ดาวน์โหลดงานนำเสนอ
งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ
ได้พิมพ์โดยClyde Barnett ได้เปลี่ยน 6 ปีที่แล้ว
1
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน
2
Luke 18:18-43 ลูกา 18:18-43 The Young Man Who Went Away Sad 18:18-30 ชายหนุ่ม คนหนึ่งจากไปกลุ้มใจ 18:18-30
3
18And a ruler asked him, “Good Teacher, what must I do to inherit eternal life?” 18มีขุนนางผู้หนึ่งทูลถามพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ผู้ประเสริฐ ข้าพเจ้าจะทำประการใดจึงจะได้ชีวิตนิรันดร์”
4
19 And Jesus said to him, “Why do you call me good
19 And Jesus said to him, “Why do you call me good? No one is good except God alone. 19 พระเยซูตรัสถามคนนั้นว่า “ท่านเรียกเราว่าประเสริฐทำไม ไม่มีใครประเสริฐ เว้นแต่พระเจ้าองค์เดียว
5
20 You know the commandments: ‘Do not commit adultery, Do not murder, Do not steal, Do not bear false witness, Honor your father and mother.’”
6
20 ท่านรู้จักพระบัญญัติแล้วซึ่งว่า 'อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา อย่าฆ่าคน อย่าลักทรัพย์ อย่าเป็นพยานเท็จ จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของตน' ”
7
21 And he said, “All these I have kept from my youth
8
22 When Jesus heard this, he said to him, “One thing you still lack
22 When Jesus heard this, he said to him, “One thing you still lack. Sell all that you have and distribute to the poor, and you will have treasure in heaven; and come, follow me.”
9
22 เมื่อพระเยซูทรงได้ยินอย่างนั้น พระองค์ตรัสแก่เขาว่า “ท่านยังขาดสิ่งหนึ่ง จงไปขายบรรดาสิ่งของซึ่งท่านมีอยู่แจกจ่ายให้คนอนาถา ท่านจึงจะมีทรัพย์สมบัติในสวรรค์ แล้วจงตามเรามาและเป็นสาวกของเรา”
10
23 But when he heard these things, he became very sad, for he was extremely rich. 23 แต่เมื่อเขาได้ยินอย่างนั้นก็เป็นทุกข์นัก เพราะเขาเป็นคนมั่งมีมาก
11
24 Jesus, looking at him with sadness, said, “How difficult it is for those who have wealth to enter the kingdom of God! 24 เมื่อพระเยซูทรงเห็นเขามีอาการอย่างนั้น พระองค์จึงตรัสว่า “คนมั่งมีจะเข้าในแผ่นดินสวรรค์ของพระเจ้าก็ยากจริงหนา
12
25 For it is easier for a camel to go through the eye of a needle than for a rich person to enter the kingdom of God.” 25 เพราะว่าตัวอูฐจะลอดรูเข็มก็ง่ายกว่าคนมั่งมีจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้า”
13
26 Those who heard it said, “Then who can be saved
14
27 But he said, “What is impossible with men is possible with God
15
28 And Peter said, “See, we have left our homes and followed you
16
29And he said to them, “Truly, I say to you, there is no one who has left house or wife or brothers or parents or children, for the sake of the kingdom of God,
17
29 พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าผู้ใดได้สละเหย้าเรือน หรือภรรยา หรือพี่น้อง หรือบิดามารดา หรือบุตรเพราะเห็นแก่แผ่นดินของพระเจ้า
18
30 who will not receive many times more in this time, and in the age to come eternal life.” 30 ในยุคนี้ผู้นั้นจะได้รับตอบแทนหลายเท่า และในยุคหน้าจะได้ชีวิตนิรันดร์”
19
1 Exodus 20:3-17 อพยพ 20:3-17 3“You shall have no other gods before me. 3 “อย่ามีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา
20
2 4 “You shall not make for yourself a carved image, or any likeness of anything that is in heaven above, or that is in the earth beneath, or that is in the water under the earth.
21
2 4 “อย่าทำรูปเคารพสำหรับตน เป็นรูปสิ่งใดซึ่งมีอยู่ในฟ้าเบื้องบน หรือบนแผ่นดินเบื้องล่าง หรือในน้ำใต้แผ่นดิน
22
5 You shall not bow down to them or serve them, for I the LORD your God am a jealous God, visiting the iniquity of the fathers on the children to the third and the fourth generation of those who hate me,
23
5 อย่ากราบไหว้หรือปรนนิบัติรูป เหล่านั้น เพราะเราคือพระเจ้าของเจ้า เป็นพระเจ้าที่หวงแหน ให้โทษบิดาตกทอดไปถึงลูกหลานของผู้ที่ชัง เราจนถึงสามชั่วสี่ชั่วอายุคน
24
6 but showing steadfast love to thousands of those who love me and keep my commandments. 6 แต่เราแสดงความรักมั่นคงต่อคนที่รักเรา และปฏิบัติตามบัญญัติของเราจนถึงพันชั่วอายุ คน
25
3 7 “You shall not take the name of the LORD your God in vain, for the LORD will not hold him guiltless who takes his name in vain.
26
3 7 “อย่าออกพระนามพระเจ้าของเจ้าอย่างไม่ สมควร เพราะผู้ที่ออกพระนามพระองค์อย่างไม่สมควรนั้น พระเจ้าจะทรงถือว่าไม่มีโทษก็หามิได้
27
4 8 “Remember the Sabbath day, to keep it holy. 8 “จงระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์
28
9 Six days you shall labor, and do all your work, 9 จงทำการงานทั้งสิ้นของเจ้าหกวัน
29
10 but the seventh day is a Sabbath to the LORD your God
10 but the seventh day is a Sabbath to the LORD your God. On it you shall not do any work, you, or your son, or your daughter, your male servant, or your female servant, or your livestock, or the sojourner who is within your gates.
30
10 แต่วันที่เจ็ดนั้นเป็นสะบาโตของพระเจ้าของเจ้า ในวันนั้นอย่ากระทำการงาน ใดๆไม่ว่าเจ้าเอง หรือบุตรชายบุตรหญิงของเจ้า หรือทาสทาสีของเจ้า หรือสัตว์ใช้งานของเจ้า หรือแขกที่อาศัยอยู่ในประตูเมืองของเจ้า
31
11 For in six days the LORD made heaven and earth, the sea, and all that is in them, and rested the seventh day. Therefore the LORD blessed the Sabbath day and made it holy.
32
11 เพราะในหกวันพระเจ้าทรงสร้างฟ้าและแผ่นดิน ทะเล และสรรพสิ่งซึ่งมีอยู่ในที่เหล่านั้น แต่ในวันที่เจ็ดทรงพัก เพราะฉะนั้นพระเจ้าทรงอวยพระพรวันสะบาโต และทรงตั้งวันนั้นไว้เป็นวันบริสุทธิ์
33
5 12 “Honor your father and your mother, that your days may be long in the land that the LORD your God is giving you. 12 “จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า เพื่ออายุของเจ้าจะได้ยืนนานบนแผ่นดิน ซึ่งพระเจ้าของเจ้าประทานให้แก่เจ้า
34
13 “You shall not murder. 13 “อย่าฆ่าคน
6 13 “You shall not murder. 13 “อย่าฆ่าคน
35
14 “You shall not commit adultery. 14 “อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา
7 14 “You shall not commit adultery. 14 “อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา
36
15 “You shall not steal. 15 “อย่าลักทรัพย์
8 15 “You shall not steal. 15 “อย่าลักทรัพย์
37
9 16 “You shall not bear false witness against your neighbor. 16 “อย่าเป็นพยานเท็จใส่ร้าย เพื่อนบ้าน
38
10 17 “You shall not covet your neighbor's house; you shall not covet your neighbor's wife, or his male servant, or his female servant, or his ox, or his donkey, or anything that is your neighbor's.”
39
10 17 “อย่าโลภครัวเรือนของเพื่อนบ้าน อย่าโลภภรรยาของเพื่อนบ้าน หรือทาสทาสีของเขา หรือโค ลาของเขา หรือสิ่งใดๆซึ่งเป็นของของเพื่อนบ้าน”
40
Mark 8: And he called to him the crowd with his disciples and said to them, “If anyone would come after me, let him deny himself and take up his cross and follow me.
41
มาระโก 8:34-38 34 พระองค์จึงทรงร้องเรียกประชาชนกับเหล่าสาวกให้เข้ามา แล้วตรัสแก่เขาว่า “ถ้าผู้ใดจะใคร่ตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบก และตามเรามา
42
35 For whoever would save his life will lose it, but whoever loses his life for my sake and the gospel's will save it. 35 เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เราและข่าวประเสริฐ ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด
43
36 For what does it profit a man to gain the whole world and forfeit his life? 36 เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียชีวิตของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร
44
37 For what can a man give in return for his life
45
38 For whoever is ashamed of me and of my words in this adulterous and sinful generation, of him will the Son of Man also be ashamed when he comes in the glory of his Father with the holy angels.”
46
38 ด้วยว่าถ้าผู้ใดมีความอายเพราะเราและถ้อยคำของเรา ในชั่วชีวิตนี้ซึ่งประกอบด้วยการชั่วคิดคดทรยศ บุตรมนุษย์ก็จะมีความอายเพราะผู้นั้น ในเวลาเมื่อพระองค์จะเสด็จมาด้วยพระสิริแห่งพระบิดา และด้วยเหล่าทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์”
47
II. Jesus Foretells His Death a Third Time 18: And taking the twelve, he said to them, “See, we are going up to Jerusalem, and everything that is written about the Son of Man by the prophets will be accomplished.
48
II. พระเยซูคริสตทำนายจะตายครั้งที่สาม 18: พระองค์จึงทรงพาสาวกสิบสองคนไปแล้วตรัสกับเขาว่า “ดูเถิด เราทั้งหลายจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มและจะสำเร็จตามสิ่งสารพัด ซึ่งเหล่าผู้เผยพระวจนะได้เขียนไว้ว่าด้วยบุตรมนุษย์
49
32 For he will be delivered over to the Gentiles and will be mocked and shamefully treated and spit upon. 32 ด้วยว่าบุตรมนุษย์นั้นจะต้องถูกอายัดไว้กับคนต่างชาติ และเขาจะเยาะเย้ยท่าน กระทำหยาบคายแก่ท่าน ถ่มน้ำลายรดท่าน
50
33 And after flogging him, they will kill him, and on the third day he will rise.” 33 เขาจะโบยตีและฆ่าท่านเสีย แล้วในวันที่สามท่านจะเป็นขึ้นมาใหม่”
51
34 But they understood none of these things
34 But they understood none of these things. This saying was hidden from them, and they did not grasp what was said. 34 ฝ่ายเหล่าสาวกมิได้เข้าใจในสิ่งเหล่านั้นเลย และคำนั้นเป็นข้อความลึกลับแก่เขา และเขาไม่รู้เนื้อความซึ่งพระองค์ตรัสนั้น
52
III. Jesus Heals The Blind Man Entering Jericho 18:35-43 III
53
35 As he drew near to Jericho, a blind man was sitting by the roadside begging. 35 เมื่อพระองค์เสด็จมาใกล้เมืองเยรีโค มีคนตาบอดคนหนึ่งนั่งขอทานอยู่ริมหนทาง
54
36 And hearing a crowd going by, he inquired what this meant
55
37 They told him, “Jesus of Nazareth is passing by
56
38 And he cried out, “Jesus, Son of David, have mercy on me
57
39 And those who were in front rebuked him, telling him to be silent
39 And those who were in front rebuked him, telling him to be silent. But he cried out all the more, “Son of David, have mercy on me!” 39 คนที่เดินไปข้างหน้านั้นจึงห้ามเขาให้นิ่ง แต่เขายิ่งร้องขึ้นว่า “บุตรดาวิดเจ้าข้าขอทรงเมตตาข้าพระองค์เถิด”
58
40 And Jesus stopped and commanded him to be brought to him
40 And Jesus stopped and commanded him to be brought to him. And when he came near, he asked him, 40 พระเยซูทรงประทับยืนอยู่ สั่งให้พาคนตาบอดมาหาพระองค์ เมื่อเขามาใกล้แล้วพระองค์ทรงถามเขาว่า
59
41 “What do you want me to do for you
41 “What do you want me to do for you?” He said, “Lord, let me recover my sight.” 41 “เจ้าปรารถนาจะให้เราทำอะไรให้เจ้า” เขาทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า โปรดให้ข้าพระองค์เห็นได้”
60
42 And Jesus said to him, “Recover your sight; your faith has made you well.” 42 พระเยซูตรัสแก่เขาว่า “จงเห็นเถิด ความเชื่อของเจ้าได้กระทำให้ตัวเจ้าหายปกติ”
61
43 And immediately he recovered his sight and followed him, glorifying God. And all the people, when they saw it, gave praise to God.
62
43ในทันใดนั้นเขาก็เห็นได้ และตามพระองค์ไปพลางถวายสาธุการแด่พระเจ้า และเมื่อคนทั้งปวงได้เห็นเช่นนั้น ก็สรรเสริญพระเจ้า
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
© 2024 SlidePlayer.in.th Inc.
All rights reserved.