เรื่อง สุนัขจิ้งจอกกับเงา กรอบที่ 1 นิทานอีสป เรื่อง สุนัขจิ้งจอกกับเงา จัดทำโดย นางสาวเบญญาสิริ แก้วเบี่ยง โรงเรียนบ้านวังหิน
กรอบที่ 2
มีอยู่ในตอนใกล้พลบค่ำ ตะวันโพล้เพล้ จนเกือบจะลับขอบฟ้าอยู่ แล้วของวันหนึ่ง ได้มีสุนัขจิ้งจอกที่โง่เขลา เบาปัญญามากตัว หนึ่ง ขณะที่มันกำลังเดินไปเรื่อย ๆตามเส้นทางที่ในป่า และด้วย เพราะมันได้เดินหันหลังให้ กับดวงตะวันที่กำลังจะตกดินอยู่รอมร่อนั่นเอง...มันจึงพลันได้มองเห็นสิ่งหนึ่ง ซึ่งก็เป็นเงาของมันเองนั่นแหละ... ที่ส่องทาบทับไปบนพื้นดิน และเงานั้นได้ทอดเป็นทางยาว ขนาดสูงและใหญ่มาก เรียกว่าสูงใหญ่จนเกือบจะคับ ถนนเลยทีเดียวก็ว่าได้ มันให้เป็นตกกระใจและนึกทึ่งขึ้นมาเป็นอย่างมากกับเงาของตัวมันเอง ที่เผอิญได้เห็นเป็น ครั้งแรกในชีวิตเลยแหละว่า " เห...ว้าว...เพิ่งจะรู้ความจริงนะเนี้ย..ฮู่ ๆๆ หลงโง่มาตั้งนาน นึกว่าตัวเองตัวเล็กแค่นิด เดียว ที่ไหนได้...ว้าว...ดูตามเงาที่มองเห็นนี่แล้ว ที่จริง ๆ ข้านี่ตัวใหญ่ขนาดนี้ทีเดียวหรือนี่ ฮ่า ๆๆๆ " มันหัวเราะ และคิดดีใจอย่างสุดที่จะระงับไว้ได้เลยทีเดียวเลยหละ..... กรอบที่ 3
กรอบที่ 4
แล้วมันยังเกิดความคิดที่หยิ่งผยองขึ้นมาอีกด้วยว่า " ถ้าความจริง กรอบที่ 5 แล้วมันยังเกิดความคิดที่หยิ่งผยองขึ้นมาอีกด้วยว่า " ถ้าความจริง แล้วตัวข้านี่น่ะ ก็ใหญ่ขนาดนี้ แล้วละก็.... ต่อแต่นี้ไป ก็ไม่เห็นจำเป็นที่จะ ต้องมานั่งกลัวในสิ่งไหนให้เสียเวลา สำหรับข้าอีกต่อไปแล้วน่ะสิ...ฮ่า ๆๆ " มัน ให้เป็นนึกหยิ่งผยองและได้ออกก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ ส่ายอาด ๆ ไปตามทาง โดยมีเงาอันใหญ่มหึมาของ มัดพาดทับไปอยู่ที่ข้างหน้า อย่างจองหองที่สุดเลยหละ...แล้วตรงนั้น...ก็เผอิญกับได้มีเสือลายพลาดกลอน ตัว ขนาดใหญ่มากตัวหนึ่งได้ออกมาปรากฏกายขึ้นที่ตรงข้างหน้า เสือลายพลาดกลอน เมื่อเห็นสุนัขจิ้งจอกเข้า ก็ หยุดเดินและมองดูมันอยู่นิ่ง ๆ และซึ่งก็อาจจะเป็นการบังเอิญเข้าอีกด้วยแหละนะว่า ที่ตรงนั้นได้เป็นทางลาดและ อยู่ในที่ต่ำกว่าตรงจุดที่สุนัขจิ้งจอกได้ เดินอยู่นั้นเข้าพอดีพอเหมาะพอเจาะ ดังนั้นตัวของเสือลาย พลาดกลอน ทั้งตัวก็เลยเข้าไปซ้อนทับอยู่ในเงาของเจ้า สุนัขจิ้งจอกตัวนั้นทั้ง ตัวเลยทีเดียว เจ้าสุนัขจิ้งจอกจึงมองเห็นว่า เสือลาย พลาดกลอน นั้นตัวเล็กกว่า เงาของมันอย่างมากเลยทีเดียว....
กรอบที่ 6
มันจึงหัวเราะขึ้นมาด้วยเสียงอันดัง แล้วพูดใส่แบบหยิ่งยะโส กรอบที่ 7 มันจึงหัวเราะขึ้นมาด้วยเสียงอันดัง แล้วพูดใส่แบบหยิ่งยะโส กับเสือลายพลาดกลอน ว่า " โอ้ย...อ้ายเสือลายพลาด กลอน หน้าโง่ ตัวเอ็งเล็กกว่าข้าตั้งเยอะ ฮ่า ๆๆๆ...เมื่อก่อนข้าหลงกลัวเสียแทบตาย แต่บัดนี้ข้าได้รู้ความจริงแล้ว นะว่า ข้านี่คือผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าเจ้า ฮ่า ๆๆ ไปถอยออกไป และไปหมอบลงที่ข้างทางนั่น จนกว่าข้า ผู้ยิ่งใหญ่ จะเดินผ่านไปเสียก่อน..เดี๋ยวนี้ ! เข้าใจไหม ? " เสือลายพลาดกลอน เมื่อได้ฟังดังนั้น ก็คำรามขึ้นด้วยเสียงอันดัง " ก้าววว์ ชะ..ช้า..ช้า..เจ้าสุนัขจิ้งจอกหน้าโง่เอ๋ย... ที่จริงข้าน่ะกำลังอิ่มไม่อยากกินอะไรทั้งสิ้น แต่ความที่เจ้าน่ะ ปากพล่อยสิ้นดี...ไม่รู้จักเงาหัวของตัวเองเสียแล้ว บังอาจมาสั่งให้ ข้าหลบเจ้าได้ ทีเดียวหรือนี่ ! น้อย ๆหน่อย...งั้น ก็เตรียมตัวตายเสียเถิด ไม่ต้องอยู่ดูโลกต่อไปอีกแล้ว...ก้าววว์ "
กรอบที่ 8
กรอบที่ 9 สุนัขจิ้งจอก ด้วยความโง่เขลาและหลงเข้าใจผิด คิดหยิ่งผยองไปกับเงาของตัวเอง ที่ส่องให้มองเห็น จึงคิดว่าตัว เองนั้นตัวใหญ่โตมโหฬารอย่างมาก เลยเป็นผลให้ต้องมาตายกลายเป็นอาหารของ เสือลายพลาดกลอน ไปอย่าง ที่ใครก็ช่วยอะไรไม่ได้เสียด้วย...ในที่สุด
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า กรอบที่ 12 นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การหลงลืมตนหรือหยิ่งผยองโดยเข้าใจผิด คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่เหนือใคร ๆ และจะเป็นด้วยความโง่หรือรู้เท่า ไม่ถึงกาลของตัวเอง อย่างไร?ก็ตามเถอะ...สุดท้ายเมื่อมารู้ความจริงเข้าภายหลัง บางทีมันก็อาจจะสายเกินไป และอาจจะต้องได้พบจุดจบเข้าได้เหมือนกัน....