ดาวน์โหลดงานนำเสนอ
งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ
ได้พิมพ์โดยDoris Leonard ได้เปลี่ยน 6 ปีที่แล้ว
1
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน
2
Psalm เพลงสดุดีบทที่ 110
3
A Psalm of David. 1The LORD says to my Lord: “Sit at my right hand, until I make your enemies your footstool.”
4
1เพลงสดุดี ของดาวิด พระเจ้าตรัสกับพระองค์ผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า “จงนั่งที่ข้างขวาของเรา จนกว่าเราจะกระทำให้ศัตรูของเจ้าเป็นแท่นรองเท้า ของเจ้า”
5
2The LORD sends forth from Zion your mighty scepter
2The LORD sends forth from Zion your mighty scepter. Rule in the midst of your enemies! 2พระเจ้าทรงใช้คทาทรงฤทธิ์ของพระองค์ท่านไปจากศิโยน จงครอบครองท่ามกลางศัตรูของพระองค์ท่านเถิด
6
3Your people will offer themselves freely on the day of your power, in holy garments; from the womb of the morning, the dew of your youth will be yours.
7
3ชนชาติของพระองค์ท่านจะสมัครถวายตัวของเขาด้วย ความเต็มใจ ในวันที่พระองค์ท่านนำพลโยธาของพระองค์ท่านไป บนภูเขาบริสุทธิ์ จากครรภ์ของอรุโณทัย น้ำค้างแห่งวัยหนุ่มเป็นของพระองค์ท่าน
8
Matthew มัทธิว 22: Now while the Pharisees were gathered together, Jesus asked them a question, 41เมื่อพวกฟาริสี ยังประชุมอยู่ที่นั่น พระเยซูทรงถามว่า
9
42saying, “What do you think about the Christ. Whose son is he
42saying, “What do you think about the Christ? Whose son is he?” They said to him, “The son of David.” 42“พวกท่านคิดอย่างไรด้วยเรื่องพระคริสต์พระองค์ทรงเป็นเชื้อสายของผู้ใด” เขาตอบว่า “เป็นเชื้อสายของดาวิด”
10
43He said to them, “How is it then that David, in the Spirit, calls him Lord, saying, _ 43พระองค์ตรัสถามเขาว่า “ถ้าอย่างนั้นเป็นไฉนดาวิด โดยเดชพระวิญญาณจึงได้เรียกพระองค์ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าและรับสั่งว่า
11
44“‘The Lord said to my Lord, Sit at my right hand, until I put your enemies under your feet’? 44พระเจ้าตรัสกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า 'จงนั่งที่ขวามือของเรา จนกว่าเราจะปราบศัตรูของท่านให้อยู่ใต้เท้าของท่าน'
12
45If then David calls him Lord, how is he his son
13
46And no one was able to answer Him a word, nor from that day did anyone dare to ask Him any more questions. 46ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใด อาจที่จะตอบพระองค์สักคำหนึ่ง ตั้งแต่วันนั้นมา ไม่มีใครกล้าซักถามพระองค์ต่อไป
14
Revelation 22:16 16“I, Jesus, have sent my angel to testify to you about these things for the churches. I am the root and the descendant of David, the bright morning star.”
15
16“เราคือเยซูผู้ใช้ให้ทูตสวรรค์ของเรา ไปเป็นพยานสำแดงเหตุการณ์เหล่านี้แก่ท่าน เพื่อคริสตจักรทั้งหลาย เราเป็นเชื้อสายของดาวิด และเป็นดาวประจำรุ่งอันสุกใส”
16
Hebrews ฮีบรู1:3 3He is the radiance of the glory of God and the exact imprint of his nature, and he upholds the universe by the word of his power. After making purification for sins, he sat down at the right hand of the Majesty on high,
17
3พระบุตรทรงเป็นแสงสะท้อนพระสิริของพระเจ้า และทรงมีสภาวะเป็นพิมพ์เดียวกันกับพระองค์ และทรงผดุงโลกไว้ด้วยพระดำรัสอันทรงฤทธิ์ของพระองค์ เมื่อพระองค์ได้ทรงชำระบาปแล้ว ก็ได้ประทับ ณ เบื้องขวาของพระเจ้าเบื้องบน
18
1 Peter 3:22 22who has gone into heaven and is at the right hand of God, with angels, authorities, and powers having been subjected to him. 22พระองค์เสด็จสู่สวรรค์ และทรงสถิตอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้าแล้ว มีพวกทูตสวรรค์และศักดิเทพ และอิทธิเทพทั้งหลายอยู่ใต้อำนาจของพระองค์ทั้งสิ้น
19
Ephesians เอเฟซัส 1:21 21far above all rule and authority and power and dominion, and above every name that is named, not only in this age but also in the one to come.
20
21สูงยิ่งเหนือบรรดาเทพผู้ครอง เหนือศักดิเทพ เหนืออิทธิเทพ เหนือเทพอาณาจักร และเหนือนามทั้งปวงที่เขาเอ่ยขึ้น มิใช่ในยุคนี้เท่านั้น แต่ในยุคที่จะมาถึงด้วย
21
Colossians โคโลสี 2:9-10 9For in him the whole fullness of deity dwells bodily, 9เพราะว่าในพระองค์นั้น สภาพของพระเจ้าดำรงอยู่อย่างบริบูรณ์
22
10and you have been filled in Him, who is the head of all rule and authority. 10และท่านได้บรรลุถึงความครบบริบูรณ์ในพระองค์ ผู้เป็นศีรษะแห่งปวงเทพผู้ครองและศักดิเทพ
23
Philippians ฟีลิปปี 2:9-11 9Therefore God has highly exalted Him and bestowed on Him the name that is above every name, 9เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงยกพระองค์ขึ้นอย่างสูง และได้ประทานพระนามเหนือนามทั้งปวงให้แก่พระองค์
24
10so that at the name of Jesus every knee should bow, in heaven and on earth and under the earth, 10เพื่อเพราะพระนามนั้นทุกเข่า ในสวรรค์ ที่แผ่นดินโลก ใต้พื้นแผ่นดินโลก จะคุกลงกราบ พระเยซู
25
11and every tongue confess that Jesus Christ is Lord, to the glory of God the Father. 11และเพื่อทุกลิ้นจะยอมรับ ว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า อันเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระบิดาเจ้า
26
1 Corinthians โครินธ์ 15: Then comes the end, when He delivers the kingdom to God the Father after destroying every rule and every authority and power. 24ต่อจากนั้นจะเป็นวาระที่สุด บัดนั้นพระคริสต์จะทรงมอบแผ่นดินไว้แก่พระบิดาเจ้า เมื่อพระองค์จะได้ทรงทำลายเทพผู้ครอง ศักดิเทพและอิทธิเทพหมดแล้ว
27
25For He must reign until He has put all His enemies under His feet
28
Ephesians เอเฟซัส 1:22 22And He put all things under His feet and gave Him as head over all things to the church, 22พระเจ้าได้ทรงปราบสิ่งสารพัดลงไว้ใต้พระบาทของพระคริสต์ และได้ทรงตั้งพระองค์ไว้เป็นประมุขเหนือสิ่งสารพัดแห่งคริสตจักร
29
Isaiah อิสยาห์ 2:1-4 1The word that Isaiah the son of Amoz saw concerning Judah and Jerusalem. 1ถ้อยคำซึ่งอิสยาห์บุตรชายของอามอสเห็น เกี่ยวกับยูดาห์และเยรูซาเล็ม
30
2It shall come to pass in the latter days that the mountain of the house of the LORD shall be established as the highest of the mountains, and shall be lifted up above the hills; and all the nations shall flow to it,
31
2ในยุคหลังจะเป็นดังนี้ คือภูเขาแห่งพระนิเวศของพระเจ้า จะถูกสถาปนาขึ้นให้สูงที่สุดในจำพวกภูเขาทั้งหลาย และจะถูกยกขึ้นให้เหนือบรรดาเนินเขา และประชาชาติทั้งสิ้นจะหลั่งไหลเข้ามาหา
32
3and many peoples shall come, and say: “Come, let us go up to the mountain of the LORD, to the house of the God of Jacob, that He may teach us His ways and that we may walk in his paths.” For out of Zion shall go the law, and the word of the LORD from Jerusalem.
33
3และชนชาติทั้งหลายเป็นอันมากจะมากล่าวว่า “มาเถิด ให้เราขึ้นไปยังภูเขาของพระเจ้า ยังพระนิเวศแห่งพระเจ้าของยาโคบ เพื่อพระองค์จะทรงสอนวิถีของพระองค์แก่เรา และเพื่อเราจะเดินในมรรคาของพระองค์” เพราะว่าพระธรรมจะออกมาจากศิโยน และพระวจนะของพระเจ้าจะออกมาจากเยรูซาเล็ม
34
4He shall judge between the nations, and shall decide disputes for many peoples; and they shall beat their swords into plowshares, and their spears into pruning hooks; nation shall not lift up sword against nation, neither shall they learn war anymore.
35
4พระองค์ทรงวินิจฉัยระหว่างบรรดาประชาชาติ และจะทรงตัดสินเพื่อชนชาติทั้งหลายเป็นอันมาก และเขาทั้งหลายจะตีดาบของเขาให้เป็นผาลไถนา และหอกของเขาให้เป็นขอลิด ประชาชาติจะไม่ยกดาบต่อสู้กันอีก เขาจะไม่ศึกษายุทธศาสตร์อีกต่อไป
36
Revelation วิวรณ์ 19:14 14And the armies of heaven, arrayed in fine linen, white and pure, were following Him on white horses. 14เหล่าพลโยธาในสวรรค์สวมอาภรณ์ผ้าป่านเนื้อละเอียดขาวบริสุทธิ์ ได้นั่งบนหลังม้าขาวตามเสด็จพระองค์ไป
37
4The LORD has sworn and will not change His mind, “You are a priest forever after the order of Melchizedek.” 4พระเจ้าทรงปฏิญาณแล้ว และจะไม่เปลี่ยนพระทัยของพระองค์ “เจ้าเป็นปุโรหิตเป็นนิตย์ ตามอย่างของเมลคีเซเดค”
38
Hebrews ฮีบรู 5:6, 10 6as he says also in another place, “You are a priest forever, after the order of Melchizedek.” 6และได้ตรัสอีกแห่งหนึ่งว่า ท่านเป็นปุโรหิตเป็นนิตย์ ตามแบบอย่างของเมลคีเซเดค
39
10being designated by God a high priest after the order of Melchizedek
40
Genesis ปฐมกาล 14: And Melchizedek king of Salem brought out bread and wine. (He was priest of God Most High.) 18เมลคีเซเดคผู้เป็นทั้งกษัตริย์เมืองซาเลม และปุโรหิตของพระเจ้าผู้สูงสุด ก็นำขนมปังกับเหล้าองุ่นมาให้
41
19And he blessed him and said, “Blessed be Abram by God Most High, Possessor of heaven and earth; 19แล้วอวยพรท่าน “ขอพระเจ้าผู้สูงสุดผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดิน จงโปรดให้อับรามได้รับพระพรเถิด
42
20and blessed be God Most High, who has delivered your enemies into your hand!” And Abram gave him a tenth of everything.
43
20สาธุการแด่พระเจ้าผู้สูงสุด ผู้ทรงมอบศัตรูทั้งหลายไว้ในเงื้อมมือของท่าน” อับรามก็ยกหนึ่งในสิบจากข้าวของนั้นถวาย แก่กษัตริย์เมลคีเซเคด
44
Hebrews ฮีบรู 5:1-10 1For every high priest chosen from among men is appointed to act on behalf of men in relation to God, to offer gifts and sacrifices for sins.
45
1ฝ่ายมหาปุโรหิตทุกคนก็เลือกมาจากมนุษย์ และแต่งตั้งไว้ให้แทนมนุษย์ ในบรรดาการซึ่งเกี่ยวกับพระเจ้า คือนำเครื่องบรรณาการและเครื่องบูชามาถวาย เพื่อลบล้างบาป
46
2He can deal gently with the ignorant and wayward, since he himself is beset with weakness. 2ท่านแสดงใจอดทนนานด้วยความรักต่อคนเขลาและคนหลงผิดได้ เพราะท่านเองก็มีความอ่อนแอเช่นเดียวกับมนุษย์ทุกคน
47
3Because of this he is obligated to offer sacrifice for his own sins just as he does for those of the people. 3เพราะเหตุนี้ท่านจึงต้องถวายเครื่องบูชาเพื่อลบล้างบาป ทั้งของตัวเองและของคนทั้งปวงด้วย
48
4And no one takes this honor for himself, but only when called by God, just as Aaron was. 4และไม่มีผู้ใดตั้งตนเองเป็นปุโรหิตได้ แต่พระเจ้าทรงเรียกเหมือนอย่างทรงเรียกอาโรน
49
5So also Christ did not exalt himself to be made a high priest, but was appointed by Him who said to Him, “You are my Son, today I have begotten you”;
50
5ในทำนองเดียวกันพระคริสต์ก็ไม่ได้ทรงยกย่องพระองค์เองขึ้นเป็นมหาปุโรหิต แต่ทรงรับพระเกียรตินี้จากพระเจ้า ผู้ได้ตรัสกับพระองค์ว่า ท่านเป็นบุตรของเรา วันนี้เราให้กำเนิดท่าน
51
6as He says also in another place, “You are a priest forever, after the order of Melchizedek.” 6และได้ตรัสอีกแห่งหนึ่งว่า ท่านเป็นปุโรหิตเป็นนิตย์ ตามแบบอย่างของเมลคีเซเดค
52
7In the days of His flesh, Jesus offered up prayers and supplications, with loud cries and tears, to Him who was able to save Him from death, and He was heard because of His reverence.
53
7ฝ่ายพระเยซู ขณะเมื่อพระองค์ทรงเป็นมนุษย์อยู่นั้น พระองค์ได้ทรงร้องอธิษฐาน และทูลวิงวอนด้วยน้ำพระเนตรไหล ต่อพระเจ้าผู้ทรงสามารถช่วยพระองค์ให้พ้นจากความตายได้ และพระเจ้าได้ทรงสดับเนื่องด้วยความยำเกรงของพระเยซู
54
8Although he was a son, he learned obedience through what he suffered
55
9And being made perfect, He became the source of eternal salvation to all who obey Him, 9เมื่อพระเจ้าทรงทำให้พระเยซูเพียบพร้อมทุกประการแล้ว พระเยซูก็เลยทรงเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความรอดนิรันดร์ สำหรับคนทั้งปวงที่เชื่อฟังพระองค์
56
10being designated by God a high priest after the order of Melchizedek
57
2 Samuel ซามูเอล 7:13, 16 13He shall build a house for my name, and I will establish the throne of his kingdom forever. 13เขาจะเป็นผู้สร้างนิเวศเพื่อ นามของเราและเราจะสถาปนา บัลลังก์แห่งราชอาณาจักรของเขาให้อยู่เป็นนิตย์
58
16And your house and your kingdom shall be made sure forever before me
16And your house and your kingdom shall be made sure forever before me. Your throne shall be established forever.’” 16ราชวงศ์ของเจ้าและอาณาจักรของเจ้าจะดำรง อยู่ต่อหน้าเจ้าอย่างมั่นคงเป็นนิตย์ และบัลลังก์ของเจ้าจะถูกสถาปนาไว้เป็นนิตย์' ”
59
Romans โรม 8:34 34Who is to condemn
Romans โรม 8:34 34Who is to condemn? Christ Jesus is the one who died—more than that, who was raised—who is at the right hand of God, who indeed is interceding for us.
60
34ใครเล่าจะเป็นผู้ปรับโทษอีก พระเยซูคริสต์น่ะหรือ ผู้ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว และยิ่งกว่านั้นอีกได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ทรงสถิต ณ เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า และทรงอธิษฐานขอเพื่อเราทั้งหลายด้วย
61
Hebrews ฮีบรู 4: Since then we have a great high priest who has passed through the heavens, Jesus, the Son of God, let us hold fast our confession.
62
14เหตุฉะนั้น เมื่อเรามีมหาปุโรหิตผู้เป็นใหญ่ที่ผ่านฟ้าสวรรค์เข้าไปถึงพระเจ้าแล้ว คือพระเยซูพระบุตรของพระเจ้า ขอให้เราทั้งหลายมั่นคงในพระศาสนาของเรา
63
15For we do not have a high priest who is unable to sympathize with our weaknesses, but one who in every respect has been tempted as we are, yet without sin.
64
15เพราะว่า เรามิได้มีมหาปุโรหิตที่ไม่สามารถจะเห็นใจในความอ่อนแอของเรา แต่ได้ทรงถูกทดลองใจเหมือนอย่างเราทุกประการ ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังปราศจากบาป
65
16Let us then with confidence draw near to the throne of grace, that we may receive mercy and find grace to help in time of need. 16ฉะนั้นขอให้เราทั้งหลาย จงมีใจกล้าเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณ เพื่อเราจะได้รับพระเมตตา และจะได้รับพระคุณที่จะช่วยเราในขณะที่ต้องการ
66
5The Lord is at your right hand; He will shatter kings on the day of His wrath. 5องค์พระผู้เป็นเจ้าประทับข้างขวาหัตถ์ของพระองค์ท่าน พระองค์ทรงทลายบรรดาพระราชา ในวันที่ทรงพระพิโรธ
67
6He will execute judgment among the nations, filling them with corpses; he will shatter chiefs over the wide earth.
68
6พระองค์ทรงกระทำการพิพากษาท่ามกลางประชาชาติ ให้ซากศพเต็มไปหมด พระองค์จะทรงทลายผู้เป็นประมุข ทั่วแผ่นดินโลกอันกว้างขวาง
69
7He will drink from the brook by the way; therefore he will lift up his head. 7พระองค์ท่านจะทรงดื่มจากลำธารข้างทาง ฉะนั้นพระองค์ท่านจะทรงผงกพระเศียรขึ้น
70
2 Corinthians โครินธ์ 5: All this is from God, who through Christ reconciled us to himself and gave us the ministry of reconciliation;
71
18ทั้งสิ้นนี้เกิดมาจากพระเจ้า ผู้ทรงให้เราคืนดีกันกับพระองค์ทางพระเยซูคริสต์ และทรงโปรดประทานให้เรามีพันธกิจเรื่องการคืนดีกัน
72
19that is, in Christ God was reconciling the world to Himself, not counting their trespasses against them, and entrusting to us the message of reconciliation. 19คือพระเจ้าทรงให้โลกนี้คืนดีกันกับพระองค์โดยพระคริสต์ มิได้ทรงถือโทษในการผิดของเขา และทรงมอบเรื่องการคืนดีกันนั้นให้เราประกาศ
73
20Therefore, we are ambassadors for Christ, God making His appeal through us. We implore you on behalf of Christ, be reconciled to God. 20ฉะนั้นเราจึงเป็นทูตของพระคริสต์ โดยที่พระเจ้าทรงขอร้องท่านทั้งหลายทางเรา เราจึงขอร้องท่านในนามของพระคริสต์ให้คืนดีกันกับพระเจ้า
74
21For our sake He made Him to be sin who knew no sin, so that in Him we might become the righteousness of God. 21เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป เพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์
75
Revelation วิวรณ์ 5:5 5And one of the elders said to me, “Weep no more; behold, the Lion of the tribe of Judah, the Root of David, has conquered, so that he can open the scroll and its seven seals.”
76
5และมีผู้หนึ่งในพวกผู้อาวุโสนั้น บอกแก่ข้าพเจ้าว่า “อย่าร้องไห้เลย นี่แน่ะ สิงห์แห่งเผ่ายูดาห์ เชื้อสายของดาวิด พระองค์ทรงมีชัยแล้ว พระองค์จึงทรงสามารถแกะตราทั้งเจ็ดดวงและคลี่หนังสือม้วนนั้นออกได้”
77
Revelation วิวรณ์ 14: Then another angel came out of the temple in heaven, and he too had a sharp sickle. 17และทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งก็ออกมาจากพระวิหารบนสวรรค์ ถือเคียวอันคมเช่นเดียวกัน
78
18And another angel came out from the altar, the angel who has authority over the fire, and he called with a loud voice to the one who had the sharp sickle, “Put in your sickle and gather the clusters from the vine of the earth, for its grapes are ripe.”
79
18และทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งผู้มีฤทธิ์เหนือไฟได้ออกมาจากแท่นบูชา และร้องบอกท่านที่ถือเคียวคมนั้นด้วยเสียงอันดังว่า “ท่านจงใช้เคียวคมของท่านเกี่ยวเก็บพวงองุ่นแห่งแผ่นดินโลก เพราะลูกองุ่นนั้นสุกดีแล้ว”
80
19So the angel swung his sickle across the earth and gathered the grape harvest of the earth and threw it into the great winepress of the wrath of God. 19ทูตสวรรค์นั้นก็ตวัดเคียวบนแผ่นดินโลก และเก็บเกี่ยวผลองุ่นแห่งแผ่นดินโลก และเทลงไปในบ่อย่ำองุ่นอันใหญ่แห่งพระพิโรธของพระเจ้า
81
20And the winepress was trodden outside the city, and blood flowed from the winepress, as high as a horse's bridle, for 1,600 stadia. 20บ่อย่ำองุ่นถูกย่ำภายนอกเมือง และโลหิตไหลออกจากบ่อย่ำองุ่นนั้น สูงถึงบังเหียนม้าไหลนองไปประมาณสามร้อยกิโลเมตร
82
Revelation วิวรณ์ 19: Then I saw heaven opened, and behold, a white horse! The one sitting on it is called Faithful and True, and in righteousness he judges and makes war.
83
11แล้วข้าพเจ้าก็ได้เห็นสวรรค์เปิดออก และ ดูเถิด มีม้าขาวตัวหนึ่ง พระองค์ผู้ทรงม้านั้นมีพระนามว่า 'สัตย์ซื่อและสัตย์จริง' พระองค์พิพากษาและทรงกระทำสงครามด้วยความเป็นธรรม
84
12His eyes are like a flame of fire, and on his head are many diadems, and he has a name written that no one knows but himself. 12พระเนตรของพระองค์ดุจเปลวไฟ และบนพระเศียรของพระองค์มีมงกุฎหลายอัน และพระองค์ทรงมีพระนามจารึกไว้ซึ่งไม่มีผู้ใดรู้จักเลย นอกจากพระองค์เอง
85
13He is clothed in a robe dipped in blood, and the name by which he is called is The Word of God. 13พระองค์ทรงฉลองพระองค์ที่จุ่ม เลือด และพระนามที่เรียกพระองค์นั้นคือ 'พระวาทะของพระเจ้า'
86
14And the armies of heaven, arrayed in fine linen, white and pure, were following him on white horses. 14เหล่าพลโยธาในสวรรค์สวมอาภรณ์ผ้าป่านเนื้อละเอียดขาวบริสุทธิ์ ได้นั่งบนหลังม้าขาวตามเสด็จพระองค์ไป
87
15From his mouth comes a sharp sword with which to strike down the nations, and he will rule them with a rod of iron. He will tread the winepress of the fury of the wrath of God the Almighty.
88
15มีพระแสงคมออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ เพื่อพระองค์จะได้ทรงฟันฟาดบรรดานานาประชาชาติ ด้วยพระแสงนั้น และพระองค์จะทรงครอบครองเขาด้วยคทาเหล็ก พระองค์จะทรงเหยียบบ่อย่ำองุ่นแห่งพระพิโรธอันเฉียบขาดของพระเจ้า ผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด
89
16On his robe and on his thigh he has a name written, King of kings and Lord of lords. _ 16พระองค์ทรงมีพระนามจารึกที่ฉลองพระองค์ และที่ต้นพระอูรุของพระองค์ว่า “จอมกษัตริย์และจอมเจ้านาย”
90
17Then I saw an angel standing in the sun, and with a loud voice he called to all the birds that fly directly overhead, “Come, gather for the great supper of God,
91
17แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งยืนอยู่บนดวงอาทิตย์ ท่านร้องประกาศแก่นกทั้งปวงที่บินอยู่ในท้องฟ้า ด้วยเสียงอันดังว่า “จงมาประชุมกันในการเลี้ยงใหญ่ของพระเจ้า
92
18to eat the flesh of kings, the flesh of captains, the flesh of mighty men, the flesh of horses and their riders, and the flesh of all men, both free and slave, both small and great.”
93
18เพื่อจะได้กินเนื้อกษัตริย์ เนื้อนายทหาร เนื้อชายฉกรรจ์ เนื้อม้า และเนื้อคนที่นั่งบนม้า และเนื้อประชาชน ทั้งไทและทาส ทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย”
94
19And I saw the beast and the kings of the earth with their armies gathered to make war against Him who was sitting on the horse and against His army.
95
19และข้าพเจ้าเห็นสัตว์นั้น และบรรดากษัตริย์บนแผ่นดินโลก พร้อมทั้งพลรบของกษัตริย์เหล่านั้น มาประชุมกันจะทำสงครามกับพระองค์ผู้ทรงม้า และกับพลโยธาของพระองค์
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
© 2024 SlidePlayer.in.th Inc.
All rights reserved.