ดาวน์โหลดงานนำเสนอ
งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ
1
วิวัฒนาการของรัฐธรรมนูญไทย
2
โครงสร้าง ประวัติ เนื้อหา
3
ประวัติความเป็นมาของรัฐธรรมนูญไทย
ยรัฐธรรมนูญได้มีการก่อตัวมาอย่างยาวนานและค่อยๆพัฒนามาเป็นลำดับ ศาสตราจารย์ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ได้แสดงความเห็นว่า ข้อความในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงแห่ง กรุงสุโขทัยนั้น ถือได้ว่าเป็นปฐมรัฐธรรมนูญของไทย โดยได้เปรียบเทียบหลักศิลาจารึกกับมหาบัตร (Magna Carta) ของอังกฤษ เมื่อรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีเสียงเรียกร้องเกี่ยวกับการปรับแก้ไขรูปแบบ การเมืองการปกครองของประเทศมากขึ้นเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ พระบรมวงศานุวงศ์ 3พระองค์ และ ข้าราชการผู้ใหญ่อีก 5 นายได้ร่างคำกราบบังคมทูลพระกรุณาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในทำนอง ติดเปลี่ยนระบบการปกครองในขณะนั้น พร้อมเร่งรัดให้เปลี่ยนแปลงการปกครองโดยเร็ว แต่ก็ไม่ประสบ ความสำเร็จ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นเสวยราชย์สมบัติ แม้จะไม่ปรากฏว่า ได้มีการจัดทำ รัฐธรรมนูญขึ้นเป็นผลสำเร็จแต่ก็ได้มีการเตรียมการปกครองแบบประชาธิปไตยหลายประการ หากเน้นหนักไปใน ด้านการให้สิทธิเสรีภาพแก่ราษฎร มากกว่าการปฏิรูประบบการเมืองการปกครองของประเทศ
4
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ร่างรัฐธรรมนูญขึ้นสองฉบับ เพื่อจะได้ทำการศึกษาพิจารณาว่าจะเหมาะสมกับประเทศไทยหรือไม่เพียงใด
5
คณะราษฎรที่ทำให้เกิดรัฐธรรมนูญสำเร็จในปี พ. ศ
คณะราษฎรที่ทำให้เกิดรัฐธรรมนูญสำเร็จในปี พ.ศ จะพบว่า มีมูลเหตุที่สำคัญหลายประการก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ.2475 1.ในสมัยก่อนปี พ.ศ.2475 - คนไทยได้รับการศึกษาจากต่างประเทศมากขึ้นโดยเฉพาะในประเทศทางทวีปยุโรป ที่ได้ใช้รูปแบบการปกครองในระบบประชาธิปไตยมีรัฐธรรมนูญใช้บังคับในการปกครองบ้านเมือง - ในช่วงเวลานั้นการปกครองระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ได้เสื่อมถอยลง เนื่องจากพระบรมวงศานุวงศ์สามารถได้รับอภิสิทธิ์เหนือสามัญชนธรรมดา และใช้อภิสิทธิ์นี้แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง จนราษฎรเบื่อหน่ายในระบอบการปกครองเช่นนี้ 2. ข้าราชการในสมัยนั้นกดขี่ข่มเหงประชาราษฎรและเมื่อราษฎรผู้ถูกข่มเหงนำความไปร้องเรียนก็ไม่เป็นผลแต่ประการใด 3.ก่อนปี พ.ศ เศรษฐกิจที่ตกต่ำทำให้มีการยุบกรมกองที่ไม่จำเป็น ข้าราชการพลเรือนหรือข้าราชการทหารไม่พอใจจึงสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 4.เมื่อพ.ศ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม(ปรีดี พนมยงค์) ได้สอดแทรกหลักการเมืองการปกครองไว้ในการสอนเป็นอันมากโดยเฉพาะตำรากฎหมายปกครองของหลวงประดิษฐ์มนูธรรมได้เน้นถึงโครงสร้างของอำนาจ
6
การปฏิวัติของคณะราษฎร 2475
คณะราษฎรได้อาศัยวันที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวแปลพระราชทานไปประทับที่พระราชวังไกลกังวลหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คณะราษฎรได้ส่งกำลังทหารเข้ายึดสถานที่สำคัญสำคัญในพระนครในเช้าตรู่ของวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ได้เชิญพระบรมวงศานุวงศ์มาควบคุมตัวไว้หน้าพระที่นั่ง อนันตสมาคมเพื่อเจรจาต่อรองกับรัฐบาล มีการอ่านแถลงการณ์ของคณะราษฎรให้ราษฎรฟังที่ลานพระบรมรูปทรงม้า คณะราษฎรได้ทำหนังสือกราบบังคมทูลให้พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบเหตุการณ์และขออัญเชิญ เสด็จกลับมาเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญต่อไป ครั้นเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยและพระราชทาน พระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวคืนมาเพื่อใช้บังคับเป็นรัฐธรรมนูญต่อไป จึงถือว่า วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ เป็นวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับแรกนับแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อ วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475 และเริ่มมีพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครอง แผ่นดินสยามชั่วคราว 2475 เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ.2475 จนถึงเมื่อปี พ.ศ.2560 ได้มีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทั้งสิ้น 20 ฉบับ
7
รายนามสมาชิกคณะราษฎร
8
พระราชหัตถเลขาสละราชสมบัติ
9
โครงสร้างรัฐธรรมนูญไทย
14
เนื้อหาของรัฐธรรมนูญทั้ง 20 ฉบับ
เนื้อหาของรัฐธรรมนูญทั้ง 20 ฉบับ
15
มีเจตนารมณ์เพื่อเป็นการถ่ายโอนอำนาจระหว่างผู้ปกครองคือพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์กัคณะราษฎรในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้มาโดยคณะราษฎรใช้กำลังบังคับจากพระมหากษัตริย์โดยอ้างการขาดหลักวิชาของการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และเพื่อให้มีการถ่ายโอนอำนาจและจัดระเบียบการเมืองและการปกครองใหม่จึงจำเป็นต้องจัดให้มีการปกครองโดยรัฐธรรมนูญ คณะราษฎรได้ร่วมกันทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญที่ได้ร่างเตรียมไว้แล้วและได้นำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2475 และวันที่ 27 จึงได้ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้วพระราชทานแก่คณะราษฎร
16
รัฐธรรมนูญฉบับ 1 ในมาตรา 39 มาตรา เรื่องรัฐสภาได้ส่งผลทำให้ประเทศไทยมีรับสภาครั้งแรกอันเป็นสภาเดี่ยว คือ สภาผู้แทนราษฎรและพระราชบัญญัติธรรมนูยการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราง ได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2475 ทำให้รัฐธรรมนูญฉบับแรกนี้ถูกยกเลิกไปรวมเวลาในการบังคับใช้ 5 เดือน 13 วัน
17
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475
รัฐธรรมนูญฉบับที่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 เป็นนัยของการประกาศความชอบธรรมแห่งอำนาจของกลุ่มผู้ปกครองใหม่ว่าเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ เกิดจากการยกร่างของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญซึ่งได้แต่งตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2475 มีจำนวนทั้งหมด 9นาย จนร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จในวันที่ 2 ธันวาคม 2475 เมื่อสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบแล้วจึงได้นำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายต่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและได้ทรงลงพระปรมาภิไธยและประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2475 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 มีทั้งสิ้น 68 มาตรา มีหลักการและแนวทางคล้ายกับรัฐธรรมนูญฉบับแรกมีรัฐสภาแบบเดี่ยวเช่นเดิม ซึ่งมีสมาชิก 2 ประเภท กำหนดให้สมาชิกมาจากการเลือกตั้งแต่อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีระยะเวลาในการบังคับใช้นานที่สุดกล่าวคือ 13 ปี 4 เดือน 29 วัน มีการแก้ไขเพิ่มเติมจำนวน 3 ครั้ง จนในที่สุดได้บังคับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ อันเป็นการยกเลิกการบังคับใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามพุทธศักราช 2475
18
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 3 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489
รัฐธรรมนูญฉบับที่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 เป็นนัยของความมุ่งมั่นของ ผู้ปกครองในการสร้างความทันสมัยทางการเมืองให้กับระบอบประชาธิปไตย โดยเหตุผลว่า สภาพบ้านเมืองได้เปลี่ยนแปลงไป และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 ได้ใช้มาเป็นเวลานานแล้ว ไม่สอดคล้องกับสภาพบ้านเมืองในปัจจุบัน เห็นควรมีการยกร่างใหม่เพื่อให้ทันสมัย รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ได้ดำเนินการตามกระบวนการมาจนเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2489 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงทลประปรมาภิไธยประกาศใช้บังคับเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2489 นับเป็นรัฐธรรนูญฉบับที่ 3
19
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 3 ระบบสภาประกอบด้วย 2 สภา คือ สภาผู้แทนราษฎร และพฤฒสภา โดยพฤฒสภาเป็นสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมโดยผ่านผู้แทนตำบล มีจำนวนทั้งสิ้น 80 คน อยู่ในวาระทั้งสิ้นคราวละ 6 ปี และเมื่อครบ 3 ปี ให้จับสลากออกครึ่งหนึ่ง พฤฒสภานี้ มีอำนาจน้อยกว่าสภาผู้แทนราษฎร ยับยั้ง ร่างพระราชบัญญัติและควบคุมการบริหารงานราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรีเท่านั้น สภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วย สมาชิกที่ราษฎรเลือกตั้งโดยตรงตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน และต้องไม่เป็นข้าราชการประจำ รัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดให้ประธานพฤฒสภาเป็นประธานของที่ประชุมร่วมกันทั้งสอสภา และให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นรองประะธาน ส่วนคณะรัฐมนตรีประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างน้อง 10 คน และไม่เกิน 18 คน และต้องไม่ข้าราชการประจำ ให้ทั้งประธานพฤฒสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี การดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้แยกออกจากข้าราชการประจำ โดยกำหนดว่านายกรัฐมนตรี และสมาชิกรัฐสภาจะเป็นข้าราชการประจำไม่ได้ ซึ่งทำให้ข้าราชการทั้งทหารและพลเรือนไม่พอใจและเกิดปฎิกิริยามากมาย ประกอบกับเศรษฐกิจของไทยอยู่ในภาวะที่ย่ำแย่ และรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ จึงได้เกิดรัฐประหารขึ้นเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 และคณะรัฐประหารได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับนี้รวมเวลาในการบังคับใช้ฉบับนี้เพียง 1 ปี เดือน เท่านั้น
20
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ชั่วคราว) พุทธศักราช 2490
พลโทผิน ชุณหะวัณ เป็นนัยของการ ลบล้างความชอบธรรมททางอำนาจของผู้ปกครองเก่าและสร้างความชอบธรรมใหม่ให้กับคณะปกครอง ที่ใช้กำลังบังคับเข้ามากระทำรัฐประหาร รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ชั่วคราว) ใช้บังคับรวมเป็นเวลาทั้งสิ้น 1 ปี 4 เดือน 14 วัน คณะทหารยึดอำนาจการปกครองจาก รัฐบาลพลเรือนภายใต้การนำของพลโทผิน ชุณหะวัณ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 โดยอ้างว่าทำการฉ้อราษฎร์บังหลวงเป็นเหตุให้ประชาชนเดือดร้อนจำเป็นต้องจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และในก่อนหน้านั้น มีกรณีเหตุการณ์สวรรคตของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ซึ่งมีการกล่าวหาว่านายปรีดีพนมยงค์มีส่วนรู้เห็นด้วย ทำให้นายปรีดี พนมยงค์และพวกต้องหมดความชอบธรรมไปอย่างรวดเร็วรัฐบาลของพลเรือตรีหลวงธำรงนาวาลสวัสดิ์ ซึ่งนายปรีดี พนมยงค์สนับสนุนอยู่ จึงถูกโค่นล้มไปพร้อมกับบทบาทและอิทธิพลทางการเมืองของนายปรีดี พนมยงค์
21
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 วันรุ่งขึ้นหลังจากการรัฐประหาร คณะรัฐประหารได้นำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยและประกาศใช้เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ชื่อว่า “รัฐธรรมนูญใต้ตุ่ม” เนื่องจากก่อนหน้านี้ พลโทหลวงกาจสงคราม(กาจ เก่งระดมยิง) หนึ่งในคณะรัฐประหาร ได้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้และนำไปซ่อนไว้ใต้ตุ่มน้ำเพราะเกรงว่าความจะแตกถ้าหากมีใครมาพบเข้า รัฐประหารครั้งนี้เป็นการกระทำของฝ่ายทหารบกเพียงฝ่ายเดียว เมื่อรัฐประหารสำเร็จคณะรัฐประหารได้มอบให้นายควง อภัยวงศ์ หัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายค้านเป็นนายกรัฐมนตรี และจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 20 มกราคม แต่ต่อมาคณะรัฐประหารได้บีบบังคับให้นายควง อภัยวงศ์ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นลาออกเมื่อวันที่ 7 เมษายน และให้จอมพล ป.พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรีแทน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ชั่วคราว) มีบทบัญญัติทั้งสิ้น 98 มาตรา รัฐสภาประกอบด้วยวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร มีจำนวนสมาชิกเท่ากันทั้ง 2 สภา สมาชิกวุฒิสภามาจากการแต่งตั้งโดยไม่ห้ามข้าราชการประจำเป็นสมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนในแบบรวมเขตเลือกตั้ง คือเอาเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้งได้ให้มีผู้แทน 1 คนต่อจำนวนราษฎร 200,000 คน ที่แตกต่างไปจากรัฐธรรภาพมนูญฉบับก่อนหน้านี้คือบัญญัติ ให้มีคณะอภิรัฐมนตรีคณะหนึ่งจำนวน 5 นาย มีหน้าที่บริหารราชการแทนพระองค์และถวายคำปรึกษาแก่พระมหากษัตริย์
22
"หลวงกาจสงคราม" ผู้เอารัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 ไปซ่อนไว้ใต้ "ตุ่ม" ช่วงรัฐประหาร 2490
23
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 5 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492
รัฐธรรมนูญฉบับที่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 เป็นนัยของการปรับรื้อ กรรมวิธีในกระบวนการได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญที่เปิดกว้างของกระบวนการมีส่วนร่วม รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีบทบัญญัติทั้งสิ้น 189 มาตรา มีลักษณะพิเศษแตกต่างไปจากรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้านั้นคือ เป็นแบบเสรีนิยม ซึ่งกำหนดหลักประกันเสรีภาพของบุคคลและป้องกันการใช้อำนาจรัฐอันเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนไว้มาก หลังจากที่ใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้มาได้ประมาณกว่า 2 ปีครึ่ง ก็เกิดรัฐประหารขึ้นอีกเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ. ศ ซึ่งเรียกกันว่า เป็นรัฐประหารเงียบ ภายใต้การนำของคณะซึ่งเรียกตนเองว่า “คณะบริหารประเทศชั่วคราว” ซึ่งประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช และให้นำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยลงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ มาใช้อีกครั้งหนึ่ง รวมเวลาการใช้รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ ทั้งหมด 2 ปี 7 เดือน 6 วัน
24
รัฐธรรมนูญฉบับที่6 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2495
เป็นนัยของการดัดแปลงแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นฐานรองรับการสืบทอดอำนาจการปกครองของคณะผู้ปกครองที่ใช้กำลังบังคับเข้ามาได้มาโดยคณะทหารภายใต้การนำของจอมพลป.พิบูลสงคราม จอมพลป.พิบูลสงคราม ทำการรัฐประหารยืดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลพลเรือนโดยอ้างภัยคุกคามของคอมมิวนิสต์และนักการเมืองคอร์รัปชั่นและเพื่อให้เป็นไปตาม เจตนารมณ์เริ่มแรกของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จึงต้องนำรัฐธรรมนูญฉบับ 2475 มาใช้อีกครั้ง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 ได้ถูกยกเลิก เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2494 สภาผู้แทนราษฎรประชุมปรึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 ให้สมบูรณ์ขึ้น เพื่อใช้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับถาวรต่อไป ซึ่งได้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2495รัฐธรรมนูญนี้ประกอบด้วยบทบัญญัติทั้งหมด123มาตรามีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2475 อยู่เพียง 41 มาตรา เท่านั้น นอกนั้นอีก 82 มาตรา เป็นบทบัญญัติที่เขียนเพิ่มเติมขึ้นใหม่ ซึ่งบทบัญญัติใหม่ดังกล่าวนั้นส่วนใหญ่ก็นำมาจากรัฐธรรมนูญฉบับพุทธศักราช 2492
25
รัฐธรรมนูญฉบับที่6 รัฐธรรมนูญนี้ได้กำหนดให้รัฐสภาประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรเพียงสภาเดียวแต่มีสมาชิกสองประเภทซึ่งมีจำนวนเท่ากันสมาชิกประเภทที่หนึ่งราษฎรเลือกตั้งโดยตรงอยู่ในตำแหน่งคราวละ 5 ปี และสมาชิกประเภทที่สองพระมหากษัตริย์ ส่วนคณะรัฐมนตรีประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างน้อย14คนและไม่เกิน28คนโดยให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ ในระหว่างที่มีการใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้คณะรัฐประหารภายใต้การนำของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ได้ยึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2500 และประกาศยุบเลิกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสองประเภทแต่มิได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญยังคงให้ใช้รัฐธรรมนูญต่อไปโดยแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชั่วคราวและตั้งสมาชิกประเภทที่สอง ขึ้นใหม่พร้อมทั้งประกาศให้มีการเลือกตั้งสมาชิกประเภทหนึ่ง แต่ในที่สุดคณะรัฐประหารชุดเติมก็ทำการรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองประกาศอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ และคราวนี้ได้ประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญไปด้วย รวมเวลาที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ 6ปี 7 เดือน กับ 12 วัน
26
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
27
รัฐธรรมนูญฉบับที่7 ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2502
รัฐธรรมนูญฉบับที่ ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2502 เป็นนัยของการล้าง ความหวังเพื่อเปลี่ยนไปสู่อนาคตที่ดีกว่า โดยมอบอำนาจเด็ดขาดให้คณะผู้ปกครองที่ใช้กำลังบังคับเข้ามาเป็นผู้หยิบยื่นให้โดยคณะทหารยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาล โดยอ้างความรุนแรงของภัยคุมคามของคอมมิวนิสต์ที่จำเป็นต้องฟื้นฟูด้วยวิธีการปฏิวัติซึ่งรัฐธรรมนูญเก่าไม่เอื้อให้กระทำได้จึงต้องยกเลิกเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนก่อนจึงจะทำจึงจะทำรัฐธรรมนูญใหม่ ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรพุทธศักราช2502เป็นธรรมนูญชั่วคราวซึ่งคณะปฏิวัติภายใต้การนำของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ร่างขึ้นและประกาศใช้เมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ.2502 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่สั้นที่สุดคือมีบทบัญญัติเพียง20มาตรารัฐธรรมนูญฉบับนี้ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเพื่อรอการร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรแต่ใช้มาเป็นเวลานานถึง 9 ปี5 เดือน จนถูกยกเลิกเมื่อสภาร่างรัฐธรรมนูญได้ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรเสร็จและประกาศใช้เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ.2511 รัฐธรรมนูญได้แยกฝ่ายบริหารแลฝ่ายนิติบัญญัติออกจากกันอย่างเด็ดขาดโดยให้ฝ่ายบริหารคือคณะรัฐมนตรีมีอำนาจค่อนข้างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจพิเศษตามมาตรา 17 ที่สั่งการหรือดำเนินการใดๆได้ด้วยเหตุผลเพื่อประโยชน์ในการระงับและปราบปรามการกระทำอันเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงของราชอาณาจักรหรือราชบัลลังก์ซึ่งโทษตามความผิดดังกล่าวมักจบลงด้วยการถูกสั่งประหารชีวิต
28
รัฐธรรมนูญฉบับที่8 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511
รัฐธรรมนูญฉบับที่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 เป็นนัยของการปฏิรูประบอบการปกครองโดยโน้มนาวให้เห็นประโยชน์และความจำเป็นของการแยกอำนาจบริหารออกจากอำนาจ นิติบัญญัติ รัฐสภาในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิมีจำนวนสามในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดของสภาผู้แทนราษฎร มีวาระการดำรงตำแหน่ง 6 ปี เมื่อครบ 3 ปี แล้วให้จับฉลากออกครึ่งหนึ่ง ส่วนสภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกซึ่งราษฎรเลือกตั้งโดยตรงตามอัตราส่วนประชากร 150,000 คนต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1 คน วุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีอำนาจมาก คณะรัฐมนตรีประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไม่น้อยกว่า 15 คนและไม่เกิน 30 คนโดยมีประธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนามสนองรับพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี รัฐธรรมนูญฉบับนี้ใช้มาได้เป็นเวลา 3 ปี 4 เดือน ก็มีอันต้องเลิกใช้เนื่องจากการปฏิวัติตัวเองของจอมพลถนอม กิตติขจร เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2514
29
รัฐธรรมนูญฉบับที่9 ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2515
รัฐธรรมนูญฉบับที่ ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2515 เป็นนัยของความระส่ำระส่ายของระบบรัฐสภา คณะทหารใต้การนำของจอมพลถนอม กิตติขจร ทำการปฏิวัติยึดอำนาจการปกครองโดยอ้างภัยคุกคามนอกประเทศและฝ่ายสภาก่อกวนฝ่ายบริหารเป็นการขัดขวางไม่ให้แก้ไขปัญหาของชาติ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการใช้รัฐธรรมนูญฉบับเก่า คณะปฏิวัติได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 และได้นำรัฐธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2515 มาประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญชั่วคราว เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ.2515 รัฐธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2515 เป็นการนำเอารัฐธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรพุทธศักราช 2502 มาแก้ไขปรับปรุงใหม่โดยมีบทบัญญัติรวมกันทั้งสิ้นเพียง 23 มาตรา และที่สำคัญคือได้นำเอาอำนาจพิเศษของนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 17 มาบัญญัติไว้ด้วย รัฐธรรมนูญชั่วคราวฉบับนี้มีเวลาในการบังคับใช้อยู่เพียง 1 ปี 9 เดือน ก็ต้องถูกยกเลิกไปเนื่องจากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ.2517
30
จอมพลถนอม กิตติขจร
31
รัฐธรรมนูญฉบับที่10 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2017
รัฐธรรมนูญฉบับที่10 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2017 เป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด เพราะร่างขึ้นภายหลังเหตุการณ์วันมหาวิปโยค 14 ตุลาคม พ.ศ โดยคณะกรรมร่างรัฐธรรมนูญและสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กระบวนการนี้เริ่มขึ้นเมื่อนาย สัญญา ธรรมศักดิ์ ซึ่งได้รับโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้เป็น นายกรัฐมนตรี หลังจากจอมพล ถนอม กิตติขจร ลาออก ได้แต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 18 คน เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2516 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระปรมาภิไธย ประกาศให้ใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ นับเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่10 ของประเทศไทย รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีระยะเวลาการใช้เพียง 2 ปีก็ยกเลิกโดยประกาศคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินภายในการนำของพล.ร.อ.สงัด ชะลออยู่ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519
32
เหตุการณ์ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519
33
รัฐธรรมนูญฉบับที่10 รัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีบทบัญญัติที่เปลี่ยนแปลงในทางก้าวหน้าและเป็นแบบเสรีนิยมมากขึ้นในหลายเรื่องด้วยกัน เริ่มต้นในหมวด 1 บท ทั่วไป ได้มีบทบัญญัติห้ามให้การนิรโทษกรรมแก่ผู้ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์หรือรัฐธรรมนูญ หมวด 2พระมหากษัตริย์ได้บัญญัติขึ้นเป็นครั้งแรกว่า ในกรณีสืบสันติวงศ์ได้ นอกจากนั้น ยังได้มีบทบัญญัติเพิ่มหลักประกันในเรื่องสิทธิเสรีภาพและประโยชน์ของประชาชนไว้มากกว่ารัฐธรรมนูญทุกฉบับที่ผ่านๆมา ก่อนหน้ นอกจากนั้น ยังได้มีบทบัญญัติเพิ่มหลักประกันในเรื่องสิทธิเสรีภาพและประโยชน์ของประชาชนไว้มากกว่ารัฐธรรมนูญทุกฉบับที่ผ่านๆมา
34
รัฐธรรมนูญฉบับที่10 เป็นครั้งแรกที่แยกข้าราชการประจำของของรัฐสภาออกจากข้าราชการประจำฝ่ายบริหาร ให้มีผู้ตรวจเงินแผ่นดินของรัฐสภาสังกัดฝ่ายรัฐสภา มีบทบัญญัติว่าด้วยการปกครองท้องถิ่น มีตุลาการรัฐธรรมนูญที่แตกต่างไปจากรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้านั้นโดยกำหนดให้รัฐสภา คณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการตุลาการ (ก.ต.) เป็นผู้เลือกผู้ทรงคุณวุฒิฝ่ายละ 3 คน เป็นตุลาการรัฐธรรมนูญและในเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้นำเอาหลักการออกเสียงประชามติในร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมมาบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญเป็นครั้งแรก คณะรัฐมนตรี ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรี 1 คนและรัฐมนตรีอีกไม่เกิน 30 คนนายกรัฐมนตรีต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรัฐมนตรีอีกไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนรัฐมนตรีทั้งหมดจะต้องเป็นสมาชิกวุฒิสภาหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยรัฐมนตรีจะเป็นข้าราชการประจำมิได้และต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิ้นต่อประธานรัฐสภา รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีระยะเวลาการใช้เพียง 2 ปีก็ยกเลิกโดยประกาศคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินภายในการนำของพล.ร.อ.สงัด ชะลออยู่ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519
35
รัฐธรรมนูญฉบับที่11 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2519
รัฐธรรมนูญฉบับที่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2519 คณะทหารภายใต้การนำของ พล.ร.อ.สงัด ชะลออยู่ ยึดอำนาจการปกครองโดย อ้างภัยคุกคามสถาบันพระมหากษัตริย์ และความล้มเหลวของระบบรัฐสภา จำเป็นต้องใช้รัฐธรรมนูญใหม่ช่วยปฏิรูปการเมือง หลังจากที่คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินได้เข้ายึดอำนาจและการประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2517 ต่อมาได้ทำการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นและประกาศใช้เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ.2519 โดยมี พล.ร.อ.สงัด ชะลออยู่ นั่นเองเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้บัญญัติให้มีสภาที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีคณะหนึ่ง มีหน้าที่ให้ความเห็นในเรื่องใดๆตามที่นายกรัฐมนตรีปรึกษาและทำหน้าที่อื่นตามรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ใช้ไปได้เพียง 1 ปีก็ถูกยกเลิกโดยประกาศคณะปฏิวัติภายใต้การนำของ พล.ร.อ.สงัด ชะลออยู่คนเดิม
36
รัฐธรรมนูญฉบับ12 รัฐธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2520
รัฐธรรมนูญฉบับ รัฐธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2520 เป็นนัยของการจัดระเบียบสังคมไทยโดยเร่งรัดและจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของการพัฒนา คณะทหารภายใต้การนำของ พล.ร.อ.สงัด ชะลออยู่ คนเดิม ได้ทำการปฏิวัติยึดอำนาจ โดยอ้างความแตกแยกของข้าราชการและความล่าช้าของขั้นตอนการพัฒนาประชาธิปไตย จำเป็นต้องใช้รัฐธรรมนูญใหม่เพื่อเร่งรัดให้เร็วขึ้น การปฏิวัติยึดอำนาจเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ.2520 ซึ่งได้ประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2519 ในวันเดียวกันจากนั้น ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2520 จึงได้มีการประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรพุทธศักราช 2520 โดยพล.ร.อ.สงัด ชะลออยู่ หัวหน้าคณะปฏิรูปเป็นผู้ลงนามสนอง พระบรมราชโองการ ธรรมนูญการปกครอง พุทธศักราช 2520 มีผลบังคับใช้เพียง 1 ปี 1 เดือน ก็สิ้นสุดลงเนื่องจากได้มีการประกาศใช้ธรรมนูญแห่งราชการอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2521
37
สภานโยบายแห่งชาติคุมคณะรัฐมนตรี
รัฐธรรมนูญฉบับ12 สภานิติบัญญัติแห่งชาติตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นรัฐสภาที่มีอำนาจน้อยที่สุด สภานโยบายแห่งชาติคุมคณะรัฐมนตรี ไม่มีอำนาจควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่มีสิทธิอภิปรายไม่วางใจหรือตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรี ไม่มีสิทธิแม้แต่จะเสนอร่างพระราชบัญญัติ เพราะอำนาจการเสนอกฎหมายเป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรีเท่า ข้าราชการประจำสามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ แต่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีจะเป็นสมาชิกสภาในขณะเดียวกันไม่ได้ นอกจากนั้น ยังได้กำหนดอำนาจพิเศษของนายกรัฐมนตรีไว้ในมาตรา 27 รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้กำหนดให้สภานโยบายแห่งชาติ ประกอบด้วยบุคคลในคณะปฏิวัติ โดยให้หัวหน้าคณะปฏิวัติเป็นประธานสภา ซึ่งในทางปฏิบัติอำนาจในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินตกอยู่กับสภานโยบายแห่งชาติ ประธานสภานโยบายแห่งชาติเป็นผู้ถวายคำแนะนำต่อมหากษัตริย์ เพื่อทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีนั้นรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้กำหนดให้ต้องปรึกษาและขอความเห็นจากสภานโยบายแห่งชาติ
38
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 13 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521
รัฐธรรมนูญฉบับที่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 เป็นนัยของการเคารพสิทธิและความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชน การศึกษารัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2521 จึงจำเป็นต้องแบ่งเป็นสองระยะ ระยะแรกคือระยะที่บทเฉพาะกาลยังมีผลบังคับใช้ คือตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน พ.ศ.2522 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งวันที่ 22 เมษายน พ.ศ.2522 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ จนถึงวันที่ 21 เมษายน 2526 ซึ่งเป็นวันที่ครบ 4 ปีเริ่มแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา ระยะที่สองเป็นระยะที่บทเฉพาะกาลเป็นอันยกเลิก คือ ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน เป็นต้นมา
39
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 13 หลังจากวันที่ 21 เมษายน 2526 เป็นต้นมาบทเฉพาะกาลที่ยกเว้นหลักการและสาระสำคัญบางประการของหมวด 6 รัฐสภา หมวด 7 คณะรัฐมนตรี และหมวดที่ 11 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญก็ถูกยกเลิกไปซึ่งทำให้ตัวบทของรัฐธรรมนูญในหมวดดังกล่าวมีผลใช้บังคับอย่างเต็มที่ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ใช้บังคับเป็นเวลาค่อนข้างยาวนานถึง 12 ปี 2 เดือน แต่ไดถูกยกเลิกโดยการรัฐประหารเมื่อคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (ร.ส.ช.) ภายใต้การนำของ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ได้เข้าทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศจากรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชาติชาย ชุณหวัณ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์
40
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 14 ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2534
รัฐธรรมนูญฉบับที่ ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2534 เป็นการปรับรื้อกติกาการปกครองใหม่ให้สามารถแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติได้ และมีความสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ร.ส.ช.) ยึดอำนาจโดยอ้างว่าคณะรัฐบาลใช้อำนาจข่มเหงรังแกข้าราชการ คอร์รัปชั่นเป็นเผด็จการรัฐสภา และแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม จึงต้องใช้รัฐธรรมนูญใหม่รองรับการใช้อำนาจของคณะทหารที่เข้ามาปกครองแทนเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในประเทศ หลังจากที่คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (ร.ส.ช.) ได้ทำการยึดอำนาจปกครองประเทศแล้ว ก็ได้นำร่างธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2534 ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2534ธรรมนูญการปกครองประเทศฉบับนี้ได้ให้อำนาจพิเศษแก่นายกรัฐมนตรีร่วมกับประธานรักษาสงบเรียบร้อยแห่งชาติโดยบัญญัติไว้ในมาตรา 27 ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2534 มีระยะเวลาการใช้บังคับถึง 9 เดือน 8 วัน เท่านั้น ก็ถูกยกเลิกไปจากผลการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2534
41
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 15 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534
รัฐธรรมนูญฉบับที่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 เป็นนัยของการตอกย้ำ ถึงเจตนารมณ์ดั้งเดิมของการถ่ายโอนอำนาจจากพระมหากษัตริย์ว่าควรจะตกถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง เป็นผลงานการยกร่างและจัดทำของสภานิติบัญญัติแห่งชาติอันประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 292 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำกราบบังคมทูลของประธานสภารักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (ร.ส.ช.) และได้นำขึ้นกราบทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายต่อพระมหากษัตริย์เพื่อลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2534 รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีบทบัญญัติรวมทั้งสิ้น 223 มาตรา ซึ่งภายหลังจากที่ได้ประกาศใช้แล้วได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมอีกรวม 6 ครั้ง รัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีระยะเวลาในการใช้บังคับรวมทั้งสิ้น 5 ปี 9 เดือน ซึ่งถูกยกเลิกโดยการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2540
42
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 16 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540
รัฐธรรมนูญฉบับที่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เป็นนัยของ การใช้รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือปฏิรูปการเมืองในระบอบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ให้ประชาชนสามารถเข้ามีส่วนร่วมทางการเมืองการปกครองและตรวจสอบการการใช้อำนาจรัฐเพิ่มขึ้น ปรับปรุงโครงสร้างทางการเมืองให้มีประสิทธิภาพและเสถียรภาพมากขึ้น การแยกกลไกให้เป็นอิสระแยกจากกันระหว่างกลไกฝ่ายที่ใช้อำนาจ ฝ่ายที่ตรวจสอบอำนาจ และฝ่ายที่กำกับอำนาจและเรียกร้องสิทธิ
43
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 16 กระบวนการและขั้นตอนร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สภาร่างรัฐธรรมนูญได้แต่งตั้งคณะกรรมาธิการสามัญขึ้นมาหกคณะ ประกอบด้วย 1. คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 2. คณะกรรมาธิการวิชาการข้อมูลและศึกษาแนวทางการร่างกฎหมายประรัฐธรรมนูญ 3. คณะกรรมาธิการวิชาการประชาสัมพันธ์ 4. คณะกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นและประชาพิจารณ์ 5. คณะกรรมาธิการจดหมายเหตุ จดบันทึกการประชุมและกิจการสภา 6. คณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญในขั้นแปรญัตติ นอกจากนั้นสภาร่างรัฐธรรมนูญยังได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญประจำจังหวัดขึ้นใน 76 จังหวัดๆ ละ 1 คน ประกอบด้วยกรรมาธิการ 15 คน มี ส.ส.ร. ของแต่ละจังหวัด เป็นประธานคณะกรรมาธิการโดยตำแหน่ง เรียกว่ากรรมาธิการชุดนี้ว่า “คณะกรรมาธิการวิสามัญรับฟังความคิดเห็นและประชาสัมพันธ์จังหวัด”และจากทำงานร่วมกันระหว่างคณะกรรมาธิการวิสามัญหกคณะกับคณะกรรมาธิการวิสามัญทั้ง 76 คณะอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องนั่นเองจึงได้เกิดกระบวนการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญที่พูดได้เต็มปากว่ามีความสมบูรณ์ชอบธรรม และประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด
44
หมวด 4 หน้าที่ของชาวไทย หมวด 5 แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 16 รัฐธรรมนูญฉบับนี้ แบ่งออกเป็น 12 หมวด ที่กำหนดโครงสร้างและหลักการเป็นข้อเดียวโดยไม่แบ่งย่อยออกเป็นส่วนๆ มีหมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์ หมวด 3 สิทธิเสรีภาพ หมวด 4 หน้าที่ของชาวไทย หมวด 5 แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ หมวด 7 คณะรัฐมนตรี หมวด 9 การปกครองส่วนท้องถิ่น หมวด 11 การตรวจเงินแผ่นดิน หมวด 12 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
45
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 16 หมวดที่แยกโครงสร้างและหลักการออกเป็นส่วนๆ ได้แก่ หมวด 6 รัฐสภา หมวด 8 ศาล หมวด 10 การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หมวดที่มีจำนวนมากที่สุด ได้แก่หมวด 6 รัฐสภา ซึ่งประกอบด้วย ส่วนที่ 1 บททั่วไป ส่วนที่ 2 สภาผู้แทนราษฎร ส่วนที่ 3 วุฒิสภา ส่วนที่ 4 คณะกรรมการเลือกตั้ง ส่วนที่ 5 บทที่ใช้แก่ทั้งสภาทั้งสอง ส่วนที่ 6 การประชุมร่วมกันของรัฐสภา ส่วนที่ 7 ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ส่วนที่ 8 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
46
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 17 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ( ฉบับชั่วคราว ) พุทธศักราช 2549
อันมี 39 มาตรา เป็นรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ หลังจากที่ได้กระทำการรัฐประหารเป็นผลสำเร็จ เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 หน่วยงานที่ตั้งขึ้นใหม่จากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2549 • สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่แทนรัฐสภา ทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา • คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่แทนศาลรัฐธรรมนูญ • สภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ / สมัชชาแห่งชาติของประเทศไทย ทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ ถาวร พ.ศ. 2550 • คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ ทำหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สินอดีตคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลที่ผ่านมา
47
คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
48
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 18 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
รัฐธรรมนูญฉบับที่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ร่างโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ในระหว่าง พ.ศ. 2549–2550 ภายหลังการรัฐประหารในประเทศโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้รับการแก้ไขเพิ่มเติมสองครั้งในเดือนมีนาคม พ.ศ ประเด็นที่แก้ไข คือ ระบบการเลือกตั้ง (แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 1 มาตรา 93-98) และหลักเกณฑ์ในการทำสนธิสัญญา (แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 มาตรา 190) วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติให้รัฐธรรมนูญนี้สิ้นสุดลง ยกเว้นหมวด 2 พระมหากษัตริย์และสิ้นสุดลงทุกมาตราเมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นผู้ร่าง
49
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 18 สภาร่างรัฐธรรมนูญ ได้วางแนวทางการร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่18นี้ โดยยึดตามแนวทางและแก้ไขจุดอ่อนของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากรัฐธรรมนูญนี้ 4 ประการ คือ 1. คุ้มครอง ส่งเสริม ขยายสิทธิและเสรีภาพ ของประชาชน 2. ลดการผูกขาดอำนาจรัฐ และเพิ่มอำนาจประชาชน 3. การเมืองมีความโปร่งใส มีคุณธรรม และจริยธรรม 4. ทำให้องค์กรตรวจสอบมีความอิสระ เข้มแข็ง และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
50
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับนี้ มีเนื้อหาสาระตามหมวดต่างๆ ดังต่อไปนี้
• คำปรารภ • หมวด 1 บททั่วไป (มาตรา 1-7) • หมวด 2 พระมหากษัตริย์ (มาตรา 8-25) • หมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย (มาตรา 26-69) • หมวด 4 หน้าที่ของชนชาวไทย (มาตรา 70-74) • หมวด 5 แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ (มาตรา 75-87) • หมวด 6 รัฐสภา (มาตรา ) • หมวด 7 การมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรงของประชาชน (มาตรา ) • หมวด 8 การเงิน การคลัง และงบประมาณ (มาตรา ) • หมวด 9 คณะรัฐมนตรี (มาตรา ) • หมวด 10 ศาล (มาตรา ) • หมวด 11 องค์กรตามรัฐธรรมนูญ (มาตรา ) • หมวด 12 การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ (มาตรา ) • หมวด 13 จริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ (มาตรา ) • หมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น (มาตรา ) • หมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ (มาตรา 291) • บทเฉพาะกาล (มาตรา )
51
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 19 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ( ฉบับชั่วคราว ) พุทธศักราช 2557
จัดร่างโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คณะผู้ยึดอำนาจการปกครองหลังรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานพระบรมราชานุญาตและลงพระปรมาภิไธยเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายทันที แทนที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เว้นหมวด 2 พระมหากษัตริย์ รัฐธรรมนูญฉบับนี้เปิดทางให้สถาปนาสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อใช้อำนาจนิติบัญญัติ คณะรัฐมนตรีชั่วคราวเพื่อรับผิดชอบการบริหารราชการแผ่นดิน สภาปฏิรูปแห่งชาติ (และต่อมาสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เพื่อดำเนินการปฏิรูปประเทศอย่างกว้างขวางและอนุมัติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทว่า รัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุกรอบเวลาที่แน่นอนสำหรับงานเหล่านี้ ปัจจุบันรัฐธรรมนูญฉบับนี้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อมีการประกาศใข้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ในวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยและพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ ที่กำหนดให้มีการแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพิ่มเติมจากเดิม 220 คนเป็น 250 คน โดยได้มีการประกาศลง ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ และให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2559
53
รัฐธรรมนูญฉบับที่ 20 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
รัฐธรรมนูญฉบับที่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 จัดร่างโดยคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ในระหว่าง พ.ศ. 2557–2560 ภายหลังการรัฐประหารในประเทศโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ โดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงลงพระปรมาภิไธยเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ และมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระราชโองการ เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ ได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญชุดแรก จำนวน 36 คน ซึ่งสมาชิกมาจากการแต่งตั้งทั้งหมด มีบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานแต่ในวันที่ 6 กันยายน พ.ศ สภาปฏิรูปแห่งชาติ มีมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมาธิการฯทำให้มีการตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ จำนวน 21 คน เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ และมีมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน
54
มีชัย ฤชุพันธุ์ นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยคนที่29
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
© 2024 SlidePlayer.in.th Inc.
All rights reserved.