล โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มาก(μ=4.07, σ=0.522)เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ส่งเสริมการมีวินัยและการรักษาวินัยของบุคลากรทางการศึกษา เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ชุมชน รองลงมาคือ มีการสร้างขวัญและกำลังใจเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของบุคลากร และข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ มีการวางแผนอัตรากำลังคนและบุคลากรในสถานศึกษาเหมาะสมและเพียงพอต่อนักเรียน
สรุปผลการวิจัย (ต่อ) ด้านการบริหารงานทั่วไป โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มาก (μ=4.12, σ=0.470)เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ มีการประชุมคณะกรรมการบริหารวิทยาลัยฯ เพื่อให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการประจำปีของวิทยาลัย รองลงมาคือ ส่งเสริมประสานงานให้มีการจัดการศึกษาทั้งระบบ และข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ มีระบบบริหารงานธุรการที่ทันสมัยโดยยึดหลักความถูกต้องรวดเร็ว ประหยัดและคุ้มค่า
ข้อเสนอแนะ 1. ควรศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความพึงพอใจของผู้ปกครองที่มีต่อการบริหารสถานศึกษา วิทยาลัยเทคโนโลยีบางละมุงอินเตอร์-เทค ชลบุรี 2. ควรศึกษาเปรียบเทียบความพึงพอใจของครู ผู้ปกครองและนักเรียนต่อการบริหารสถานศึกษา วิทยาลัยเทคโนโลยีบางละมุงอินเตอร์-เทค ชลบุรี
จบการนำเสนอ