ดาวน์โหลดงานนำเสนอ
งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ
ได้พิมพ์โดยKristian Hopkins ได้เปลี่ยน 6 ปีที่แล้ว
1
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน
2
Psalm เพลงสดุดีบทที่ 115
3
1Not to us, O LORD, not to us, but to Your name give glory, for the sake of Your steadfast love and Your faithfulness!
4
1ข้าแต่พระเจ้า มิใช่แก่เหล่าข้าพระองค์ มิใช่แก่เหล่าข้าพระองค์ พระเจ้าข้า แต่ขอถวายพระสิริแด่พระนามของพระองค์ เพราะเห็นแก่ความรักมั่นคงของพระองค์ และความสัตย์สุจริตของพระองค์
5
2Why should the nations say, “Where is their God
6
3Our God is in the heavens; He does all that He pleases
7
Deuteronomy พระราชบัญญัติ 7:7-11 7It was not because you were more in number than any other people that the LORD set His love on you and chose you, for you were the fewest of all peoples,
8
7ที่พระเจ้าทรงรักและทรงเลือกท่านทั้งหลายนั้น มิใช่เพราะท่านทั้งหลายมีจำนวนมากกว่าประชาชนชาติอื่น ด้วยว่าในบรรดาชนชาติทั้งหลาย ท่านเป็นจำนวนน้อยที่สุด
9
8but it is because the LORD loves you and is keeping the oath that He swore to your fathers, that the LORD has brought you out with a mighty hand and redeemed you from the house of slavery, from the hand of Pharaoh king of Egypt.
10
8แต่เพราะพระเจ้าทรงรักท่านทั้งหลาย และพระองค์ทรงรักษาคำปฏิญาณซึ่งพระองค์ทรงปฏิญาณไว้ กับบรรพบุรุษของท่านทั้งหลาย พระเจ้าจึงทรงพาท่านทั้งหลายออกมาด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ และทรงไถ่ท่านทั้งหลายให้พ้นจากแดนทาส จากหัตถ์ฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์
11
9Know therefore that the LORD your God is God, the faithful God who keeps covenant and steadfast love with those who love Him and keep His commandments, to a thousand generations,
12
9เหตุฉะนี้พึงทราบเถิดว่า พระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกท่านเป็นพระเจ้า เป็นพระเจ้าสัตย์ซื่อผู้ทรงรักษาพันธสัญญาและความรักมั่นคง ต่อบรรดาผู้ที่รักพระองค์และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ ถึงพันชั่วอายุคน
13
10and repays to their face those who hate Him, by destroying them
10and repays to their face those who hate Him, by destroying them. He will not be slack with one who hates Him. He will repay him to his face.
14
10และทรงตอบแทนผู้ที่เกลียดชังพระองค์ต่อตัวเขาเอง ด้วยทรงทำลายเขาเสีย พระองค์จะไม่ทรงลดหย่อนโทษผู้ที่เกลียดชังพระองค์ พระองค์จะทรงตอบแทนต่อตัวเขาเอง
15
11You shall therefore be careful to do the commandment and the statutes and the rules that I command you today. 11เหตุฉะนี้พวกท่านจงระวังที่จะกระทำตามพระบัญญัติ กฎเกณฑ์และกฎหมาย ซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาท่านในวันนี้
16
Revelation วิวรณ์ 19:6 6Then I heard what seemed to be the voice of a great multitude, like the roar of many waters and like the sound of mighty peals of thunder, crying out, “Hallelujah! For the Lord our God the Almighty reigns.
17
6แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงดุจเสียงฝูงชนเป็นอันมาก ดุจเสียงน้ำมากหลาย และดุจเสียงฟ้าร้องสนั่นว่า “อาเลลูยา เพราะว่าพระเจ้าของเราผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุดทรงครอบครองอยู่
18
4Their idols are silver and gold, the work of human hands
19
5They have mouths, but do not speak; eyes, but do not see
20
6They have ears, but do not hear; noses, but do not smell
21
7They have hands, but do not feel; feet, but do not walk; and they do not make a sound in their throat. 7มีมือ แต่คลำไม่ได้ มีเท้า แต่เดินไม่ได้ รูปเหล่านั้นทำเสียงในคอไม่ได้
22
8Those who make them become like them; so do all who trust in them
23
1 Kings พงศ์กษัตริย์ 18:27 27And at noon Elijah mocked them, saying, “Cry aloud, for he is a god. Either he is musing, or he is relieving himself, or he is on a journey, or perhaps he is asleep and must be awakened.”
24
27ครั้นถึงเวลาเที่ยงเอลียาห์ก็เย้ยเขาทั้งหลายว่า “ร้องให้ดังๆซี เพราะท่านเป็นพระเจ้าองค์หนึ่ง ท่านกำลังติดธุระอยู่ หรือท่านกำลังไปทุ่ง หรือท่านไปเที่ยว หรือชะรอยท่านกำลังหลับอยู่ และจะต้องปลุก”
25
Isaiah อิสยาห์ 44:9-20 9All who fashion idols are nothing, and the things they delight in do not profit. Their witnesses neither see nor know, that they may be put to shame.
26
9บรรดาผู้ที่ทำรูปเคารพก็เป็นศูนย์ และสิ่งที่เขาปีติยินดีนั้นก็ไม่เป็นประโยชน์ พยานของเขานั้นทั้งไม่เห็นและไม่รู้ เพื่อเขาจะต้องอับอาย
27
10Who fashions a god or casts an idol that is profitable for nothing
28
11Behold, all his companions shall be put to shame, and the craftsmen are only human. Let them all assemble, let them stand forth. They shall be terrified; they shall be put to shame together.
29
11ดูเถิด เพื่อนทั้งสิ้นของเขาจะต้องอับอาย และช่างฝีมือนั้นก็เป็นแต่มนุษย์ ให้เขาชุมนุมกันทั้งหมด ให้เขายืนขึ้น เขาจะสยดสยอง เขาจะรับความอับอายด้วยกัน
30
12The ironsmith takes a cutting tool and works it over the coals
12The ironsmith takes a cutting tool and works it over the coals. He fashions it with hammers and works it with his strong arm. He becomes hungry, and his strength fails; he drinks no water and is faint.
31
12ช่างเหล็กก็ทำงาน อยู่เหนือก้อนถ่าน ใช้เครื่องมือของเขา และทุบมันด้วยแขนที่แข็งแรงของเขา เออเขาหิวและกำลังของเขาอ่อนลง เขาไม่ได้ดื่มน้ำเลย และอ่อนเปลี้ย
32
13The carpenter stretches a line; he marks it out with a pencil
13The carpenter stretches a line; he marks it out with a pencil. He shapes it with planes and marks it with a compass. He shapes it into the figure of a man, with the beauty of a man, to dwell in a house.
33
13ช่างไม้ขึงเชือกวัด เขาเอาดินสอขีดไว้ เขาแต่งมันด้วยกบ และขีดไว้ด้วยวงเวียน เขาแต่งรูปนั้นให้เป็นรูปคนตามความงามของคนให้อยู่ในเรือน
34
14He cuts down cedars, or he chooses a cypress tree or an oak and lets it grow strong among the trees of the forest. He plants a cedar and the rain nourishes it.
35
14เขาตัดต้นสนสีดาร์ลง หรือเขาเลือกต้นสนฉัตร หรือต้นก่อและปล่อยให้มันงอกขึ้น อย่างแข็งแรงท่ามกลางต้นไม้ในป่า เขาปลูกต้นเทพทาโรและฝนก็เลี้ยงมัน
36
15Then it becomes fuel for a man
15Then it becomes fuel for a man. He takes a part of it and warms himself; he kindles a fire and bakes bread. Also he makes a god and worships it; he makes it an idol and falls down before it.
37
15แล้วมันก็กลายเป็นพืชของคน เขาเอามันมาส่วนหนึ่งและให้อบอุ่นตัวเขา เออ เขาก่อไฟและปิ้งขนมปัง และเขาเอามาทำพระองค์หนึ่งและนมัสการมันด้วย เออ เขาทำเป็นรูปแกะสลักและกราบรูปนั้น
38
16Half of it he burns in the fire
16Half of it he burns in the fire. Over the half he eats meat; he roasts it and is satisfied. Also he warms himself and says, “Aha, I am warm, I have seen the fire!”
39
16เขาเผาในกองไฟครึ่งหนึ่ง บนครึ่งนี้เขาได้กินเนื้อ เขาย่างเนื้อและกินอิ่ม และเขาอบอุ่นตัวของเขาด้วย แล้วว่า “เอ้อเฮอ ข้าอุ่นจัง ข้าเห็นไฟแล้ว”
40
17And the rest of it he makes into a god, his idol, and falls down to it and worships it. He prays to it and says, “Deliver me, for you are my god!”
41
17และที่เหลือนั้นเขาทำเป็นพระองค์หนึ่ง เป็นรูปเคารพของเขา และกราบลงนมัสการรูปนั้น และอธิษฐานต่อรูปนั้นและว่า “ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพระองค์”
42
18They know not, nor do they discern, for He has shut their eyes, so that they cannot see, and their hearts, so that they cannot understand.
43
18เขาทั้งหลายไม่รู้ หรือเขาทั้งหลายไม่เข้าใจ เพราะตาของเขาถูกปิด เขาจึงเห็นอะไรไม่ได้ และจิตใจของเขาเล่าก็ถูกปิด เขาจึงเข้าใจไม่ได้
44
19No one considers, nor is there knowledge or discernment to say, “Half of it I burned in the fire; I also baked bread on its coals; I roasted meat and have eaten. And shall I make the rest of it an abomination? Shall I fall down before a block of wood?”
45
19ไม่มีใครตรึกตรองเลย และไม่มีความรู้หรือมีการพินิจพิเคราะห์ ที่จะว่า ข้าเผามันเสียครึ่งหนึ่งในกองไฟ และข้าก็เอาถ่านมันมาปิ้งขนมปัง ข้าย่างเนื้อกินแล้ว และควรที่ข้าจะทำส่วนที่เหลือให้เป็นสิ่งน่าเกลียดน่าชังหรือ ควรข้าจะกราบลงต่อท่อนไม้ท่อนหนึ่งไหม
46
20He feeds on ashes; a deluded heart has led him astray, and he cannot deliver himself or say, “Is there not a lie in my right hand?” 20เขากินขี้เถ้า ใจที่หลอกหลอนนำเขาให้เจิ่น เขาช่วยกู้ตัวเขาเองหรือพูดว่า “ไม่มีความมุสา อยู่ในมือข้างขวาของข้าหรือ” ก็ไม่ได้
47
Jeremiah เยเรมีย์ 10:1-16 1Hear the word that the LORD speaks to you, O house of Israel. 1ประชาอิสราเอลเอ๋ย จงฟังพระวจนะซึ่งพระเจ้าตรัสกับเจ้า
48
2Thus says the LORD: “Learn not the way of the nations, nor be dismayed at the signs of the heavens because the nations are dismayed at them, 2พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า “อย่าเอาอย่างบรรดาประชาชาติ หรืออย่าคร้ามกลัวเพราะหมายสำคัญของท้องฟ้า ตามที่บรรดาประชาชาติคร้ามกลัวนั้น
49
3for the customs of the peoples are vanity
3for the customs of the peoples are vanity. A tree from the forest is cut down and worked with an axe by the hands of a craftsman. 3เพราะธรรมเนียมของชนชาติทั้งหลายก็เท็จ เขาตัดต้นไม้มาจากป่าต้นหนึ่ง เป็นสิ่งที่มือช่างได้กระทำด้วยขวาน
50
4They decorate it with silver and gold; they fasten it with hammer and nails so that it cannot move. 4เขาทั้งหลายก็เอาเงินและทองมาประดับ เขาตอกไว้แน่นด้วยค้อนและตะปู มันก็เคลื่อนไหวไปมาไม่ได้
51
5Their idols are like scarecrows in a cucumber field, and they cannot speak; they have to be carried, for they cannot walk. Do not be afraid of them, for they cannot do evil, neither is it in them to do good.”
52
5รูปเคารพของเขาก็เหมือนหุ่นหลอกกาอยู่ในสวนแตงกวา มันพูดไม่ได้ คนต้องขนมันไป เพราะมันเดินไม่ได้ อย่ากลัวมันเลย เพราะมันทำร้ายไม่ได้ มันก็ทำดีไม่ได้ด้วย”
53
6There is none like you, O LORD; You are great, and Your name is great in might. 6ข้าแต่พระเจ้า หามีผู้ใดเหมือนพระองค์ไม่ พระองค์ทรงเป็นใหญ่ และพระนามของพระองค์มีฤทธิ์มาก
54
7Who would not fear you, O King of the nations
7Who would not fear you, O King of the nations? For this is Your due; for among all the wise ones of the nations and in all their kingdoms there is none like You.
55
7ข้าแต่พระราชาแห่งบรรดาประชาชาติ ผู้ใดจะไม่ยำเกรงพระองค์ เพราะพระองค์สมควรแก่การอย่างนี้ เพราะในบรรดาปราชญ์ของบรรดาประชาชาติ และในบรรดาราชอาณาจักรทั้งสิ้นของเขา ไม่มีผู้ใดเหมือนพระองค์
56
8They are both stupid and foolish; the instruction of idols is but wood! 8เขาทั้งหลายทั้งบัดซบและโง่เขลา การตีสอนของรูปเคารพนั้นก็เป็นแต่ไม้
57
9Beaten silver is brought from Tarshish, and gold from Uphaz
9Beaten silver is brought from Tarshish, and gold from Uphaz. They are the work of the craftsman and of the hands of the goldsmith; their clothing is violet and purple; they are all the work of skilled men.
58
9เครื่องเงินทุบนั้นเขาเอามาจากทารชิช และเอาทองคำมาจากเมืองอุฟาส เป็นผลงานของช่างฝีมือและเป็นผลน้ำมือของช่างทอง เสื้อผ้าของรูปเคารพนั้นสีครามและสีม่วง เป็นผลงานของคนชำนาญทั้งนั้น
59
10But the LORD is the true God; He is the living God and the everlasting King. At His wrath the earth quakes, and the nations cannot endure His indignation.
60
10แต่พระเยโฮวาห์เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ และเป็นพระมหากษัตริย์เนืองนิตย์ พอทรงพระพิโรธแผ่นดินก็หวั่นไหว และบรรดาประชาชาติจะทนต่อความกริ้วของพระองค์ไม่ได้
61
11Thus shall you say to them: “The gods who did not make the heavens and the earth shall perish from the earth and from under the heavens.” 11เจ้าจงพูดกับเขาทั้งปวงดังนี้ว่า “บรรดาพระเจ้าผู้ที่มิได้ทรงสร้างสวรรค์และโลกจะพินาศไปจากโลก และจากภายใต้สวรรค์”
62
12It is He who made the earth by His power, who established the world by His wisdom, and by His understanding stretched out the heavens.
63
12ผู้ทรงสร้างโลกด้วยฤทธิ์เดชของพระองค์ ผู้ทรงสถาปนาพิภพไว้ด้วยสติปัญญาของพระองค์ และทรงคลี่ท้องฟ้าออกด้วย ความเข้าใจของพระองค์
64
13When He utters His voice, there is a tumult of waters in the heavens, and He makes the mist rise from the ends of the earth. He makes lightning for the rain, and He brings forth the wind from His storehouses.
65
13เมื่อพระองค์ทรงเปล่งพระสุรเสียง ก็มีเสียงน้ำคะนองในท้องฟ้า และทรงกระทำให้หมอกลอยขึ้นจากปลายพิภพ ทรงกระทำฟ้าแลบเพื่อฝน และทรงนำลมมาจากพระคลังของพระองค์
66
14Every man is stupid and without knowledge; every goldsmith is put to shame by his idols, for his images are false, and there is no breath in them.
67
14มนุษย์ทุกคนบัดซบและไม่มีความรู้ ช่างทองทุกคนจะได้อายเพราะรูปเคารพของตน เพราะรูปเคารพหล่อของเขาเป็นของเท็จ และไม่มีลมหายใจในรูปเคารพนั้น
68
15They are worthless, a work of delusion; at the time of their punishment they shall perish. 15มันเป็นของไร้ค่า และเป็นผลงานที่น่าเยาะเย้ย มันจะต้องพินาศเมื่อถึงเวลาการลงโทษ
69
16Not like these is He who is the portion of Jacob, for He is the one who formed all things, and Israel is the tribe of His inheritance; the LORD of hosts is His name.
70
16พระองค์ผู้ทรงเป็นส่วนของยาโคบไม่เหมือนสิ่งเหล่านี้ เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ที่ก่อร่างทุกสิ่งขึ้น และอิสราเอลเป็นเผ่าที่เป็นมรดกของพระองค์ พระเยโฮวาห์จอมโยธาเป็นพระนามของพระองค์
71
Acts กิจการ 14:15 15“Men, why are you doing these things
Acts กิจการ 14:15 15“Men, why are you doing these things? We also are men, of like nature with you, and we bring you good news, that you should turn from these vain things to a living God, who made the heaven and the earth and the sea and all that is in them.
72
15“ดูก่อนท่านทั้งหลาย เหตุไฉนจึงทำการอย่างนี้ เราเป็นคนธรรมดาเช่นเดียวกันกับท่านทั้งหลาย และมากล่าวข่าวประเสริฐให้ท่านกลับจากสิ่งไร้ประโยชน์เหล่านี้ ให้ท่านมาหาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ผู้ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก และทะเลและสิ่งสารพัด ซึ่งมีอยู่ในที่เหล่านั้น
73
1 Thessalonians เธสะโลนิกา 1:9 9For they themselves report concerning us the kind of reception we had among you, and how you turned to God from idols to serve the living and true God,
74
9เพราะคนเหล่านั้นก็ได้รายงานเกี่ยวกับเราว่า เราได้รับการต้อนรับจากพวกท่านอย่างไร และกล่าวถึงการที่ท่านได้ละทิ้งรูปเคารพและหันมาหาพระเจ้า เพื่อรับใช้พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่และเที่ยงแท้
75
1 Timothy ทิโมธี 4:10 10For to this end we toil and strive, because we have our hope set on the living God, who is the Savior of all people, especially of those who believe.
76
10เหตุที่เราตรากตรำทำงานและทนสู้ ก็เพราะว่าเรามีความหวังใจในพระเจ้าผู้ดำรงพระชนม์ พระผู้ช่วยให้รอดของคนทั้งปวง โดยเฉพาะของผู้ที่เชื่อในพระองค์
77
1 Timothy ทิโมธี 6:17 17As for the rich in this present age, charge them not to be haughty, nor to set their hopes on the uncertainty of riches, but on God, who richly provides us with everything to enjoy.
78
17สำหรับคนเหล่านั้นที่มั่งมีฝ่ายโลก จงกำชับเขาอย่าให้มีมานะทิฐิ หรือให้เขามุ่งหวังในทรัพย์ที่ไม่เที่ยง แต่จงหวังในพระเจ้าผู้ทรงประทานทุกสิ่ง เพื่อความสะดวกสบายของเรา
79
John ยอห์น 4:24 24God is spirit, and those who worship him must worship in spirit and truth.” 24พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และผู้ที่นมัสการพระองค์ ต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง”
80
1 Peter เปโตร 3:12 12For the eyes of the Lord are on the righteous, and His ears are open to their prayer. But the face of the Lord is against those who do evil.”
81
12เพราะว่าพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเฝ้าดูคนชอบธรรม และพระกรรณของพระองค์ทรงสดับคำอ้อนวอนของเขา แต่พระพักตร์ของพระองค์ไม่เป็นมิตรกับคนทั้งหลายที่ทำความชั่ว
82
Psalm เพลงสดุดี 34:15 15The eyes of the LORD are toward the righteous and His ears toward their cry. 15พระเนตรของพระเจ้า เห็นคนชอบธรรม และพระกรรณของพระองค์สดับคำอ้อนวอนของเขา
83
John ยอห์น 12:1-8 1Six days before the Passover, Jesus therefore came to Bethany, where Lazarus was, whom Jesus had raised from the dead. 1ก่อนปัสกาหกวัน พระเยซูเสด็จมาถึงหมู่บ้านเบธานี ซึ่งเป็นที่อยู่ของลาซารัสผู้ซึ่งพระองค์ทรงให้ฟื้นขึ้นจากตาย
84
2So they gave a dinner for him there
2So they gave a dinner for him there. Martha served, and Lazarus was one of those reclining with him at the table. 2ที่นั่นเขาจัดงานเลี้ยงพระองค์ มารธาก็ปรนนิบัติอยู่ และลาซารัสก็เป็นคนหนึ่งที่ร่วมรับประทานอาหารกับพระองค์
85
3Mary therefore took a pound of expensive ointment made from pure nard, and anointed the feet of Jesus and wiped his feet with her hair. The house was filled with the fragrance of the perfume.
86
3มารีย์เอาน้ำมันหอมนารดาบริสุทธิ์หนักประมาณครึ่งกิโลกรัม ซึ่งมีราคาแพงมากมาชโลมพระบาทพระเยซู และเอาผมของเธอเช็ดพระบาทของพระองค์ เรือนก็หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นน้ำมันนั้น
87
4But Judas Iscariot, one of his disciples (he who was about to betray him), said, 4แต่สาวกคนหนึ่งของพระองค์ ชื่อยูดาสอิสคาริโอท (คือคนที่จะอายัดพระองค์ไว้) พูดว่า
88
5“Why was this ointment not sold for three hundred denarii and given to the poor?” 5“เหตุไฉนจึงไม่ขายน้ำมันนั้นเป็นเงินสักสามร้อยเดนาริอัน แล้วแจกให้แก่คนจน”
89
6He said this, not because he cared about the poor, but because he was a thief, and having charge of the moneybag he used to help himself to what was put into it.
90
6เขาพูดอย่างนั้นมิใช่เพราะเขาเอาใจใส่คนจน แต่เพราะเขาเป็นคนหัวขโมย คือเขาได้ถือกล่องเก็บเงินและได้ยักยอกเงินที่ใส่ไว้ในนั้นไป
91
7Jesus said, “Leave her alone, so that she may keep it for the day of my burial. 7พระเยซูตรัสว่า “ช่างเขาเถิดให้เขาเก็บน้ำมันนี้ไว้จนถึงวันฝังศพของเรา
92
8The poor you always have with you, but you do not always have me
93
Ephesians เอเฟซัส 5:2 2And walk in love, as Christ loved us and gave himself up for us, a fragrant offering and sacrifice to God.
94
2และจงดำเนินชีวิตในความรัก เหมือนดังที่พระคริสต์ได้ทรงรักเราทั้งหลาย และทรงประทานพระองค์เองเพื่อเรา ให้เป็นเครื่องถวายและเครื่องบูชาอันเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า
95
Philippians ฟีลิปปี 4:18 18I have received full payment, and more
Philippians ฟีลิปปี 4:18 18I have received full payment, and more. I am well supplied, having received from Epaphroditus the gifts you sent, a fragrant offering, a sacrifice acceptable and pleasing to God.
96
18ข้าพเจ้าได้รับครบ และมากกว่านั้นอีก ข้าพเจ้าก็อิ่มอยู่เพราะได้รับของจากเอปาโฟรดิทัส ซึ่งพวกท่านส่งไปให้ เป็นกลิ่นหอม เป็นเครื่องบูชาที่ทรงโปรดและพอพระทัยของพระเจ้า
97
Isaiah อิสยาห์ 53:1 1Who has believed what they heard from us. n1
Isaiah อิสยาห์ 53:1 1Who has believed what they heard from us?*n1.2 And to whom has the arm of the LORD been revealed? 1ใครเล่าจะเชื่อสิ่งที่เราทั้งหลายได้ยิน พระกรของพระเจ้าได้ทรงสำแดงแก่ผู้ใด
98
Isaiah อิสยาห์ 41:10 10fear not, for I am with you; be not dismayed, for I am your God; I will strengthen you, I will help you, I will uphold you with my righteous right hand.
99
10อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้า ของเจ้า เราจะหนุนกำลังเจ้า เออ เราจะช่วยเจ้า เออ เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันมีชัยของเรา
100
9O Israel, trust in the LORD. He is their help and their shield
101
10O house of Aaron, trust in the LORD
10O house of Aaron, trust in the LORD! He is their help and their shield. 10พงศ์พันธุ์อาโรนเอ๋ย จงวางใจในพระเจ้าเถิด พระองค์ทรงเป็นความอุปถัมภ์และเป็นโล่ของเขาทั้งหลาย
102
11You who fear the LORD, trust in the LORD
11You who fear the LORD, trust in the LORD! He is their help and their shield. 11ท่านผู้เกรงกลัวพระเจ้าเอ๋ย จงวางใจในพระเจ้าเถิด พระองค์ทรงเป็นความอุปถัมภ์และเป็นโล่ของเขาทั้งหลาย
103
12The LORD has remembered us; He will bless us; He will bless the house of Israel; He will bless the house of Aaron;
104
12พระเจ้าทรงเป็นห่วงเราทั้งหลาย พระองค์ทรงอำนวยพระพร พระองค์ทรงอำนวยพระพรแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล พระองค์ทรงอำนวยพระพรแก่พงศ์พันธุ์อาโรน
105
13He will bless those who fear the LORD, both the small and the great
106
14May the LORD give you increase, you and your children
107
15May you be blessed by the LORD, who made heaven and earth
108
Leviticus เลวีนิติ 26:1-131“You shall not make idols for yourselves or erect an image or pillar, and you shall not set up a figured stone in your land to bow down to it, for I am the LORD your God.
109
1เจ้าทั้งหลายอย่ากระทำรูปเคารพสำหรับตัว หรือตั้งรูปแกะสลัก หรือเสาศักดิ์สิทธิ์ และเจ้าทั้งหลายอย่าตั้งรูปศิลาแกะสลักไว้ ในแผ่นดินของเจ้าเพื่อแก่การกราบไหว้ เพราะเราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า
110
2You shall keep my Sabbaths and reverence my sanctuary: I am the LORD
111
3“If you walk in my statutes and observe my commandments and do them, 3“ถ้าเจ้าทั้งหลายดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา และรักษาบัญญัติของเรา และกระทำตาม
112
4then I will give you your rains in their season, and the land shall yield its increase, and the trees of the field shall yield their fruit. 4เราจะประทานฝนตามฤดูแก่เจ้า และแผ่นดินจะเกิดพืชผลและต้นไม้ในทุ่งจะบังเกิดผล
113
5Your threshing shall last to the time of the grape harvest, and the grape harvest shall last to the time for sowing. And you shall eat your bread to the full and dwell in your land securely.
114
5และเวลานวดข้าวจะเนิ่นนานถึงฤดูเก็บผลองุ่น และฤดูเก็บผลองุ่นจะเนิ่นนานไปถึงฤดูหว่าน และเจ้าจะรับประทานอาหารอย่างอิ่มหนำ และอยู่ในแผ่นดินของเจ้าอย่างปลอดภัย
115
6I will give peace in the land, and you shall lie down, and none shall make you afraid. And I will remove harmful beasts from the land, and the sword shall not go through your land.
116
6เราจะให้ศานติภาพในแผ่นดิน เจ้าทั้งหลายจะนอนลง และไม่มีผู้ใดที่จะทำให้เจ้ากลัว เราจะขจัดสัตว์ร้ายจากแผ่นดินและ ดาบจะไม่ผ่านแผ่นดินของเจ้าเลย
117
7You shall chase your enemies, and they shall fall before you by the sword. 7เจ้าจะขับไล่ศัตรูของเจ้า และเขาทั้งหลายจะล้มลงต่อหน้าเจ้าด้วยดาบ
118
8Five of you shall chase a hundred, and a hundred of you shall chase ten thousand, and your enemies shall fall before you by the sword. 8พวกเจ้าห้าคนจะขับไล่ศัตรูร้อยคน พวกเจ้าร้อยคนจะขับไล่ศัตรูหมื่นคน และศัตรูของเจ้าจะล้มลงด้วยดาบต่อหน้าเจ้า
119
9I will turn to you and make you fruitful and multiply you and will confirm my covenant with you. 9และเราจะคิดถึงเจ้า จะกระทำให้เจ้ามีพงศ์พันธุ์มากยิ่งขึ้น และดำรงพันธสัญญาซึ่งมีไว้กับเจ้า
120
10You shall eat old store long kept, and you shall clear out the old to make way for the new. 10เจ้าจะได้รับประทานของที่สะสมไว้นาน และเจ้าจะต้องเอาของเก่าออกไปเพื่อเอาที่มาเก็บของใหม่
121
11I will make my dwelling among you, and my soul shall not abhor you
122
12And I will walk among you and will be your God, and you shall be my people. 12เราจะดำเนินในหมู่พวกเจ้าและจะเป็นพระเจ้าของเจ้า และเจ้าจะเป็นประชากรของเรา
123
13I am the LORD your God, who brought you out of the land of Egypt, that you should not be their slaves. And I have broken the bars of your yoke and made you walk erect.
124
13เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ผู้นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อเจ้าจะมิได้เป็นทาสของเขา เราได้หักคานแอกของเจ้าออกเสียเพื่อให้เจ้าเดินตัวตรงได้
125
16The heavens are the LORD's heavens, but the earth he has given to the children of man. 16ฟ้าสวรรค์เป็นฟ้าสวรรค์ของพระเจ้า แต่พระองค์ประทานแผ่นดินโลกให้แก่บุตรของมนุษย์
126
17The dead do not praise the LORD, nor do any who go down into silence
127
18But we will bless the LORD from this time forth and forevermore
18But we will bless the LORD from this time forth and forevermore. Praise the LORD! 18แต่เราทั้งหลายจะสรรเสริญพระเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเป็นนิตย์ จงสรรเสริญพระเจ้าเถิด
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
© 2024 SlidePlayer.in.th Inc.
All rights reserved.