Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.

Slides:



Advertisements
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
Life is beautiful with People like you in it
Advertisements

บทที่ 10 วันที่ 5 มีนาคม เปาโลอธิบายภาพความขัดแย้งอันยิ่งใหญ่ไว้ในจดหมายที่ท่านเขียน :
คำเทศนาหัวข้อที่ 5: ความเชื่อที่จะแตะต้องโลกนี้
A Powerful Purpose – Part 1
คำเทศนาหัวข้อที่ 4: รักษาคนเจ็บป่วย SERMON 4: HEALING THE SICK
Sermon 2: THE WORKS OF JESUS – TOUCHING LIVES THROUGH TEACHING
ความเชื่อที่จะมีชัยชนะ
คำเทศนาหัวข้อที่ 3: ประกาศข่าวดี SERMON 3: PREACHING GOOD NEWS
คำเทศนาหัวข้อที่ 3: ประกาศข่าวดี SERMON 3: PREACHING GOOD NEWS
ดาเนียลมีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้า
“เอาชนะเนื้อหนัง” OVERCOMING THE FLESH. “เอาชนะเนื้อหนัง” OVERCOMING THE FLESH.
ความเชื่อที่มีการประพฤติตาม
Part 1: By the Power of the Gospel
“ชีวิตที่ไร้กังวล” A WORRY FREE LIFE. “ชีวิตที่ไร้กังวล” A WORRY FREE LIFE.
A Powerful Purpose – Part 2
1. นี่เป็นสิ่งที่พระเยซูทรงทำ พระองค์ทรงรักษาทุกคน ที่เจ็บป่วยให้หายดี
1. มีความเชื่อมโยงกันโดยตรงระหว่างการได้ยิน สิ่งที่มองเห็น
1. ดาวิด มอง ผ่านสายตาของพระเจ้า
เรื่องราวของวันคริสต์มาส
เตรียมลูกๆ ของท่านให้พร้อม
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
อย่ากลัวสิ่งใดเลย Fear Nothing. อย่ากลัวสิ่งใดเลย Fear Nothing.
เดือนครอบครัวแข็งแกร่ง
ชีวิตที่ไร้กังวล A Life Without Worry. ชีวิตที่ไร้กังวล A Life Without Worry.
ตอนที่ 3: ท่านเป็นผู้ชอบธรรมได้อย่างไร?
พื้นฐานอันแข็งแกร่งของความเชื่อ Faith’s Strong Foundation
ฤทธิ์เดชในการปกป้องของพระเจ้า
ท่านมีของประทาน You Have A Gift Part 1: God Has Given You A Gift
คำเทศนาชุด: ท่านมีของประทาน
The Christmas Story Part 4: Jesus Reveals The Truth
“เข้าใจเรื่องความเชื่อ”
“เรียนรู้ที่จะให้อภัย”
“คิดอย่างแชมป์” THINK LIKE A CHAMPION. “คิดอย่างแชมป์” THINK LIKE A CHAMPION.
ตอนที่ 2: ความเชื่อจากพระเจ้า
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
ตอนที่ 4: ผลประโยชน์ของความชอบธรรม
1 ยอห์น 1:5-7 5 นี่เป็นเรื่องราวซึ่งเราได้ยินจากพระองค์และประกาศแก่ท่าน คือพระเจ้าทรงเป็นความสว่าง ในพระองค์ไม่มีความมืดเลย 6 ถ้าเราอ้างว่ามีสามัคคีธรรมกับพระองค์แต่ยังดำเนินในความมืด.
ตอนที่ 1: ใจที่ตั้งมั่นคง
ตอนที่ 5: จิตสำนึกแห่งความชอบธรรม
ความเชื่อที่จะเจริญรุ่งเรือง
ตอนที่ 6: ชอบธรรมที่ภายใน Part 6: Righteous On The Outside
1. พระเยซูทรงมีฤทธิ์เดชที่จะ ช่วยให้รอด
ตอนที่ 4: เดินตามรอยเท้าพระเยซู Part 4: Follow Jesus’ Footsteps
PART 5: The Spirit of Faith
“ความเชื่อที่นำสู่ชัยชนะ”
ตอนที่ 2: ความชอบธรรม 2 ประเภท
ตอนที่ 2: เหล่าสาวกติดตามพระเยซูPart 2: Disciples Follow Jesus
ความเชื่อสำหรับพระมหาบัญชา Faith For The Great Commission
อิสยาห์ 54:14 “เจ้าจะได้รับการสถาปนาขึ้นใน
ตอนที่ 2: ค้นพบของประทานของท่าน Part 2: Finding Your Gift
เรื่องราวของวันคริสต์มาส ตอนที่ 3: ของขวัญแห่งพระคุณ
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
“เคลื่อนไปสู่ชีวิตใหม่ ตอนที่ 2” Moving Into the Newness of Life
1. กุญแจประการแรกสู่การเปลี่ยนแปลงตามแบบพระเจ้า
“เคลื่อนไปสู่ชีวิตใหม่” Moving Into the Newness of Life
1. พระเยซูทรงต้องการให้เราเป็น เหมือนพระองค์
ตอนที่ 4: เคลื่อนไปกับของประทานของท่าน Part 4: Flowing In Your Gift
ชีวิตแห่งการฟื้นพระชนม์ในเรา Part 1: Jesus is Your Hope
Part 1 - Jesus Reveals the Father
คำเทศนาชุด ชีวิตคริสเตียนที่สมดุล ตอนที่ 4: ฉันเป็นคนรับใช้ของพระเจ้า
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
เรื่องราวของวันคริสต์มาส ตอนที่ 2: พระเจ้าทรงกลายมาเป็นมนุษย์
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
FREE INDEED! เสรีภาพให้เราเป็นไท
หลักข้อเชื่อของอัครธรรมทูต
Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.
คำเทศนาชุด ชีวิตแห่งการฟื้นพระชนม์ในเรา ตอนที่ 2: ฤทธิ์เดชแห่งการฟื้นพระชนม์
1. ทูตเป็นผู้ที่เป็นตัวแทนถึงสิ่งที่พระเจ้า
Part 3: Resurrection Guarantees Your Hope.
ใบสำเนางานนำเสนอ:

Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน

โรม

Romans โรม 1:1-7

Romans โรม 1 Paul a servant and an apostle เปาโลผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์ผู้ซึ่งพระองค์ทรงเรียกให้เป็นอัครทูต

Acts กิจการ 9:4-6 4And falling to the ground he heard a voice saying to him, “Saul, Saul, why are you persecuting me?” 4เซาโลจึงล้มลงถึงดินและได้ยินพระสุรเสียงตรัสมาว่า “เซาโล เซาโลเอ๋ย เจ้าข่มเหงเราทำไม”

5And he said, “Who are you, Lord 5And he said, “Who are you, Lord?” And he said, “I am Jesus, whom you are persecuting. 5เซาโลจึงทูลถามว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงเป็นผู้ใด” พระองค์ตรัสว่า “เราคือเยซู ซึ่งเจ้าข่มเหง

6But rise and enter the city, and you will be told what you are to do

1Paul, a servant of Christ Jesus, called to be an apostle, set apart for the gospel of God, 1เปาโล ผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์ ผู้ซึ่งพระองค์ทรงเรียกให้เป็นอัครทูต และได้ทรงตั้งไว้ให้ประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า

2which he promised beforehand through his prophets in the holy Scriptures, 2คือข่าวประเสริฐที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้ล่วงหน้า โดยทางพวกผู้เผยพระวจนะของพระองค์ ในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์

3concerning his Son, who was descended from David according to the flesh 3ข่าวประเสริฐนั้นเกี่ยวกับพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ผู้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์สืบเชื้อสายจากดาวิด

4and was declared to be the Son of God in power according to the Spirit of holiness by his resurrection from the dead, Jesus Christ our Lord, 4แต่ฝ่ายพระวิญญาณแห่งความบริสุทธิ์นั้นบ่งไว้ด้วยฤทธานุภาพ คือโดยการเป็นขึ้นมาจากความตายว่า เป็นพระบุตรของพระเจ้า

5through whom we have received grace and apostleship to bring about the obedience of faith for the sake of his name among all the nations, 5โดยทางพระองค์นั้นพวกข้าพเจ้าได้รับพระคุณและหน้าที่เป็นอัครทูต เพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์ ให้ไปประกาศแก่ชนชาติต่างๆให้เขาเชื่อฟัง

6including you who are called to belong to Jesus Christ, 6รวมทั้งพวกท่านที่พระเจ้าทรงเรียกให้เป็นคนของพระเยซูคริสต์ด้วย

7To all those in Rome who are loved by God and called to be saints: Grace to you and peace from God our Father and the Lord Jesus Christ.

7เรียน บรรดาท่านที่อยู่ในกรุงโรมผู้ซึ่งพระเจ้าทรงรัก และทรงเรียกให้เป็นธรรมิกชน ขอพระคุณและสันติสุขซึ่งมาจากพระเจ้าพระบิดาของเราทั้งหลาย และจากพระเยซูคริสตเจ้า จงดำรงอยู่กับพวกท่านเถิด

Romans 1 overview Greeting and introduction Rom. 1:1-7) An Bond Servant of Christ, an Apostle, and a missionary to the Gentiles Prayer - he expressed his concern for the Romans (Rom. 1:8-15) He Affirmed His Confidence in the Gospel (Rom. 1:16-17) and theme of the book

16For I am not ashamed of the gospel, for it is the power of God for salvation to everyone who believes, to the Jew first and also to the Greek.

16เพราะว่าข้าพเจ้าไม่มีความละอายในเรื่องข่าวประเสริฐ เพราะว่าข่าวประเสริฐนั้นเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อได้รับความรอด พวกยิวก่อน แล้วพวกต่างชาติด้วย

17For in it the righteousness of God is revealed from faith for faith, as it is written, “The righteous shall live by faith.”

17เพราะว่าในข่าวประเสริฐนั้น ความชอบธรรมของพระเจ้าก็ได้สำแดงออก โดยเริ่มต้นก็ความเชื่อ สุดท้ายก็ความเชื่อ ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า คนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ

I A servant ผู้รับใช้ของ What does it mean to be a servant of Jesus Christ? What is the status of a servant? The Greek word doulos is a slave. A slave can’t leave and can’t quit,

Isaiah อิสยาห์53:10-1110Yet it was the will of the LORD to crush him; he has put him to grief; when his soul makes an offering for sin, he shall see his offspring; he shall prolong his days; the will of the LORD shall prosper in his hand.

10แต่ก็ยังเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าที่จะให้ท่านฟกช้ำ ด้วยความเจ็บไข้ เมื่อพระองค์ทรงกระทำให้วิญญาณของท่านเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป ท่านจะเห็นพงศ์พันธุ์ของท่าน ท่านจะยืดวันทั้งหลายของท่าน น้ำพระทัยของพระเจ้าจะเจริญขึ้นในมือของท่าน

11Out of the anguish of his soul he shall see and be satisfied; by his knowledge shall the righteous one, my servant, make many to be accounted righteous, and he shall bear their iniquities.

11ท่านจะเห็นผลแห่งความทุกข์ลำบากแห่งวิญญาณจิตของท่าน และพอใจ โดยความรู้ของท่านผู้ชอบธรรมคือผู้รับใช้ของเรา จะกระทำให้คนเป็นอันมากนับได้ว่าเป็นคนชอบธรรม และท่านจะแบกบรรดาความบาปผิดของเขาทั้งหลาย

Daniel ดาเนียล 7:13-14 13I saw in the night visions, and behold, with the clouds of heaven there came one like a son of man, and he came to the Ancient of Days and was presented before him.

13ข้าพเจ้าเห็นในนิมิตกลางคืน และ ดูเถิด มีท่านผู้หนึ่งเหมือนบุตรมนุษย์ มา พร้อมกับบรรดาเมฆของสวรรค์ และท่านมาหาผู้เจริญ ด้วยวัยวุฒินั้น เขานำท่านมาเฝ้าต่อเบื้องพระพักตร์พระองค์

14And to him was given dominion and glory and a kingdom, that all peoples, nations, and languages should serve him; his dominion is an everlasting dominion, which shall not pass away, and his kingdom one that shall not be destroyed.

14ราชอำนาจ ศักดิ์ศรี กับราช อาณาจักร เขานำมามอบไว้กับท่าน เพื่อบรรดาชนชาติ ประชาชาติ ทั้งปวง และภาษาทั้งหลาย จะปรนนิบัติท่าน ราชอาณาจักรของท่านเป็น ราชอาณาจักรนิรันดร์ ซึ่งจะไม่สิ้นสุดไป และแผ่นดินของท่านเป็นแผ่นดิน ซึ่งจะไม่ถูกทำลายเลย

Philippians ฟีลิปปี2:3-9 3Do nothing from rivalry or conceit, but in humility count others more significant than yourselves. 3อย่าทำสิ่งใดในทางชิงดีกันหรือถือดี แต่จงมีใจถ่อมถือว่าคนอื่นดีกว่าตัว

4Let each of you look not only to his own interests, but also to the interests of others. 4อย่าให้ต่างคนต่างเห็นแก่ประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆด้วย

5Have this mind among yourselves, which is yours in Christ Jesus, 5ท่านจงมีน้ำใจต่อกันเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์

6who, though he was in the form of God, did not count equality with God a thing to be grasped, 6ผู้ทรงสภาพของพระเจ้า แต่มิได้ทรงถือว่าการเท่าเทียมกับพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่จะต้องยึดถือ

7but made himself nothing, taking the form of a servant, being born in the likeness of men. 7แต่ได้กลับทรงสละ และทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์

8And being found in human form, he humbled himself by becoming obedient to the point of death, even death on a cross. 8และเมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ทรงถ่อมพระองค์ลงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งความมรณาที่กางเขน

9Therefore God has highly exalted him and bestowed on him the name that is above every name, 9เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงยกพระองค์ขึ้นอย่างสูง และได้ประทานพระนามเหนือนามทั้งปวงให้แก่พระองค์

Three things necessary to be servants of Jesus Christ: First ransom- you were a slave to sin and you had to be bought.

Mark มาระโก10:45 For even the Son of Man came not to be served but to serve, and to give his life as a ransom for many.”

เพราะว่าบุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่ท่านมาเพื่อจะปรนนิบัติเขา และประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก”

I Corinthians 1 โครินธ์6:19-20 19Or do you not know that your body is a temple of the Holy Spirit within you, whom you have from God? You are not your own,

19ท่านไม่รู้หรือว่า ร่างกายของท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งสถิตอยู่ในท่าน ซึ่งท่านได้รับจากพระเจ้า ท่านไม่ใช่เจ้าของตัวท่านเอง

20for you were bought with a price. So glorify God in your body

Second you had to be redeemed and taken out of the slave market Second you had to be redeemed and taken out of the slave market. Galatians กาลาเทีย3:13 13Christ redeemed us from the curse of the law by becoming a curse for us—for it is written, “Cursed is everyone who is hanged on a tree”

13พระคริสต์ทรงไถ่เราให้พ้นความแช่งสาปแห่งธรรมบัญญัติ โดยการที่พระองค์ทรงยอมถูกแช่งสาปเพื่อเรา (เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ทุกคนที่ต้องถูกแขวนไว้บนต้นไม้ต้องถูกสาปแช่ง)

Third we had to be released, set free to serve Him Third we had to be released, set free to serve Him. Romans โรม6:6-13 6We know that our old self was crucified with him in order that the body of sin might be brought to nothing, so that we would no longer be enslaved to sin.

6เราทั้งหลายรู้แล้วว่า ตัวเก่าของเรานั้นได้ถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว เพื่อตัวที่บาปนั้นจะถูกทำลายให้สิ้นไป และเราจะไม่เป็นทาสของบาปอีกต่อไป

7For one who has died has been set free from sin

8Now if we have died with Christ, we believe that we will also live with him. 8แต่ถ้าเราตายแล้วกับพระคริสต์ เราเชื่อว่าเราจะมีชีวิตอยู่กับพระองค์ด้วย

9We know that Christ being raised from the dead will never die again; death no longer has dominion over him. 9เราทั้งหลายรู้อยู่ว่า พระคริสต์ที่ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากตายนั้นแล้วจะหาตายอีกไม่ ความตายหาครอบงำพระองค์ต่อไปไม่

10For the death he died he died to sin, once for all, but the life he lives he lives to God. 10ด้วยว่าซึ่งพระองค์ได้ทรงตายนั้นพระองค์ได้ทรงตายต่อบาปหนเดียวเป็นพอ แต่ซึ่งพระองค์ทรงชีวิตอยู่นั้น พระองค์ทรงชีวิตสนิทกับพระเจ้า

11So you also must consider yourselves dead to sin and alive to God in Christ Jesus. 11เหมือนกันเช่นนั้นแหละ ท่านทั้งหลายจงถือว่าท่านได้ตายต่อบาป และมีชีวิตสนิทกับพระเจ้าในพระเยซูคริสต์

12Let not sin therefore reign in your mortal bodies, to make you obey their passions. 12เหตุฉะนั้นอย่าให้บาปครอบงำกายที่ต้องตายของท่าน ซึ่งทำให้ต้องเชื่อฟังตัณหาของกายนั้น

13Do not present your members to sin as instruments for unrighteousness, but present yourselves to God as those who have been brought from death to life, and your members to God as instruments for righteousness.

13อย่ายกอวัยวะของท่านให้แก่บาป ให้เป็นเครื่องใช้ในการอธรรม แต่จงถวายตัวของท่านแด่พระเจ้า เหมือนหนึ่งคนที่เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว และจงให้อวัยวะเป็นเครื่องใช้ในการชอบธรรมถวายแด่พระเจ้า

Luke ลูกา16:10-13 10“One who is faithful in a very little is also faithful in much, and one who is dishonest in a very little is also dishonest in much.

10“คนที่สัตย์ซื่อในของเล็กน้อยจะสัตย์ซื่อในของมากด้วย และคนที่อสัตย์ในของเล็กน้อย จะอสัตย์ในของมากเช่นกัน

11If then you have not been faithful in the unrighteous wealth, who will entrust to you the true riches? 11เหตุฉะนั้นถ้าท่านทั้งหลายไม่สัตย์ซื่อในทรัพย์สมบัติอธรรม ใครจะมอบทรัพย์สมบัติอันแท้ให้แก่ท่านเล่า

12And if you have not been faithful in that which is another's, who will give you that which is your own? 12และถ้าท่านทั้งหลายมิได้สัตย์ซื่อในของของคนอื่น ใครจะมอบทรัพย์อันแท้ให้เป็นของของท่านเล่า

13No servant can serve two masters, for either he will hate the one and love the other, or he will be devoted to the one and despise the other. You cannot serve God and money.”

13ไม่มีผู้ใดเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เพราะว่าจะชังนายข้างหนึ่ง และจะรักนายอีกข้างหนึ่ง หรือจะนับถือนายฝ่ายหนึ่ง และจะดูหมิ่นนายอีกฝ่ายหนึ่ง ท่านจะปฏิบัติพระเจ้าและจะปฏิบัติเงินทองพร้อมกันไม่ได้”

Matthew มัทธิว10:24-2524“A disciple is not above his teacher, nor a servant above his master. 24“ศิษย์ไม่ใหญ่กว่าครูและทาสไม่ใหญ่กว่านายของตน

25It is enough for the disciple to be like his teacher, and the servant like his master. If they have called the master of the house Beelzebul, how much more will they malign those of his household.

25ซึ่งศิษย์จะได้รับการรับรองเสมอครู และทาสเสมอนายของตนก็พออยู่แล้ว ถ้าเขาได้เรียกเจ้าบ้านว่าเบเอลเซบูล เขาจะเรียกลูกบ้านของเขามากยิ่งกว่านั้นเท่าใด

Mark มาระโก13:35-36 35Therefore stay awake—for you do not know when the master of the house will come, in the evening, or at midnight, or when the cock crows, or in the morning—

35เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังอยู่ เพราะท่านไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะมาเมื่อไร จะมาเวลาค่ำ หรือเที่ยงคืน หรือเวลาไก่ขัน หรือรุ่งเช้า

36lest he come suddenly and find you asleep

II An apostle อัครทูต

Acts กิจการ1:21-22 21So one of the men who have accompanied us during all the time that the Lord Jesus went in and out among us, 21เหตุฉะนั้น ในบรรดาคนที่เป็นพวกเดียวกับเราเสมอตลอดเวลาที่พระเยซูเจ้าได้เสด็จเข้าออกกับเรา

22beginning from the baptism of John until the day when he was taken up from us—one of these men must become with us a witness to his resurrection.”

22คือตั้งแต่บัพติศมาของยอห์น จนถึงวันที่พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นไปจากเรา คนหนึ่งในพวกนี้จะต้องเป็นพยานกับเรา ว่าพระองค์ได้ทรงคืนพระชนม์แล้ว”

II Corinthians 2 โครินธ์5:20 20Therefore, we are ambassadors for Christ, God making his appeal through us. We implore you on behalf of Christ, be reconciled to God. 20ฉะนั้นเราจึงเป็นทูตของพระคริสต์ โดยที่พระเจ้าทรงขอร้องท่านทั้งหลายทางเรา เราจึงขอร้องท่านในนามของพระคริสต์ให้คืนดีกันกับพระเจ้า

III Set apart ตั้งไว้บริสุทธิ์ II Timothy 2ทิโมธี2:21Therefore, if anyone cleanses himself from what is dishonorable, he will be a vessel for honorable use, set apart as holy, useful to the master of the house, ready for every good work.

ถ้าผู้ใดชำระตัวให้พ้นจากสิ่งที่ไม่มีค่า เขาก็จะเป็นภาชนะที่มีค่า ซึ่งชำระให้บริสุทธิ์แล้ว เหมาะที่เจ้าของเรือนจะใช้ให้เป็นประโยชน์ พร้อมกับการดีทุกอย่าง

Romans โรม1:7 To all those in Rome who are loved by God and called to be saints: Grace to you and peace from God our Father and the Lord Jesus Christ.

7เรียน บรรดาท่านที่อยู่ในกรุงโรมผู้ซึ่งพระเจ้าทรงรัก และทรงเรียกให้เป็นธรรมิกชน ขอพระคุณและสันติสุขซึ่งมาจากพระเจ้าพระบิดาของเราทั้งหลาย และจากพระเยซูคริสตเจ้า จงดำรงอยู่กับพวกท่านเถิด