ดาวน์โหลดงานนำเสนอ
งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ
ได้พิมพ์โดยPatrizia Capelli ได้เปลี่ยน 5 ปีที่แล้ว
1
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน
2
Psalm เพลงสดุดีบทที่ 73
3
A Psalm of Asaph 1Truly God is good to Israel, to those who are pure in heart. 1เพลงสดุดีของอาสาฟ แท้จริงพระเจ้าทรงดีต่ออิสราเอล ต่อบุคคลผู้มีใจบริสุทธิ์
4
2But as for me, my feet had almost stumbled, my steps had nearly slipped. 2แต่ข้าพเจ้าเล่า เท้าของข้าพเจ้าเกือบสะดุด ย่างเท้าของข้าพเจ้าหมิ่นพลาดเต็มทีแล้ว
5
3For I was envious of the arrogant when I saw the prosperity of the wicked. 3เพราะข้าพเจ้าริษยาคนจองหอง เมื่อข้าพเจ้าเห็นความเจริญรุ่งเรืองของคนอธรรม
6
4For they have no pangs until death; their bodies are fat and sleek
7
5They are not in trouble as others are; they are not stricken like the rest of mankind. 5เขาทั้งหลายไม่ลำบากอย่างคนอื่นๆ เขาทั้งหลายไม่รับภัยอย่างคนอื่นๆ
8
6Therefore pride is their necklace; violence covers them as a garment
9
7Their eyes swell out through fatness; their hearts overflow with follies. 7ตาของเขาพองด้วยความอ้วนพี จิตใจของเขามีแผนการชั่วอย่างล้นหลาม
10
8They scoff and speak with malice; loftily they threaten oppression
11
9They set their mouths against the heavens, and their tongue struts through the earth. 9เขาอ้าปากสู้ฟ้าสวรรค์ และลิ้นของเขาก็คะนองไปในโลก
12
10Therefore his people turn back to them, and find no fault in them
13
11And they say, “How can God know. Is there knowledge in the Most High
14
12Behold, these are the wicked; always at ease, they increase in riches. 12ดูเถิด คนอธรรมเป็นเช่นนี้แหละ อยู่อย่างสบายเสมอ และร่ำรวยขึ้น
15
13All in vain have I kept my heart clean and washed my hands in innocence. 13ข้าพเจ้ารักษาใจให้สะอาด และชำระมือด้วยความบริสุทธิ์ก็เปล่าประโยชน์
16
14For all the day long I have been stricken and rebuked every morning
17
15If I had said, “I will speak thus,” I would have betrayed the generation of your children. 15ถ้าข้าพระองค์ได้พูดว่า “ข้าพเจ้าจะพูดอย่างนี้” ข้าพระองค์จะไม่จริงต่อพวกบุตร ทั้งหลายของพระองค์อยู่แล้ว
18
16But when I thought how to understand this, it seemed to me a wearisome task, 16แต่เมื่อข้าพระองค์ตริตรองว่า จะเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างไร ข้าพระองค์รู้สึกว่า เป็นงานที่เหน็ดเหนื่อย
19
17until I went into the sanctuary of God; then I discerned their end
20
18Truly You set them in slippery places; You make them fall to ruin
21
19How they are destroyed in a moment, swept away utterly by terrors
22
20Like a dream when one awakes, O Lord, when You rouse Yourself, You despise them as phantoms. 20ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า เหมือนความฝันทั้งที่ตื่นอยู่ เมื่อตื่นอยู่ ท่านดูหมิ่นภาพของเขา
23
21When my soul was embittered, when I was pricked in heart, 21เมื่อจิตของข้าพระองค์ขมขื่น เมื่อข้าพระองค์เสียวแปลบถึงหัวใจ
24
22I was brutish and ignorant; I was like a beast toward You
25
1 John ยอห์น 2:17 17And the world is passing away along with its desires, but whoever does the will of God abides forever. 17และโลกกับสิ่งที่ยั่วยวนของโลกกำลังล่วงไป แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิตย์
26
Luke ลูกา 12: And he told them a parable, saying, “The land of a rich man produced plentifully, 16พระองค์จึงตรัสคำเปรียบข้อหนึ่งให้เขาฟังว่า “ไร่นาของเศรษฐีคนหนึ่งเกิดผลบริบูรณ์มาก
27
17and he thought to himself, ‘What shall I do, for I have nowhere to store my crops?’ 17เศรษฐีคนนั้นจึงคิดในใจว่า 'เราจะทำอย่างไรดี เพราะว่าเราไม่มีที่ที่จะเก็บผลของเรา'
28
18And he said, ‘I will do this: I will tear down my barns and build larger ones, and there I will store all my grain and my goods.
29
18เขาจึงคิดว่า 'เราจะทำอย่างนี้ คือจะรื้อยุ้งฉางของเราเสียและจะสร้างใหม่ให้โตขึ้น แล้วเราจะรวบรวมข้าวและสมบัติทั้งหมดของเราไว้ที่นั่น
30
19And I will say to my soul, Soul, you have ample goods laid up for many years; relax, eat, drink, be merry.’ 19แล้วเราจะว่าแก่จิตใจของเราว่า “จิตใจเอ๋ยเจ้ามีทรัพย์สมบัติมากเก็บไว้พอหลายปี จงอยู่สบาย กิน ดื่ม และรื่นเริงเถิด' ”
31
20But God said to him, ‘Fool
20But God said to him, ‘Fool! This night your soul is required of you, and the things you have prepared, whose will they be?’ 20แต่พระเจ้าตรัสแก่เขาว่า 'โอ คนโง่ ในคืนวันนี้ชีวิตของเจ้าจะต้องเรียกเอาไปจากเจ้า แล้วของซึ่งเจ้าได้รวบรวมไว้นั้นจะเป็นของใครเล่า'
32
21So is the one who lays up treasure for himself and is not rich toward God.” 21คนที่ส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัว และมิได้มั่งมีจำเพาะพระเจ้าก็เป็นเช่นนั้นแหละ”
33
23Nevertheless, I am continually with You; You hold my right hand
34
24You guide me with Your counsel, and afterward You will receive me to glory. 24พระองค์ทรงนำข้าพระองค์ด้วยคำปรึกษาของพระองค์ และภายหลังพระองค์จะทรงนำ ข้าพระองค์ให้ได้รับเกียรติยศ
35
25Whom have I in heaven but You
25Whom have I in heaven but You? And there is nothing on earth that I desire besides You. 25นอกจากพระองค์ ข้าพระองค์มิมีผู้ใดในฟ้าสวรรค์ นอกจากพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ไม่ปรารถนาใดใดในโลก
36
26My flesh and my heart may fail, but God is the strength of my heart and my portion forever. 26เนื้อหนังและจิตใจของข้าพระองค์จะวายไป แต่พระเจ้าทรงเป็นกำลังใจของข้าพระองค์ และเป็นส่วนของข้าพระองค์เป็นนิตย์
37
27For behold, those who are far from You shall perish; You put an end to everyone who is unfaithful to You. 27เพราะนี่แนะ บุคคลผู้ห่างเหินจากพระองค์จะพินาศ พระองค์ทรงให้บุคคลที่ไม่จริงต่อพระองค์ดับไป
38
28But for me it is good to be near God; I have made the Lord GOD my refuge, that I may tell of all Your works.
39
28แต่ส่วนข้าพระองค์ ที่จะเข้าใกล้พระเจ้านั้นดี ข้าพระองค์ได้ให้พระเจ้าเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะได้เล่าถึงพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์
40
Matthew มัทธิว 19: And behold, a man came up to him, saying, “Teacher, what good deed must I do to have eternal life?” 16ดูเถิด มีคนหนึ่งมาทูลพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องทำดีประการใด จึงจะได้ชีวิตนิรันดร์”
41
17And he said to him, “Why do you ask me about what is good
17And he said to him, “Why do you ask me about what is good? There is only one who is good. If you would enter life, keep the commandments.”
42
17พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “ท่านถามเราถึงสิ่งที่ดีทำไม ผู้ที่ดีมีแต่ผู้เดียว แต่ถ้าท่านปรารถนาจะเข้าในชีวิต ก็ให้ถือรักษาพระบัญญัติไว้”
43
Romans โรม 8:37 37No, in all these things we are more than conquerors through Him who loved us. 37แต่ว่าในเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านี้ เรามีชัยเหลือล้นโดยพระองค์ผู้ได้ทรงรักเราทั้งหลาย
44
Psalm เพลงสดุดีบทที่ 74
45
A Maskil of Asaph. 1O God, why do you cast us off forever
A Maskil of Asaph. 1O God, why do you cast us off forever? Why does your anger smoke against the sheep of your pasture?
46
1มัสคิลบทหนึ่งของอาสาฟ ข้าแต่พระเจ้า ไฉนพระองค์ทรงเหวี่ยงข้าพระองค์ทั้งหลายทิ้งเสียเป็นนิตย์ ไฉนความกริ้วของพระองค์จะกรุ่นขึ้นต่อแกะแห่งทุ่งหญ้า ของพระองค์
47
2Remember Your congregation, which You have purchased of old, which You have redeemed to be the tribe of Your heritage! Remember Mount Zion, where you have dwelt.
48
2ขอทรงระลึกถึงชุมนุมชนของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงชุบเลี้ยงมาแต่ดึกดำบรรพ์ ซึ่งพระองค์ทรงไถ่ไว้ให้เป็นเผ่าแห่งมรดกของพระองค์ ขอทรงระลึกถึงภูเขาศิโยน ซึ่งพระองค์ทรงเคยประทับนั้น
49
3Direct Your steps to the perpetual ruins; the enemy has destroyed everything in the sanctuary! 3ขอทรงนำย่างพระบาทของพระองค์ ไปยังที่ปรักหักพังเป็นนิตย์ ศัตรูได้ทำลายทุกสิ่งในสถานนมัสการ
50
4Your foes have roared in the midst of your meeting place; they set up their own signs for signs. 4พวกคู่อริของพระองค์คำรามอยู่กลางสถานประชุม ของพระองค์ เขาตั้งหมายสำคัญของเขาเองไว้เป็นหมายสำคัญ
51
5They were like those who swing axes in a forest of trees 5ดูเขาเป็นเหมือนคนยกขวานขึ้น เหนือพุ่มต้นไม้
52
6And all its carved wood they broke down with hatchets and hammers
53
7They set Your sanctuary on fire; they profaned the dwelling place of your name, bringing it down to the ground. 7เขาเอาไฟเผาสถานนมัสการของพระองค์ เขาทำลายความศักดิ์สิทธิ์แห่งสถานที่พระนาม ของพระองค์ประทับนั้นถึงดิน
54
8They said to themselves, “We will utterly subdue them”; they burned all the meeting places of God in the land. 8เขารำพึงในใจว่า “เราจะเอาชนะ เขาทั้งหลายให้สิ้นเชิง” เขาเผาบรรดาสถานประชุมของพระเจ้าที่ในแผ่นดินหมด
55
9We do not see our signs; there is no longer any prophet, and there is none among us who knows how long. 9พวกเราไม่เห็นหมายสำคัญทั้งหลายของเรา ไม่มีผู้เผยพระวจนะอีกแล้ว ในพวกเรา ไม่มีใครทราบว่านานเท่าใด
56
10How long, O God, is the foe to scoff
10How long, O God, is the foe to scoff? Is the enemy to revile your name forever? 10ข้าแต่พระเจ้า คู่อริจะเย้ยอยู่นานเท่าใด ศัตรูจะกล่าวหยาบช้าต่อพระนามของพระองค์เป็นนิตย์หรือ
57
11Why do you hold back your hand, your right hand
11Why do you hold back your hand, your right hand? Take it from the fold of your garment and destroy them! 11ไฉนพระองค์จึงหดพระหัตถ์ของพระองค์เสีย คือพระหัตถ์ขวาของพระองค์ ขอทรงเหยียดพระหัตถ์จาก พระทรวงของพระองค์ทำลายเขาเสีย
58
Lamentations เพลงคร่ำครวญ 5: Why do you forget us forever, why do you forsake us for so many days? 20เป็นไฉนพระองค์ทรงลืมพวกข้าพระองค์เสียเป็นนิตย์ เป็นไฉนได้ทรงทอดทิ้งพวกข้าพระองค์เสียนานดังนี้
59
21Restore us to yourself, O LORD, that we may be restored
21Restore us to yourself, O LORD, that we may be restored! Renew our days as of old— 21ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้กลับสู่พระองค์เถิด แล้วพวกข้าพระองค์จะกลับสู่พระองค์ ขอทรงฟื้นเดือนปีของข้าพระองค์ ให้เหมือนดังก่อน
60
22unless You have utterly rejected us, and You remain exceedingly angry with us. 22เว้นเสียแต่พระองค์ทรงสลัดทิ้ง พวกข้าพระองค์เสียแล้ว และพระองค์ทรงกริ้วพวกข้าพระองค์อย่างล้นพ้น
61
Jeremiah เยเรมีย์ 25:9 9behold, I will send for all the tribes of the north, declares the LORD, and for Nebuchadnezzar the king of Babylon, my servant, and I will bring them against this land and its inhabitants, and against all these surrounding nations. I will devote them to destruction, and make them a horror, a hissing, and an everlasting desolation.
62
9พระเจ้าตรัสว่า ดูเถิด เราจะเรียกเผ่าชนทั้งสิ้นของทิศเหนือและเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์บาบิโลนผู้รับใช้ของเรา และเราจะนำเขาทั้งหลายมาต่อสู้ แผ่นดินนี้และชาวเมืองนี้และบรรดา ประชาชาติเหล่านี้ซึ่งอยู่ล้อมรอบ เราจะทำลายเขาทั้งหลายให้สิ้นเชิง และเราจะกระทำเขาให้เป็นที่น่า หวาดเสียวและเป็นที่เยาะเย้ยและเป็นที่ร้างเปล่าเป็นนิตย์
63
Jeremiah เยเรมีย์ 29:10 10“For thus says the LORD: When seventy years are completed for Babylon, I will visit you, and I will fulfill to you my promise and bring you back to this place.
64
10“เพราะพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า เมื่อเจ็ดสิบปีแห่ง บาบิโลนครบแล้ว เราจะเยี่ยมเยียนเจ้าและจะให้คำสัญญาของเรา สำเร็จเพื่อเจ้าและจะนำเจ้ากลับมาสู่สถานที่นี้
65
12Yet God my King is from of old, working salvation in the midst of the earth. 12ถึงกระนั้น พระเจ้า กษัตริย์ของ ข้าพระองค์ ทรงอยู่แต่ดึกดำบรรพ์ ทรงประกอบกิจความรอดท่ามกลางแผ่นดินโลก
66
13You divided the sea by Your might; You broke the heads of the sea monsters on the waters. 13พระองค์ทรงแยกทะเลด้วยฤทธานุภาพ ของพระองค์ พระองค์ทรงหักหัวมังกรบนน้ำ
67
14You crushed the heads of Leviathan; You gave him as food for the creatures of the wilderness. 14พระองค์ทรงขยี้หัวทั้งหลายของเลวีอาธาน พระองค์ประทานมันให้เป็นอาหารของ สรรพสัตว์แห่งถิ่นทุรกันดาร
68
15You split open springs and brooks; you dried up ever-flowing streams
69
16Yours is the day, yours also the night; You have established the heavenly lights and the sun. 16วันเป็นของพระองค์ คืนเป็นของพระองค์ พระองค์ทรงสถาปนาดวงสว่างและดวงอาทิตย์
70
17You have fixed all the boundaries of the earth; You have made summer and winter. 17พระองค์ทรงจัดเขตทั้งสิ้นของแผ่นดินโลก พระองค์ทรงสร้างฤดูร้อนและฤดูหนาว
71
18Remember this, O LORD, how the enemy scoffs, and a foolish people reviles your name. 18ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงระลึกข้อนี้ว่า ศัตรูเยาะเย้ยอย่างไร และชนชาติโง่ได้กล่าวหยาบช้า ต่อพระนามของพระองค์อย่างไร
72
19Do not deliver the soul of your dove to the wild beasts; do not forget the life of your poor forever. 19ขออย่าทรงมอบวิญญาณนกเขา ของพระองค์แก่สัตว์ป่า ขออย่าทรงลืมชีวิตคนยากจนของพระองค์เป็นนิตย์
73
20Have regard for the covenant, for the dark places of the land are full of the habitations of violence. 20ขอสนพระทัยในพันธสัญญาของพระองค์ เพราะสถานที่มืดของแผ่นดินเต็มไปด้วยที่อยู่ ของความทารุณ
74
21Let not the downtrodden turn back in shame; let the poor and needy praise your name. 21ขออย่าให้ผู้ที่ถูกเหยียบย่ำได้อาย ขอให้คนจนและคนขัดสนสรรเสริญพระนามของพระองค์
75
22Arise, O God, defend your cause; remember how the foolish scoff at you all the day! 22ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงลุกขึ้น สู้คดีของพระองค์ ขอทรงระลึกว่าคนโง่เย้ยพระองค์อยู่วันยังค่ำ
76
23Do not forget the clamor of your foes, the uproar of those who rise against you, which goes up continually! 23ขออย่าทรงลืมเสียงของคู่อริของพระองค์ เสียงอึงคะนึงของปฏิปักษ์ของพระองค์ ซึ่งขึ้นไปอยู่เนืองนิตย์
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
© 2024 SlidePlayer.in.th Inc.
All rights reserved.