ดาวน์โหลดงานนำเสนอ
งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ
ได้พิมพ์โดยChatri Bunyasarn ได้เปลี่ยน 10 ปีที่แล้ว
1
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน
2
John ยอห์น 2 Jesus’ First Miracle
3
1On the third day there was a wedding at Cana in Galilee, and the mother of Jesus was there. 1วันที่สามมีงานสมรสที่หมู่บ้านคานาแคว้นกาลิลี และมารดาของพระเยซูก็อยู่ที่นั่น
4
2Jesus also was invited to the wedding with His disciples
5
3 When the wine ran out, the mother of Jesus said to Him, “They have no wine.” 3เมื่อเหล้าองุ่นหมดแล้ว มารดาของ พระเยซูทูลพระองค์ว่า “เขาไม่มีเหล้าองุ่น”
6
Romans โรม3:23 for all have sinned and fall short of the glory of God, 23เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า
7
4And Jesus said to her, “Woman, what does this have to do with me
4And Jesus said to her, “Woman, what does this have to do with me? My hour has not yet come.” 4พระเยซูตรัสกับนางว่า “หญิงเอ๋ย ให้เป็นธุระของข้าพเจ้าเถิด เวลาของข้าพเจ้ายังมาไม่ถึง”
8
5His mother said to the servants, “Do whatever He tells you
9
6Now there were six stone water jars there for the Jewish rites of purification, each holding twenty or thirty gallons. 6มีโอ่งหินตั้งอยู่ที่นั่นหกใบตามธรรมเนียมการชำระของพวกยิว จุน้ำโอ่งละสี่ห้าถัง
10
7Jesus said to the servants, “Fill the jars with water
7Jesus said to the servants, “Fill the jars with water.” And they filled them up to the brim. 7พระเยซูตรัสสั่งเขาว่า “จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็มเถิด” และเขาก็ตักน้ำเต็มโอ่งเสมอปาก
11
8And He said to them, “Now draw some out and take it to the master of the feast.” So they took it. 8แล้วพระองค์ตรัสสั่งเขาว่า “จงตักเอาไปให้เจ้าภาพเถิด” เขาก็เอาไปให้
12
9When the master of the feast tasted the water now become wine, and did not know where it came from (though the servants who had drawn the water knew), the master of the feast called the bridegroom
13
9เมื่อเจ้าภาพชิมน้ำที่กลายเป็นเหล้าองุ่นแล้ว และไม่รู้ว่ามาจากไหน (แต่คนใช้ที่ตักน้ำนั้นรู้) เจ้าภาพจึงเรียกเจ้าบ่าวมา
14
10and said to him, “Everyone serves the good wine first, and when people have drunk freely, then the poor wine. But you have kept the good wine until now.” 10และพูดกับเขาว่า “ใครๆเขาก็เอาเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อได้ดื่มกันมากแล้วจึงเอาที่ไม่สู้ดีมา แต่ท่านเก็บเหล้าองุ่นอย่างดีไว้จนถึงบัดนี้”
15
11This, the first of His signs, Jesus did at Cana in Galilee, and manifested His glory. And His disciples believed in Him.
16
11นี่เป็นการกระทำอันเป็นหมายสำคัญครั้งแรกของพระเยซู ทรงกระทำที่บ้านคานาแคว้นกาลิลี และได้ทรงสำแดงพระสิริของพระองค์ และสาวกของพระองค์ก็ได้วางใจในพระองค์
17
1 Corinthians โครินธ์15:3-4 3For I delivered to you as of first importance what I also received: that Christ died for our sins in accordance with the Scriptures,
18
3เรื่องซึ่งข้าพเจ้ารับไว้นั้น ข้าพเจ้าได้ประกาศแก่ท่านทั้งหลาย เป็นเรื่องสำคัญที่สุดคือว่าพระคริสต์ได้ทรงวายพระชนม์ เพราะบาปของเราทั้งหลาย ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์
19
4that He was buried, that He was raised on the third day in accordance with the Scriptures, 4และทรงถูกฝังไว้ แล้ววันที่สามพระองค์ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่ ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์นั้น
20
Romans โรม10:9 if you confess with your mouth that Jesus is Lord and believe in your heart that God raised Him from the dead, you will be saved.
21
9คือว่าถ้าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจว่า พระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด
22
Ephesians เอเฟซัส5:18 18And do not get drunk with wine, for that is debauchery, but be filled with the Spirit, 18และอย่าเมาเหล้าองุ่นซึ่งจะทำให้เสียคน แต่จงประกอบด้วยพระวิญญาณ
23
12After this He went down to Capernaum, with his mother and his brothers and His disciples, and they stayed there for a few days. 12ภายหลังเหตุการณ์นี้ พระองค์ก็เสด็จต่อไปยังเมืองคาเปอรนาอุม พร้อมกับมารดาและน้องชายและสาวกของพระองค์ และอยู่ที่นั่นเพียงไม่กี่วัน
24
13The Passover of the Jews was at hand, and Jesus went up to Jerusalem
25
14In the temple He found those who were selling oxen and sheep and pigeons, and the money-changers sitting there. 14ในบริเวณพระวิหารพระองค์ทรงเห็นคนขายวัว ขายแกะ ขายนกพิราบ และคนรับแลกเงินที่กำลังแลกเงินอยู่
26
15And making a whip of cords, He drove them all out of the temple, with the sheep and oxen. And He poured out the coins of the money-changers and overturned their tables.
27
15พระองค์ทรงเอาเชือกทำเป็นแส้ไล่คนเหล่านั้น พร้อมกับแกะและวัวออกไปจากบริเวณพระวิหาร และพระองค์ทรงเทเงินและคว่ำโต๊ะของคนรับแลกเงิน
28
16And He told those who sold the pigeons, “Take these things away; do not make my Father's house a house of trade.” 16และพระองค์ตรัสแก่บรรดาคนขายนกพิราบว่า “จงเอาของเหล่านี้ไปเสีย อย่าทำพระนิเวศของพระบิดาเราให้เป็นแหล่งค้าขาย”
29
17His disciples remembered that it was written, “Zeal for Your house will consume Me.” 17พวกสาวกของพระองค์ก็ระลึกขึ้นได้ถึงคำที่เขียนไว้ว่า “ความร้อนใจในเรื่องพระนิเวศของพระองค์จะท่วมท้น ข้าพระองค์”
30
Psalm เพลงสดุดี7:11 11God is a righteous judge, and a God who feels indignation every day. 11พระเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษาที่ชอบธรรม และเป็นผู้ประทานคำพิพากษาทุกวัน
31
Ephesians เอเฟซัส 4: Be angry and do not sin; do not let the sun go down on your anger, 26จะโกรธก็โกรธได้ แต่อย่าทำบาป อย่าให้ถึงตะวันตกท่านยังโกรธอยู่
32
27and give no opportunity to the devil. 27และอย่าให้โอกาสแก่มาร
33
18So the Jews said to Him, “What sign do you show us for doing these things?” 18พวกยิวจึงทูลพระองค์ว่า “ท่านจะแสดงหมายสำคัญอะไรให้เราเห็นว่า ท่านมีอำนาจกระทำการเช่นนี้ได้”
34
19Jesus answered them, “Destroy this temple, and in three days I will raise it up.” 19พระเยซูจึงตรัสตอบเขาทั้งหลายว่า “ถ้าทำลายวิหารนี้เสียข้าพเจ้าจะยกขึ้นในสามวัน”
35
20The Jews then said, “It has taken forty-six years to build this temple, and will you raise it up in three days?” 20พวกยิวจึงทูลว่า “พระวิหารนี้เขาสร้างถึงสี่สิบหกปีจึงสำเร็จ และท่านจะยกขึ้นใหม่ในสามวันหรือ”
36
21But He was speaking about the temple of His body
37
22When therefore He was raised from the dead, His disciples remembered that He had said this, and they believed the Scripture and the word that Jesus had spoken.
38
22เหตุฉะนั้นเมื่อพระองค์ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาแล้ว พวกสาวกของพระองค์ก็ระลึกได้ว่าพระองค์ตรัสดังนี้ และเขาก็เชื่อพระคัมภีร์และพระดำรัสที่พระเยซูได้ตรัสแล้วนั้น
39
23Now when He was in Jerusalem at the Passover Feast, many believed in His name when they saw the signs that He was doing.
40
23เมื่อพระองค์ประทับ ณ กรุงเยรูซาเล็มในเทศกาลปัสกา มีคนเป็นอันมากได้วางใจในพระนามของพระองค์ เมื่อเขาได้เห็นหมายสำคัญที่พระองค์ได้ทรงกระทำ
41
24But Jesus on His part did not entrust Himself to them, because He knew all people 24แต่พระเยซูมิได้ทรงวางพระทัยในคนเหล่านั้น
42
25and needed no one to bear witness about man, for He himself knew what was in man. 25เพราะพระองค์ทรงรู้จักมวลมนุษย์ และสำหรับพระองค์ไม่มีความจำเป็นที่จะมีพยานในเรื่องมนุษย์ ด้วยพระองค์เองทรงทราบว่าอะไรมีอยู่ในมนุษย์
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
© 2024 SlidePlayer.in.th Inc.
All rights reserved.