ดาวน์โหลดงานนำเสนอ
งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ
1
ประวัติความเป็นมาของอินเทอร์เน็ต
ปี พ.ศ (1957) โซเวียดได้ปล่อย ดาวเทียม Sputnik ทำให้สหรัฐอเมริกาได้ตระหนักถึงปัญหาที่ อาจจะเกิดขึ้น ดังนั้น ค.ศ (1969) กองทัพสหรัฐต้อง เผชิญหน้ากับความเสี่ยงทางการทหาร และความเป็นไปได้ ในการถูกโจมตี ด้วยอาวุธปรมาณู หรือนิวเคลียร์ การถูก ทำลายล้าง ศูนย์คอมพิวเตอร์ และระบบการสื่อสารข้อมูล อาจทำให้เกิดปัญหาทางการรบ
2
และในยุคนี้ ระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีหลากหลาย มากมายหลายแบบทำให้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร และโปรแกรมกันได้ จึงมีแนวความคิด ในการ วิจัยระบบที่สามารถ เชื่อมโยงเครื่องคอมพิวเตอร์ และ แลกเปลี่ยนข้อมูล ระหว่างระบบที่แตกต่างกันได้ ระบบที่ แตกต่างกันได้ ตลอดจนสามารถรับส่งข้อมูลระหว่างกัน ได้อย่างไม่ผิดพลาด แม้ว่าคอมพิวเตอร์บาง เครื่อง หรือสายรับส่งสัญญาณ เสียหายหรือ ถูกทำลาย
3
กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ได้ให้ทุนที่มีชื่อว่า DARPA ภายใต้การควบคุมของ Dr. J.C.R. Licklider ได้ ทำการทดลอง ระบบเครือข่ายที่มีชื่อว่า DARPA Network และต่อมาได้กลายสภาพเป็น ARPANet (Advanced Research Projects Agency Network) และต่อได้มา พัฒนาเป็น INTERNET
4
ในที่สุด การเริ่มต้นของเครือข่ายนี้ เริ่มในเดือน ธันวาคม 2512 จำนวน 4 มหาวิทยาลัย ได้แก่
- มหาวิทยาลัยยูทาห์ - มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ซานตาบาบารา - มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่ลอสแองเจลิส - สถาบันวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
5
และขยายต่อไปเรื่อยๆ เป็น 50 จุดในปี พ. ศ
และขยายต่อไปเรื่อยๆ เป็น 50 จุดในปี พ.ศ จน เป็นหลายล้านแห่งทั่วโลกทีเดียว งานหลักของเครือข่ายนี้ คือ การค้นคว้าและวิจัยทางทหาร ซึ่งอาศัยมาตรฐานการ รับส่งข้อมูลเดียวกัน ที่เรียกว่า Network Control Protocol (NCP) ทำหน้าที่ควบคุมการรับส่งข้อมูล การตรวจสอบ ความผิดพลาดในการส่งข้อมูล และตัวกลางที่เชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องเข้าด้วยกัน
6
และมาตรฐานนี้ก็มีจุดอ่อนในการขยายระบบ จนต้องมีการ พัฒนามาตรฐานใหม่ พ.ศ ได้มีมาตรฐานใหม่ออกมา คือ Transmission Control Protocol/Internet Protocol (TCP/IP) อันเป็นก้าวสำคัญของอินเตอร์เน็ต เนื่องจากมาตรฐานนี้ทำให้ คอมพิวเตอร์ต่างชนิดกัน สามารถรับส่งข้อมูลไปมาระหว่างกัน ได้ เปรียบเสมือนเป็นหัวใจของอินเตอร์เน็ตเลยก็ว่าได้ จาก ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ที่มีอยู่ในยุคนั้น ไม่สามารถ ตอบสนองการสื่อสารได้
7
เว็บเพจ (Web Page) คือ หน้าพื้นที่สำหรับแสดงข้อมูล มีโครงสร้างหลักเป็นภาษา HTML เว็บไซต์ (Web Site) ประกอบด้วยเว็บเพจหลาย ๆ เว็บเพจรวมเข้าด้วยกัน อาจจะมีการจัดหมวดหมู่เพื่อให้เข้าถึงข้อมูลได้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น และสำหรับเว็บเพจที่เป็นหน้าแรกของเว็บไซต์ เราจะเรียกว่า โฮมเพจ (Homepage)
8
Static : หรือ Web 1.0 เป็นเว็บไซต์ที่ไม่มีการติดต่อกับ Database และไม่สามารถเก็บข้อมูลได้ เป็นการนำเสนอเว็บไซต์แบบทางเดียว เหมือนกับการอ่านหนังสือ(Read Only) ซึ่งสามารถพัฒนาได้ด้วยภาษา HTML หรือ DHTML ซึ่งยุ่งยากต่อในการดูแลและปรับปรุง จึงทำให้เว็บไซต์ที่พัฒนาด้วยวิธีนี้ ไม่ค่อยได้รับความนิยม
9
Dynamic : หรือ Web 2.0 เป็นเว็บไซต์ที่สามารถโต้ตอบกับผู้ชมได้ มีการติดต่อกับ Database และเก็บบันทึกข้อมูล ซึ่งเว็บไซต์ประเภทนี้สามารถพัฒนาได้ด้วย Web Programming (ASP, PHP, ASP.Net, etc.) เป็นเว็บไซต์ที่มีระบบจัดการข้อมูล (Backoffice) สำหรับให้ผู้ดูแลเว็บไซต์หรือเจ้าของเว็บไซต์ให้สามารถแก้ไขข้อมูลได้โดยง่ายผ่านทาง Security Login จากหน้าเว็บไซต์ โดยผู้ใช้งานจะต้องมี Username และ Password ส่วนตัวสำหรับเข้าไปแก้ไขข้อมูลในเว็บไซต์
10
HTML (HyperText Markup Language) คือ ภาษามาร์กอัปออกแบบมาเพื่อใช้ในการสร้างเว็บเพจหรือข้อมูลอื่นที่เรียกดูผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์สำหรับภาษา SGMLในปัจจุบัน HTML เป็นมาตรฐานหนึ่งของ ISO ในปัจจุบัน ทาง W3C ผลักดัน รูปแบบของ HTML แบบใหม่ ที่เรียกว่า XHTMLซึ่งเป็นลักษณะของโครงสร้าง XMLแบบหนึ่งที่มีหลักเกณฑ์ในการกำหนดโครงสร้างของโปรแกรมที่มีรูปแบบที่มาตรฐานกว่า HTML ยังคงเป็นรูปแบบไฟล์อย่างหนึ่ง สำหรับ .html และ สำหรับ .htm ที่ใช้ในระบบปฏิบัติการที่รองรับ รูปแบบนามสกุล 3 ตัวอักษร
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
© 2024 SlidePlayer.in.th Inc.
All rights reserved.