เข้าสู่ การนำเสนอเรื่อง โรคเหน็บชา ยินดีต้อนรับ เข้าสู่ การนำเสนอเรื่อง โรคเหน็บชา จัดทำโดย 1). ด.ญ. วสุนันท์ เพชรพราวแสง ชั้นม. 1/4 เลขที่ 38 2). ด.ช. สิรวิชญ์ สิงคาลวณิช ชั้นม. 1/4 เลขที่ 46 3). ด.ญ. พิมพ์มาดา โชคธัญญารัตน์ ชั้นม. 1/4 เลขที่ 49
โรคเหน็บชา โรคเหน็บชาเกิดจากการกินอาหารที่ให้วิตามินบี๑ ไม่พอ คนไทยส่วนใหญ่กินข้าวที่ขัดสีเป็นอาหารหลัก ข้าวที่ขัดสีมีวิตามินบี๑อยู่น้อย มิหนำซ้ำการซาวข้าว และหุงข้าวแบบเช็ดน้ำ จะทำให้สูญเสียวิตามินบี๑ ไปอีกส่วนอาหารที่ให้วิตามินบี๑ มาก คือ เนื้อสัตว์และถั่วเมล็ดแห้ง ก็กินน้อย ผู้ที่ต้องการวิตามินบี๑ เด็กที่อยู่ในวัยเจริญเติบโต หญิงมีครรภ์ หญิงให้นมลูก ผู้ใช้กำลังงานมาก เช่น นักกีฬา กรรมกร ชาวนา ภาวะที่เกิดโรคติดเชื้อ ภาวะที่มีไข้สูง โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคเหน็บชาได้ง่าย นอกจากนี้ผู้ดื่มเหล้าเป็นประจำจะขาดวิตามินบี๑ ได้ง่าย
อาการ ผู้ป่วยจะมีอาการเข่าอ่อน ซึมเศร้า เบื่ออาหาร กระสับกระส่าย ความจำเสื่อม หัวใจมีการเต้นเร็ว ใจสั่น และอาจมีผลทำให้หัวใจโตได้ นอกจากนี้ ก็อาจพบว่ามีท้องและแขน ขา บวมได้ หากทิ้งไว้ ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตจากหัวใจวาย ถ้าในเด็กที่กินนมแม่ และแม่ขาดวิตามินบี๑ เด็กอาจมีอาการเด่นทางหัวใจ คือ หอบ เหนื่อย หัวใจเต้นเร็วและเขียว ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะเสียชีวิตได้ภายใน ๒-๓ ชั่วโมง เด็กอาจมีอาการทางระบบประสาท คือ เสียงแหบ เวลาร้องไม่มีเสียง อาจมีหนังตาบนตกกลอกลูกตาไปมา มือเท้าเคลื่อนไหวโดยไม่ตั้งใจ
การรักษา 1. กินอาหารที่มีวิตามินบี๑ สูง เช่น เนื้อหมู ถั่วเหลือง 1. กินอาหารที่มีวิตามินบี๑ สูง เช่น เนื้อหมู ถั่วเหลือง 2. ที่ดื่มน้ำชาหรือเคี้ยวใบเมี่ยงเป็นประจำ ถ้าเลิกได้เป็นการดีที่สุดถ้าทำไม่ได้ก็ดื่มน้ำชาหรือเคี้ยวใบเมี่ยงให้น้อยลง 3.ระหว่างมื้ออาหาร ผู้ที่ชอบกินปลาร้าดิบ ควรเปลี่ยนเป็นต้มให้สุกเสียก่อน 4. การหุงต้มทุกชนิดควรใช้น้ำแต่พอประมาณ เช่น ควรหุงข้าวแบบไม่เช็ดน้ำส่งเสริมให้กินข้าวซ้อมมือ และรัฐควรวางมาตรฐานการสีข้าวของโรงสีต่างๆ เพื่อสงวนคุณค่าของวิตามินบี๑ ไว้