ดาวน์โหลดงานนำเสนอ
งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ
1
นิโคลัส โคเปอร์นิคัส Nicolaus Copernicus
จัดทำโดย เด็กหญิง นวินดา ละอองเอี่ยม ม.4.2 เลขที่8
2
โคเปอร์นิคัสเป็นนักดาราศาสตร์ชาวโปแลนด์ ที่อาจจะมีชื่อเสียงไม่โด่งดังเท่ากับนักดาราศาสตร์อย่างกาลิเลโอ แต่ผลงาน และทฤษฎีต่าง ๆ ของเขา เช่น ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของสุริยะจักรวาล โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์และหมุนรอบตัวเอง เป็นต้น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นทฤษฎีที่ถูกต้องและบุกเบิกแนวทางให้กับนักดาราศาสตร์รุ่นต่อมาอย่างกาลิเลโอ และก็ถือได้ว่า โคเปอร์นิคัสเป็นนักดาราศาสตร์คนแรกที่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของสุริยจักรวาลและโลกมีสัณฐานเป็นทรงกลม นอกจาก นี้เขายังได้ตั้งทฤษฎีเพื่ออธิบายเกี่ยวกับฤดูกาล กลางวันและกลางคืนได้อย่างถูกต้อง
3
โคเปอร์นิคัสเกิดเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ค. ศ
โคเปอร์นิคัสเกิดเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ ที่เมืองตูรัน ประเทศโปแลนด์ บิดาของเขาเป็นพ่อค้าผู้มั่งคั่งนามว่า นิโคลัส คอปเปอร์นิงค์ (Nicolaus Koppernigk) ส่วนมารดาของเขาชื่อบาร์บารา แวคเซนโรด (Barbara Waczenrode) ต่อมาเมื่อเขาอายุได้ 10 ปี เท่านั้น บิดาของเขาก็เสียชีวิต เขาจึงต้องอยู่ในความอุปการะของลุง ซึ่งเป็นพระในตำแหน่งบิชอบ แห่งเออร์มแลนด์ ชื่อว่า ลูคัส แวคเซนโรด (Lucas Waczenrode) ลุงของเขาเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตของเขาอย่างมาก เพราะเป็นอาจารย์คนแรก จึงทำให้เขามีความสนใจเกี่ยวกับศาสนาอย่างจริงจัง แต่ความคิดข้อนี้ก็ล้มเลิกไปในภายหลัง เมื่อเขามีความสนใจวิชาแพทย์มากกว่า และได้ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งเมืองคราโคว (University of Cracow)
4
ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้เขามีโอกาสได้ศึกษาวิชาต่าง ๆ การที่เขามีโอกาสได้ศึกษาวิชาเกี่ยวกับดาราศาสตร์ ทำให้เขาเปลี่ยนแนวความคิดที่จะเรียนต่อแพทย์ ไปเรียนต่อเกี่ยวกับดาราศาสตร์แทน แต่ยังไม่ทันสำเร็จวิชาดาราศาสตร์ เขาก็ย้ายไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในเมืองโบโลญญา (University of Bologna) ในประเทศอิตาลีและไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเฟอร์รารา (Ferrara University) และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ในวิชากฎหมายจาก มหาวิทยาลัยแห่งนี้ หลังจากสำเร็จการศึกษาโคเปอร์นิคัสได้เดินทางกลับบ้าน แต่เมื่อลุงเขารู้ว่าเขาไม่ได้เรียนแพทย์ก็ไม่พอใจอย่างมาก เพื่อเป็นการเอาใจลุง โคเปอร์นิคัสจึงต้องกลับไปศึกษาต่อวิชาแพทย์อีกครั้งหนึ่งที่มหาวิทยาลัยปาดัว ในระหว่างที่เขาเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เขามีโอกาสได้ศึกษาวิชาดาราศาสตร์ที่เขาชอบอีกด้วย เนื่องจากวิชาดาราศาสตร์เป็นส่วนหนึ่ง ของวิชาแพทย์ โคเปอร์นิคัสเรียนจบแพทย์ในปี ค.ศ. 1506
5
ต่อมาในปีค.ศ ลุงของเขาเสียชีวิต เขาจึงเดินทางไปอยู่ที่เมืองฟรอนบูร์ก (Frauenburg) เพื่อศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับดาราศาสตร์อย่างจริงจัง ส่วนวิชาแพทย์ที่เขาเล่าเรียนมาก็ไม่ละทิ้งให้เสียประโยชน์ เขายังช่วยรักษาผู้ป่วยที่ยากจนในเมืองโดยไม่คิดค่ารักษาพยาบาล ส่วนงานค้นคว้าดาราศาสตร์ ส่วนใหญ่จะเป็นการนำทฤษฎีที่ว่าด้วยเรื่องศูนย์กลางของสุริยะจักรวาลของนักปราชญ์ในอดีตมาศึกษา เช่นของ อาคีสทาร์คัส (Akistarchus), ของปโตเลมี (Ptolemy), ปีทาโกรัส (Pythagoras) ทั้งหมดนี้ โคเปอร์นิคัสเชื่อถือเพียงทฤษฎีของอาคีสทาร์คัสเท่านั้น
6
เขาจึงเริ่มทำการค้นคว้าและหาข้อพิสูจน์ทฤษฎีเหล่านี้ แต่เนื่องจากในสมัยนั้นขาดแคลนอุปกรณ์ทางดาราศาสตร์ โคเปอร์นิคัสจึงใช้วิธีเจาะช่องบนฝาผนัง เพื่อให้แสงสว่างผ่านเข้ามา แล้วเฝ้าสังเกตการเดินทางของโลกผ่านทางช่องนี้ ซึ่งเขาพบว่าแสงสว่างจะเดินทางผ่านช่องหนึ่ง ๆ ในทุก ๆ 24 ชั่วโมง ซึ่งหมายถึงการที่โลกหมุนรอบตัวเอง นอกจากนี้เขาได้กำหนดเส้นเมอร์ริเดียนเพื่อใช้เป็นหลักการคำนวณทางดาราศาสตร์อีกด้วย ในที่สุดเขาก็สามารถสรุปหาข้อเท็จจริงได้ว่าทฤษฎีของอาร์คีสทาร์คัสที่เขาเชื่อถือนั่นถูกต้องที่สุด คือ ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของสุริยะจักรวาล โลกและดาวเคราะห์อื่น ๆ
7
ต่อมาจอร์จ โจคิม เรติคัส (George Joachim Rheticus)นักดาราศาสตร์ชาวเยอรมันและศาสตราจารย์ทางคณิตศาสตร์ได้ส่งผลงานของโคเปอร์นิคัสไปให้เพื่อนเขาที่อยู่เมืองนูเรมเบิร์ก (Nuremburg) ในประเทศเยอรมนีตีพิมพ์ แต่ก็ไม่ตีพิมพ์ผลงานชิ้นนี้ จนกระทั่งโคเปอร์นิคัสเสียชีวิตในปีค.ศ.1543 จึงทำการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานของเขาออกมาในชื่อว่าการปฏิวัติทางโคจรแห่งดาวบนฟากฟ้า (De Revolutionibus Orbrium Codestium) มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า On theRevolutions of the Heavenly Bodies หรือที่รู้จักกันดีในชื่อว่า Revolutions มีทั้งหมด 6 เล่ม หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับระบบสุริยะจักรวาลที่โคเปอร์นิคัสเป็นผู้ค้นพบ
8
โดยสามารถสรุปเป็นทฤษฎีได้ทั้งหมด 3 ข้อ. 1
โดยสามารถสรุปเป็นทฤษฎีได้ทั้งหมด 3 ข้อ ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะจักรวาล โลก และดาวเคราะห์อื่น ๆ ต้องโคจรรอบดวงอาทิตย์ การโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ต้องใช้เวลา 1 ปีหรือ 365 วัน ซึ่งทำให้เกิดฤดูกาลขึ้น 2. โลกมีสัณฐานกลมไม่ได้แบนอย่างที่เข้าใจกันมา โคเปอร์นิคัสให้เหตุผลในข้อนี้ว่า มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นดาวดวงเดียวกันในเวลาเดียวกันและสถานที่ต่างกันได้ อีกทั้งโลกต้องหมุนอยู่ตลอดเวลาไม่ได้หยุดนิ่ง โดยโลกใช้เวลา 1 วันหรือ 24 ชั่วโมงในการหมุนรอบตัวเอง ซึ่งทำให้เกิดกลางวัน และกลางคืน 3. ดาวเคราะห์ต่าง ๆ ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นไปในลักษณะวงกลม โคเปอร์นิคัสได้เขียนรูปภาพแสดงลักษณะการโคจร ของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ แต่ทฤษฎีของโคเปอร์นิคัสข้อนี้ผิดพลาดเพราะเขากล่าวว่า "การโคจรของดาวเคราะห์ รอบดวงอาทิตย์เป็นวงกลม"
9
บรรณานุกรม สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศ ว&ท นิโคลัส โคเปอร์นิคัส : Nicolaus Copernicus (ออนไลน์). แหล่งที่มา : 18 กรกฏาคม 2558
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
© 2024 SlidePlayer.in.th Inc.
All rights reserved.