ค33212 คณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ 6

Slides:



Advertisements
งานนำเสนอที่คล้ายกัน
สาระที่ 1 จานวนและการดาเนินการ
Advertisements

ค33212 คณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ 6
ระบบจำนวนจริง(Real Number)
ลิมิตและความต่อเนื่อง
อินทิกรัลตามเส้น เป็นการหาปริพันธ์ของฟังก์ชันบน [a,b] จะศึกษาเรื่อง
ลำดับลู่เข้า และลำดับลู่ออก
บทที่ 3 ลำดับและอนุกรม (Sequences and Series)
คณิตศาสตร์เพิ่มเติ่ม ค เรื่อง วงกลม โดย ครูนาตยา บุญเรือง
คอมพลีเมนต์ นิยาม คอมพลีเมนต์ของเซต A เขียนแทนด้วย หมายถึง เซตที่ประกอบด้วยสมาชิก ซึ่งเป็นสมาชิกของเซต แต่ไม่เป็นสมาชิกของเซต A.
เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ มาสเตอร์วินิจ กิจเจริญ
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI)
จงหาระยะห่างของจุดต่อไปนี้ 1. จุด 0 ไปยัง จุด 0 ไปยัง 2
ความเท่ากันทุกประการ
ทฤษฏีกราฟเบื้องต้น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5.
สับเซต ( Subset ) นิยาม กำหนดให้ A และ B เป็นเซตใด ๆ เรากล่าวว่า A เป็นสับเซต B ก็ต่อเมื่อ สมาชิกทุกตัวของ A เป็นสมาชิกของ B ใช้สัญลักษณ์
บทที่ 8 เมตริกซ์และตัวกำหนด.
หน่วยที่ 3 อินทิกรัลและการประยุกต์
หน่วยที่ 8 อนุพันธ์ย่อย (partial derivative).
มิสกมลฉัตร อู่ศริกุลพานิชย์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
มิสกมลฉัตร อู่ศิริกุลพานิชย์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
การหาปริพันธ์ (Integration)
MAT 231: คณิตศาสตร์ไม่ต่อเนื่อง (4) ความสัมพันธ์ (Relations)
Matrix and Determinant
การสร้างเกี่ยวกับส่วนของเส้นตรง
ครูฉัตร์มงคล สนพลาย. เมตริกซ์ (Matrices) เมตริกซ์ คือ การจัดเรียง จำนวนให้อยู่ในรูป สี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งประกอบด้วย แถว (Row) และ หลัก (Column)
ค33212 คณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ 6
ความสัมพันธ์และความสัมพันธ์ทวิภาค
นิยาม, ทฤษฎี สับเซตและพาวเวอร์เซต
การดำเนินการบนเมทริกซ์
ตัวผกผันการคูณของเมทริกซ์
ค33212 คณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ 6
คุณสมบัติการหารลงตัว
ค33211 คณิตศาสตร์สำหรับ คอมพิวเตอร์ 5
ค33211 คณิตศาสตร์สำหรับ คอมพิวเตอร์ 5
สมบัติของความสัมพันธ์
ค33212 คณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ 6
จำนวนเต็มกับการหารลงตัว
ค33211 คณิตศาสตร์สำหรับ คอมพิวเตอร์ 5
ค33212 คณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ 6
ค32213 คณิตศาสตร์สำหรับคอมพิวเตอร์ 3 โรงเรียนปลวกแดงพิทยาคม
ค31212 คณิตศาสตร์สำหรับ คอมพิวเตอร์ 2
การพิจารณาจำนวนเฉพาะ
อินเวอร์สของความสัมพันธ์
ค31212 คณิตศาสตร์สำหรับ คอมพิวเตอร์ 2
การดำเนินการบนความสัมพันธ์
โดย : อาจารย์พงศกร ละฟู่ สังกัดระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
บทเรียนสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยใช้โปรแกรม Microsoft Multipoint
ตัวอย่างที่ 2.4 วิธีทำ. สมมติให้พนักงานดังกล่าวดำเนินการแต่งตัวเพื่อไปทำงานเป็นดังนี้ ตัวอย่างที่ 2.4 วิธีทำ.
การหาผลคูณและผลหารของเลขยกกำลัง
นางสาวอารมณ์ อินทร์ภูเมศร์
นางสาวอารมณ์ อินทร์ภูเมศร์
ฟังก์ชันเอ็กซ์โพเนนเชียล โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย เชียงราย
วงรี ( Ellipse).
ค32213 คณิตศาสตร์สำหรับคอมพิวเตอร์ อ.วีระ คงกระจ่าง
เรื่องการประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
เมทริกซ์ (Matrix) Pisit Nakjai.
การทดลองสุ่มและแซมเปิ้ลสเปซ
สื่อการสอนด้วยโปรมแกรม “Microsoft Multipoint”
LAB 2. การเขียนวงจรลอจิกจากสมการลอจิก
บทที่ 1 จำนวนเชิงซ้อน.
ยูเนี่ยนและอินเตอร์เซคชันของเหตุการณ์
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
คณิตศาสตร์พื้นฐาน ค ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดย ครูชำนาญ ยันต์ทอง
ค31212 คณิตศาสตร์สำหรับ คอมพิวเตอร์ 2
ตัวผกผันการคูณของเมทริกซ์
MATRIX จัดทำโดย น.ส. ปิยะนุช เจริญพืช เลขที่ 9
ติว ม. 6 วันที่ 15 ก.ค 2558.
บทที่ 2 การวัด.
EB10 (2) มีผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
EB10 (2) มีผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
ใบสำเนางานนำเสนอ:

ค33212 คณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ 6 เมทริกซ์สลับเปลี่ยน ค33212 คณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ 6

บทนิยาม ให้ A = [aij]m x n ถ้า B = [bij]n x m มีสมบัติว่า bij = aji ทุก i = 1, 2, ... , n และ j = 1, 2, ... , m แล้วเรียก B ว่าเป็นเมทริกซ์สลับเปลี่ยนของ A เขียนแทน B ด้วย At เช่น ถ้า แล้ว ถ้า แล้ว

ตัวอย่าง กำหนดเมทริกซ์ A , B ดังนี้ จงหา (AB)t , BtAt วิธีทำ 

เนื่องจาก จะได้ และ จะได้ ดังนั้น  จากตัวอย่างนี้จะเห็นได้ว่า (AB)t= BtAt

สมบัติของเมทริกซ์ที่เกี่ยวข้องกับการคูณและเมทริกซ์สลับเปลี่ยน ถ้า A = [aij]m x n , B = [bij]n x p , C = [cij]p x q แล้ว 1. A(BC) = (AB)C 2. 0 r x m A = 0 r x n , A0 n x p= 0 m x p 3. ImA = A , AIn = A 4. (cA)B = A(cB) = c(AB) เมื่อ c เป็นค่าคงตัว 5. A(B + D) = AB + AD เมื่อ D เป็น n x p เมทริกซ์ 6. (A + E)B = AB + EB เมื่อ E เป็น m x n เมทริกซ์

7. (A + F)t = At + Ft เมื่อ F เป็น m x n เมทริกซ์ 8. (AB)t = BtAt 9. (At)t = A 10. (cA)t = cAt เมื่อ c เป็นค่าคงตัว 11. (A + B)2  A2+ 2AB + B2 12. (A - B)2  A2- 2AB + B2 13. (A + B)(A - B)  A2- B2 จากข้อ 11 , 12 (A + B)2 = A2 + 2AB + B2 และ (A – B)2 = A2 – 2AB +B2 ก็ต่อเมื่อ AB = BA