Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน
Psalm เพลงสดุดีบทที่ 103
2 Corinthians โครินธ์ 6:14-7:1 14Do not be unequally yoked with unbelievers. For what partnership has righteousness with lawlessness? Or what fellowship has light with darkness?
14ท่านอย่าเข้าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อ เพราะว่าความชอบธรรมจะมีหุ้นส่วนอะไรกับความอธรรม และความสว่างจะเข้าสนิทกับความมืดได้อย่างไร
15What accord has Christ with Belial 15What accord has Christ with Belial? Or what portion does a believer share with an unbeliever? 15พระคริสต์กับเบลีอัลจะลงรอยกันอย่างไรได้ หรือคนที่เชื่อจะมีส่วนอะไรกับคนที่ไม่เชื่อ
16What agreement has the temple of God with idols 16What agreement has the temple of God with idols? For we are the temple of the living God; as God said, “I will make my dwelling among them and walk among them, and I will be their God, and they shall be my people.
16วิหารของพระเจ้าจะตกลงอะไรกับรูปเคารพได้ เพราะว่าเราเป็นวิหารของพระเจ้าผู้ทรงดำรงพระชนม์ ดังที่พระเจ้าตรัสไว้ว่า “เราจะอยู่ในเขาทั้งหลายและจะดำเนินในหมู่พวกเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นชนชาติของเรา”
17Therefore go out from their midst, and be separate from them, says the Lord, and touch no unclean thing; then I will welcome you, 17พระเจ้าตรัสว่า “เหตุฉะนั้น เจ้าจงออกจากหมู่พวกเขาเหล่านั้น และจงแยกตัวออกจากเขาทั้งหลาย อย่าแตะต้องสิ่งซึ่งไม่สะอาด แล้วเราจึงจะรับพวกเจ้าทั้งหลาย
18and I will be a father to you, and you shall be sons and daughters to me, says the Lord Almighty.” 18เราจะเป็นดังบิดาของพวกเจ้า และพวกเจ้าจะเป็นบุตรชายบุตรหญิงของเรา” พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทั้งสิ้นได้ตรัสดังนั้น
1 Thessalonians เธสะโลนิกา 5:18 18give thanks in all circumstances; for this is the will of God in Christ Jesus for you. 18จงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ซึ่งปรากฏอยู่ในพระเยซูคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย
Of David. 1Bless the LORD, O my soul, and all that is within me, bless His holy name! 1ของดาวิด จิตใจของข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระเจ้า และทั้งสิ้นที่อยู่ภายในข้า จงถวายสาธุการแด่พระนามบริสุทธิ์ของพระองค์
2Bless the LORD, O my soul, and forget not all His benefits, 2จิตใจของข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระเจ้า และอย่าลืมพระราชกิจอันมีพระคุณทั้งสิ้นของพระองค์
3who forgives all your iniquity, who heals all your diseases, 3ผู้ทรงอภัยความบาปผิดทั้งสิ้นของท่าน ผู้ทรงรักษาโรคทั้งสิ้นของท่าน
4who redeems your life from the pit, who crowns you with steadfast love and mercy, 4ผู้ทรงไถ่ชีวิตของท่านมาจากปากแดนผู้ตาย ผู้ทรงสวมความรักมั่นคงและพระกรุณาให้ท่าน
5who satisfies you with good so that your youth is renewed like the eagle's. 5ผู้ทรงให้ท่านอิ่มด้วยของดี ตลอดชีวิตของท่าน วัยหนุ่มของท่านจึงกลับคืนมาใหม่อย่างวัยนกอินทรี
6The LORD works righteousness and justice for all who are oppressed
Mark มาระโก 12:28-31 28And one of the scribes came up and heard them disputing with one another, and seeing that He answered them well, asked Him, “Which commandment is the most important of all?”
28มีธรรมาจารย์คนหนึ่ง เมื่อมาถึงได้ยินเขาไล่เลียงกัน และเห็นว่าพระองค์ทรงตอบเขาได้ดีจึงทูลถามพระองค์ว่า “ธรรมบัญญัติข้อใดเป็นเอกเป็นใหญ่กว่าธรรมบัญญัติทั้งปวง”
29Jesus answered, “The most important is, ‘Hear, O Israel: The Lord our God, the Lord is one. 29พระเยซูจึงตรัสตอบคนนั้นว่า “ธรรมบัญญัติเอกนั้นคือว่า โอ ชนอิสราเอลจงฟังเถิด พระเจ้าของเราทั้งหลายทรงเป็นพระเจ้าเดียว
30And you shall love the Lord your God with all your heart and with all your soul and with all your mind and with all your strength.’ 30และพวกท่านจงรักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน ด้วยสุดความคิดและด้วยสิ้นสุดกำลังของท่าน
31The second is this: ‘You shall love your neighbor as yourself 31The second is this: ‘You shall love your neighbor as yourself.’ There is no other commandment greater than these.” 31และธรรมบัญญัติที่สองนั้นคือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ธรรมบัญญัติอื่นที่ใหญ่กว่าธรรมบัญญัติทั้งสองนี้ไม่มี”
Ephesians เอเฟซัส 1:7 7In Him we have redemption through His blood, the forgiveness of our trespasses, according to the riches of His grace,
7ในพระเยซูนั้น เราได้รับการไถ่บาปโดยพระโลหิตของพระองค์ คือได้รับการอภัยโทษบาป ของเราโดยพระกรุณาอันอุดมของพระองค์
Colossians โคโลสี1:14 14in whom we have redemption, the forgiveness of sins. 14ในพระบุตรนั้นเราจึงได้รับการไถ่ ซึ่งเป็นการทรงโปรดยกบาปทั้งหลายของเรา
Colossians โคโลสี 2:13 13And you, who were dead in your trespasses and the uncircumcision of your flesh, God made alive together with Him, having forgiven us all our trespasses,
13และท่านที่ตายแล้วด้วยการละเมิดทั้งหลายของท่าน และด้วยเหตุที่เนื้อหนังของท่านมิได้เข้าสุหนัต พระองค์ได้ทรงให้ท่านมีชีวิตร่วมกับพระองค์ และทรงโปรดยกโทษการละเมิดทั้งหลายของท่าน
Matthew มัทธิว 9:35 35And Jesus went throughout all the cities and villages, teaching in their synagogues and proclaiming the gospel of the kingdom and healing every disease and every affliction.
35พระเยซูจึงเสด็จดำเนินไปตามนครและหมู่บ้านโดยรอบ ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของเขา ประกาศข่าวประเสริฐ แห่งแผ่นดินของพระเจ้า ทรงรักษาโรคและความป่วยไข้ทุกอย่างของพลเมืองให้หาย
Luke ลูกา 5:18-26 18And behold, some men were bringing on a bed a man who was paralyzed, and they were seeking to bring him in and lay him before Jesus, 18และดูเถิด มีผู้หามคนง่อยคนหนึ่งนอนบนที่นอน และเขาหาช่องที่จะหามคนง่อยนั้นเข้ามาวางลงตรงพระพักตร์ของพระองค์
19but finding no way to bring him in, because of the crowd, they went up on the roof and let him down with his bed through the tiles into the midst before Jesus.
19เมื่อหาช่องเอาเข้ามาไม่ได้เพราะคนมาก เขาจึงขึ้นไปบนดาดฟ้าหลังคาตึก หย่อนคนง่อยลงมาทั้งที่นอน ตามช่องกระเบื้องตรงกลางหมู่คน ต่อพระพักตร์พระเยซู
20And when He saw their faith, he said, “Man, your sins are forgiven you.” 20เมื่อพระองค์ทรงเห็นความเชื่อของเขาทั้งหลาย พระองค์จึงตรัสกับคนง่อยว่า “บุรุษเอ๋ย บาปของเจ้าได้รับอภัยแล้ว”
21And the scribes and the Pharisees began to question, saying, “Who is this who speaks blasphemies? Who can forgive sins but God alone?”
21ฝ่ายพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสีคิดในใจว่า “คนนี้ที่พูดหมิ่นประมาทพระเจ้าเป็นผู้ใดเล่า ใครจะยกความผิดบาปได้เว้นแต่พระเจ้าเท่านั้น”
22When Jesus perceived their thoughts, he answered them, “Why do you question in your hearts? 22แต่เมื่อพระเยซูทรงทราบความคิดของเขา พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า “ไฉนท่านทั้งหลายจึงคิดในใจอย่างนี้
23Which is easier, to say, ‘Your sins are forgiven you,’ or to say, ‘Rise and walk’? 23ที่จะว่า 'บาปทั้งปวงของเจ้าได้รับอภัยแล้ว' และจะว่า 'จงลุกขึ้นเดินไปเถิด' นั้น ข้างไหนจะง่ายกว่ากัน
24But that you may know that the Son of Man has authority on earth to forgive sins”—He said to the man who was paralyzed—“I say to you, rise, pick up your bed and go home.”
24แต่เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รู้ว่า บุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจในโลกที่จะโปรดยกความผิดบาปได้” (พระองค์จึงตรัสสั่งคนง่อยว่า) “เราสั่งเจ้าว่า จงลุกขึ้นยกที่นอนไปบ้านของเจ้าเถิด”
25And immediately he rose up before them and picked up what he had been lying on and went home, glorifying God. 25ในทันใดนั้นเขาจึงลุกขึ้นต่อหน้าคนทั้งปวง ยกที่นอนซึ่งเขาได้นอนนั้นกลับไปบ้านของตน พลางร้องสรรเสริญพระเจ้า
26And amazement seized them all, and they glorified God and were filled with awe, saying, “We have seen extraordinary things today.”
26คนทั้งปวงก็อัศจรรย์ใจมากยิ่งนัก และได้สรรเสริญพระเจ้า ต่างเต็มไปด้วยความกลัว และพูดว่า “วันนี้เราได้เห็นสิ่งแปลกประหลาด”
Isaiah อิสยาห์ 40:31 31but they who wait for the LORD shall renew their strength; they shall mount up with wings like eagles; they shall run and not be weary; they shall walk and not faint.
31แต่เขาทั้งหลายผู้รอคอยพระเจ้าจะเสริมเรี่ยวแรงใหม่ เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ย
7He made known His ways to Moses, His acts to the people of Israel
8The LORD is merciful and gracious, slow to anger and abounding in steadfast love. 8พระเจ้าทรงพระกรุณาและมีพระคุณ ทรงกริ้วช้าและอุดมด้วยความรักมั่นคง
9He will not always chide, nor will He keep His anger forever
10He does not deal with us according to our sins, nor repay us according to our iniquities. 10พระองค์มิได้ทรงกระทำต่อเราตามเรื่องบาปของเรา หรือทรงสนองตามบาปผิดของเรา
11For as high as the heavens are above the earth, so great is His steadfast love toward those who fear Him; 11เพราะว่าฟ้าสวรรค์สูงเหนือแผ่นดินเท่าใด ความรักมั่นคงของพระองค์ที่มีต่อบรรดาคนที่ เกรงกลัวพระองค์ก็ใหญ่ยิ่งเท่านั้น
12as far as the east is from the west, so far does he remove our transgressions from us. 12ตะวันออกไกลจากตะวันตกเท่าใด พระองค์ทรงปลดการละเมิดของเราจากเราไปไกลเท่านั้น
13As a father shows compassion to his children, so the LORD shows compassion to those who fear Him. 13บิดาสงสารบุตรของตนฉันใด พระเจ้าทรงสงสารบรรดาคนที่ยำเกรงพระองค์ฉันนั้น
14For He knows our frame; He remembers that we are dust
15As for man, his days are like grass; he flourishes like a flower of the field; 15ส่วนมนุษย์นั้น วันเวลาของเขาเหมือนหญ้า เขาเจริญขึ้นเหมือนดอกไม้ในทุ่งนา
16for the wind passes over it, and it is gone, and its place knows it no more. 16เพราะลมพัดผ่านมันไป มันก็สูญเสีย และสถานที่ของมันไม่รู้จักมันอีก
17But the steadfast love of the LORD is from everlasting to everlasting on those who fear Him, and His righteousness to children's children,
17แต่ความรักมั่นคงของพระเจ้านั้นดำรงอยู่ ตั้งแต่นิรันดร์กาลถึงนิรันดร์กาล ต่อผู้ที่ยำเกรงพระองค์ และความชอบธรรมของพระองค์ต่อหลานเหลน
18to those who keep His covenant and remember to do His commandments
Isaiah อิสยาห์ 53:4-6 4Surely he has borne our griefs and carried our sorrows; yet we esteemed him stricken, smitten by God, and afflicted.
4แน่ทีเดียวท่านได้แบกความเจ็บไข้ของเราทั้งหลาย และหอบความเจ็บปวดของเราไป กระนั้นเราทั้งหลายก็ยังถือว่าท่านถูกตี คือพระเจ้าทรงโบยตีและข่มใจ
5But He was wounded for our transgressions; He was crushed for our iniquities; upon Him was the chastisement that brought us peace, and with His stripes we are healed.
5แต่ท่านถูกบาดเจ็บเพราะความทรยศของเราทั้งหลาย ท่านฟกช้ำเพราะความบาปผิดของเรา การตีสอนอันทำให้เราทั้งหลายสมบูรณ์นั้น ตกแก่ท่าน ที่ท่านต้องฟกช้ำนั้นก็ให้เราหายดี
6All we like sheep have gone astray we have turned every one to his own way;and the LORD has laid on Him the iniquity of us all. 6เราทุกคนได้เจิ่นไปเหมือนแกะ เราทุกคนต่างได้หันไปตามทางของตนเอง และพระเจ้าทรงวางลงบนท่าน ซึ่งความบาปผิดของเราทุกคน
Ephesians เอเฟซัส 2:8-10 8For by grace you have been saved through faith. And this is not your own doing; it is the gift of God, 8ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้
9not a result of works, so that no one may boast
10For we are His workmanship, created in Christ Jesus for good works, which God prepared beforehand, that we should walk in them.
10เพราะว่าเราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ ที่ทรงสร้างขึ้นในพระเยซูคริสต์เพื่อให้ประกอบการดี ซึ่งพระเจ้าได้ทรงดำริไว้ล่วงหน้าเพื่อให้เรากระทำ
19The LORD has established His throne in the heavens, and His kingdom rules over all. 19พระเจ้าทรงสถาปนาบัลลังก์ของพระองค์ไว้ในฟ้าสวรรค์ และราชอาณาจักรของพระองค์ครองทุกสิ่งอยู่
20Bless the LORD, O you His angels, you mighty ones who do His word, obeying the voice of His word! 20ข้าแต่ท่านทั้งหลาย ผู้เป็นทูตสวรรค์ของพระองค์ จงถวายสาธุการแด่พระเจ้า ท่านผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ผู้กระทำตามพระวจนะของพระองค์ และฟังเสียงพระวจนะของพระองค์
21Bless the LORD, all His hosts, His ministers, who do His will
22Bless the LORD, all His works, in all places of His dominion 22Bless the LORD, all His works, in all places of His dominion. Bless the LORD, O my soul! 22พระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์ จงถวายสาธุการแด่พระเจ้า ในทุกสถานที่ ที่พระองค์ทรงครอบครองอยู่ จิตใจของข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระเจ้า