พระวาจา ทรง ชีวิต มีนาคม 2008
"อาหารของเราคือ การทำตามพระประสงค์ของพระผู้ทรงส่งเรามา และการประกอบภาระกิจของพระองค์ให้สำเร็จลุล่วงไป“ (ยน. 4, 34)
ในความเป็นจริง เราคริสตชนแต่ละคนสามารถกล่าวประโยคนี้ได้ เช่นเดียวกับพระเยซู และหากว่าเราปฏิบัติตามจริงๆก็จะช่วยเรา ให้ก้าวหน้าสู่ความศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง
พระเยซูเจ้านั่งสนทนากับหญิงชาวสะมาเรีย ที่ขอบบ่อน้ำยากอบ และกำลังจะจบ การสนทนา
พอดีพวกศิษย์กลับจากไปซื้ออาหารในเมือง ต่างประหลาด ใจที่เห็นพระเยซูเจ้าพูดคุยกับหญิงชาวสะมาเรีย แต่ไม่มีใคร กล้าทูลถามพระองค์ เมื่อหญิงนั้นจากไปแล้ว พวกเขาจึง เชิญพระองค์ให้รับประทานอาหาร
พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของพวกเขา จึงบอกพวกเขาว่า “เรามีอาหารรับประทานซึ่ง พวกท่านไม่รู้จัก” พวกศิษย์ไม่เข้าใจ คิดไปถึงอาหารที่เป็นวัตถุ ถามกันและกันว่า ใครเป็นคนนำอาหารมาให้พระองค์เสวย ตอนที่พวกเขาไม่อยู่ พระเยซูเจ้าจึงตรัสอย่างชัดเจนว่า
"อาหารของเราคือ การทำตามพระประสงค์ของพระผู้ทรงส่งเรามา และการประกอบภาระกิจของพระองค์ให้สำเร็จลุล่วงไป“
เราต้องการอาหาร ทุกวันเพื่อมีชีวิตอยู่ได้ พระเยซูเจ้าไม่ทรงปฏิเสธข้อนี้ และที่จริง เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสถึงอาหาร ก็หมายถึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่พระองค์ต้องการบอกอีกว่า ยังมีอาหารอีกชนิดหนึ่งที่จำเป็นและสำคัญมาก และพระองค์ขาดอาหารชนิดนั้นไม่ได้เช่นกัน
พระเยซูเจ้าเสด็จจากสวรรค์เพื่อทำตามพระ ประสงค์ของพระผู้ทรงส่งพระองค์มา และทำงานนั้นจนสำเร็จ
พระองค์ไม่มีความคิด หรือโครงการของพระองค์เองส่วนตัว แต่เป็นความคิดและโครงการของพระบิดาทั้งหมด พระวาจาและ กิจการทุกอย่างของพระองค์ ก็คือพระวาจาและกิจการทุกอย่าง ของพระบิดา พระองค์ไม่ทรงทำสิ่งใดตามใจพระองค์เองเลย แต่ทำทุกสิ่งที่พระบิดาผู้ทรงส่งพระองค์มาทรงพระประสงค์ นี่แหละคือชีวิตของพระเยซูเจ้า และเมื่อทรงปฏิบัติเช่นนี้ ความหิว ของพระองค์ก็บรรเทา พระองค์ทรงได้รับอาหาร
การยึดมั่นอยู่กับพระประสงค์ของพระบิดา เป็นเอกลักษณ์ในชีวิตของพระเยซูเจ้า ทรงยึดมั่นจนกระทั่งยอมตายบนกางเขน พระองค์ทรงปฏิบัติภาระกิจที่พระบิดามอบให้ อย่างครบถ้วนจริงๆ
"อาหารของเราคือ การทำตามพระประสงค์ของพระผู้ทรงส่งเรามา และการประกอบภาระกิจของพระองค์ให้สำเร็จลุล่วงไป“
พระเยซูเจ้าทรงถือว่า การทำตามพระประสงค์ของพระบิดาเป็น อาหารของพระองค์ เพราะว่าเมื่อทรงปฏิบัติตามพระประสงค์ ทำตนสอดคล้องกับพระประสงค์ของพระ รับเข้ามาในพระองค์ และเป็นหนึ่งเดียวกับพระประสงค์นั้น ก็ช่วยทำให้พระองค์ ทรงได้รับองค์ชีวิตนั้นเอง
เพียงไม่นานหลังจากที่พระเยซูเจ้า ทรงประทานเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตให้กับหญิง ชาวสะมาเรีย ด้วยการสนทนากับนาง ด้วยความรัก
พวกศิษย์ได้เห็นว่า ชีวิตนั้น เติบโต และส่งผ่านไปสู่ผู้อื่นด้วย เพราะหญิงนั้นแบ่งปันพระพร ที่เธอได้รับให้กับชาวสะมาเรีย คนอื่นๆด้วย เธอบอกพวกเขาว่า “มาดูชายคนนั้นซิ... เขาเป็น พระเมสสิยาห์หรือไม่”
พระเยซูเจ้าทรงบอกหญิงชาวสะมาเรียว่า พระเจ้าเป็นพระบิดา ทรงมีแผนการให้มนุษย์ทุกคนได้รับชีวิตจากพระองค์ นี่เป็นงานที่พระเยซูเจ้าทรงต้องการทำให้สำเร็จอย่างเร็วที่สุด และจะได้มอบงานนั้นต่อไปให้กับศิษย์ และกับพระศาสนจักร
"อาหารของเราคือ การทำตามพระประสงค์ของพระผู้ทรงส่งเรามา และการประกอบภาระกิจของพระองค์ให้สำเร็จลุล่วงไป“
พระวรสารประโยคนี้ช่างบ่งบอกถึงลักษณะเฉพาะขององค์พระเยซูเจ้า สะท้อนถึงพระบุคคลของพระองค์ พระภาระกิจ และความเร่าร้อนในการปฏิบัติงานของพระองค์อย่างนี้ แล้วเราจะเจริญชีวิตตามพระวรสารประโยคนี้ได้ไหม
เราทำเช่นนี้ได้ ด้วยการปฏิบัติตาม สิ่งที่พระองค์ต้องการให้เราทำ ในแต่ละขณะ และทำให้ดีที่สุด เสมือนหนึ่งว่า เรามีงานนี้เพียงอย่าง เดียว ไม่มีงานอื่น อันที่จริง พระเจ้าก็ ไม่ทรงประสงค์ให้เราทำงานอื่น
ขอให้เราชุบเลี้ยงชีวิตของเราด้วยการปฏิบัติ ตามสิ่งที่พระเจ้าทรงต้องการจากเราในแต่ ละขณะ เราจะมีประสบการณ์ว่าเรารู้สึกอิ่มใจ มีสันติ ชื่นชมยินดี เป็นสุข และคงไม่เป็นการ พูดเกินความจริงที่จะกล่าวว่า นี่เป็นการได้ลิ้มรสของ“บุญลาภ” ล่วงหน้าแล้ว
ด้วยวิธีนี้ เท่ากับว่าเราได้ร่วมงานกับองค์พระเยซูเจ้า ในการปฏิบัติภารกิจที่พระบิดาเจ้ามอบให้ทำจนสำเร็จ
นี่แหละเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเจริญชีวิตของเราในช่วงปัสกานี้
"อาหารของเราคือ การทำตามพระประสงค์ของพระผู้ทรงส่งเรามา และการประกอบภาระกิจของพระองค์ให้สำเร็จลุล่วงไป“ (ยน.4, 34) “พระวาจาทรงชีวิต” ประจำเดือนจัดทำโดยคณะโฟโคลาเร คำอธิบายโดยเคียร่า ลูบิค กราฟฟิก โดย Anna Lollo ด้วยความร่วมมือจาก Placido D’Omina (ซิซิลี - ประเทศอิตาลี)