ความหมายของวิทยาศาสตร์

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "ความหมายของวิทยาศาสตร์"— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ ความสัมพันธ์ของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผลกระทบของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

2 ความหมายของวิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์เกิดจากการสมาสกันระหว่างคำในภาษาสันสกฤต 2 คำ คือ “ วิทยา ” แปลว่า ความรู้ กับ “ ศาสตร์ ” แปลว่า วิชา จึงหมายถึง วิชาที่ว่าด้วยความรู้ ซึ่งตรงกับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า “ Science ” ที่มีรากศัพท์มาจากภาษาลาตินว่า “ Scientia ”แปลว่า ความรู้

3 จากการที่มีผู้ให้ความหมายของวิทยาศาสตร์ไว้หลากหลายสรุปได้ 4 ประเด็นดังนี้ คือ
1. จากความหมายของรากศัพท์ของวิทยาศาสตร์ จากภาษาลาติน หมายถึง องค์ความรู้ที่มีระบบและจัดไว้อย่างเป็นระเบียบแบบแผน 2. จากการวิเคราะห์ประวัติการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์นั้น วิทยาศาสตร์ประกอบด้วยส่วนที่เป็นตัวความรู้ของธรรมชาติ ที่ค้นพบ กับส่วนที่เป็นวิธีการเฉพาะที่ใช้ในการสืบเสาะหาความรู้

4 3. จากการให้ความหมายตามทัศนะของนักวิทยาศาสตร์ จะมี 3 ประเด็น คือ 1) มองวิทยาศาสตร์ในฐานะที่เป็นกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ของ ธรรมชาติ 2) มองวิทยาศาสตร์ในฐานะที่เป็นองค์ความรู้ธรรมชาติ 3) มองวิทยาศาสตร์เป็นทั้งองค์ความรู้ของธรรมชาติ และกระบวนการสืบ เสาะหาความรู้ของธรรมชาติ 4. จากการให้ความหมายตามทัศนะของนักการศึกษาทางวิทยาศาสตร์นั้น วิทยาศาสตร์มีลักษณะเป็น 2 มิติ ควบคู่กันไป คือ มิติทางด้านองค์ความรู้ ของธรรมชาติ และ มิติทางด้านกระบวนการที่ใช้สืบเสาะหาความรู้นั้น

5 ความหมายของเทคโนโลยี
เทคโนโลยี Technology มีรากศัพท์มาจากคำในภาษากรีกว่า Techne ซึ่ง หมายถึง ศิลปะ( Art ) หรืองานช่างฝีมือ ( Craft ) พจนานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ ให้ความหมายเทคโนโลยีว่า เป็นการใช้ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาและผลิตสินค้าและผลิตสินค้าและบริการ อันเป็นประโยชน์แก่มนุษย์ เทคโนโลยี หมายถึง ความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ เทคนิควิธีการผลิต การสร้างหรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ สิ่งประดิษฐ์ ระบบ ตลอดจนวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ระบบหรือวิธีการที่มี ประสิทธิภาพสูงสามารถอำนวยความสะดวกหรือแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่ มนุษย์และสังคมกำลังประสบอยู่

6 ความสัมพันธ์ของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกิดจากความพยายามของ มนุษย์ที่จะทำความเข้าใจธรรมชาติโดยการสังเกต รวบรวมข้อมูลที่ เกี่ยวข้องแล้วนำมาสรุปเป็นกฎ หลักการ รวมไปถึงการตั้งทฤษฎีเพื่อ อธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ การนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันก็คือการสร้างเทคโนโลยีนั่นเอง ดังนั้น ในการสร้างเทคโนโลยีใด ๆ ก็ตาม จึงจำเป็นต้องอาศัยความรู้ทาง วิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐานเทคโนโลยีจึงเกี่ยวข้องโดยตรงกับวิทยาศาสตร์ ถึงแม้ว่าลักษณะและจุดมุ่งหมายจะต่างกันออกไป และในขณะเดียวกัน การศึกษาค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์จะเจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็วได้ก็ต้อง อาศัยเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ จากผลงานของความก้าวหน้าทาง เทคโนโลยีลักษณะของการศึกษาและความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่แตกต่าง

7 วิทยาศาสตร์ 1. เป็นการศึกษาเพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้ ความรู้ที่ ได้ใช้เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ 2. ความรู้ทางวิทยาศาสตร์จะนำมาเผยแพร่ โดย ถือว่าความรู้เหล่านี้เป็นสมบัติของชาวโลกทุกคน 3. ความรู้ที่ได้อาจจะนำมาใช้ประโยชน์ หรือไม่ใช่ ประโยชน์ก็ได้ 4. ในการศึกษาค้นคว้าทางด้านวิทยาศาสตร์ไม่อยู่ ภายใต้อิทธิพลของสิ่งใด ๆ (เศรษฐกิจ สังคม การเมือง) เทคโนโลยี 1.ในการสร้างเทคโนโลยี มีจุดมั่งหมายเพื่อนำ ความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ทั้งแก่ส่วนรวม และส่วนบุคคล 2. ความรู้หรือผลงานทางด้านเทคโนโลยีของแต่ ละบุคคลสามารถนำมาซื้อขายได้ มีการสงวน ลิขสิทธิ์ การนำความรู้ทางด้านเทคโนโลยีของ บุคคลอื่นไปใช้จะต้องขออนุญาตหรือซื้อลิขสิทธิ์ 3. การพัฒนาเทคโนโลยีของแต่ละสังคมจะมุ่งไป ในทางใดนั้น จะอยู่ภายใต้ของอิทธิพล ของปัจจัยทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การเมือง และสิ่งแวดล้อม

8 ในการค้นพบความรู้หรือทฤษฎีใหม่ทาง วิทยาศาสตร์ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีเทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้นเสมอไป ช่วงเวลาห่างระหว่างการค้นพบทางวิทยาศาสตร์กับการนำความรู้ นั้นไปพัฒนาเป็นเทคโนโลยีใหม่อาจเป็นระยะเวลาสั้น ๆ หรือ ยาวนานนับ 10 ปี ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพทางเศรษฐกิจและ สังคม จึงอาจกล่าวได้ว่า “เทคโนโลยีต้องอาศัยความรู้ทาง วิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐาน และความรู้ทางวิทยาศาสตร์จะไร้ ประโยชน์หากขาดเทคโนโลยีมาเชื่อมโยง”

9 ผลกระทบของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
1. ผลกระทบของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่อสิ่งแวดล้อม หมายถึงเปลี่ยนแปลงสภาวะทั้งดีขึ้น หรือแย่ลงก็ได้ อันเกิด จากการกระทำของสิ่งมีชีวิตหรือธรรมชาติเกิดขึ้นได้โดย มนุษย์และที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติทั้งที่ มองเห็นได้และมองเห็นไม่ได้ ในรูปของสสารและพลังงานรวมทั้ง ที่มีชีวิตและไม่มี

10 ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม ดังนี้
สาเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม ดังนี้ มลพิษทางอากาศ มลพิษทางน้ำ มลพิษทางดิน มลพิษทางเสียง

11 2. ผลกระทบของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่อสังคม หมายถึง การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมด้านอาชีพ รายได้ การศึกษา และแผนการดำเนินชีวิต 3. ผลกระทบของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่อวัฒนธรรม 4. ผลกระทบของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่อเศรษฐกิจ 5. ผลกระทบของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่อการเมือง

12 การรู้วิทยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์
การรู้วิทยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

13 ความหมายของการรู้วิทยาศาสตร์ และวิธีการทางวิทยาศาสตร์
ความหมายของการรู้วิทยาศาสตร์ และวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ต้องเป็นการตระหนักว่าวิทยาศาสตร์ไม่ใช่สิ่งที่สร้างไว้ สำเร็จรูป เราจะต้องค้นหาได้มาเอง(การรู้วิทยาศาสตร์)นั้นยัง หมายถึง ความสามารถในการใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่ง เป็นพื้นฐานในการตัดสินใจอย่างฉลาดได้ ชีวิตในสังคมที่เจริญ ทางเทคโนโลยีนั้นต้องอาศัยการตัดสินใจ เชิงวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น

14 การรู้เรื่องวิทยาศาสตร์เราอาจประเมินจากความสามารถของนักเรียนได้ดังนี้
การรู้เรื่องทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Literacy) หมายถึง การรู้ กระบวนการ (Process) การรู้แนวคิดและสาระเนื้อหา (Concepts and Content) และการ ใช้วิทยาศาสตร์เพื่อที่จะสามารถเข้าใจและช่วยการตัดสินใจเกี่ยวกับโลกธรรมชาติ ที่ เกี่ยวข้องกับผู้เรียนทั้งในปัจจุบันและการใช้ชีวิตในสังคมในอนาคต การรู้เรื่องวิทยาศาสตร์เราอาจประเมินจากความสามารถของนักเรียนได้ดังนี้ 1. ที่จะใช้ความรู้วิทยาศาสตร์ 2. รู้จักคำถามที่สามารถหาคำตอบได้โดยวิธีทางวิทยาศาสตร์ 3. บอกได้ว่าการสำรวจตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง 4. การใช้ข้อมูลเพื่อตรวจสอบหรืออธิบายคำกล่าวด้านต่างๆ ตลอดจน ความสามารถ ในการสื่อสารสาระทางวิทยาศาสตร์

15 วิธีการทางวิทยาศาสตร์
วิธีการทางวิทยาศาสตร์สรุปเป็นขั้นตอน ได้ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การสังเกต หมายถึง การสังเกตโดยใช้ประสาทสัมผัสทั้ง ห้า คือ ตา หู จมูก ลิ้น และกายสัมผัส รวมถึงเครื่องมือช่วยขยาย ความสามารถของประสาทสัมผัส และมีการบันทึกข้อมูลต่างๆ ที่ได้อย่าง เป็นระบบ ขั้นตอนที่ 2 การตั้งสมมุติฐาน หมายถึง การคาดคะเนล่วงหน้าของ คำตอบของปัญหาที่ต้องการทราบ ทั้งนี้การตั้งสมมุติฐานเกิดจากการนำ ข้อมูลที่มาจากการสังเกตมาเป็นส่วนช่วย

16 ขั้นตอนที่ 3 การทดลอง หมายถึง การดำเนินการตรวจสอบ สมมุติฐาน โดยอาศัยการรวบรวมข้อมูลทั้งจากการสำรวจ การทดลอง หรือวิธีการอื่นๆ ประกอบกัน ขั้นตอนที่ 4 การสรุปผลการทดลอง หมายถึง การลงข้อสรุปจากผล การทดลอง ตรวจสอบผลจากการสรุป อาจเป็นส่วนที่ทำให้เกิดหลักการ กฎ ทฤษฎี และสามารถแสดงความสัมพันธ์

17 เมื่อพิจารณาวิธีการทางวิทยาศาสตร์โดยคำนึงถึงสภาพปัญหาแล้ว สามารถระบุเป็นขั้นตอนออกมาได้ดังต่อไปนี้ ขั้นตอนที่ 1 ระบุปัญหา ขั้นตอนที่ 2 รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปัญหา ขั้นตอนที่ 3 ตั้งสมมุติฐาน ขั้นตอนที่ 4 สังเกตรวบรวมผล และ/หรือการทดลอง ขั้นตอนที่ 5 สรุปผลการสังเกต หรือ ผลการทดลอง

18 ความหมาย ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์

19 เพื่อ... พฤติกรรม ทางวิทยาศาสตร์ จนเกิดความชำนาญและความคล่องแคล่ว
การคิด การปฏิบัติ ทางวิทยาศาสตร์ จนเกิดความชำนาญและความคล่องแคล่ว แสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เพื่อ... หาวิธีการเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ

20 ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แบ่งออกเป็น 2 ขั้น ดังนี้
ขั้นสูง ขั้นพื้นฐาน 8 ทักษะ 5 ทักษะ

21 ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
ขั้นพื้นฐาน การสังเกต การจัดกระทำข้อมูล และการสื่อความหมาย การวัด การจำแนกประเภท การหาความสัมพันธ์ ระหว่างสเปสกับสเปสฯ การลงความเห็น การพยากรณ์ การคำนวณ

22 ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
ขั้นสูง การตั้งสมมติฐาน การชี้บ่งและกำหนดตัวแปร ตีความหมายและลงข้อสรุป การทดลอง การกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ

23 ค้นหา ข้อมูลซึ่งเป็นรายละเอียดของสิ่งนั้น
การสังเกต เพื่อ การใช้ประสาทสัมผัส ตา หู จมูก ค้นหา ข้อมูลซึ่งเป็นรายละเอียดของสิ่งนั้น ผิวกาย ลิ้น ประเภทของการสังเกต สัมผัส เชิงคุณภาพ เชิงปริมาณ วัตถุ เหตุการณ์

24 ใช้เครื่องมือบางอย่าง
การวัด ใช้เครื่องมือบางอย่าง การใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ที่ใช้ในการสังเกต แทน มีขอบเขตจำกัด เชื่อถือแน่นอนเสมอไปไม่ได้ เพื่อหา ข้อมูลจากสิ่งต่าง ๆ ปรากฏการณ์ต่างๆ การทดลอง การวัด ความยาว ความกว้าง ความสูง ความหนา ปริมาตร น้ำหนัก เวลา อุณหภูมิ

25 การจำแนกประเภท การแบ่ง.....แยกสิ่งต่าง ๆ ออกเป็นประเภท ๆ ทำให้
สะดวกในการศึกษา ความรู้ที่จัดเป็นระบบและเป็นหมวดหมู่ ทำให้ เห็น...ความสัมพันธ์ของสิ่งที่ศึกษาเหล่านั้น

26 การสังเกต การลงความเห็น การอธิบายผล ได้จาก ข้อมูลที่ได้จากการสังเกต
อาจลงความคิดเห็นได้หลายอย่าง มักใช้ การลงความเห็น ประสบการณ์เดิม

27 ที่เกิดซ้ำ ๆ ในเรื่องนั้นมาช่วย
การพยากรณ์ การคาดคะเน ทำนายคำตอบ อาศัยข้อมูล การสังเกต ประสบการณ์ ที่เกิดซ้ำ ๆ ในเรื่องนั้นมาช่วย

28 การจัดกระทำข้อมูล และการสื่อความหมาย ความสามารถในการใช้ภาษาพูดหรือภาษาเขียน รวมทั้งการเขียนแผนภาพ แผนภูมิ ตาราง กราฟ วงจร และสมการ ประกอบการพูด

29 สเปสของวัตถุจะมี 3 มิติ คือ
การหาความสัมพันธ์ ระหว่างสเปสกับสเปสฯ สเปสของวัตถุ ที่ว่างที่วัตถุนั้นครองที่ สเปสของวัตถุจะมี 3 มิติ คือ ความกว้าง ความยาว ความสูง

30 ความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปสของวัตถุ
ความสัมพันธ์ระหว่าง 3 มิติ กับ 2 มิติ ความสัมพันธ์ของตำแหน่งที่อยู่ของวัตถุหนึ่งกับอีกวัตถุหนึ่ง ความสามารถที่แสดงให้เห็นว่า เกิดทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปส การชี้บ่งรูป 2 มิติและ 3 มิติ ได้ สามารถวาดภาพ 2 มิติจากวัตถุ หรือ ภาพ 3 มิติได้

31 เวลา ความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับเวลา เช่น
ความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนตำแหน่งที่อยู่ของวัตถุกับเวลา ความสัมพันธ์ระหว่างสเปส ของวัตถุที่เปลี่ยนไปกับเวลา ความสามารถที่แสดงให้เห็นว่า เกิดทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับเวลา บอกความสัมพันธ์ระหว่าง การเปลี่ยนตำแหน่ง เปลี่ยนขนาด เช่น เวลา ปริมาณของวัตถุ กับ

32 การคำนวณ การนำค่า สังเกตเชิงปริมาณ ได้จากการ ทดลอง วัด อื่นๆ การนับ
กระทำให้เกิดค่าใหม่ โดย การนำตัวเลข

33 การตั้งสมมติฐาน การเดา
เกี่ยวข้องกับ ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร ตั้งขึ้นก่อน....การทดลอง สมมติฐานที่ตั้งขึ้น....บอกให้ทราบเกี่ยวกับข้อมูลที่ต้องการรวบรวม มักจะถูก

34 พิจารณาปัญหาด้วยความรอบคอบ
การทดลอง "ปัญหา" เริ่มต้นด้วย พิจารณาปัญหาด้วยความรอบคอบ เลือกตัวแปรที่จะทำการทดสอบ ตั้งสมมติฐานที่เกี่ยวข้องกับตัวแปร ดำเนินการทดลองเพื่อทดสอบสมมติฐานที่ตั้งขึ้น

35 การชี้บ่งและกำหนดตัวแปร
คือ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้หรือสิ่งที่แตกต่างไปจากที่เป็นอยู่เดิมเมื่ออยู่ในสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง

36 ตีความหมายและลงข้อสรุป
การตีความหมายข้อมูล การแปลความหมาย หรือบรรยายลักษณะข้อมูลที่มีอยู่ อาจต้องใช้ ทักษะการคำนวณ ทักษะการสังเกต การลงข้อสรุป การสรุปความสัมพันธ์ของข้อมูลทั้งหมด

37 การกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ
ขอบเขต ความหมาย ของตัวแปรที่อยู่ในสมมติฐานที่ต้องการทดสอบให้เข้าใจตรองกัน และสามารถสังเกต หรือวัดได้

38


ดาวน์โหลด ppt ความหมายของวิทยาศาสตร์

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google