บทที่ 1 ประเภทของจุลินทรีย์

Slides:



Advertisements
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
บทที่ 5 การดำรงชีวิตของพืช
Advertisements

การขัดเกลาทางสังคมซ้ำเพื่อสร้างพฤติกรรมการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ของเยาวชนในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน ผู้วิจัย นภัสวรรณ บุญประเสริฐ หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรดุษฎี
คุณสมบัติของสิ่งมีชีวิต
โครเมี่ยม (Cr).
การจัดเก็บข้อมูลในแฟ้มข้อมูลธรรมดา นั้น อาจจำเป็นที่ใช้แต่ละคน จะต้องมีแฟ้มข้อมูลของตนไว้เป็นส่วนตัว จึง อาจเป็นเหตุให้มีการเก็บข้อมูล ชนิดเดียวกันไว้หลาย.
1. การผสมใดต่อไปนี้ที่แยกออก จากกันได้ด้วยการระเหยแห้ง 1. เกลือป่นกับ น้ำ 2. น้ำมันพืชกับ น้ำ 3. ข้าวเปลือก กับแกลบ 4. ผงตะไบ เหล็กกับทราย.
แบบจำลองอะตอม ครูวนิดา อนันทสุข.
ALLPPT.com _ Free PowerPoint Templates, Diagrams and Charts.
กระบวนการ สังเคราะห์ด้วยแสง
สื่อการเรียนรู้เพื่อเพื่อนนักเรียน
นางสาวศิวพร แพทย์ขิม เอกสุขศึกษา กศ. บ. คณะพลศึกษา.
ดิน สมบัติ ของดิน ลักษณะ ของดิน ประโยชน์ ของดิน ฐานความช่วยเหลือด้านความคิดรวบยอด สถานการณ์ปัญหาที่ 2.
Gas Turbine Power Plant
อาจารย์อภิพงศ์ ปิงยศ บทที่ 2 : แบบจำลองเครือข่าย (Network Models) part1 สธ313 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทางธุรกิจ อาจารย์อภิพงศ์
สมัยกลาง (EARLY MEDIVAL)
ระดับความเสี่ยง (QQR)
สารอินทรีย์ สารประกอบอินทรีย์ที่มีธาตุออกซิเจนเป็นองค์ประกอบ ได้แก่
แนวทางการออกแบบโปสเตอร์
อาจารย์อภิพงศ์ ปิงยศ บทที่ 4 : สื่อกลางส่งข้อมูลและการมัลติเพล็กซ์ (Transmission Media and Multiplexing) Part3 สธ313 การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทางธุรกิจ.
บทที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
การบัญชีต้นทุนช่วง (Process Costing).
โครงสร้างและ หน้าที่ของราก
การรักษาดุลภาพของเซลล์
ความหมายของเลเซอร์ เลเซอร์ คือการแผ่รังสีของแสงโดยการกระตุ้นด้วยการขยายสัญญาณแสง คำว่า Laser ย่อมาจาก Light Amplification by Stimulated Emission of Radiation.
กลุ่มคำและประโยค ภาษาไทย ม. ๓
ข้อกำหนด/มาตรฐาน ด้านสุขาภิบาลอาหาร
วิธีการกรอกแบบเสนอโครงการในไฟล์ Power point นี้
บัตรยิ้ม สร้างเสริมกำลังใจ
กิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ งานบริหารและธุรการ คณะบริหารธุรกิจ
พฤติกรรม (Behavior) สิ่งเร้า ภายนอก ภายใน
กลุ่มเกษตรกร.
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
แผ่นดินไหว.
บทที่ 12 โครงสร้างและหน้าที่ของพืชดอก
คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate)
SMS News Distribute Service
มาทำความรู้จักกับ เห็ดหนังช้าง.
โปรตีน กรดอะมิโนหลายโมเลกุล จะยึดเหนี่ยวกันด้วยพันธะเพปไทด์
การผุพังอยู่กับที่ โดย นางสาวเนาวรัตน์ สุชีพ
วัฏจักรหิน วัฏจักรหิน : วัดวาอาราม หินงามบ้านเรา
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี อ.ปิยะพงศ์ ผลเจริญ
อ.ณัฐวัฒน์ ธนสารโชคพิบูลย์
การแบ่งเซลล์ แบบไมโทซิส
กฎกระทรวงสถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลว พ.ศ.....
บรรยายครั้งที่ 8 - กราฟฟิกวิศวกรรม 1
BASIC STATISTICS MEAN / MODE / MEDIAN / SD / CV.
บทที่ 9 การเรียงลำดับข้อมูล (Sorting)
ระบบย่อยอาหาร.
บทที่ 3 โรงเรือนและอุปกรณ์โคเนื้อ
มะเร็งปากมดลูก โดย นางจุฑารัตน์ กองธรรม พยาบาลวิชาชีพ รพ.สต.บ้านโนนแต้
อวัยวะที่ใช้ในการออกเสียง
ทรัพยากรไทย:ก้าวสู่โลกกว้างอย่างมั่นใจ
Structure of Flowering Plant
การแบ่งเซลล์ (CELL DIVISION)
พันธะโคเวเลนต์ พันธะไอออนิก พันธะเคมี พันธะโลหะ.
การเคลื่อนที่แบบต่างๆ
1 Pattern formation during mixing and segregation of flowing granular materials. รูปแบบการก่อตัวของการผสมและการแยกกันของวัสดุเม็ด Guy Metcalfe a,., Mark.
กราฟการเติบโตของสิ่งมีชีวิต
อ.ชิดชม กันจุฬา (ผู้สอน)
ความหลากหลายทางชีวภาพ
งานสังคมครั้งที 1 เรื่อง การเก็บข้อมูลประวัติหมู่บ้าน ชุมชน วิถีชุมชน โดย น.ส.อธิชา ฤทธิ์เจริญ ม.4 MEP-A เลขที่ 21.
Polymer พอลิเมอร์ (Polymer) คือ สารประกอบที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ และมีมวลโมเลกุลมากประกอบด้วยหน่วยย่อยที่เรียกว่า มอนอเมอร์มาเชื่อมต่อกันด้วยพันธะโคเวเลนต์
ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต
โครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีถนนรีไซเคิลเพื่อลดขยะพลาสติกใน 4 ภูมิภาค
หน้าที่ของ - ไนโตรเจน (เอ็น) - ฟอสฟอรัส (พี) - โพแทสเซียม (เค)
กระดาษทำการ (หลักการและภาคปฏิบัติ)
แผ่นดินไหว เกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกบริเวณแนวรอยเลื่อนของเปลือกโลก หรือการปะทุของภูเขาไฟ ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของแผ่นดิน ซึ่งหากเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง.
ใบสำเนางานนำเสนอ:

บทที่ 1 ประเภทของจุลินทรีย์ บทที่ 1 ประเภทของจุลินทรีย์

จุลินทรีย์ เป็นสิ่งชีวิตที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.0 มิลลิเมตร หรือน้อยกว่า ตัวอย่าง เช่น -โปรโตซัว -แบคทีเรีย -เห็ดรา -แอคติโนไมซีส - สาหร่ายบางชนิด -ไวรัส ฯลฯ

จุลินทรีย์แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ตามลักษณะของเซลล์ คือ 1.Procaryotic cell -นิวเคลียสไม่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส(nuclear membrane)ห่อหุ้ม -สารพันธุกรรม(genetic material)อยู่กระจัดกระจายในไซโตพลาสซึม -ได้แก่ แบคทีเรีย, ริคเกตเซีย และสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน 2.Eucaryotic cell -นิวเคลียสมีเยื่อหุ้มนิวเคลียส(nuclear membrane)ห่อหุ้ม - สารพันธุกรรม(genetic material)อยู่รวมกลุ่มกันในไซโตพลาสซึม -ได้แก่ ฟังไจ, โปรโตซัว และสาหร่ายอื่น ๆ (ยกเว้นสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน)

แบคทีเรีย(Bacteria) -มีขนาดเล็กต้องมองด้วยกล้องจุลทรรศน์(0.1-5 ไมครอน) -มีลักษณะเป็นเซลล์เดียว(unicellular) -ไม่มีนิวเคลียสที่เห็นได้ชัด -เพิ่มจำนวนโดยการแบ่งตัวตามขวาง(transverse fission)

โครงสร้างของแบคทีเรีย 1)ไมโครแคปซูล(microcapsule) -ประกอบด้วยโปรตีน, โพลีแซคคาไรด์ และลิปิด -เป็น endotoxin -พบในแบคทีเรียแกรมลบ 2)แคปซูล(capsule) -เป็นโครงสร้างที่หนาหุ้มอยู่รอบเซลล์ -เหนียวคล้ายเยลลี่ -มีรูปร่างไม่แน่นอน 3)ลูสสไลม์(loose slime) -คล้ายแคปซูล -ละลายหลุดออกมาได้ง่าย(เพราะโครงสร้างเกาะกันหลวม ๆ )

4)ผนังเซลล์(cell wall) -อยู่ภายใต้เมือกและแคปซูล แต่เป็นรอบนอกของไซโตพลาสซึมและเยื่อหุ้มเซลล์ -เป็นโครงสร้างที่แข็งเพื่อทำให้เซลล์คงรูป -หนาประมาณ 10-25 มิลลิไมครอน -โดยทั่วไปผนังเซลล์ของแบคทีเรียแกรมบวกจะหนากว่าของแบคทีเรียแกรมลบ -ส่วนประกอบสำคัญคือ amino sugar, sugars, amino acids และlipids 5)เยื่อหุ้มเซลล์(cytoplasmic membrane) -เป็นเยื่อบาง ๆ ที่อยู่ถัดเข้าไปภายใต้ผนังเซลล์ -มีความหนาประมาณ 50 แองสตรอม -ควบคุมการผ่านเข้าออกของอาหารและของเสียของเซลล์(selective membrane)

โครงสร้างของแบคทีเรีย

การสืบพันธุ์ของแบคทีเรีย สร้าง protoplasm ขึ้นมาใหม่ เซลล์มีการเจริญเติบโต เกิดการแบ่งนิวเคลียสขึ้น เกิดการแบ่งเซลล์โดยการที่เยื่อหุ้มเซลล์เจริญจากภายนอกเข้าไปภายใน เกิดเป็นแผ่นกั้นเซลล์ มีการสร้างผนังเซลล์และแบ่งแผ่นกั้นเซลล์ออกเป็นสองชั้น เซลล์ทั้งสองแยกออกจากกัน ได้เซลล์แบคทีเรียใหม่สองเซลล์

การจัดหมวดหมู่ของแบคทีเรีย โดยอาศัยลักษณะสำคัญดังนี้ 1)แหล่งของพลังงานที่ใช้ในการเจริญ -ใช้พลังงานจากแสง(phototrophic bacteria) -ใช้พลังงานที่ได้จากปฏิกิริยาเคมีต่าง ๆ (chemotrophic bacteria) 2)การเคลื่อนที่ -ม้วนตัวหรือกลิ้ง -ใช้แฟลกเจลลา 3)รูปร่าง -ทรงกลม -ท่อน -โค้งงอหรือเป็นเกลียว

4)การเรียงตัวของเซลล์ -เป็นเซลล์เดี่ยว ๆ อยู่อิสระต่อกัน เช่น Micrococcus spp., E. coli -เป็นคู่ ได้แก่ Diplo -เป็นสาย ได้แก่ Strepto -เป็นกลุ่ม ได้แก่ Staphylo 5)การติดสีกรัม -กรัมบวก -กรัมลบ 6)สภาวะการเจริญ -ต้องการออกซิเจนในการเจริญ(aerobic bacteria) -ไม่ต้องการออกซิเจนในการเจริญ(anaerobic bacteria) -เจริญได้ทั้งที่มีและไม่มีออกซิเจน(facultative anaerobic bacteria) -ต้องการออกซิเจนเพียงเล็กน้อยในการเจริญ(microaerophilic bacteria)

เกลียว แท่ง กลม

Micrococcus spp. E. coli

Streptococcus Staphylococcus

ฟังไจ(Fungi) -จุลินทรีย์ที่มีนิวเคลียสแบบ eucaryote -ไม่มีคลอโรฟิลล์ -สร้างสปอร์ได้ -สืบพันธุ์ทั้งแบบมีเพศและไม่มีเพศ -โครงสร้างแบบเซลล์เดียวหรือหลายเซลล์ -พวกเซลล์เดียวเรียกว่า ยีสต์ -พวกหลายเซลล์จะมีเส้นใยหรือไฮฟา(hypha) เรียกว่า รา

โครงสร้างของฟังไจ 1)ผนังเซลล์ -ทำให้เซลล์คงรูปร่างอยู่ได้ -ประกอบด้วยสารพวกไคตินหรือเซลลูโลสกับไคติน 2)เซลล์เมมเบรน -ห่อหุ้มโปรโตพลาสซึม -ควบคุมการนำสารเข้าสู่ภายในเซลล์ -ประกอบด้วยลิปิดและโปรตีนที่จัดเรียงต่อกันเป็น lipoprotein 3)organelles -ไมโตคอนเดรีย : สร้างพลังงานในขบวนการ oxidation phosphorylation -เอนโดพลาสมิดเรติคูลัม : เกี่ยวกับการเจริญในด้านขยายขนาดและความยาวไฮฟา -ไรโบโซม : สังเคราะห์โปรตีน

-กอลไจแอพพาราตัส : สังเคราะห์สารโมเลกุลใหญ่และสารประกอบเชิงซ้อนให้ กับเซลล์, สังเคราะห์เซลล์เมมเบรน 4)cell inclusion -เป็นอาหารสะสมพวกไกลโคเจนและลิปิด -โดยที่ไกลโคเจนจะพบมากในเซลล์ทั่วไปและเซลล์ที่ใช้สืบพันธุ์ -ส่วนลิปิดจะพบมากในสปอร์และนำไปใช้เป็นแหล่งพลังงานและแหล่งคาร์บอน ในการเจริญได้ดี 5)นิวเคลียส ในแต่ละเซลล์อาจมีหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่ง ฟังไจอาจมีการรวมกลุ่มเส้นใยจนมี ขนาดใหญ่เรียกว่า ไมซีเลียม(mycelium) เส้นใยของฟังไจจำแนกได้ 2 แบบคือ -เส้นใยมีผนังกั้น(non septate hypha) : มีลักษณะเป็นท่อทะลุถึงกันโดยตลอดและ มีหลายนิวเคลียส -เส้นใยมีผนังกั้น(septate hypha) : แต่ละเซลล์จะมีผนังกั้นไว้ทำให้มีลักษณะเป็น ห้อง ๆ ภายในแต่ละเซลล์อาจมีหนึ่งนิวเคลียสหรือหลายนิวเคลียส

A : non septate hypha B,C : septate hypha

การสืบพันธุ์ของฟังไจ 1)แบบไม่มีเพศ : เป็นการสืบพันธุ์ที่สำคัญที่สุดของฟังไจ เนื่องจากเกิดได้รวดเร็วและ ครั้งละเป็นจำนวนมาก -fragmentation : เกิดจากเส้นใยที่หักเป็นส่วน ๆ แล้วสามารถเจริญเป็นเส้นใยใหม่ ได้ -การแตกหน่อ : เป็นการที่เซลล์แบ่งออกเป็นหน่วยขนาดเล็ก แล้วเมื่อหน่อเจริญ เต็มที่จะหลุดออกมาเป็นอิสระและเจริญต่อไปได้(พบในยีสต์ทั่วไป) -fission : เป็นการแบ่งเซลล์ออกเป็นสองส่วนแล้วหลุดจากกันเป็นสองเซลล์(พบ ในยีสต์บางชนิดเท่านั้น) -การสร้างสปอร์ : เป็นแบบที่พบมากที่สุด ได้แก่ chlamydospore, conidiospore(conidia), sporangiospore

A : fragmentation B : chlamydospore C : fission D : budding

conidia sporangiospore

2)แบบมีเพศ การผสมของ gamete -มีโครงสร้างที่เรียกว่า gametangium ทำหน้าที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้และ เพศเมียที่เรียกว่า gamete เข้าผสมกัน -มีการสร้างสปอร์เช่นกัน ได้แก่ zygospore, oospore, ascospore, basidiospore การผสมของ gamete

การจำแนกหมวดหมู่ของฟังไจ ฟังไจทั้งหมดจัดอยู่ใน Division Eumycophyta มี 4 class คือ 1)Class Phycomycetes -เส้นใยไม่มีผนังกั้น -สร้างสปอร์ภายใน sporangium อย่างไม่จำกัดจำนวน -การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศจะสร้าง oospore หรือ zygospore -ดำรงชีวิตแบบ saprophyte(ภาวะย่อยสลาย) และปรสิต -ต้องการความชื้นค่อนข้างสูงในการเจริญ -สมาชิกส่วนใหญ่เป็นฟังไจอยู่ในน้ำ 2)Class Ascomycetes -เส้นใยมีผนังกั้น -สร้างสปอร์แบบมีเพศและไม่มีเพศ

-สร้างสปอร์แบบมีเพศเกิดใน ascus จำนวน 8 ascospore -ไม่ต้องการความชื้นมากในการเจริญ -ได้แก่ Aspergillus, Penicillium, Gibberella และยีสต์ Gibberella Aspergillus

Penicillium yeast

เห็ด 3)Class Basidiomycetes -เส้นใยมีผนังกั้น -เส้นใยเป็นชนิด binucleate mycelium(แต่ละเซลล์มี 2 นิวเคลียส) -การสืบพันธุ์แบบมีเพศจะสร้าง basidiospore -ได้แก่ เห็ดชนิดต่าง ๆ เห็ด

4)Class Deuteromycetes -เส้นใยมีผนังกั้น -สืบพันธุ์เฉพาะแบบไม่มีเพศเท่านั้น และสร้างสปอร์แบบ conidia -มีชื่อสามัญว่า fungi imperfecti -หากศึกษาจนพบระยะที่มีการสืบพันธุ์แบบมีเพศก็จะจัดไว้ในกลุ่มอื่น ๆ -ประกอบด้วยสมาชิกเกือบ 2,000 สกุล และ15,000-20,000 ชนิด

สาหร่าย(Algae) -มีคลอโรฟิลล์และรงควัตถุอื่น ๆ อยู่ในออร์แกเนลล์ที่เรียกว่า คลอโรพลาสต์(chloroplast) -สามารถสังเคราะห์แสงได้ -เป็นเซลล์ชนิดยูคาริโอต -ผนังเซลล์บางแต่แข็งแรง -มีนิวเคลียสเห็นได้ชัดเจน

การสืบพันธุ์ของสาหร่าย 1)แบบไม่อาศัยเพศ -โดยแตกหักของสาหร่ายออกเป็นท่อน ๆ -สำหรับสาหร่ายในน้ำจะสร้างสปอร์ที่เคลื่อนที่ได้ เรียกว่า zoospore -สำหรับสาหร่ายบนบกจะสร้างสปอร์ที่เคลื่อนที่ไม่ได้ เรียกว่า aplanospore zoospore

2)แบบอาศัยเพศ - มีการผสมกันของเซลล์สืบพันธุ์ที่เรียกว่า แกมีต(gametes)จนได้ไซโกต(zygote) -ถ้าแกมีตเหมือนกันไม่มีความแตกต่างกันระหว่างเพศ = isogamous -ถ้าแกมีตทั้งสองมีขนาดแตกต่างกัน = heterogamous -ถ้าแกมีตเพศเมียมีขนาดใหญ่ไม่เคลื่อนที่และแกมีตเพศผู้มีขนาดเล็กกว่าและ เคลื่อนที่ได้ = oogamy

การจัดจำแนกสาหร่าย สามารถแบ่งออกเป็นดิวิชันต่าง ๆ ได้ดังนี้ 1)Rhodophycophyta(สาหร่ายสีแดง) -อาศัยอยู่ในทะเลเป็นส่วนใหญ่ -สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศโดยใช้สปอร์ที่เคลื่อนที่ไม่ได้ -สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศโดยการผสมของแกมีต 2 เพศ -เช่น Gellidium, Corallina Gellidium Corallina

2)Xanthophycophyta(สาหร่ายสีเขียวแกมเหลือง) -พบมากในเขตอบอุ่นทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม -สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยโดยการสร้าง zoospore ที่มีแฟลกเจลลา, การแตกหักของ ท่อนสาหร่าย, แบ่งเซลล์ -บางครั้งมีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ -ผนังเซลล์ประกอบด้วยเซลลูโลสและแพกทิน -เช่น Vaucheria Vaucheria

Ochromonas 3)Chrysophycophyta(สาหร่ายสีแดง) -มีแฟลกเจลลา -สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศโดยแบ่งเซลล์จากหนึ่งเป็นสอง -เช่น Ochromonas Ochromonas

4)Phaephycophyta(สาหร่ายสีน้ำตาล) -เป็นสาหร่ายที่มีขนาดใหญ่ที่สุด -มีแฟลกเจลลา 2 เส้น -ผนังเซลล์ประกอบด้วยเซลลูโลส กรดอัลจินิก -สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศโดยสร้าง zoospore -มีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ -เช่น Kelp Kelp

diatom 5)Bacillariophycophyta(ไดอะตอม) -เป็นเซลล์เดี่ยว ๆ โคโลนีหรือเป็นเส้นสาย -ผนังเซลล์ประกอบด้วยซิลิกา -เมื่อตายทับถมกันจะกลายเป็น diatomaceous earth อยู่ในทะเล diatom

6)Euglemophycophyta(Euglenoids) -มีแฟลกเจลลาอยู่หนึ่งหรือสองหรือสามเส้นอยู่ทางด้านบนสุดของเซลล์ -มีช่องคอ -สืบพันธุ์โดยแบ่งเซลล์ตามยาว -ผนังเซลล์ไม่มีเซลลูโลส -เยื่อหุ้มชั้นนอกเป็นเพอริพลาสต์ -มีจุดรับแสง(eyespot), คอนแทรกไทล์, แอคิวโอล และไฟบริลอยู่ในเซลล์ -เช่น Euglena, Phacus Euglena Phacus

7)Chlorophycophyta(สาหร่ายสีเขียว) -ส่วนใหญ่อยู่ในน้ำจืด -มีทั้งเป็นเซลล์เดียวและเป็นโคโลนี -มีนิวเคลียสชัดเจน -ส่วนใหญ่มีหนึ่งนิวเคลียสต่อเซลล์ -สืบพันธุ์โดย zoospore, แบ่งตัว -เช่น Chlorella, Desmids, Spirogyra Chlorella Desmids Spirogyra

8)Crytophycophyta(Crytomonads) -เป็นเซลล์เดี่ยว ๆ รูปร่างคล้ายรองเท้าแตะ -ลักษณะแบนทางด้านบนด้านล่าง -มีแฟลกเจลลา 2 เส้น -บางชนิดมีช่องคอ -บางชนิดมีผนังเซลล์เป็นเซลลูโลส -บางชนิดเซลล์เปลือยมีเยื่อหุ้มเซลล์ล้อมรอบเท่านั้น -สืบพันธุ์โดยการแบ่งตัวตามยาวหรือสร้าง zoospore หรือซีสต์ 9)Pryrophycophyta(dinoflagellates) -เป็นเซลล์เดี่ยว ๆ พบในน้ำเค็ม -ลักษณะแบน -มีร่องตามขวางและตามยาว

Ceratium Noctiluca -มีแฟลกเจลลา 2 เส้น -ส่วนใหญ่เซลล์ถูกปกคลุมด้วยเยื่อหุ้มเซลล์เท่านั้น -บางชนิดมีแผ่นเซลลูโลสในเยื่อหุ้มเซลล์ที่เรียกว่า thecal plates -เช่น Ceretium, Noctiluca Ceratium Noctiluca

โพรโตซัว(Prozoa) -เป็นยูคาริโอติกโพรทิสต์ที่พบเป็นเซลล์เดียวเป็นส่วนใหญ่ -ไม่มีผนังเซลล์ -ส่วนใหญ่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 5-250 ไมครอน -อาจรวมกันเป็นกลุ่มก้อนที่เรียกว่าโคโลนีโดยมีสายไซโตพลาสซึมเชื่อมกัน -มักพบในแหล่งชื้นแฉะ, ทะเล, ดิน และน้ำจืด -แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ พวกดำรงชีวิตแบบอิสระและพวกที่อาศัยอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตอื่น

โครงสร้างภายในเซลล์ของโพรโตซัว 1)ไซโตพลาสซึม -ประกอบด้วยโปรตีนชนิดกลอบิวลาร์ที่ยึดกันหลวม ๆ เป็นโครงร่างเซลล์ -บางชนิดอาจมีรงควัตถุกระจายอยู่ในไซโตพลาสซึม 2)นิวเคลียส -อย่างน้อยต้องมีนิวเคลียส 1 อัน -หลายชนิดอาจมีมากกว่า 1 ซึ่งจะมีนิวเคลียสสองอันที่ต่างกัน คือ macronucleus และ micronucleus

3)เยื่อหุ้มเซลล์ -ป้องกันเซลล์ไม่ให้มีอันตรายจากภายนอก -ควบคุมการแลกเปลี่ยนสาร -รับการกระตุ้นทางเคมีและกายภาพ -ผิวชั้นนอกสุดของเยื่อหุ้มเซลล์เรียกว่า pellicle ซึ่งสามารถป้องกันความแห้งแล้งและสารเคมีได้

อวัยวะในการเคลื่อนที่ 1)ซูโดโพเดีย(pseudopodia) -เกิดจากการไหลของไซโตพลาสซึมกลายเป็นเท้าเทียมที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของ พวกอมีบา -ไม่มี pellicle ห่อหุ้ม

flagella 2)แฟลกเจลลา(flagella) -เป็นเส้นสายที่ยื่นออกมาจากไซโตพลาสซึม -มีจำนวนหนึ่งถึงแปดเส้น(ส่วนใหญ่มีหนึ่งถึงสองเส้น) flagella

cilia 3)ซีเลีย(cilia) -มีลักษณะเป็นขนละเอียดและสั้น -นอกจากช่วยในการเคลื่อนที่ยังช่วยในการกินอาหารและเป็นอวัยวะรับสัมผัส cilia

การสืบพันธุ์ของโพรโตซัว 1)แบบไม่อาศัยเพศ -เกิดการแบ่งเซลล์จากหนึ่งเป็นสอง โดยเซลล์ลูกที่ได้อาจมีขนาดเท่ากันหรือไม่ เท่ากัน -ถ้าแบ่งได้หลาย ๆ เซลล์เรียกว่า multiple fission -อาจใช้วิธีการแตกหน่อด้วย 2)แบบอาศัยเพศ : มีการผสมกันของเซลล์สืบพันธุ์สองชนิด เรียกว่า syngamy หรือ gametogamy

การจัดจำแนกโพรโตซัว Amoeba 1)Sarcomastigophora -มีนิวเคลียสชนิดเดียว -สืบพันธุ์โดยอาศัยเพศโดยวิธี syngamy -ไม่สร้างสปอร์ -เคลื่อนที่โดยใช้แฟลกเจลลาหรือซูโดโพเดีย -เช่น Amoeba Amoeba

merozoite 2)Apicomplexa -ในวงจรชีวิตจะมีการสร้างสปอร์ -สืบพันธุ์แบบอาศัยโดยวิธี syngamy -ไม่มีซีเลีย -เป็นปรสิต -มีเอพิคอลคอมเพล็กซ์ ซึ่งประกอบไปด้วย polarring, rhoptries, micronemes -เช่น merozoite merozoite

Paramecium 3)Ciliophora -ในระยะหนึ่งของวงจรชีวิตจะมีซีเลีย -มีนิวเคลียสสองแบบ(macronucleus, micronucleus) -สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศโดยแบ่งจากหนึ่งเป็นสองตามขวาง -สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศโดยวิธีคอนจูเกชัน -มักดำรงชีวิตแบบอิสระ -เช่น Paramecium Paramecium

ไวรัส(Virus) -เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มองค์ประกอบพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการเจริญและทวีจำนวนอย่างสมบูรณ์ -มักเรียกโครงสร้างของไวรัสว่าอนุภาคหรือไวริออน -มีขนาดเล็กมากจนถึงระดับนาโนเมตร

รูปร่างไวรัส จำแนกได้เป็น 4 ชนิดคือ 1)helical -มีรูปร่างท่อนตรงหรือโค้งงอหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า -เช่น TMV, mosaic virus, mump virus 2)icosaedral -รูปร่างแบบลูกบาศก์และมี 20 เหลี่ยม -เช่น poliovirus, enterovirus, reovirus 3)binal -รูปร่างคล้ายลูกอ๊อด แบ่งเป็นสองส่วน คือ ส่วนหัวและส่วนหาง -ได้แก่ bacteriophage

รูปร่างไวรัส 4)complex -มีรูปร่างที่ซับซ้อน -เช่น vaccinia virus, arthopox virus รูปร่างไวรัส

โครงสร้างของไวรัส โดยทั่วไปประกอบด้วยกรดนิวคลีอิคอยู่ภายใน และมีปลอกโปรตีนหรือ capsid ห่อหุ้ม ภายนอก บางชนิดอาจมี envelope ห่อหุ้ม capsid อีกชั้นหนึ่ง 1)capsid -เป็นโปรตีนที่เป็นโครงสร้างของอนุภาคไวรัส -ประกอบด้วยหน่วยย่อยที่เรียกว่า capsomere -ซึ่งป้องกันกรดนิวคลีอิค 2)กรดนิวคลีอิค -มีเฉพาะ DNA หรือ RNA อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น -จะบดเป็นเกลียวภายใน capsid

โครงสร้างไวรัส 3)envelope -มักพบในไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในมนุษย์และสัตว์ -มีโครงสร้างเป็นเมมเบรนบาง ๆ ห่อหุ้ม capsid อีกชั้นหนึ่ง -ประกอบด้วยสารพวกลิปิด, โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต -เป็นที่อยู่ของ spike หรือ peplomers หลายชนิดที่ใช้ทำลายเซลล์ของผู้ให้อาศัย โครงสร้างไวรัส

การสืบพันธุ์ของไวรัส -ไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้ด้วยตนเอง -ต้องอาศัยขบวนการเมตาบอลิซึมของผู้ให้อาศัยเป็นสำคัญ 1)การเพิ่มจำนวนของ bacteriophage : จะเพิ่มจำนวนภายในเซลล์ของแบคทีเรียโดยมี 3 ระยะคือ -inflection : เป็นระยะที่นำส่วนหางมาเกาะกับผนังเซลล์แบคทีเรียแล้วเกิดเป็นรูขึ้น จากนั้นจะปล่อย DNA เข้าไปภายในเซลล์แบคทีเรีย -systhesis : เป็นระยะสังเคราะห์ส่วนประกอบของอนุภาคใหม่ในเซลล์แบคทีเรีย -lysis : เป็นระยะที่ bacteriophage ทำให้เซลล์แบคทีเรียแตกแล้วหลุดสู่ภายนอก

การเพิ่มจำนวนของ bacteriophage

ใช้ตำแหน่งที่เฉพาะบนอนุภาคจับกับตำแหน่ง receptor site ของเซลล์ 2 )การเพิ่มจำนวนของไวรัสสัตว์ ใช้ตำแหน่งที่เฉพาะบนอนุภาคจับกับตำแหน่ง receptor site ของเซลล์ ไวรัสที่ไม่มี envelope ไวรัสที่มี envelope เข้าสู่ภายในเซลล์ เข้าสู่ภายในเซลล์ โดยขบวนการ phagocytosis โดยขบวนการ membrane fusion

phagocytosis membrane fusion

3)การเพิ่มจำนวนของไวรัสพืช ไวรัสเข้าสู่ภายในเซลล์ทั้งอนุภาค capsid และกรดนิวคลีอิคแยกออกจากกัน กรดนิวคลีอิคเคลื่อนเข้าสู่นิวเคลียสของเซลล์เพื่อจำลองตัวเอง กรดนิวคลีอิคที่จำลองตัวเองแล้วจะออกสู่ไซโตพลาสซึมเพื่อสังเคราะห์ capsid และองค์ประกอบต่าง ๆ เป็นอนุภาคใหม่ เซลล์แตกหลุดเป็นอิสระ

การจัดจำแนกหมวดหมู่ ใช้หลักเกณฑ์ดังนี้ -ลักษณะกรดนิวคลีอิค -โครงสร้างอนุภาค -การมีหรือไม่มี envelope ห่อหุ้ม -จำนวนของ capsomere -ขนาดของอนุภาค -ตำแหน่งที่มีการเพิ่มจำนวนในเซลล์ -การทนหรือถูกทำลายได้ง่ายด้วยสารเคมีและสภาวะทางกายภาพ จากหลักเกณฑ์ดังกล่าวทำให้สามารถแยกไวรัสได้เป็น 16 กลุ่ม โดยเป็นไวรัสที่มี กรดนิวคลีอิคชนิด DNA 5 กลุ่ม, ชนิด RNA 11 กลุ่ม นอกจากนี้ยังได้จัดไวรอยด์ไว้เป็นกลุ่มเดียวกับไวรัสอีกด้วย

ไวรอยด์(Viroids) -มีโครงสร้างเรียกว่า ไวริออนเช่นเดียวกับไวรัส -อนุภาคประกอบด้วย RNA เท่านั้น -ไม่มี capsid ห่อหุ้ม -RNA มีลักษณะเป็นสายสั้น ๆ ที่เป็นแบบสายเดี่ยวหรือสายคู่ที่มีความ ยาว 400-500 อังสตรอม

เปรียบเทียบลักษณะของไวรัสและไวรอยด์