เรียบเรียงโดย .. นางภัคนิภา มณีโชติ
macOS ระบบปฏิบัติการซึ่งถือได้ว่าเป็นหัวใจสำหรับ Mac ทุกเครื่อง macOS นั้นมีหน้าตาสวยงาม น่าใช้งาน และมีพลังที่จะช่วยเราทำงานได้หลายรูปแบบ ตอนนี้ Apple ได้ปล่อย macOS Sierra ให้ผู้ใช้งาน Mac สามารถ Download ไฟล์ ซึ่งมีขนาด 4.77 GB มาติดตั้งได้ฟรี จาก Mac App Store ทั้งนี้ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีพื้นที่ว่างเพียงพอ ซึ่งจะต้องมีพื้นที่ว่างในการเก็บข้อมูล 8.8 GB เพื่อใช้ติดตั้ง macOS Sierra ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ ๆ มากมาย
รุ่นไหนอัพเดทได้บ้าง ? สำหรับคอมพิวเตอร์ Mac ที่เปิดตัวหลังปี 2010 จะสามารถอัพเดทได้ทั้งหมด รวมถึง iMac และคอมตระกูล MacBook ที่เปิดตัวในปลายปี 2009 ก็จะสามารถอัพเดทได้เช่นกัน ยกเว้น บางคุณสมบัติที่ต้องใช้เป็นรายรุ่นไป ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ Handoff – Mac ที่เปิดตัวตั้งแต่ช่วงปี 2012 เป็นต้นไป Auto Unlock – Mac ที่เปิดตัวตั้งแต่ช่วงปี 2013 เป็นต้นไป และต้องมี Apple Watch ที่เชื่อมกับ iPhone แล้วติดตัวอยู่ Apple Pay for Web – Mac ที่เปิดตัวตั้งแต่ช่วงปี 2013 เป็นต้นไป และต้องมี iPhone 6 ขึ้นไปที่ผูก Apple Pay แล้วติดตัวอยู่ Metal – Mac ที่เปิดตัวตั้งแต่ช่วงปี 2012 เป็นต้นไป
เตรียมพร้อมก่อน Update สำรวจความเข้ากันได้ของโปรแกรม – หากคุณเป็นผู้ที่ต้องใช้โปรแกรมระดับโปร เช่น Adobe Photoshop, Adobe Illustrator, Final Cut, Logic ฯลฯ หรือแม้กระทั่งโปรแกรมสำนักงานที่จำเป็นต้องใช้และมักจะมีปัญหากับ OS X ใหม่ๆ ต้องรอโปรแกรมเหล่าออกอัพเดตนั้นเสียก่อนครับ เพราะหากอัพเกรดไปแล้วโปรแกรมใช้ไม่ได้จะเสียงานเสียการเปล่า ๆ ทำการ Back Up ข้อมูลสำคัญเอาไว้ก่อน – ถึงแม้ว่า macOS Sierra จะลงทับ OS X รุ่นเก่าได้ทันทีแบบที่ข้อมูลไม่หาย แต่อุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้ การสำรองข้อมูลจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากเกิดเหตุที่ไม่คาดฝัน
เตรียมไฟให้พร้อม คอมพิวเตอร์เดสก์ทอป เช่น Mac Pro, Mac mini, iMac ที่ไม่มีแหล่งจ่ายไฟในตัว แนะนำให้ UPS มาใช้เพื่อป้องกันไฟตกหรือไฟกระชาก เพราะหากไฟไม่เสถียรขณะทำการอัพเกรด อาจทำให้เกิดปัญหาและต้องติดตั้งใหม่ส่วนคอมพิวเตอร์แลปทอป อย่าง MacBook, MacBook Pro หรือ MacBook Air ที่มีแบตเตอรี่ในตัวไม่น่าเป็นห่วงเรื่องนี้ แต่ตอนอัพเดตก็ต้องเสียบปลั๊กไว้เนื่องจากขณะอัพเดตจะกินไฟเยอะมาก
อัพเดทง่ายๆ จาก Mac App Store ของเครื่อง Mac 1. ตรวจสอบการอัพเดท OS X ได้ที่ คลิกที่ไอคอน Apple เลือกที่ App Store 2. ตรวจสอบการอัพเดทจากหัวข้อ Updates หรือหากต้องการโหลดเพื่อติดตั้งครั้งแรก ให้ค้นชื่อ macOS Sierra ได้ทันที 3. คลิกที่ Download แล้วรอสักครู่ (ขนาดไฟล์ติดตั้ง 4.77 GB) 4. เมื่อ Download สำเร็จแล้ว หน้าจอติดตั้งจะแสดงขึ้น คลิกที่ Continue 5. หน้าจอเงื่อนไขการใช้งานต่างๆ จะแสดงขึ้นมา คลิกที่ Agree (หน้าต่างยืนยันการยอมรับเงื่อนไขจะแสดงขึ้นต่อมา คลิกที่ Agree) 6. เลือกติดตั้งใน Disk หลักของเครื่อง แล้วคลิก Install (หลักจาก Install แล้ว หากเครื่องมีการตั้งค่าให้ใส่รหัสประจำเครื่องก่อนยืนยันติดตั้ง ให้ใส่รหัสยืนยันหนึ่งครั้ง) 7. ระบบจะเริ่มเตรียมติดตั้ง OS X ลงไปในเครื่อง 8. เมื่อเตรียมติดตั้งเสร็จ คลิกที่ Restart หนึ่งรอบ หลังจากนั้น การติดตั้งจริงจะเริ่มขึ้น ซึ่งขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 45 นาที
มีอะไรใหม่ใน macOS Sierra macOS Sierra เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติใหม่ๆ ที่ชาญฉลาดที่จะช่วยสร้างความเพลิดเพลินให้กับคุณและใช้ Mac ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งกว่าที่เคย
Auto Unlock คือใช้งาน Apple Watch เพื่อปลดล็อค Mac จากเดิมที่ปกติเราเปิดฝา Mac ขึ้นมาจะต้องใส่รหัสผ่าน แต่ถ้าใส่ Apple Watch และเปิดฟีเจอร์ Auto Unlock พอเปิดฝา Mac ขึ้นมาก็ใช้เครื่องได้ทันที
Siri วิธีใช้งานบน Siri บน Mac ก็เหมือนกับ Siri บน iOS คือใช้ค้นหาข้อมูลต่างๆ, ค้นหารอบฉายภาพยนตร์สิ่งที่เพิ่มเข้ามาจาก Siri บน iOS คือ Siri บน Mac มีความสามารถในการจัดการไฟล์ด้วย เช่น สั่งให้ค้นหาไฟล์, สั่งให้ค้นหาภาพบนเว็บ และตัว Siri จะจัดแจงหาข้อมูลให้ และเมื่อเจอข้อมูลก็สามารถลากมาวางได้ทันที เป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ชาญฉลาดซึ่งช่วยให้คุณทำงานได้หลากหลายและทำสิ่งต่างๆ สำเร็จได้โดยการถาม ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณทำงานกับเอกสาร คุณสามารถขอให้ Siri ส่งข้อความให้เพื่อนร่วมงาน เพื่อบอกว่าเอกสารกำลังจะเสร็จแล้ว โดยไม่ต้องวางมือจากสิ่งที่ทำอยู่
คลิกไอคอน ในแถบเมนู หรือ Dock Siri ถามว่า "ให้ฉันช่วยอะไรไหม" จากนั้น พูดในสิ่งที่คุณต้องการให้ช่วย ตัวอย่างที่คุณสามารถขอให้ Siri ทำได้ “แสดง ไฟล์ PDF ใน โฟลเดอร์รายการดาวน์โหลดของฉัน” “ฉันมีพื้นที่ว่างเหลือเท่าไหร่บน Mac” “เล่นเพลงแจ๊ส ยอดนิยม 40 อันดับแรก” “สภาพอากาศที่ทะเลสาบสงขลาเป็นยังไงบ้าง” “แสดงไฟล์ทั้งหมดที่ฉันแชร์กับศศิราเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว” “ค้นหารูปภาพของเสาชิงช้าจากเว็บ” “ค้นหาทวีตจาก José Bautista” “FaceTime กับแหวน” "เพิ่มลัดดาลงในการประชุมตอน 10 โมง” “สะกดคำว่า บร็อคโคลีให้หน่อย” "แสดงรูปภาพของฉันเมื่อวาน" "ตอนนี้ที่ Monterrey เม็กซิโกเป็นเวลากี่โมง"
Universal Clipboardคลิปบอร์ดกลาง คลิปบอร์ดแชร์กันได้ระหว่าง iOS และ Mac คลิปบอร์ด คือสิ่งที่เก็บไฟล์ที่กำลังคัดลอกไว้ คือเมื่อกด Copy หรือ Cut ข้อมูลก็จะอยู่ในคลิปบอร์ดของตัวอุปกรณ์หนึ่ง แต่ด้วยฟีเจอร์ Universal Clipboard จะทำให้คลิปบอร์ดทั้งบน iOS และ Mac เป็นอันเดียวกัน คือเมื่อคลิก Copy บนอุปกรณ์หนึ่งก็สามารถไป Paste ไว้อีกอุปกรณ์หนึ่งได้
iCloud Drive จะซิงค์ไฟล์ที่อยู่บนหน้าจอเดสก์ท็อปด้วย ฉะนั้นไม่ว่าจะเปิด iMac, MacBook ก็จะเห็นไฟล์บนเดสก์ท็อปเหมือนกันหมด ส่วนบน iPhone จะมีโฟลเดอร์ใน iCloud Drive แยกออกมาชื่อว่า Desktop
Optimize Storage ฟีเจอร์จัดการพื้นที่บน Mac เพื่อป้องกันปัญหาพื้นที่เต็ม โดย Apple จะทำดังนี้ ไฟล์เก่าๆ ที่ไม่ได้ถูกใช้เป็นเวลานานๆ จะถูกเก็บไว้บน iCloud ไฟล์แคชเก่าๆ หรือไฟล์ที่โปรแกรมดาวน์โหลดมาใช้เพียงครั้งเดียว จะถูกลบทิ้งโดยอัตโนมัติ Apple กล่าวว่าฟีเจอร์นี้สามารถประหยัดพื้นที่ได้มาก เช่น ฮาร์ดดิสก์ขนาด 250GB ที่เหลือ 20GB จะเพิ่มพื้นที่เหลือให้มากถึง 150GB
Apple Pay สามารถใช้งานกับการซื้อสินค้าบนเว็บได้ถ้าเว็บรองรับ และใช้การยืนยันตัวตนผ่าน iPhone โดยการแตะ Touch ID
Picture in Picture คือฟีเจอร์ที่สามารถดึงวิดีโอจากหน้าเว็บออกมาดูได้ และจะให้อยู่เหนือแอพอื่นตลอดเวลา ลักษณะคล้ายกับ Picture in Picture บน iOS
Handoff จะช่วยให้คุณสามารถเริ่มต้นทำงานในอุปกรณ์หนึ่ง แล้วเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์อีกเครื่องที่อยู่ใกล้เคียงแล้วทำงานต่อจากจุดที่คุณทำค้างไว้ได้
การโทรผ่านเซลลูลาร์ของ iPhone จะทำให้คุณสามารถโทรออกและรับสายจาก Mac, iPad หรือ iPod touch ของคุณได้เมื่ออุปกรณ์เหล่านั้นอยู่บนเครือข่ายเดียวกันกับ iPhone ของคุณ
ใช้การส่งข้อความ SMS และ MMS หากต้องการใช้คุณสมบัตินี้ ให้เริ่มต้นการสนทนาโดยปกติ ในแอพข้อความ ในอุปกรณ์ของคุณเครื่องไหนก็ได้ คุณสามารถเริ่มการสนทนาได้โดยคลิกที่ หมายเลขโทรศัพท์ใน Safari, รายชื่อ, ปฏิทิน หรือ แอพอื่นๆ ที่สามารถตรวจพบหมายเลขโทรศัพท์ได้ ข้อความเข้าและข้อความออกทั้งหมดจะปรากฏในอุปกรณ์ของคุณทุกเครื่อง
Instant Hotspot สามารถทำให้ Mac, iPhone, iPad หรือ iPod touch (รุ่น Wi-Fi + Cellular) สามารถทำให้ Mac, iPhone, iPad หรือ iPod touch สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ร้องขอให้คุณป้อนรหัสผ่านในอุปกรณ์เหล่านั้น
ล้างถังขยะโดยอัตโนมัติ ล้างถังขยะโดยอัตโนมัติ จะลบไฟล์ต่างๆ ที่อยู่ในถังขยะนานเกิน 30 วันอย่างถาวร ลดความยุ่งเหยิง ช่วยระบุไฟล์ขนาดใหญ่และไฟล์ต่างๆ ที่คุณอาจไม่ต้องการอีกต่อไป คลิกปุ่ม ตรวจสอบไฟล์ จากนั้นเลือกหมวดหมู่ไฟล์ที่ต้องการในแถบด้านข้าง เช่น แอพพลิเคชั่น เอกสาร GarageBand ไฟล์ iOS iTunes หรือถังขยะ คุณจะสามารถลบไฟล์ในบางหมวดหมู่ได้โดยตรง ย้ายตัวชี้ไปบนชื่อไฟล์ แล้วคลิก เพื่อลบไฟล์นั้นทันทีแบบถาวร หากคุณซื้อไฟล์นั้นจาก Mac App Store, iBooks Store หรือ iTunes Store คุณอาจสามารถดาวน์โหลดได้อีกครั้ง หมวดหมู่อื่นๆ จะแสดงพื้นที่เก็บข้อมูลทั้งหมดที่ใช้โดยไฟล์ในแต่ละแอพ จากนั้น คุณจะสามารถเปิดแอพนั้น และตัดสินใจว่าจะลบไฟล์ต่างๆ จากภายในแอพได้หรือไม่
บทสรุป ตลอดหลายปีที่ผ่านมา OS X ได้เปลี่ยนแปลงไปในหลายรูปแบบ แต่หลักการสำคัญที่เป็นหัวใจของ OS X อย่างขุมพลัง ความเรียบง่าย และความสวยงามนั้นกลับไม่เคยเปลี่ยน macOS Sierra มาพร้อม Siri, ปรับปรุง Continuity ได้รับการขัดเกลาในทุกส่วน จึงทำให้ทรงพลังยิ่งขึ้นและใช้งานง่ายยิ่งกว่าเดิม และในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาองค์ประกอบสำคัญที่เป็น Mac ไว้เช่นเดิม เรียกว่าทุกรายละเอียดผ่านการคิดซ้ำแล้วซ้ำอีกเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ Apple ทุกชิ้น เพราะเมื่อเป็นเรื่องของประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมแล้ว สิ่งที่จะสร้างความแตกต่างได้ก็คือรายละเอียดนั่นเอง
อ้างอิง Apple เปิดตัว macOS Sierra [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://www.macthai.com/2016/06/14/apple- macos-sierra/ (วันที่สืบค้นข้อมูล : 20 สิงหาคม 2559) สรุปขั้นตอน-วิธีการอัพเดท [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://www.macstroke.com/112594/how-to-update-macos-10-12 (วันที่สืบค้นข้อมูล : 26 กันยายน 2559) การอัพเกรด macOS Sierra [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://www.apple.com/th/macos/sierra/ (วันที่สืบค้นข้อมูล : 27 กันยายน 2559)