ปลูกมะนาว ในท่อซีเมนต์ เทคนิคบังคับออกผลช่วงราคาแพง ปลูกมะนาว ในท่อซีเมนต์ เทคนิคบังคับออกผลช่วงราคาแพง
การปลูกมะนาวในบ่อซีเมนต์ ใช้หน้าดินร่วนซุยปนทราย 3 ส่วนผสมกับปุ๋ย คอก 1 ส่วน เทลงในท่อซีเมนต์ที่เตรียมไว้ให้ ดินพูนปากท่อเล็กน้อย เผื่อไว้เวลารดน้ำสภาพดินจะยุบเสมอปากท่อ พอดี จากนั้นขุดหลุมพอประมาณ นำต้นกล้ามะนาวพันธุ์พิจิตร 1 ที่มาจากการตอนกิ่งลงปลูก รดน้ำวันละ 1 ครั้ง หากใช้ระบบสปิง เกลอร์เปิดน้ำ 5-10 นาที หากปลูกแบบชาวบ้านให้รดน้ำให้พอดิน ชื้น
หลังจากปลูกแล้วต้องให้ปุ๋ยทุก 1 เดือนโดยใส่ปุ๋ยคอกราว 1 กะลามะพร้าวผสมปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ 15-15-15 จำนวน 1 ช้อนโต๊ะ กระทั่งมะนาวมีอายุราว 8-12 เดือน จะเริ่มให้ผลผลิต ปีแรกที่ทดลองในศูนย์ฯ ได้ต้นละ 420 ผลต่อปี หรือประมาณ 25-30 กก. และจะให้ผลผลิตดกตอนอายุ 3 ปีขึ้นไป โดยทั่วไป มะนาวจะออกผลผลิตตลอดปี แต่จะให้ผลผลิตมากที่สุดช่วง เดือนสิงหาคมถึงกันยายน
การบังคับให้มะนาวที่ปลูกในท่อซีเมนต์ออกผลผลิตนอกฤดูกาล คือช่วงที่มะนาวขาดแคลนและมีราคาแพงราวเดือนมีนาคม- พฤษภาคมนั้น คือ ช่วงที่มะนาวเริ่มออกดอกมากราวเดือน มีนาคม-เมษายนนั้น ให้งดการรดน้ำประมาณ 10-15 วัน จน ใบมะนาวจะเริ่มเฉา จากนั้นจึงรดน้ำ พอต้นมะนาวเริ่มฟื้น จัดการตัดแต่งกิ่ง รดน้ำปกติ ให้ปุ๋ยสูตรเดิม แต่ให้เพิ่มปุ๋ยทาง ใบบ้าง เป็นปุ๋ยเกล็ดสูตรเสมอ 15-15-15 เช่นกัน
กระทั่งราวเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน มะนาวจะเริ่มออกดอก และสามารถเก็บผลิตผลหลังจากออกดอกแล้วราว 5 เดือนคือ ราวเดือนมีนาคม-พฤษภาคม เป็นช่วงที่ผลผลิตมะนาวใน ท้องตลาดมีน้อย และราคาแพงถึงผลละ 5-8 บาท
สาเหตุที่ต้องปลูกในท่อสะดวกต่อการบังคับให้ออกนอก ฤดูกาล แต่ถ้าเราปลูกลงดินรากจะชอนไชไปถึงแหล่งน้ำ เมื่อ ต้นมะนาวได้น้ำใต้ดินก็ลำบากต่อการบังคับไม่ให้ดอกตามปกติ เราจึงใช้วิธีการปลูกในท่อซีเมนต์ หากปลูกกินเองปลูก 2-3 ต้น ก็พอแล้วครับคือปล่อยให้ออกผลตามปกติ 1-2 ต้น บังคับให้ ออกผลตอนที่มะนาวแพง 1 ต้น ผมเชื่อว่าการปลูกมะนาวใน ท่อซีเมนต์สามารถเก็บผลิตได้กว่า 10 ปี
โรคและแมลงที่สำคัญของมะนาว 1. โรคแคงเกอร์ลักษณะอาการ จะเกิดขึ้นได้แทบทุกส่วน ทั้งที่ใบ กิ่งก้าน และผล โดยอาการที่ใบและผล จะมีลักษณะคล้ายกัน คือจะ เกิดเป็นแผลกลม แล้วจะขยายใหญ่ ฟู นูนคล้ายฟองน้ำ มีสีเหลือง อ่อนถึงสีเหลืองเข้ม ต่อมาจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม และจะแตก เป็นสะเก็ด มีวงแหวนสีเหลืองล้อมรอบแผล ส่วนอาการที่กิ่งก้าน จะมีแผลฟูนูนสีเหลือง ต่อมาแผลจะ แตกแห้งเป็นสีน้ำตาลขยายไป รอบๆ กิ่ง รูปร่างของแผลไม่แน่นอน และไม่มีวงแหวนล้อมรอบ เมื่อต้นมะนาวเป็นโรคนี้มากๆ จะแสดงอาการต้นโทรม แคระแกร็น ใบร่วง ผลผลิตลดลง กิ่งและต้นจะแห้งตายในที่สุด
การป้องกันกำจัด ตัดแต่งส่วนที่เป็นโรคเผาทำลาย ไม่ขยายพันธุ์จากต้นแม่ที่เป็น โรคแคงเกอร์ พยายามอย่าให้มะนาวเกิดบาดแผล และ ป้องกัน แมลงที่เป็นพาหะ เช่น หนอนชอนใบ หรือฉีดพ่นด้วยสารเคมี กำจัดแมลงกลุ่มคาร์บาริล มาลาไธออน โรคแคงเกอร์
2.โรคราดำ ลักษณะอาการ ใบ กิ่งก้าน และผลจะมีราสีดำ สกปรกกระด้าง ทำให้ผมไม่สวย ต้นมะนาวจะแคระแกร็น การป้องกันกำจัด ทำลายส่วนที่เป็นโรคโดยการเผาไฟหรือใช้ สารเคมีกำจัดแมลงฉีดพ่นเพื่อกำจัดแมลงประเภทปากดูดชึ่ง เป็นสาเหตุ ทำให้เกิดโรคราดำ ราดำที่ใบ ราดำที่กิ่งก้าน
3. โรคกรีนนิ่ง (ใบแก้ว) ลักษณะอาการ ใบจะด่างเป็นสีเหลือง หรือขาวใสระหว่างเส้นใบ ใบมีขนาดเล็กลง ในที่สุดใบและยอดจะแห้งตาย ผลมีขนาดเล็ก น้ำหนักน้อย ต้นจะโทรม การป้องกันกำจัดทำลายส่วนที่เป็นโรคโดยการเผาไฟ ใส่ปุ๋ยที่มี ธาตุสังกะสีและ แมกนีเชียม ปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างของดิน ใหัอยู่ระหว่าง 6.0-6.5 โรคใบแก้ว
4. โรคยางไหล ลักษณะอาการ มีอาการยางไหลบริเวญลำต้นและกิ่งก้าน เปลือกจะเน่าและแผลจะลุกลามไปถึงเนื้อไม้ การป้องกันกำจัด ควรตัดแต่งกิ่งและกำจัดวัชพืชเพื่อให้ แสงแดดส่องได้ทั่วถึง และควรทาบาดแผลด้วยสารทองแดง หรือกำมะถันผสมปูนขาว ถ้ามีการระบาดมากก็เผาทำลายเสีย โรคยางไหล
5. โรครากเน่าและโคนเน่า ลักษณะอาการ รากฝอยและรากแขนง จะเน่ามีสีน้ำตาลหรือ ดำ ลักษณะเหนียว ไม่ยุ่ย เปลือกของลำต้นจะปริแตกออก โดยเฉพาะโคนต้น และมียางไหลบริเวณขอบแผล เมื่อราก และต้นถูกทำลายมากๆ จะทำให้ใบเหลืองและร่วงหล่น
โรครากเน่าและโคนเน่า การป้องกันกำจัด อย่าให้มีน้ำขัง บริเวณโคนต้น และไม่ควรใส่ปุ๋ยหมักหรือ ปุ๋ย คอกมากเกินในช่วงฤดูฝน โรครากเน่าและโคนเน่า
โดย...สำนักงานเกษตรอำเภอผาขาว จบแล้วค่ะ โดย...สำนักงานเกษตรอำเภอผาขาว