ศาสนาคริสต์ Christianity
ประวัติความเป็นมา ศาสนาคริสต์เกิดในปาเลสไตน์ ประมาณ 543 ปี หลังพุทธศักราช ศาสดาของศาสนาคริสต์คือ “พระเยซู” โดยชาวยิวยอมรับว่าพระเยซูคือ “เมสสิอาห์”
กำแพงร้องไห้
ประวัติศาสดา
การแพร่ขยายของคริสต์ศาสนา
กำเนิดและวิวัฒนาการนิกายสำคัญในคริสต์ศาสนา นิกายโรมันคาทอลิก นิกายออร์ธอดอกซ์ นิกายโปรเตสแตนต์
คัมภีร์ที่สำคัญในศาสนาคริสต์ คือ คัมภีร์ไบเบิ้ล คัมภีร์ในศาสนา คัมภีร์ที่สำคัญในศาสนาคริสต์ คือ คัมภีร์ไบเบิ้ล พระคัมภีร์เก่า (พันธสัญญาเดิม) พระคัมภีร์ใหม่ (พันธสัญญาใหม่)
หลักคำสอนที่สำคัญ หลักตรีเอกานุภาพ หลักความรัก อาณาจักรของพระเจ้า พระเจ้าผู้เป็นอันติมสัจจ์ คำเทศนาบนภูเขา (ปฐมเทศนา)
อาณาจักรของพระเจ้า
พระเยซูตรัสว่า “อย่าสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในโลกนี้ ที่ตัวหนอนและสนิมอาจทำลายได้ ขโมยอาจลักไปได้ แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์ ที่หนอนหรือสนิมไม่อาจทำลายได้ และที่ขโมยไม่ลักเอาไปได้” “แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ท่าน”
พระตรีเอกภาพ (Trinity)
รวมกันเป็นพระเจ้าองค์เดียว พระผู้สร้าง (พระยะโฮวา) 1. พระบิดา (God : the Father) ผู้เสด็จเพื่อนำทาง ช่วยเหลือมนุษย์ ไปสู่พระเจ้า หรือ เป็นมัคคุเทศก์ 2. พระบุตร ( Jesus, Son of God) 3.พระจิต (Holy Spirit) ผู้ไถ่บาป (พระเยซู) รวมกันเป็นพระเจ้าองค์เดียว (ตรีเอกภาพ (Trinity)
พระจิต พระบุตร พระบิดา
พระเยซูทรงกล่าวถึงพระเจ้าในฐานะพระบิดาว่า “ในพวกท่านมีใครบ้างที่จะเอาก้อนหินให้บุตรเมื่อเขาต้องการขนมปัง หรือให้งูเมื่อบุตรขอปลา เหตุนั้น ถ้าท่านทั้งหลายเองผู้เป็นคนบาปยังรู้จักให้ของดีแก่บุตรของตน ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์จงประทานของดีแก่ผู้ที่ขอต่อพระองค์”
ธรรมชาติของพระผู้เป็นเจ้า ๑. มีลักษณะที่เป็น อนันตภาวะ มีภาวะที่เป็นอยู่โดยไม่รู้จักสลายไป เป็นนิรันตรภาวะ เป็นอยู่ตลอดไป เป็นสัมปุณณภาวะ สมบูรณ์ยิ่ง
2. มีลักษณะเป็นจิต คือ มีความนึกคิด เป็นวิญญาณ คือ รู้แจ้งในสรรพสิ่งทั้งปวง มีความรู้สึกตัวเสมอ ความนึกคิด ความรู้เช่นนี้หาที่สุดมิได้ 3. มีลักษณะเป็นต้นกำเนิดของสรรพสิ่ง ต่าง ๆ ทั้งที่เป็นรูปธรรม คือ มีรูปร่าง และเป็นนามธรรม คือ ไม่มีรูปร่างปรากฏ เพราะฉะนั้น พระเป็นเจ้าจึงเป็นทุก ๆ สิ่งในโลก
สรรพสิ่ง จะเป็นวัตถุหรือจิต หยาบหรือละเอียด ดีหรือชั่ว หากมีปัจจัยก่อให้เกิด ย่อมแปรเปลี่ยนดับสลายไปตามกาล สิ่งใด ดำรงอยู่เอง ไร้ปัจจัย ไม่เป็นของบุคคล ไม่เป็นบุคคล พ้นกาลเวลา ย่อมดำรงอยู่นิรันดร
หลักความเชื่อและจุดหมายสูงสุด ศาสนาคริสต์มีจุดหมายปลายทางที่เป็นความสุขนิรันดร คือ สวรรค์อันเป็นอาณาจักรของพระเจ้า วิธีปฏิบัติที่จะให้บรรลุถึงจุดหมายปลายทางนั้น คือ การปฏิบัติตามพระบัญญัติให้ครบถ้วน คือ รักพระเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจและเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ชาวคริสต์เชื่อว่า โลกนี้มีเพียงครั้งเดียว ตายไปแล้วก็จะไปอยู่ในสวรรค์หรือนรกชั่วนิรันดร
พิธีกรรมที่สำคัญ
Baptism พิธีบัปติสมา, พิธีบัพติศมา (โปรเตสแตนต์), ศีลล้างบาปหรือศีลจุ่ม (คาทอลิก) พิธีรับการชำระบาปและประกาศตัวเป็นคริสต์ศาสนิกชน โดยการใช้น้ำเป็นสัญลักษณ์ ซึ่งมีวิธีดังต่อไปนี้ ๑. พิธีจุ่ม เฉพาะพิธีนี้ทั้งผู้ประกอบพิธีและผู้รับบัปติสมาจะลงไปยืนในน้ำแล้วผู้ประกอบพิธีจะกดศีรษะของผู้รับบัปติสมาลงในน้ำให้น้ำมิดศีรษะ แล้วยกศีรษะขึ้น ๒. พิธีพรม ก.ผู้ประกอบพิธีจะจุ่มมือลงในภาชนะที่ใส่น้ำ และยกมือขึ้นวางบนศีรษะของผู้รับ บัปติสมา ข.ผู้ประกอบพิธีจะจุ่มมือลงในภาชนะที่ใส่น้ำ และพรมน้ำบนศีรษะของผู้รับบัปติสมา ๓. พิธีล้างบาป ผู้ประกอบพิธีจะยกน้ำเทลงบนศีรษะของผู้รับบัปติสมา ทุกวิธีที่กล่าวนี้ ผู้ประกอบพิธีจะประกาศว่าประกอบพิธีบัปติสมาในพระนามพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ พิธีบัปติสมาศักดิ์สิทธิ์นี้ประกอบครั้งเดียวในชีวิตของแต่ละคน
ศีลอภัยบาป (Sacrament of Confession) ศีลอภัยบาปอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ชาวคาทอลิกเชื่อว่า พระเยซูทรงกำหนดพิธีกรรมนี้ขึ้น เพื่อแสดงน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าว่า ทรงพร้อมที่จะอภัยความผิดพลาดของมนุษย์เสมอ หากมนุษย์ที่มีบาป สำนึกผิดและขออภัยบาปตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ ๑. มีบาปที่ตนทำเอง (นั่นคือ ไม่รวมบาปกำเนิด) ๒. มีความสำนึกผิดและปรารถนาจะได้รับการอภัยบาป ๓. มีความพร้อมที่จะทำการชดใช้โทษบาป อันเป็นผลจากการกระทำบาปของตน ๔. มีความตั้งใจที่จะสารภาพบาปกับผู้มีอำนาจโปรดบาป คือผู้ได้รับศีลอนุกรมตั้งแต่ขั้นบาทหลวงขึ้นไป และเมื่อโอกาสอำนวยต้องทำจริง ๆ *การอภัยบาป สำหรับบาปเบา (3 ข้อแรก) *การพ้นโทษบาป จะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อได้ชดใช้โทษบาปจนหมดสิ้นแล้วเท่านั้น ถ้ายังชดใช้ไม่หมด หลังความตายจะต้องจะต้องไปชดใช้ต่อในแดนชำระ (Purgatory)
พิธีมิสซา (Missa, Mass) มิสซา แปลว่า ได้ถูกส่งไปแล้ว “ของถวายได้ถูกส่งไป (ให้พระเป็นเจ้า)แล้ว” พิธีมิสซา เป็นพิธีที่พระเยซูทรงถวายพระองค์เป็นเครื่องบูชาแด่พระบิดา โดยยอมถูกตรึงบนไม้กางเขน ตามน้ำพระทัยของพระบิดา เพื่อถวายเป็นพลีกรรมแด่มวลมนุษย์ (เพราะค่าแห่งบาปกำหนดไว้ด้วยความตาย) มนุษย์จะได้เข้าใจในน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า และมีน้ำใจรักพระเป็นเจ้า และรักเพื่อนมนุษย์ทุกคน ตามพระบัญญัติของพระเป็นเจ้า ระลึกถึงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายกับอัครสาวก “จงรับไปกินให้ทั่วเถิด นี่คือกายของเรา” “จงรับไปดื่มให้ทั่วเถิด นี่คือโลหิตของเรา โลหิตแห่งพันธสัญญาใหม่ ซึ่งจะหลั่งออกเพื่อท่าน และมนุษย์ทั้งหลาย จงกระทำดังนี้ต่อ ๆ ไปเพื่อระลึกถึงเราเถิด”
สัญลักษณ์ของศาสนา
ฐานะของศาสนาในปัจจุบัน ศาสนาคริสต์ในปัจจุบันมีผู้นับถือมากที่สุดในโลก มีศาสนิกกว่า 1,000 ล้านคนทั่วโลก แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในทวีปยุโรป อเมริกา และออสเตรเลีย