วันวัยหมดระดูโลก 2014 วิธีการป้องกันโรค หลังวัยหมดระดู Prevention of Diseases after Menopause 2014 วันวัยหมดระดูโลก 2014 วิธีการป้องกันโรค หลังวัยหมดระดู
เหตุผลของการป้องกัน ผู้หญิงนับล้านคนทั่วโลกกำลังเข้าสู่วัยหมดระดู Prevention of Diseases after Menopause 2014 เหตุผลของการป้องกัน ผู้หญิงนับล้านคนทั่วโลกกำลังเข้าสู่วัยหมดระดู โรคเรื้อรังจะเริ่มเกิดขึ้นในช่วง10ปี หลังจากเริ่มเข้าสู่วัยหมดระดู ส่งผลต่อการเจ็บป่วย คุณภาพชีวิตแย่ลง การเสียชีวิต และภาระค่ารักษาพยาบาล การตรวจหาปัจจัยเสี่ยงและป้องกันตั้งแต่เริ่มหมดประจำเดือนจึงมีความสำคัญในการ ป้องกันผลเสียที่อาจจะตามมา
โรคเรื้อรังที่เกิดในวัยหลังหมดระดู Prevention of Diseases after Menopause 2014 โรคเรื้อรังที่เกิดในวัยหลังหมดระดู โรคอ้วน โรคระบบการเผาผลาญอาหารและโรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคกระดูกพรุนและข้ออักเสบเรื้อรัง โรคความจำเสื่อม และโรคซึมเศร้า โรคมะเร็ง
โรคอ้วน และเบาหวาน ประมาณ 14% ของประชากรโลกเป็นโรคอ้วน Prevention of Diseases after Menopause 2014 โรคอ้วน และเบาหวาน ประมาณ 14% ของประชากรโลกเป็นโรคอ้วน ภาวะอ้วนลงพุงมีผลต่อภาวะดื้ออินซูลิน และส่งผลให้เป็นโรคเบาหวาน (Cerhan JR 2014) วัยหลังหมดระดู การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายส่งผลให้มีการสะสมของไขมันบริเวณ ส่วนกลางลำตัวเกิดภาวะอ้วนลงพุงเพิ่มมากขึ้น (Abdulnour J 2012) การป้องกันและการรักษาโรคอ้วน เช่น การออกกำลังกาย การควบคุมปริมาณแคลลอรี่ ใน อาหารและแนวทางอื่นๆ เช่น การบำบัดด้วยยาและการผ่าตัดลดความอ้วน อาจเป็น ทางเลือกในการรักษาได้เช่นกัน (Davis SR 2012) การรักษาด้วยฮฮร์โมนทดแทน ช่วยลดภาวะอ้วนลงพุงและภาวะดื้ออินซูลิน รวมทั้ง โรคเบาหวานระยะเริ่มแรก อีกทั้งไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น (Sorensen MB 2001, Davis SR 2012, Manson JE 2013)
โรคหัวใจและหลอดเลือด Prevention of Diseases after Menopause 2014 โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดหัวใจเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในผู้หญิง อัตราการเกิดของโรคนี้พบในผู้หญิงน้อยกว่าผู้ชาย แต่มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นมากในผู้หญิง วัยหลังหมดระดู (Go AS 2014) การตรวจคัดกรองกลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดวัยหลังหมดระดู นับเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งรวมถึงการตรวจวัด ความดันโลหิต ดัชนีมวลกาย (BMI) และการตรวจทาง ห้องปฏิบัติการ เครื่องคำนวณอัตราความเสี่ยงต่อโรคหัวใจมีหลากหลายแบบ ซึ่งความเสี่ยงต่ำ หมายถึง ใน 10 ปี มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคน้อยกว่า 7.5% (AHA 2014)
โรคหัวใจและหลอดเลือด (ต่อ) Prevention of Diseases after Menopause 2014 โรคหัวใจและหลอดเลือด (ต่อ) ปัจจุบันแนวทางการควบคุมอาหารและวิถีทางการปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิต (เลิก บุหรี่ ออกกำลังกาย ฯลฯ) มีการกำหนดขึ้น พบว่าสามารถลดความเสี่ยงของเกิดโรค หลอดเลือดหัวใจใน 10 ปี ได้12-14% (Maruthur NM 2009) การป้องกันการเกิดโรคหัวใจเบื้องต้นโดยการใช้ยาไขมันกลุ่มสแตตินและแอสไพริน ในผู้หญิงจะไม่ได้ผลดีเท่ากับผู้ชาย (Hodis HN 2013) ในผู้หญิงสุขภาพดีที่เริ่มเข้าสู่วัยหมดระดู ข้อมูลจากหลายแห่งแนะนำว่าการให้ ฮอร์โมนเอสโตรเจนสามารถลดการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดและการเสียชีวิตได้ (Lobo RA 2014)
โรคกระดูกพรุนและข้ออักเสบเรื้อรัง Prevention of Diseases after Menopause 2014 โรคกระดูกพรุนและข้ออักเสบเรื้อรัง การเกิดกระดูกหักที่เกี่ยวข้องกับภาวะกระดูกพรุน เกิดขึ้นหนึ่งในสามของผู้หญิงที่ มีอายุ 50ปี ขึ้นไป (Johnell O 2005) เนื่องจากภาวะอายุยืนยาวขึ้น คาดว่าโรคกระดูกพรุนจะเพิ่มขึ้นถึง 240% ในปี ค.ศ.2050 (Gullberg B 1977) ในสหรัฐอเมริกา การเกิดกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุนมีค่าใช้จ่ายในการรักษากว่า 19,000 ล้านดอลล่าร์ โดยเกิดขึ้นที่ส่วนกระดูกสะโพก 72% แนวทางในการป้องกัน ได้แก่ การหลีกเลี่ยง บุหรี่/กัญชา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใน ปริมาณมาก กลูโคคอร์ติคอยด์ และไทรอยด์ ป้องกันการหกล้ม ควรออกกำลังกาย ชนิดลงน้ำหนักปานกลาง รับประทานแคลเซียมเสริมขนาด 1200 mg และ วิตามิน ดีขนาด 600-800 IU ต่อวัน (IOM 2010)
โรคกระดูกพรุนและข้ออักเสบเรื้อรัง (ต่อ) Prevention of Diseases after Menopause 2014 โรคกระดูกพรุนและข้ออักเสบเรื้อรัง (ต่อ) ควรมีการประเมินความเสี่ยงของการเกิดโรคกระดูกหักจากกระดูกพรุน เช่น FRAX พิจารณาให้การรักษาด้วยยาในรายที่มีความเสี่ยงของกระดูกสะโพกหักใน 10 ปี มีค่าเท่ากับ หรือมากกว่า 5% ยาทางเลือกได้แก่ การรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทน (De Villiers TJ 2009;2012); SERMS (Ettinger B 1999; Lindsay R 2009); ไม่มีผลในการป้องกันโดยยากลุ่ม Bisphosphonates Denosumab และยาตัวอื่นๆ โรคข้ออักเสบเรื้อรัง เกิดขึ้นในประชากรเกือบ 60 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา รองมาจากโรค หลอดเลือดหัวใจ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่สามารถทำงานได้เมื่อมีอายุมากกว่า 50ปี และ ปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการรักษามากกว่า 1 แสนล้านดอลล่าร์ การตรวจหาโรคเบื้องต้นในวัยหมดระดูนับเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลรักษา ร่วมกับการทำ กายภาพบำบัด การลดน้ำหนัก การออกกำลังกาย การใช้ยาลดการอักเสบ (Arthritis Foundation 2014) และการให้ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Tanko TB 2007)
โรคความจำเสื่อม สมองเสื่อม และโรคซึมเศร้า Prevention of Diseases after Menopause 2014 โรคความจำเสื่อม สมองเสื่อม และโรคซึมเศร้า ประชากรจำนวน 36 ล้านคนทั่วโลกกำลังประสบปัญหาจากโรคอัลไซเมอร์ และ ความจำเสื่อม และอาจเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปี ค.ศ. 2030 (Reitz C 2011) โรคสมองเสื่อมส่วนมากเป็นผลมาจากโรคอัลไซเมอร์ (neuritic plagues, neurofibrillary tangles, β-amyloid deposition) ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุเดียวหรือ อาจร่วมกับสาเหตุอื่น (Schneider JA 2007) การป้องกัน ได้แก่ หาความเสี่ยงซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากทางพันธุกรรม และมีแนวทาง ปฏิบัติได้แก่ 1) การพัฒนาสุขภาพสมอง 2) การเสริมความจำ 3) ลดสาเหตุการเกิด โรคอัลไซเมอร์ (Henderson VW 2014)
โรคความจำเสื่อม สมองเสื่อม และโรคซึมเศร้า (ต่อ) Prevention of Diseases after Menopause 2014 โรคความจำเสื่อม สมองเสื่อม และโรคซึมเศร้า (ต่อ) การพัฒนาสุขภาพสมอง ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และ ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆที่เกี่ยวข้อง (Stampfer MJ 2006) การเสริมความจำ กระตุ้นการทำงานของสมองและการเข้าสังคม ลดการเกิดโรคอัลไซเมอร์ การออกกำลังกายแบบแอโรบิค สามารถลดความเสี่ยง ได้ 28%, ลดสาร β-amyloid, เพิ่มเนื้อที่ของ hippocampus และเสริมสารกระตุ้น ของประสาท (Williams JW 2010;Erickson KI 2011;Kobilo T 2011) การให้ ฮอร์โมนทดแทนยังไม่มีผลสรุป โรคซึมเศร้า นับว่ามีอัตราการเกิดสูงมาก (Weissman MM 1996) ซึ่งอาจจะสัมพันธ์ กับความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์ (Maki PM 2010) และควรได้รับการตรวจค้นหา โดยเร็วที่สุดด้วยกระบวนการที่เหมาะสม
ความเสี่ยงของโรคมะเร็ง Prevention of Diseases after Menopause 2014 ความเสี่ยงของโรคมะเร็ง ในปี ค.ศ. 2012 ประชากรหญิงจำนวน 6.7 ล้านคนทั่วโลกเป็นมะเร็ง และคาดว่าจะ เพิ่มขึ้นอีก (Ferlay J 2013) โรคมะเร็งที่พบมากที่สุด คือ มะเร็งเต้านม (25.2% ของผู้ป่วยมะเร็ง) แต่ที่ทำให้ เสียชีวิตสูงสุด คือ มะเร็งปอด การตรวจคัดกรองหามะเร็งต่างๆ รวมถึงการตรวจสุขภาพ การตรวจพันธุกรรม การ ตรวจทางห้องปฏิบัติการทางเซลล์วิทยา หรือ HPV การถ่ายภาพทางการแพทย์ การ ตรวจหาเลือดในอุจจาระ การตรวจส่องกล้องลำไส้ใหญ่ และวิธีอื่นๆ ที่แตกต่างกันไป ตามภูมิภาคและประเทศ การป้องกันโดยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต (การเลิกสูบบุหรี่, การลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ , การควบคุม BMI, การออกกำลังกาย) ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงการป้องกันโรคและลดการ เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง (Gompel A 2013.) ใน EPIC พบว่าสามารถป้องกันการเกิด โรคมะเร็งทั้งหมดได้12.6% (Romaguera D 2012)
การป้องกัน โดยการใช้ MHT Prevention of Diseases after Menopause 2014 การป้องกัน โดยการใช้ MHT ในผู้หญิงที่ใกล้เข้าสู่วัยหมดระดู มีข้อมูลจากการศึกษาวิจัย RCTs และการวิเคราะห์ เชิงลึก แสดงให้เห็นว่า การรักษาด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน สามารถลดอัตราความเสี่ยง ของโรคหลอดเลือดหัวใจและการเสียชีวิตได้เมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่ต่ำจากการให้ (De Villiers TJ 2013; Lobo RA 2014.) การใช้ฮอร์โมนโปเจสเตอโรนร่วมด้วยยังไม่มี ข้อมูลที่แน่ชัด ในขณะที่ปัจจัยหลักคือผู้ป่วยแต่ละรายแตกต่างกัน ดังนั้นการรักษาด้วย MHT โดย ฮอร์โมนเอสโตรเจน อาจถูกพิจารณาให้เป็นส่วนหนึ่งในแนวทางการป้องกันโรคแก่ ผู้หญิงที่ใกล้เข้าสู่วัยหมดระดู
Prevention of Diseases after Menopause 2014 สรุป การประเมินความเสี่ยงในการเกิดโรคเป็นสิ่งสำคัญเมื่อย่างเข้าสู่วัยหมดระดู โดยเฉพาะในช่วง 10 ปีแรก ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการค้นหาและดูแลรักษาโรคแต่ เนิ่นๆ การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ซึ่งรวมไปถึงการออกกำลังกาย การควบคุมน้ำหนัก กิจกรรม เสริมสร้างการพัฒนาสมอง การตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง และการพิจารณาการรักษา ด้วยฮอร์โมนทดแทนที่กล่าวมาล้วนเป็นทุกส่วนของวิธีการป้องกันและรักษา