นางสาวเบญญาสิริ แก้วเบี่ยง กรอบที่ 1 นิทานอีสป เรื่อง วัวสามสหาย จัดทำโดย นางสาวเบญญาสิริ แก้วเบี่ยง โรงเรียนบ้านวังหิน
กรอบที่ 2
เพื่อนตายต่อกัน ดังนั้นวัวทั้งสามตัว จึงมักที่จะไปไหนมาไหน กรอบที่ 3 ครั้งหนึ่งยังมีวัวอยู่สามตัว ได้ตกลงและสัญญากันว่าจะเป็น เพื่อนตายต่อกัน ดังนั้นวัวทั้งสามตัว จึงมักที่จะไปไหนมาไหน ด้วยกันเสมอ ๆ และยังจะคอยช่วยระแวดระวังภัยให้แก่กันและ กัน อีกต่างหากอีกด้วย....มีอยู่วันหนึ่ง ขณะที่วัวทั้งสามตัว กำลังยืนเล็มหญ้ากันอยู่ที่ในป่า ก็ได้มีสิงห์โต ตัวหนึ่งมาเห็นเข้าและหมายที่จะเข้ามาจับกินเป็นเหยื่อ แต่ด้วยวัวทั้งสามตัวนั้นมีความสามัคคีกลม เกลียวกันเป็นอย่างมาก และได้พร้อมใจร่วมพลังกันกางเขายืนจังกล้าหันหน้าเข้าปะทะสิงห์โตตัวนั้น อย่างไม่มีทีท่าว่าจะกลัวเกรงแต่อย่างใดเลยสักนิด ดังนั้นสิงห์โตจึงไม่สามารถที่จะเข้าไปใกล้ และทำ อะไรได้เลยสักนิดเดียว
กรอบที่ 4
แต่ด้วยความที่มันหิวโซและอยากที่จะกินวัว ทั้งสามตัวนี้ กรอบที่ 5 สิงห์โตเลยจำเป็นที่จะต้องถอยทัพออกไปเสียอย่างช่วยไม่ได้ แต่ด้วยความที่มันหิวโซและอยากที่จะกินวัว ทั้งสามตัวนี้ อย่างมาก " จะมีวิธีไหนที่จะทำให้ได้กินวัวทั้งสามตัวนี่ได้นะ ก็อ้ายวัวสามตัวนี่มันมักที่จะชอบ และพร้อมใจอยู่ใกล้ ๆกัน เสมอ ๆเสียด้วยสิ จะเข้าไปใกล้ ๆก็ไม่ได้เสียด้วย " แต่ด้วย ความที่มันอยากจะกิน อย่างมากจึงพยายามใช้ความคิดแล้วก็คิดออกมาได้ว่า " ใช่แล้ว..ก็ต้องทำให้พวกมันผิดใจกัน จนต่าง คนต่างแยกกันอยู่คนละที่ยังไงเล่า เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ก็จะได้จับกินได้อย่างง่าย ๆสบาย ๆยังไง... โธ่...โง่อยู่ได้ทำไมข้านี่ก็.. "
กรอบที่ 6
และเมื่อมันคิดได้ดังนั้นแล้ว สิงโตจึงได้แอบไปกระซิบบอก กรอบที่ 7 และเมื่อมันคิดได้ดังนั้นแล้ว สิงโตจึงได้แอบไปกระซิบบอก กับวัวตัวสีน้ำเงินว่า " นี่..นี่...ท่านวัวสีน้ำเงิน ในจำนวนวัว ทั้งสามตัวนี่ ท่านเป็นตัวที่อ่อนแอเป็นอันดับหนึ่งเลยหรือ ? " วัวสี น้ำเงินเมื่อได้ฟัง ดังนั้นจึงได้ถามกลับด้วยความโมโหว่า " ใครฟะ...ที่พูดแบบนั้นน่ะ " เจ้าสิงห์โตจึงได้ทีรีบตอบ กลับไปว่า " ก็วัวตัวสีแดงน่ะสิท่านที่พูดว่าอย่างนั้น แล้ววัวตัวสีแดงยังพูดอีกด้วยนะว่า " วัวสีน้ำเงินนี่ช่างเป็นวัว ที่อ่อนแอเป็นอย่างมาก ข้าก็เลยจำเป็นที่จะต้องคอยปกป้องคุ้มครองให้อยู่ตลอดเวลาเลยทีเดียวเสียด้วย "
กรอบที่ 8
กรอบที่ 9 " อ้ายวัวสีแดงบ้านี่ มาดูถูกข้าได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือนี่ ! " วัวตัวสี น้ำเงินให้เป็นโมโหเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เมื่อ เจ้าสิงโตทำให้ วัวตัวสีน้ำเงินโมโหได้สำเร็จแล้ว ต่อมา มันจึงไปที่วัวตัวสีแดง " นี่ นี่ ท่านวัวสีแดง ข้าได้ ยินมาจากวัวตัวสีน้ำเงินว่า ท่านน่ะขี้ใจ เสาะเป็นที่สุดใช่ไหมล่ะ? และความที่เป็นห่วงท่านอย่างมากจึงทำให้ต้องกลายเป็นสีน้ำเงินไปอย่างที่เห็นนั่นเลยด้วยทีเดียวแหละท่าน " วัวตัวสีแดงเมื่อได้ฟังดังนั้น " มอ..มอ...อ้าย วัวสีน้ำเงินบ้านี่ ! ปากพร่อยอย่างที่สุด..มาโทษได้อย่างไรว่าข้าเป็นเหตุทำให้ถึงกลับต้องเปลี่ยนสีเลยทีเดียวหรือนี่ ! "
กรอบที่ 10
กรอบที่ 11 เจ้าสิงโตเมื่อทำให้วัวตัวสีแดงโมโหได้สำเร็จอีกครั้ง แล้ว คราวต่อมามันจึงไปที่วัวตัวสีน้ำตาลอีก " ท่านวัวสี น้ำตาล วัวสีแดงพูดว่าท่านน่ะ ขี้ขลาดตาขาว เป็นอย่างที่สุด เวลาทำการต่อสู่กับใคร ท่านจะเป็นผู้ที่หนีไป เสียก่อนเป็นตัวแรกทุกทีเลยหรือ ? ท่าน " เมื่อได้ฟังดังนั้นวัวสีน้ำตาลจึงให้เป็นโมโหอย่างสุดขีดเลยทีเดียว " อะไร ข้าน่ะหรือที่ขี้ขลาดตาขาวที่สุดน่ะ ! "
กรอบที่ 12
กรอบที่ 13 วัวทั้งสามตัวด้วยหลงเชื่อคำยุยงของสิงโตจึงเริ่ม แตกคอกัน และไม่ไว้ใจซึ่งกันและกันขึ้นมา และ ด้วย เอาความโมโหเป็นที่ตั้งมากกว่าอย่างอื่นใดทั้งหมด จึง ไม่ทันคิดที่จะไปไต่ถามหรือสอบความให้มันรู้แจ้ง เห็นจริงเลยสักนิดว่ามันเป็นความจริงอย่างที่ได้ยินมาหรือปล่าวแต่อย่างใด มันทั้งสามตรงเข้าต่อสู้กัน ใช้เขาซึ่งเป็นอาวุธประจำตัวเข้าชนซึ่งกันและกันให้อย่างโกลาหนไปหมด และเมื่อวัวทั้งสามตัวต้อง ได้รับบาดแผลและหมดแรงลง ในตอนนั้นเจ้าสิงห์โตก็เลยได้โอกาสเข้าจับกินเสียทีละตัว ทีละตัว สมใจหยาก หวานคอแล้งสบายโก๋ไปเลย...ในที่สุด
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า กรอบที่ 14 นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความสามัคคีกลมเกลียว จะทำให้เกิดพลัง อันแข็งแกร่งยากแก่การทำลาย