ดาวน์โหลดงานนำเสนอ
งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ
ได้พิมพ์โดยMonica Johannessen ได้เปลี่ยน 5 ปีที่แล้ว
1
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน
2
Psalm เพลงสดุดีบทที่ 90
3
A Prayer of Moses, the man of God
A Prayer of Moses, the man of God. 1Lord, you have been our dwelling place in all generations.
4
1คำอธิษฐานของโมเสส คนของพระเจ้า ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเป็นที่อาศัยของข้าพระองค์ทั้งหลาย ตลอดทุกชั่วชาติพันธุ์
5
2Before the mountains were brought forth, or ever you had formed the earth and the world, from everlasting to everlasting you are God. 2ก่อนที่ภูเขาทั้งหลายเกิดขึ้นมา ก่อนที่พระองค์ทรงให้กำเนิดแผ่นดินโลกและพิภพ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า ตั้งแต่นิรันดร์กาลถึงนิรันดร์กาล
6
John ยอห์น 15:1-111“I am the true vine, and my Father is the vinedresser. 1“เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นผู้ดูแลรักษา
7
2Every branch of mine that does not bear fruit He takes away, and every branch that does bear fruit He prunes, that it may bear more fruit. 2แขนงทุกแขนงในเราที่ไม่ออกผล พระองค์ก็ทรงตัดทิ้งเสีย และแขนงทุกแขนงที่ออกผล พระองค์ก็ทรงลิดเพื่อให้ออกผลมากขึ้น
8
3Already you are clean because of the word that I have spoken to you
9
4Abide in Me, and I in you. As the branch cannot bear fruit by itself, unless it abides in the vine, neither can you, unless you abide in Me.
10
4จงเข้าสนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในท่าน แขนงจะออกผลเองไม่ได้ นอกจากจะติดอยู่กับเถาฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ นอกจากจะเข้าสนิทอยู่ในเราฉันนั้น
11
5I am the vine; you are the branches
5I am the vine; you are the branches. Whoever abides in Me and I in him, he it is that bears much fruit, for apart from Me you can do nothing.
12
5เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย
13
6If anyone does not abide in Me he is thrown away like a branch and withers; and the branches are gathered, thrown into the fire, and burned. 6ถ้าผู้ใดมิได้เข้าสนิทอยู่ในเรา ผู้นั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนง แล้วก็เหี่ยวแห้งไป และถูกเก็บเอาไปเผาไฟ
14
7If you abide in Me, and My words abide in you, ask whatever you wish, and it will be done for you. 7ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใด ซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น
15
8By this My Father is glorified, that you bear much fruit and so prove to be my disciples. 8พระบิดาของเราทรงได้รับเกียรติเพราะเหตุนี้คือเมื่อท่านทั้งหลายเกิดผลมาก ท่านก็เป็นสาวกของเรา
16
9As the Father has loved Me, so have I loved you. Abide in My love
17
10If you keep My commandments, you will abide in My love, just as I have kept My Father's commandments and abide in His love.
18
10ถ้าท่านทั้งหลายประพฤติตามบัญญัติของเรา ท่านก็จะยึดมั่นอยู่ในความรักของเรา เหมือนดังที่เราประพฤติตามพระบัญญัติของพระบิดา และยึดมั่นอยู่ในความรักของพระองค์
19
11These things I have spoken to you, that my joy may be in you, and that your joy may be full. 11นี่คือสิ่งที่เราได้บอกแก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราดำรงอยู่ในท่าน และให้ความยินดีของท่านเต็มเปี่ยม
20
2 Corinthians โครินธ์ 5:1-4 1For we know that if the tent, which is our earthly home, is destroyed, we have a building from God, a house not made with hands, eternal in the heavens.
21
1เพราะเรารู้ว่า ถ้าเรือนดินคือกายของเรานี้จะพังทำลายเสีย เราก็ยังมีที่อาศัยซึ่งพระเจ้าทรงโปรดประทานให้ ที่มิได้สร้างด้วยมือมนุษย์ และตั้งอยู่เป็นนิตย์ในสวรรค์
22
2For in this tent we groan, longing to put on our heavenly dwelling, 2เพราะว่าในร่างกายนี้เรายังครวญคร่ำอยู่ มีความอาลัยที่จะสวมที่อาศัยของเราที่มาจากสวรรค์
23
3if indeed by putting it on we may not be found naked
24
4For while we are still in this tent, we groan, being burdened—not that we would be unclothed, but that we would be further clothed, so that what is mortal may be swallowed up by life.
25
4เพราะว่าเราผู้อาศัยในร่างกายนี้จึงครวญคร่ำเป็นทุกข์ มิใช่เพราะปรารถนาที่จะอยู่ตัวเปล่า แต่ปรารถนาจะสวมกายใหม่นั้น เพื่อว่าร่างกายของเราซึ่งจะต้องตายนั้นจะได้ถูกชีวิตอมตะกลืนเสีย
26
3You return man to dust and say, “Return, O children of man
27
4For a thousand years in your sight are but as yesterday when it is past, or as a watch in the night. 4เพราะพันปีในสายพระเนตรของพระองค์ เป็นเหมือนวานนี้ซึ่งผ่านไปแล้ว หรือเหมือนยามเดียวในกลางคืน
28
5You sweep them away as with a flood; they are like a dream, like grass that is renewed in the morning: 5พระองค์ทรงกวาดมนุษย์ไปเสีย เขาเป็นเหมือนความฝัน เหมือนหญ้าที่งอกขึ้นใหม่ในเวลาเช้า
29
6in the morning it flourishes and is renewed; in the evening it fades and withers. 6ในเวลาเช้ามันก็บานออกและขึ้นใหญ่ ครั้นเวลาเย็นก็ร่วงโรยและเหี่ยวไป
30
7For we are brought to an end by Your anger; by your wrath we are dismayed. 7เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายถูกความกริ้วของพระองค์ผลาญเสีย ข้าพระองค์ก็เดือดร้อนเพราะพระพิโรธของพระองค์
31
8You have set our iniquities before you, our secret sins in the light of your presence. 8พระองค์ทรงตั้งความผิดบาปของ ข้าพระองค์ไว้ต่อพระพักตร์พระองค์ ทรงตั้งบาปลับๆของข้าพระองค์ไว้ ในสว่างแห่งพระพักตร์ของพระองค์
32
9For all our days pass away under your wrath; we bring our years to an end like a sigh. 9วันทั้งปวงของข้าพระองค์ทั้งหลายสิ้นไปใต้พระพิโรธ ของพระองค์ กำหนดปีของข้าพระองค์สิ้นสุดลงอย่างเสียงถอนหายใจ
33
10The years of our life are seventy, or even by reason of strength eighty; yet their span is but toil and trouble; they are soon gone, and we fly away.
34
10กำหนดปีของข้าพระองค์คือเจ็ดสิบ หรือสุดแต่เรื่องกำลัง ก็ถึงแปดสิบ แต่ช่วงชีวิตนั้นมีแต่งานและความลำบาก ไม่ช้าก็สูญไปและข้าพระองค์ก็จากไป
35
11Who considers the power of your anger, and your wrath according to the fear of you? 11ผู้ใดจะทราบถึงฤทธิ์ความกริ้วของพระองค์ และพระพิโรธของพระองค์ตามความเกรงกลัวพระองค์
36
12So teach us to number our days that we may get a heart of wisdom
37
Genesis ปฐมกาล 3:19 19By the sweat of your face you shall eat bread, till you return to the ground, for out of it you were taken; for you are dust, and to dust you shall return.”
38
19เจ้าจะต้องหากินด้วยเหงื่ออาบหน้า จนเจ้ากลับเป็นดินไป เพราะเราสร้างเจ้ามาจากดิน เจ้าเป็นผงคลีดิน และจะต้องกลับเป็นผงคลีดินดังเดิม”
39
2 Peter เปโตร 3:8 8But do not overlook this one fact, beloved, that with the Lord one day is as a thousand years, and a thousand years as one day. 8แต่ดูก่อนพวกที่รัก อย่าลืมความจริงข้อนี้เสีย คือวันเดียวของพระเจ้าเป็นเหมือนกับพันปี และพันปีก็เป็นเหมือนกับวันเดียว
40
1 Peter เปโตร 1:24 24for “All flesh is like grass and all its glory like the flower of grass. The grass withers, and the flower falls,
41
24เพราะว่า บรรดาเนื้อหนังก็เป็นเสมือนต้นหญ้า และบรรดาศักดิ์ศรีของเขาก็เป็นเสมือนดอกหญ้า ต้นหญ้าเหี่ยวแห้งไป และดอกก็ร่วงโรยไป
42
Matthew มัทธิว 7: “Everyone then who hears these words of mine and does them will be like a wise man who built his house on the rock. 24“เหตุฉะนั้นผู้ใดที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเรา และประพฤติตาม เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่มีสติปัญญาสร้างเรือนของตนไว้บนศิลา
43
25And the rain fell, and the floods came, and the winds blew and beat on that house, but it did not fall, because it had been founded on the rock. 25ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลเชี่ยว ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น แต่เรือนมิได้พังลง เพราะว่ารากตั้งอยู่บนศิลา
44
26And everyone who hears these words of mine and does not do them will be like a foolish man who built his house on the sand. 26แต่ผู้ที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและไม่ประพฤติตามเล่า เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่โง่เขลา สร้างเรือนของตนไว้บนทราย
45
27And the rain fell, and the floods came, and the winds blew and beat against that house, and it fell, and great was the fall of it.” 27ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลเชี่ยว ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น เรือนนั้นก็พังทลายลง และการซึ่งพังทลายนั้นก็ใหญ่ยิ่ง”
46
13Return, O LORD. How long. Have pity on your servants
47
14Satisfy us in the morning with your steadfast love, that we may rejoice and be glad all our days. 14ขอทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายอิ่มในเวลาเช้าด้วยความรัก มั่นคงของพระองค์ เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะได้เปรมปรีดิ์และยินดีตลอด วันเวลาของข้าพระองค์
48
15Make us glad for as many days as you have afflicted us, and for as many years as we have seen evil. 15ขอทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายยินดีให้มากวัน เท่ากับที่พระองค์ได้ทรงให้ข้าพระองค์ทุกข์ยากนั้น และให้มากปีเท่ากับที่ข้าพระองค์ได้ประสบการร้าย
49
16Let your work be shown to your servants, and your glorious power to their children. 16ขอให้พระราชกิจของพระองค์ปรากฏ แก่ผู้รับใช้ของพระองค์ และให้ความรุ่งโรจน์ของ พระองค์ปรากฏแก่ลูกหลานของเขา
50
17Let the favor of the Lord our God be upon us, and establish the work of our hands upon us; yes, establish the work of our hands!
51
17ขอความโปรดปรานของพระเจ้าของข้าพระองค์อยู่ เหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงสถาปนาหัตถกิจของข้าพระองค์เหนือข้าพระองค์ พระเจ้าข้า ขอพระองค์ทรงสถาปนาหัตถกิจของ ข้าพระองค์ทั้งหลาย มไว้วางใจ ความเชื่อมั่นในความสัตย์ซื่อของพระเจ้า
52
Romans โรม 8:18 18For I consider that the sufferings of this present time are not worth comparing with the glory that is to be revealed to us. 18เพราะข้าพเจ้าเห็นว่าความทุกข์ลำบากแห่งสมัยปัจจุบัน ไม่สมควรที่จะเอาไปเปรียบกับศักดิ์ศรี ซึ่งจะเผยให้แก่เราทั้งหลาย
53
2 Corinthians โครินธ์ 4:16-18 16So we do not lose heart
2 Corinthians โครินธ์ 4: So we do not lose heart. Though our outer nature is wasting away, our inner nature is being renewed day by day. 16เหตุฉะนั้นเราจึงไม่ย่อท้อ ถึงแม้ว่ากายภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป แต่จิตใจภายในนั้นก็ยังคงจำเริญขึ้นใหม่ทุกวัน
54
17For this slight momentary affliction is preparing for us an eternal weight of glory beyond all comparison, 17เพราะว่าการทุกข์ยากเล็กๆน้อยๆของเรา ซึ่งเรารับอยู่ประเดี๋ยวเดียวนั้น จะทำให้เรามีศักดิ์ศรีถาวรมากหาที่เปรียบมิได้
55
18as we look not to the things that are seen but to the things that are unseen. For the things that are seen are transient, but the things that are unseen are eternal.
56
18เพราะว่าเราไม่ได้เห็นแก่สิ่งของที่เรามองเห็นอยู่ แต่เห็นแก่สิ่งของที่มองไม่เห็น เพราะว่าสิ่งของซึ่งมองเห็นอยู่นั้นเป็นของไม่ยั่งยืน แต่สิ่งซึ่งมองไม่เห็นนั้นก็ถาวรนิรันดร์
57
Numbers กันดารวิถี 20:2-13 2Now there was no water for the congregation. And they assembled themselves together against Moses and against Aaron. 2ครั้งนั้นชุมนุมชนไม่มีน้ำ เขาประชุมกันว่าโมเสสและอาโรน
58
3And the people quarreled with Moses and said, “Would that we had perished when our brothers perished before the LORD! 3ประชาชนตัดพ้อต่อว่าโมเสสว่า “เมื่อพี่น้องเราตายต่อพระพักตร์พระเจ้านั้น เราตายเสียด้วยก็ดี
59
4Why have you brought the assembly of the LORD into this wilderness, that we should die here, both we and our cattle? 4ท่านพาชุมนุมชนของพระเจ้ามา ในถิ่นทุรกันดารนี้ให้ตายเสียที่นี่ ทั้งตัวเราและสัตว์ของเราทำไม
60
5And why have you made us come up out of Egypt to bring us to this evil place? It is no place for grain or figs or vines or pomegranates, and there is no water to drink.”
61
5และทำไมท่านจึงให้เราออกจากอียิปต์ นำเรามายังที่เลวทรามนี้เป็นที่ซึ่งไม่มีพืช ไม่มีมะเดื่อ องุ่นหรือทับทิม และไม่มีน้ำดื่ม”
62
6Then Moses and Aaron went from the presence of the assembly to the entrance of the tent of meeting and fell on their faces. And the glory of the LORD appeared to them,
63
6แล้วโมเสสและอาโรนออกจากที่ประชุม ไปที่ประตูเต็นท์นัดพบและซบหน้าลง และพระสิริของพระเจ้าปรากฏแก่เขา
64
7and the LORD spoke to Moses, saying, 7พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
65
8“Take the staff, and assemble the congregation, you and Aaron your brother, and tell the rock before their eyes to yield its water. So you shall bring water out of the rock for them and give drink to the congregation and their cattle.”
66
8“จงเอาไม้เท้าและเรียกประชุมชุมนุมชน ทั้งเจ้าและอาโรนพี่ชายของเจ้า และบอกหินต่อหน้าประชาชนให้หินหลั่งน้ำ ดังนั้นเจ้าจะเอาน้ำออกจากหินให้เขา ดังนั้นแหละเจ้าจะให้น้ำแก่ชุมนุมชนและสัตว์ดื่ม”
67
9And Moses took the staff from before the LORD, as he commanded him
68
10Then Moses and Aaron gathered the assembly together before the rock, and he said to them, “Hear now, you rebels: shall we bring water for you out of this rock?”
69
10โมเสสกับอาโรนก็เรียกชุมนุมชนให้ไปพร้อมกันที่หิน โมเสสกล่าวแก่เขาว่า “เจ้าผู้กบฏจงฟัง ณ บัดนี้จะให้เราเอาน้ำออกจากหินนี้ให้พวกเจ้าดื่มหรือ”
70
11And Moses lifted up his hand and struck the rock with his staff twice, and water came out abundantly, and the congregation drank, and their livestock. 11และโมเสสก็ยกมือขึ้นตีหินนั้นสองครั้งด้วยไม้เท้า และน้ำก็ไหลพล่านออกมามากมาย ชุมนุมชนและสัตว์ของเขาก็ได้ดื่มน้ำ
71
12And the LORD said to Moses and Aaron, “Because you did not believe in me, to uphold me as holy in the eyes of the people of Israel, therefore you shall not bring this assembly into the land that I have given them.”
72
12พระเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า “เพราะเจ้ามิได้เชื่อเราจึงมิได้ถวาย ความศักดิ์สิทธิ์แก่เราต่อหน้าคนอิสราเอล เพราะฉะนั้นเจ้าจึงจะมิได้นำคนที่ประชุม นี้เข้าไปในแผ่นดินซึ่งเราได้ให้แก่เขา”
73
13These are the waters of Meribah, where the people of Israel quarreled with the LORD, and through them He showed Himself holy. 13น้ำนั้นคือน้ำเมรีบาห์ เพราะว่าคนอิสราเอลได้ต่อว่าพระเจ้า และพระองค์ทรงสำแดงความบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ท่ามกลาง เขา
74
Matthew มัทธิว 17:1-8 1And after six days Jesus took with him Peter and James, and John his brother, and led them up a high mountain by themselves. 1ครั้นล่วงไปได้หกวันแล้ว พระเยซูทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นน้องของยากอบขึ้นภูเขาสูงแต่ลำพัง
75
2And He was transfigured before them, and His face shone like the sun, and His clothes became white as light.
76
2แล้วพระกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าเขา พระพักตร์ของพระองค์ก็ทอแสงเหมือนแสงอาทิตย์ ฉลองพระองค์ก็ขาวผ่องดุจแสงสว่าง
77
3And behold, there appeared to them Moses and Elijah, talking with him
78
4And Peter said to Jesus, “Lord, it is good that we are here
4And Peter said to Jesus, “Lord, it is good that we are here. If you wish, I will make three tents here, one for you and one for Moses and one for Elijah.”
79
4ฝ่ายเปโตรทูลพระเยซูว่า “พระองค์เจ้าข้า ซึ่งเราอยู่ที่นี่ก็ดี ถ้าพระองค์ต้องพระประสงค์ ข้าพระองค์จะทำเพิงสามหลังที่นี่ สำหรับพระองค์หลังหนึ่ง สำหรับโมเสสหลังหนึ่ง สำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง”
80
5He was still speaking when, behold, a bright cloud overshadowed them, and a voice from the cloud said, “This is My beloved Son, with whom I am well pleased; listen to Him.”
81
5เปโตรทูลยังไม่ทันขาดคำ ก็บังเกิดมีเมฆสุกใสมาปกคลุมเขาไว้ แล้วมีพระสุรเสียงออกมาจากเมฆนั้นว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจ ท่านผู้นี้มาก จงเชื่อฟังท่านเถิด”
82
6When the disciples heard this, they fell on their faces and were terrified. 6ฝ่ายพวกสาวกเมื่อได้ยินก็ซบหน้ากราบลงกลัวยิ่งนัก
83
7But Jesus came and touched them, saying, “Rise, and have no fear
84
8And when they lifted up their eyes, they saw no one but Jesus only
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
© 2024 SlidePlayer.in.th Inc.
All rights reserved.