ตัวเหนี่ยวนำ (Inductor)
ตัวเหนี่ยวนำส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นขดลวดทองแดงพันรอบแกนเป็นรูปทรงกระบอกมีปลายเส้นลวด 2 ด้านเป็นขา ดังแสดงในรูป
ตัวเหนี่ยวนํา เป็นอุปกรณ์ชิ้นส่วนทางอิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่ง ที่ประกอบอยู่ในวงจรเครื่องรับ-ส่งวิทยุ วงจรเครื่องรับโทรทัศน์ วงจรเลือกความถี่ และวงจรอื่นๆที่อาศัยหลักการเหนี่ยวนํา บางครั้งอาจเรียกตัวอินดัคเตอร์ว่า “คอยล์” หรือ “แอล” แทนก็ได้โดยลักษณะโครสร้างของอุปกรณ์ประเภทนี้ คือ การเอาลวดตัวนําทองแดงมาพันเป็นขดจํานวนหลายๆรอบบนแกนอากาศซึ่งขดลวดทองแดงนี้จะแสดงคุณสมบัติเป็นตัวเหนี่ยวนํา ทางไฟฟ้าได้ก็ต่อเมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านตัวมัน
(ก) สัญลักษณ์ของตัวเหนี่ยวนำ การสะสมพลังงานของตัวเหนี่ยวเกิดขึ้นจากการที่มีกระแสไหลผ่านเข้าไปในขดลวดทำให้เกิดฟลักซ์แม่เหล็กซึ่งจะมีทิศทางไปตามกฎมือขวา (Righthand rule) ซึ่งนิ้วหัวแม่มือของมือขวาถูกวางไปในแนวเดียวกับเส้นลวดโดยชี้ไปตามทิศทางของกระแสแล้ว 4 นิ้วที่เหลือจะแสดงทิศทาง ของฟลักซ์อันเกิดจากเส้นลวด ซึ่งฟลักซ์แม่เหล็กนี้จะคล้องอยู่กับขดลวดโดยการเปลี่ยนแปลงใดๆของฟลักซ์ที่คล้องอยู่จะเหนี่ยวนำให้เกิดแรงดันไฟฟ้า (ก) สัญลักษณ์ของตัวเหนี่ยวนำ (ข) ฟลักซ์แม่เหล็กที่เกิดจากกระแสไหลผ่านเส้นลวดตัวนำ
ชนิดของตัวเหนี่ยวนำ ตัวเหนี่ยวนำชนิดขดเดียว 1) ตัวเหนี่ยวนำแกนอากาศ (Air Core Inductor) 2) ตัวเหนี่ยวนำแกนผงเหล็กอัด (Powdered - Iron Core Inductor) 3) ตัวเหนี่ยวนำแกนเฟอร์ไรด์ (Ferrite Core Inductor) 4) ตัวเหนี่ยวนำแกนทอรอยด์ (Toroidal Core Inductor) 5) ตัวเหนี่ยวนำแกนเหล็กแผ่น (Laminated - Iron Core Inductor)
ตัวเหนี่ยวนำแกนอากาศ (Air Core Inductor) ตัวเหนี่ยวนำแกนอากาศ เป็นตัวเหนี่ยวนำที่แกนหรือฐานรองทำมาจากวัสดุที่เป็นฉนวน เช่น คาร์บอน พลาสติก ไฟบอร์ และ PVC เป็นต้น หรืออาจพันลอยๆ ไว้โดยไม่มีอะไรรองรับ ตัวเหนี่ยวนำประเภทนี้นิยมนำไปใช้งานกับพวกความถี่สูงๆ หรือความถี่วิทยุ (RF) จึงมักเรียกตัวเหนี่ยวนำประเภทนี้ว่า RF โช้ค ตัวเหนี่ยวนำแกนอากาศเป็นตัวเหนี่ยวนำที่มีค่าความเหนี่ยวนำต่ำ เพราะแกนไม่สามารถช่วยเสริมค่าความเหนี่ยวนำได้ การจะทำให้ค่าความเหนี่ยวนำเพิ่มขึ้นต้องใช้จำนวนรอบในการพันขดลวดเพิ่มขึ้น ลักษณะตัวเหนี่ยวนำแกนอากาศแสดงดังรูป
ตัวเหนี่ยวนำชนิดหลายขด 1) หม้อแปลงไฟฟ้าแกนอากาศ (Air - Core Transformer) 2) หม้อแปลงไฟฟ้าแกนเฟอร์ไรต์ (Ferrite - Core Transformer) 3) หม้อแปลงไฟฟ้าแกนเหล็ก (Iron - Core Transformer)
การทำงานของตัวเหนี่ยวนำอาศัยสมบัติที่เรียกว่าความเหนี่ยวนำตัวเอง(self-inductance) ปรากฎการณ์การเหนี่ยวนำตนเอง(self-induction) ค้นพบโดยชาวอเมริกัน โจเซฟ เฮนรี (Joseph Henry) ในปีค.ศ. 1832
ความเหนี่ยวนำตัวเองหรือนิยมเรียกความเหนี่ยวนำ มีนิยาม ความเหนี่ยวนำตัวเองหรือนิยมเรียกความเหนี่ยวนำ มีนิยาม ให้ Eback เป็นแรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวนำที่ต้านการเปลี่ยนของกระแส L คือ ความเหนี่ยวนำ I คือ กระแสในขดลวด t คือ เวลา ดังนั้น
หน่วยความเหนี่ยวนำ ค่าความเหนี่ยวนำมีหน่วยมาตรฐานเป็นเฮนรี่ (Henry ; H) ความหมายของความเหนี่ยวนำ 1 เฮนรี่ คือ ค่ากระแสไหลเข้าไปในขดลวด 1 แอมแปร์ ไหลเปลี่ยนแปลงในเวลา 1 วินาที ทำให้เกิดแรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวนำด้านกลับ (Counter Electro Motive Force) 1 โวลต์ ตัวเหนี่ยวนำที่ผลิตออกมาใช้งานมีขนาดค่าความเหนี่ยวนำแตกต่างกัน จึงได้เพิ่มหน่วยบอกค่าความเหนี่ยวนำออกเป็นหน่วยย่อยลง คือ มิลลิเฮนรี (Millihener ; mH) และหน่วยไมโครเฮนรี (Microhenry ; µH) หน่วยต่างๆ เขียนความสัมพันธ์กันได้ดังนี้
สูตรการคํานวณหาค่าความเหนี่ยวนํา
ตัวเหนี่ยวนำในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับ ตัวเหนี่ยวนำไฟฟ้าแท้จริงเป็นเพียงเส้นลวดเส้นหนึ่ง แต่เนื่องจากนำมาทำเป็นขดลวด เมื่อกระแสเปลี่ยนแปลงในขดลวด จะเกิดโวลเตจเหนี่ยวนำที่คร่อมปลายขดลวด ในตัวเหนี่ยวนำ กระแสที่ไหลผ่านขดลวดทำให้เกิดสนามแม่เหล็ก สนามแม่เหล็กนี้สะสมพลังงาน และขณะที่สนามแม่เหล็กเพิ่มขึ้นและลดลง จะเกิดโวลเตจเหนี่ยวนำภายในขดลวดในทิศที่ต้านการเปลี่ยนแปลง เป็นเหตุให้กระแสที่ไหลผ่านขดลวดถูกจำกัด
ถ้าเราเขียนกราฟของกระแส (เส้นประ) และโวลเตจ (เส้นทึบ) ที่เปลี่ยนแปลงกับเวลาในตัวเหนี่ยวนำ เราจะเห็นว่าเมื่อโวลเตจมีค่าสูงสุด กระแสจะเป็นศูนย์ และกระแสมีค่าสูงสุดเมื่อโวลเตจเป็นศูนย์ ดังในรูปทางซ้าย จะเห็นว่า โวลเตจนำหน้ากระแสด้วยมุมเฟส 90 องศา ซึ่งสามารถพิจารณาได้ดังนี้
สรุป จะเห็นว่า ในวงจรไฟฟ้ากระแสสลับที่มีแต่ตัวเหนี่ยวนำ ความต่างศักย์หรือโวลเตจที่จ่ายให้จะนำหน้ากระแสอยู่เป็นมุมเฟส 90 องศา หรือ π /2
จบการนำเสนอ