Synthetic ------------------------------------ Analytic (การมองภาพรวม / ใหญ่ โดยเกิดจากการที่เรา (การมองภาพย่อย เกิดจากการที่เราเริ่มรู้สาเหตุ ไม่รู้อะไรเลย และที่มาของปัญหา เช่น ปัจจัยที่ทำ บางอย่าง แล้วค่อยๆ บีบหรือย่อยลงมาให้เหลือ เด็กเรียนเก่ง ซึ่งเราอาจจะสังเกตปัญหาได้มาก) เพียงไม่กี่ปัจจัย เช่น ปัจจัยที่ทำให้คนเรียนเก่ง คือ อ่านมากๆ กับเขียนมากๆ เป็นต้น Heuristic ------------------------------------ Deductive (การลองผิดลองถูก) (การลดตัวแปรลงมาให้เหลือน้อยๆ) เป็น QUAL คือ เป็นการเริ่มสังเกตุปัญหา เป็น QUAN คือ เราบีบสาเหตุเหลือเพียงว่า โดยที่เราไม่รู้อะไรเลย มันจะสัมพันธ์กับ สิ่งที่ทำให้คนเรียนเก่ง คือ ต้องอ่านบ่อยๆ ซึ่งจะ Synthetic สัมพันธ์กับ Analytic
Synthetic ------------------------------------------ Analytic Heuristic --------------------------------------- Deductive Qualitative ----------- Mixed ----------- Quantitative Method Qualitative -------- Descriptive -------- Experimental Approach Objective
I. Quantitative Validity 1.1 Research Validity A) Internal B) External 1.2 Measurement Validity Reliability Main threat of Research Validity II. Qualitative Three basic quality concerns in QUAL III. Mixed-Method
I. Quantitative Research Validity 1.1 Research Validity A) Internal Validity = การนำตัวแปรที่มาใช้ในการหาความสัมพันธ์ เช่น การอ่านหนังสือ จะทำให้คนเรียน เก่ง จะต้องนำมใช้อย่างสมเหตุสมผลในการทำ QUAN ถ้าบางคนบอกว่าหน้าตาดี นิสัยดีจะทำให้คนเรียน เก่ง ถือว่าไม่สมเหตุสมผล และการหา Factor measured จะต้องสมเหตุสมผลด้วย อย่างเช่น การอ่าน หนังสือ การขยันเรียน (Independent Variable) จะทำให้คนนิสัยดี (Dependent Variable) อย่างนี้ถือว่า ไม่สมเหตุสมผล เพราะการอ่านหนังสือ การขยันเรียน น่าจะทำให้คนเรียนเก่งมากกว่า (Dependent Variable) B) External Validity = ผลรับที่ได้ออกมาจากการทำวิจัยควรจะต้อง Generalizability results คือ ผลวิจัยจะต้องเอาไปใช้ได้กับคนที่เราจะศึกษาทั้งหมด เช่น ถ้าเราต้องการจะศึกษา ว่าปัจจัยใดที่ทำให้นักศึกษาธรรมศาสตร์เรียนเก่ง ผลวิจัยที่ออกมาควรจะต้องนำไปใช้ได้กับนักศึกษา ธรรมศาสตร์ทุกคณะ ไม่ใช่แค่บางคณะ ขั้นตอนนี้จะอยู่ที่การเรียนกลุ่มตัวอย่าง (Sampling) 1.2 Measurement Validity ความเหมาะสมและความหมายของการแปรผลข้อมูลต้องมีเหตุผล ในขั้นนี้จะดูในเรื่องการใช้เครื่องมือ และการแปรผลในการทำวิจัย จะต้องมีเหตุผล - Validity คือ คุณภาพในการแปรผลวิจัย ไม่มีการให้คะแนน ไม่เคยมีการพิสูจน์ว่าอันไหนดีที่สุด และใช้ได้ เฉพาะเรื่องหรือเฉพาะสถานการ์ โดยต้องมีหลักฐานสนับสนุน ไม่สามารถนำไปใช้ในสถานการณ์อื่นได้
2) Reliability ข้อมูลที่จะทำวิจัย ผลวิจัยที่ออกมา และวิธีการวิจัย จะต้องมีความน่าเชื่อถือ เช่น ถ้าเรานำตัวแปรอิสระ (Independent Variable) ที่ไม่สัมพันธ์กันมาทำการวิจัย (ความขยัน หน้าตา นิสัย จะทำให้คนเรียนเก่ง) จะถือว่า ข้อมูลนี้ไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งในการทำ QUAN Research จะมีการคำนวนเพื่อหาค่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระด้วยกันเอง (Internal Consistency Coefficient) 3) Main threat of Research Validity การลดขนาดกลุ่มตัวอย่างลง (Sample size) จะทำให้ข้อมูลน่าเชื่อถือน้อยลง (กลุ่มตัวอย่างยิ่งมากยิ่งดี) ถ้ากลุ่มตัวอย่างรู้ตัวว่ากำลังโดนทำวิจัยอยู่ อาจจะมีผลทำให้การตอบแบบสอบถามหรือการแสดงออกเปลี่ยนไป เช่น ถ้าคนงานในโรงงานรู้ว่ากำลังโดนสังเกตการณ์ อาจจะขยันทำงานเป็นพิเศษ ถ้าคนที่เคยตอบแบบสอบถามบ่อยๆ หรือตอบเรื่องเดิมๆบ่อยๆ จะทำให้ผลการวิจัยออกมาดีขึ้นๆ การที่คนเรามีอายุมากขึ้น สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป เช่น เงินเดือนสูง อายุมากขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น ก็จะทำให้การ ตอบแบบสอบถามเปลี่ยนไป ผู้ตอบแบบสอบถามบางคนพยายามทำตัวให้ meet expected results เช่น ถ้าเราตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับ จิตวิทยาในห้องเรียน เราจะพยายามทำตัวเป็นคนดี มีคุณธรรม มีทัศนคติที่ดี ไม่เคยมาสาย ไม่เคยโดดเรียน เป็นต้น 6) อาจจะมีเหตุการบางเหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงการทำวิจัย ซึ่งมีผลทำให้การวิจัย Valid เช่น ในวันทำวิจัยฝนตก หรือผู้ถูกวิจัยโดนหัวหน้าด่ามา ซึ่งจะส่งผลต่อผลวิจัยด้วย
II. Qualitative Three basic quality concerns in QUAL 1.1 ข้อมูลที่จะศึกษาต้องน่าสนใจพอ ไม่ใช่เป็นเรื่องเล็กๆที่เราสนใจเพียงคนเดียว 1.2 คุณภาพของ Researcher จะต้องดีพอทั้งเรื่องการเก็บข้อมูล การ conduct การวิจัย การแปรผล การบันทึกข้อมูล และ Term of reference 1.3 อย่านำเรื่องเล็กๆ หรือจุดเล็กๆ ที่ได้จากการทำวิจัย มาเป็นประเด็นหลักในการแปรผลข้อมูลหรือเขียนรายงาน Reliability ความน่าเชื่อถือของงานวิจัยแบบ qualitative คือ ไม่ว่าจะทำการวิจัยซ้ำกันกี่ครั้ง ผลวิจัยที่ได้ออกมาควรเหมือน เดิม หรือไม่แตกต่างจากเดิน Validity 3.1 Descriptive validity (สำคัญที่สุด) = การแปรผลข้อมูลจะต้องมีถูกต้องและมีมาตราฐาน เพื่อเป็นการป้องกันการผิดพลาด อาจจะทำโดยนำคนหลายๆคน มาเก็บข้อมูลและแปรผล เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่เกิดจากคนๆเดียวทำ 3.2 Interpretive validity = คุณภาพในการพรรณาทัศนวิสัยหรือมุมมองของผู้ถูกสัมภาษณ์ การป้องกันก็คือ อาจจะมีการขอคำแนะนำหลังการสัมภาษณ์ 3.3 Theoretical validity = การนำทฤษฎีมาใช้ในการมาใช้ได้อย่างเหมาะสมในการแปรข้อมูล
II. Qualitative 3.4 Generalizability = ผลการวิจัยสามารถนำไปใช้ในวงกว้างได้ A) Internal = ใช้ในกลุ่มหรือในองค์กรของเราเอง B) External = ใช้นอกกลุ่มหรือต่างองค์กร 3.5 Evaluative validity = งานวิจัยจะต้องสามารถประเมินได้ทั้งในสิ่งที่มองเห็นและมองไม่เห็น เช่น เรื่องคุณธรรม และจริยธรรมในการทำงานวิจัย เป็นต้น
III. Mixed-Method การวิจัยประเภทนี้จะต้อง More Comprehensive Study กว่าการทำด้วย QUAN หรือ QUAL เพียงอย่างเดียว (ที่เหลือก็ไปอธิบายต่อเองนะคับ >>>>>>)