ในกลอนแปด ตอนหน้า กับ ตอนกลาง ไม่มีสัมผัส ก็ไม่เสียหาย แต่ตอนกลาง กับ ตอนหลัง ถ้าไม่มี ก็เสียหาย
ครูไม่มี / สมบัติ / พัสถาน มีแต่ผล / แห่งงาน / ที่สานสร้าง ครูไม่มี/ อำนาจใด/ ในเส้นทาง มีแต่แบบ / มีแต่อย่าง / ในทางดี
เมื่อสังคม / บ่มเพาะ / ด้วยภัยพิษ จึงชีวิต / อันตราย / อยู่รอบด้าน เป็นวิถี / โสมม / จมภัยพาล ทุกทางผ่าน / จึงอยู่เยี่ยง / คนเสี่ยงภัย
สัมผัสต้องห้าม สัมผัสซ้ำ สัมผัสชิง สัมผัสเผลอ สัมผัสเลือน สัมผัสเรื้อรัง
สัมผัสซ้ำ วะวาววับเฉิดฉายประกายเพชร พร้อมพรายเพชรปรากฏงามสดสี สูงสง่าสวยเด่นเป็นเทวี สมศักดิ์ศรีหญิงไทยในเมืองทอง
อย่างนี้ก็ สัมผัสซ้ำ เพราะเอาแต่จดจ้องคอยมองหา อย่างนี้ก็ สัมผัสซ้ำ เพราะเอาแต่จดจ้องคอยมองหา รู้แต่ว่าจะเรียกร้องจึงมองหาย ยิ่งไขว่คว้ายิ่งเปล่าเปลี่ยวยิ่งเดียวดาย ยิ่งขวนขวายยิ่งลำบากยิ่งยากเย็น เพราะรู้จักทีถ้อยคอยมองให้ ด้วยน้ำใสใจจริงจึงมองเห็น รู้จักให้จึงอิ่มสุขทุกประเด็น จักอยู่เย็นเป็นสุขทุกประการ
สัมผัสแย่ง หวังประเทศลุกฟื้นคืนจากภัย ไม่กลัวใครมากลุ้มรุมข่มเหง ถึงวังเวงแต่ใจไม่กลัวเกรง ถึงมาเบ่งจะสู้ให้รู้กัน
สัมผัสเผลอ เศรษฐกิจพอเพียงเลี้ยงไทยได้ ช่วยคลี่คลายวิกฤตพิษปัญหา
ในคืนที่เจิดแจ้งด้วยแสงดาว นวลสีพราวห้วงหาวราวสวรรค์ สัมผัสเลือน ในคืนที่เจิดแจ้งด้วยแสงดาว นวลสีพราวห้วงหาวราวสวรรค์ คิดถึงคนจากไกลใจผูกพัน เพียงรอวันเธอนั้นผันกลับคืน
สัมผัสเรื้อรัง ชีวิตไม่ได้ราบกุหลาบโรย ต้องโอดโอยปวดช้ำจากหนามไหน่ แต่เท้าที่ย่างก้าวได้ยาวไกล คือเท้าที่กล้าให้ก้าวย่างไป จึงชีวิตต้องสู้กล้าพยายาม อย่าเข็ดขามอุปสรรคหนักเพียงไหน ชีวิตนั้นกระบี่อยู่ที่ใจ อย่าหวั่นไหวก็จะถึงซึ่งปลายทาง