นักบวช อาจารย์สอง Satit UP.

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "นักบวช อาจารย์สอง Satit UP."— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 นักบวช อาจารย์สอง Satit UP

2 นักบวช อื่น ที่ไม่ใช่ บาทหลวง
คือ กลุ่มที่มิได้เป็นพระสงฆ์แต่เป็นผู้ถือความบริสุทธิ์คือไม่แต่งงาน ถือความจนสมถะไม่มีทรัพย์สิน มีความนบนอบคือเชื่อฟังคำสั่งผู้ใหญ่ ฯลฯ เช่น บราเดอร์(Brothers) ซิสเตอร์ (Sisters) แม่ชี(Nun) เป็นต้น

3 นักบวชของนิกายคาทอลิกไม่ว่าชายหรือหญิงมีกฎปฎิบัติอยู่หลายข้อแล้วแต่จิตตารมณ์ของแต่ละกลุ่ม/คณะอาจจะแตกต่างกันไปบ้างตามกฎระเบียบของกลุ่มคณะของตนเองแต่โดยทั่วไปแล้วจะมีกฎอยู่ 3 ข้อไม่ว่าคณะไหนนักบวชชายหรือหญิงต้องปฎิบัติ 1. บริสุทธิ์ ไม่ว่าชายหรือหญิงต้องถือความบริสุทธิ์(ไม่แต่งงานมีครอบครัว) 2. นบน้อม ไม่ว่าอธิการสั่งอะไรก็ต้องปฎิบัติ และเชื่อฟังอธิการใหญ่ 3. เข้าถึงความยากจน พวกนักบวชทำงานโดยจะไม่มีเงินเดือนของตัวเองแต่จะเป็นเงินของคณะ/โบสถ์ จะไม่ให้ความสำคัญกับเงินมากเกินไปโดยถือว่าเป็นการทำงานรับใช้พระเป็นเจ้า/ศาสนาไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง ผู้ที่จะเป็นนักบวช/พระสงฆ์ นอกจากจะได้รับการถูกฝึกตามระยะเวลาที่กำหนดแล้ว ยังจะต้องรับการถวายตัวปฎิญาณตนและเมื่อปฎิญาญตนแล้วสามารถออกจากการเป็นนักบวชก็ได้(ไม่บังคับ) แต่ว่าหากถวายตัวปฎิญาญตนแล้วจะมักไม่นิยมออกจากเป็นนักบวชเพราะถือว่า “หากผู้ใดเข้ามา คือ ปฎิญาญตนแล้วจะออกผู้นั้นก็ไม่คู่ควรกับอาณาจักสวรรค์ “ จึงไม่ค่อยมีใครออก

4 Nun

5 อธิการอาราม แอบบีย์(Abbey) คือ
ซึ่งทำหน้าที่เป็นพ่อหรือแม่ฝ่ายจิตวิญญาณของเหล่านักพรตที่อาศัยในแอบบีย์ แอบบีย์(Abbey) คือ อารามหรือคอนแวนต์(Convent)ในนิกายโรมันคาทอลิก ที่อยู่ภายใต้การปกครองของอธิการอาราม หัวหน้าอารามนักบวชชาย เรียก อธิการอาราม (Abbot) หัวหน้าอารามนักบวชหญิง เรียก อธิการิณีอาราม (Abbess)

6 นักพรตหญิง(Nun) คือ สตรีที่ถือคำปฏิญาณอย่างสง่า (solemn vows) นักพรตหญิง กับ ภคินี (หรือมักเรียกทับศัพท์ว่าซิสเตอร์(Sister)) ต่างกันที่นักพรตหญิงถือคำปฏิญาณตนอย่างสง่า ขณะที่ ภคินีถือคำปฏิญาณตนอย่างธรรมดา (simple vow) ปฏิญานตน 3 อย่าง ได้แก่ ความยากจน การถือโสด และการนอบน้อมเชื่อฟัง

7 สตรีจะเข้าฝึกตนในอาราม คอนแวนต์ หรือ แอบบีย์ จะต้องใช้เวลาทดสอบตนเองใน
โปสตูลันต์ ในฐานะโปสตูลันต์เป็นเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี ขั้นโนวิซ ถ้าผู้สมัครและคณะเห็นว่าพระเจ้าทรงมีกระแสเรียกให้เธอดำเนินชีวิตเช่นนี้ได้ ผู้สมัครนั้นก็จะได้รับแฮบิตซึ่งเป็นเครื่องแบบประจำคณะ (ตามปกติจะปรับปรุงบ้างเพื่อให้ต่างจากนักพรตหญิงที่ปฏิญาณตนโดยสมบูรณ์แล้ว เช่น ใช้ผ้าคลุมศีรษะสีขาวแทนที่จะเป็นสีดำ) ถือว่าได้รับขั้นโนวิซซึ่งกินเวลาอีกราว 1-2 ปี เพื่อลองใช้ชีวิตเป็นนักพรตหญิงโดยที่ยังไม่ต้องปฏิญาณตน ปฏิญาณตน เมื่อเสร็จขั้นโนวิซแล้วจึงเข้าปฏิญาณตนชั่วคราวซึ่งใช้เวลาอีกราว 1-3 ปี แต่ตามกฎหมายศาสนจักรคาทอลิกไม่ควรจะต่ำกว่า 3 ปีและไม่เกิน 6 ปี ในที่สุดจึงจะได้รับอนุญาตให้ปฏิญาณตนถาวรด้วยคำปฏิญาณอย่างสง่า (solemn vows)

8 สตรีจะเข้าฝึกตนในอาราม คอนแวนต์ หรือแอบบีย์ จะต้องใช้เวลาทดสอบตนเองใน
ภคิณี(ซิสเตอร์) : Sister ภคินีมักหมายถึงนักบวชหญิงที่ถือกฎระเบียบทางศาสนาทั่วไป และมักเน้นทำงานแพร่ธรรมแก่ประชาชน และงานบริการชุมชนด้านต่าง ๆ นักพรตหญิง : Nun มีความหมายแคบกว่าภคินี คือ นักพรตหญิงหมายถึง ภคินีที่เป็นสมาชิกของคณะนักบวชคาทอลิกที่ถือคำปฏิญาณตนอย่างสง่า (solemn vows) เพื่ออุทิศตนกับการเพ่งพินิจและรักษาเขตพรตอย่างเคร่งครัด (คืออยู่แต่ภายในเขตพรต) ขณะที่ภคินีมักหมายถึงนักบวชหญิงที่ถือศีลทั่วไป มักเน้นทำงานแพร่ธรรมแก่ประชาชน และงานสังคมสงเคราะห์ อย่างไรก็ตามคณะภคินีหลายคณะในปัจจุบันก็เน้นการเพ่งพินิจด้วยเช่นกัน ปฏิญาณตน เมื่อเสร็จขั้นนี้จึงเข้าปฏิญาณตนชั่วคราวซึ่งใช้เวลาอีกราว 1-3 ปี แต่ตามกฎหมายศาสนจักรไม่ควรจะต่ำกว่า 3 ปีและไม่เกิน 6 ปี ในที่สุดจึงจะได้รับอนุญาตให้ปฏิญาณตนถาวรด้วยคำปฏิญาณอย่างสง่า

9 สตรีจะเข้าฝึกตนในอาราม คอนแวนต์ หรือแอบบีย์ จะต้องใช้เวลาทดสอบตนเองใน
ภคิณี(ซิสเตอร์) : Sister ภคินีมักหมายถึงนักบวชหญิงที่ถือกฎระเบียบทางศาสนาทั่วไป และมักเน้นทำงานแพร่ธรรมแก่ประชาชน และงานบริการชุมชนด้านต่าง ๆ นักพรตหญิง : Nun มีความหมายแคบกว่าภคินี คือนักพรตหญิงหมายถึงภคินีที่เป็นสมาชิกของคณะนักบวชคาทอลิกที่ถือคำปฏิญาณตนอย่างสง่า เพื่ออุทิศตนกับการเพ่งพินิจและรักษาเขตพรตอย่างเคร่งครัด (คืออยู่แต่ภายในเขตพรต) ขณะที่ภคินีมักหมายถึงนักบวชหญิงที่ถือศีลทั่วไป มักเน้นทำงานแพร่ธรรมแก่ประชาชน และงานสังคมสงเคราะห์ อย่างไรก็ตามคณะภคินีหลายคณะในปัจจุบันก็เน้นการเพ่งพินิจด้วยเช่นกัน ปฏิญาณตน เมื่อเสร็จขั้นนี้จึงเข้าปฏิญาณตนชั่วคราวซึ่งใช้เวลาอีกราว 1-3 ปี แต่ตามกฎหมายศาสนจักรไม่ควรจะต่ำกว่า 3 ปีและไม่เกิน 6 ปี ในที่สุดจึงจะได้รับอนุญาตให้ปฏิญาณตนถาวรด้วยคำปฏิญาณอย่างสง่า

10 คอนแวนต์ (convent)คือ ชุมชนของ บาทหลวง ภราดา นักพรตหญิง หรือ ภคินี หรืออาจหมายถึงตัวอาคารที่ชุมชนนักบวชเหล่านี้ใช้พักอาศัย ในปัจจุบันคำว่าคอนแวนต์มักใช้หมายถึงเฉพาะชุมชนนักบวชหญิง ขณะที่คำว่า “อาราม ไพรออรี หรือ ไฟรอารี “ จะใช้กับชุมชนนักบวชชาย แต่ในอดีตคำเหล่านี้มักใช้แทนกันได้ ในทางเทคนิค คำว่า "อาราม" จะหมายถึงชุมชนนักพรต ขณะที่ "คอนแวนต์" คือชุมชนของนักบวชภิกขาจาร (ถ้าเป็นของไฟรเออร์จะมีชื่อเรียกเฉพาะว่า "ไฟรอารี") "แคนันรี" คือชุมชนแคนันที่สังกัดคณะนักบวช "แอบบีย์" และ "ไพรออรี" คืออารามและแคนันรีนั่นเอง แต่ต่างกันที่แอบบีย์มีคุณพ่ออธิการเป็นหัวหน้า แต่ไพรออรีเป็นสำนักที่มิอิสระน้อยกว่าและปกครองโดยไพรเออร์ ในประเทศไทย เนื่องจากภคินี(ซิสเตอร์)คาทอลิกในประเทศไทยส่วนมากทำงานด้านการศึกษา คอนแวนต์ในประเทศไทยจึงมักเปิดเป็นโรงเรียนด้วย เช่น โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ และโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์เป็นคอนแวนต์ของคณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์เป็นคอนแวนต์ของคณะภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ เป็นต้น

11 อาราม (Monastery) อาราม (Monastery) คือสิ่งก่อสร้างหรือกลุ่มสิ่งก่อสร้างที่ประกอบด้วยทั้งสิ่งก่อสร้างที่ใช้ในพิธีศาสนา ที่เป็นสำนักงานบริหารของศาสนสถาน และที่เป็นที่พำนักของนักพรตที่ประจำอยู่ในอาราม ผู้ที่อาจจะเป็นกลุ่มนักพรตหรือนักพรตที่อยู่โดดก็ได้เช่น ฤๅษี (hermit) สำหรับอารามคริสต์ศาสนามีขนาดแตกต่างกันไป ตั้งแต่เป็นที่อยู่อาศัยขนาดเล็กที่เป็นที่พำนักของฤๅษีเดียว (hermit) เป็นสิ่งก่อสร้างหลังเดียวที่เป็นที่พำนักของนักพรตอาวุโสรูปหนึ่งไปจนถึงเป็นจำนวนร้อยก็ได้ ในภาษาอังกฤษคำว่า Monastery โดยทั่วไปแล้วใช้สำหรับกลุ่มสิ่งก่อสร้างของชุมนุมนักพรต ส่วนคำว่า คอนแวนต์ มักจะใช้สำหรับกลุ่มสิ่งก่อสร้างของชุมนุมนักบวชหญิงหรือชี ศาสนาอื่นๆ อาจจะใช้คำอื่นในการเรียกอารามตามแต่จะเหมาะสม อารามคริสต์ศาสนาอาจจะมีวิธีหารายได้เลี้ยงตัวเองหลายวิธีเช่นการสร้างหรือผลิตและขายสินค้าที่มักจะเป็นสินค้าทางการเกษตรกรรมเช่นเนยแข็ง ไวน์ เหล้า เบียร์ หรือผลิตผลจากผลไม้เช่นแยม ผลิตงานหัตกรรมที่ใช้ในศาสนา หรืออาจจะจากเงินบริจาค, จากรายได้ค่าเช่า, จากการลงทุน ในปัจจุบันอารามก็ปรับวิถีการดำเนินการให้เข้ากับโลกสมัยใหม่เช่นในการให้เช่าสถานที่สำหรับการสัมมนา ฝึกสมาธิ หรือโรงแรม หรือขายบริหารคอมพิวเตอร์ การบัญชี หรือการบริหารโรงเรียน วิทยาลัย หรือ มหาวิทยาลัย เป็นต้น

12 ช่วงสหัสวรรษแรก คณะนักบวชทั้งชายและหญิงจะอุทิศตนกับการอธิษฐานและการเพ่งพินิจ มีการตั้งอาราม แอบบีย์ และคอนแวนต์ในที่ชนบทห่างไกล หรือแยกขาดจากโลกภายนอกด้วยการกำหนดเขตพรต ต่อมามีคณะนักบวชภิกขาจารเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 13 ซึ่งถือวัตรที่ผสมผสานกันทั้งการอธิษฐานและอุทิศตนต่อพระเจ้าผ่านงานเทศน์ ฟังคำสารภาพบาป ช่วยเหลือผู้ยากไร้ สมาชิกโดยส่วนมากของคณะนักบวชนี้จะถูกเรียกว่าไฟรอาร์ ไม่ใช่นักพรต

13 ประเภทของคณะ คณะนักบวชคาทอลิกแบ่งได้เป็นหลายประเภทตามพระพรพิเศษ จิตวิญญาณ และพันธกิจ ซึ่งแต่ละคณะมีแตกต่างกัน โดยคร่าว ๆ แบ่งได้ดังนี้ - คณะนักบวชอารามิก (monastic order) เช่น คณะเบเนดิกติน คณะคาร์ทูเซียน คณะซิสเตอร์เชียน - คณะนักบวชภิกขาจาร (mendicant order) เช่น คณะฟรันซิสกัน คณะดอมินิกัน คณะออกัสติเนียน คณะคาร์เมไลท์ - คณะนักบวชธรรมทูต (missionary order) เน้นพันธกิจงานการเป็นมิชชันนารี(Missionary) ในการประกาศศาสนาและบริการสังคม เช่น คณะแห่งพระเยซูเจ้า คณะพระมหาไถ่ - คณะนักบวชการสอน (teaching order) เน้นพันธกิจงานด้านการศึกษา เช่น คณะภราดาลาซาล คณะภราดาเซนต์คาเบรียล คณะซาเลเซียนของคุณพ่อบอสโก

14 คณะนักบวชภิกขาจาร (mendicant order) คณะนักบวชภิกขาจาร คือกลุ่มนักบวชที่ไม่ถือครองกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินใด ๆ (หรือครอบครองเฉพาะที่จำเป็น) ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือในนามองค์กร แต่อาศัยปัจจัยยังชีพจากฆราวาสหรือของที่ถูกทิ้งแล้ว และจะจาริกเดินทางไปเรื่อย ๆ ไม่อาศัยประจำอยู่ที่แห่งใดโดยเฉพาะ นักบวชภิกขาจารในศาสนาคริสต์เป็นคณะนักบวชคาทอลิกประเภทหนึ่ง ที่มีต้นกำเนิดมาจากนักบุญสำคัญ 2 ท่าน คือ นักบุญฟรานซิสแห่งอัสซีซีผู้ก่อตั้งคณะฟรันซิสกัน และนักบุญดอมินิกผู้ก่อตั้งคณะดอมินิกัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อปฏิรูปคริสตจักรคาทอลิกให้หันกลับมาเน้นพันธกิจตามพระวรสาร(คำสอนของพระเยซู) คือ การประกาศข่าวดี การใช้ชีวิตแบบยากจน ถ่อมตน นักบวชภิกขาจารเหล่านี้เรียกว่าไฟรอาร์(Friar) ในยุคกลาง มีคณะนักบวชภิกขาจารดั้งเดิมอยู่ 4 คณะ คือ คณะฟรันซิสกัน คณะคาร์เมไลท์ คณะดอมินิกัน คณะออกัสติเนียน

15 คณะนักบวชนิกายโรมันคาทอลิก
ในนิกายโรมันคาทอลิก คณะนักบวช หรือ สถาบันนักบวช (religious institute) เป็นองค์การของชาวคาทอลิกที่สละชีวิตทางโลกมาถือบวชตลอดชีวิต เพื่ออุทิศตนทำงานรับใช้ศาสนาในพระศาสนาจักรเพียงอย่างเดียว และอยู่รวมกันเป็น คณะนักบวช (order, society หรือ congregation) โดยคณะนักบวชแต่ละคณะมีแนวทางการทำงานและเน้นวัตรปฏิบัติแตกต่างกันไป เรียกว่า คณะนักบวช แล้ว ราชบัณฑิตยสถานยังบัญญัติให้เรียกว่า คณะนักพรต และ คณะนักบวชถือพรต โดยถือว่ามีความหมายเดียวกัน ส่วนประมวลกฎหมายพระศาสนจักรคาทอลิกใช้ถ้อยคำว่า คณะสถาบันนักพรต

16 การเข้าคณะนักบวช หญิงที่ปรารถนาจะเข้าเป็นนักบวชไม่ว่าสังกัดในคณะใด ต้องติดต่อกับคณะนั้น โดยตรง โดยทั่วไปนักบวชจะต้องปฏิญาณตน 3 ข้อเป็นพื้นฐานคือ 1. เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา (คือเจ้าอธิการคณะ) 2. ถือโสดตลอดชีวิต 3. ไม่ถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินใด ๆ นอกจาก 3 ข้อนี้แล้วผู้สมัครยังต้องปฏิญาณข้ออื่น ๆ อีกตามแต่ละคณะจะกำหนดไว้ และยังต้องรักษาวินัยประจำคณะ ซึ่งจะแตกต่างกันไปอีกเช่นกัน วินัยเหล่านี้เป็นที่อนุมัติของสันตะสำนักวาติกัน เมื่อตัดสินใจเข้าคณะ ผู้สมัครจะต้องรับการอบรมในฐานะโปสตูลันต์ (postulant) เพื่อฝึกการปฏิบัติศาสนกิจเป็นเวลา 6 เดือน และเป็นโนวิซ (novice) อีกอย่างน้อย 2 ปี เมื่อครบแล้วจึงขอปฏิญาณตนเป็นสมาชิกของคณะ การปฏิญาณจะทำ 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นการปฏิญาณเพื่อถวายตัวชั่วคราว ซึ่งจะกินเวลา 1-3 ปี เมื่อครบกำหนดแล้วผู้สมัครมั่นใจและมีความพร้อมจะเป็นนักบวชได้ตลอดชีพก็จะทำการปฏิญาณตนอีกครั้งเพื่อถวายตัวตลอดชีพ เมื่อเป็นนักบวชในคณะโดยสมบูรณ์แล้ว นักบวชจะต้องปฏิบัติศาสนกิจในสังกัดคณะตลอด เว้นแต่จะละเมิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกขับออกจากคณะ ส่วนคณะก็ต้องรับผิดชอบความเป็นอยู่ของนักบวชในทุกด้าน ทั้งที่พักอาศัย (ซึ่งนักบวชจะต้องอาศัยอยู่ร่วมกันในอาราม หรือบ้านพักของคณะ) ค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย เป็นต้น

17 ไฟรเออร์ ไฟรเออร์ (Friar) เป็นนักบวชคาทอลิกประเภทหนึ่ง ซึ่งสังกัดคณะนักบวชภิกขาจาร (ไฟรเออร์ อังกฤษ Friar ,ภาษาฝรั่งเศส frère ,ภาษาละติน frater) แปลว่า ภราดา (พี่น้องชาย) เป็นคำที่ คริสตชนยุคแรกใช้เรียกกันภายในกลุ่มเพื่อแสดงความสัมพันธ์ฉันพี่น้อง นักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซีจึงนำคำนี้มาใช้เป็นชื่อคณะนักบวชที่ตนเองก่อตั้งขึ้น ว่า Ordo Fratrum Minorum (ในประเทศไทยแปลกันว่า คณะภราดาน้อย)

18 ไฟรเออร์ ข้อแตกต่างระหว่างไฟรอาร์กับนักพรต ไฟรเออร์(Friar)และนักพรต(monk) ต่างเป็นนักบวชนิกายคาทอลิก แต่มีวัตรปฏิบัติต่างกัน ไฟรเออร์เป็นนักบวชที่เน้นวัตรด้านเผยแพร่ศาสนา ทำงานสังคมสงเคราะห์ และเข้าหาสังคม ยุคแรก ๆ ไฟรเออร์ไม่มีที่พักประจำ แต่จะเร่ร่อนไปเรื่อยๆ ดำรงชีวิตโดยขอปัจจัยยังชีพจากประชาชน ไฟรเออร์จึงมีความเป็นอยู่ใกล้ชิตกับสังคมมาก ขณะที่นักพรตจะเน้นวัตรการอธิษฐาน (prayer) การเข้าฌาน(contemplation) มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งเรียกว่าอารามซึ่งแยกต่างหากจากสังคมยังชีพด้วยการเกษตรเลี้ยงตนเองภายในอารามนั้น (นักพรต(monk)มีความปลีกวิเวกจากสังคมมากกว่าไฟรเออร์)

19 คณะนักบวชไฟรเออร์ : Friar ตามสภาสังคายนาลียงครั้งที่สอง ระบุว่าคณะไฟรเออร์แบ่งเป็น 2 ชั้น คือคณะใหญ่ 4 คณะ ซึ่งได้ก่อตั้งในช่วงศตวรรษที่ 13 ได้แก่ 1. คณะดอมินิกัน (Dominicans)หรือที่รู้จักในนาม คณะนักเทศน์ ได้รับฉายาว่าไฟรเออร์ชุดดำ (Black Friars) เพราะสวมเสื้อคลุมยาวสีดำทับแฮบิต คณะนี้ก่อตั้งโดยนักบุญดอมินิกแห่งออสมา (Saint Dominic of Osma) ในปี ค.ศ คณะฟรันซิสกัน (Franciscans) หรือที่รู้จักในนาม คณะภราดาน้อย หรือที่รู้จักกันในนามมีฉายาว่าไฟรเออร์ชุดเทา (Grey Friar) ก่อตั้งโดยนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี 3. คณะคาร์เมไลท์ (Carmelites) หรือ คณะภราดาพระนางมารีย์พรหมจารีแห่งภูเขาคาร์แมล ได้รับฉายาว่าไฟรเออร์ชุดขาว(White Friars) 4. คณะออกัสติเนียน (Augustinians) หรือ คณะฤๅษีแห่งนักบุญออกัสติน เดิมเป็นกลุ่มฤๅษีที่ยึดถือวินัยของนักบุญออกัสตินแห่งฮิปโป

20 คณะนักบวชไฟรเออร์ กลุ่มย่อย คณะเล็กมี 10 คณะ ได้แก่
คณะทรินิแทเรียน(Trinitarians) ก่อตั้งในปี ค.ศ คณะเมอร์ซีดาเรียน(Mercedarians) ก่อตั้งในปี ค.ศ คณะผู้รับใช้(Servites) ก่อตั้งในปี ค.ศ คณะมินิม(Minims) ก่อตั้งในปี ค.ศ คณะภราดาน้อยคอนเวนชวล(Third Order Regular of St. Francis) ก่อตั้งในปี ค.ศ คณะภราดาน้อยกาปูชิน ก่อตั้งในปี ค.ศ คณะคาร์เมไลท์ไม่สวมรองเท้า (Discalced Carmelites)ก่อตั้งในปี ค.ศ คณะออกัสติเนียนรีคอลเลกต์ (Order of Augustinian Recollects)ก่อตั้งในปี ค.ศ คณะทรินิแทเรียนไม่สวมรองเท้า(Discalced Trinitarians) ก่อตั้งในปี ค.ศ คณะการชดใช้บาป(Discalced Carmelites) ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1781

21 นักบวชหญิงนิกาย Catholic การแต่งกายของแม่ชีนั้น จะแตกต่างกันไปตามกลุ่มคณะ แต่ละคณะของตนเอง

22 แม่ชีจะมีในนิกาย Catholic และ นิกาย Orthodox เท่านั้น ไม่มีในนิกาย Protestant แม่ชีนิกาย Catholic (ภาพ)

23 นักบวชหญิงนิกาย Catholic

24 แม่ชีนิกาย Catholic ( nun )

25 แม่ชี ( nun ) นิกาย Orthodox แม่ชีนิกาย Orthodox (nun)

26 พ่า แม่ชีนิกาย Orthodox (nun)

27 นักพรตชาย (monk) คุณพ่อ (Father) บาทหลวง(Priest) ฤาษี บราเดอร์(Brother) ซีสเตอร์(Sister ; religious sister) มาแม คุณแม่(Mother) = เจ้าอธิการหญิง(อธิการริณี) คุณแม่อธิการิณี นักพรตหญิง : แม่ชี (Nun) ไพรออร์(Friar) ภารดา ภคิณี แม่อธิการ(แม่อธิการิณี) อาราม (Monastery) คอนแวนต์ (Convent)


ดาวน์โหลด ppt นักบวช อาจารย์สอง Satit UP.

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google