Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน
1 John 2b Do Not Love the World 1ยอห์น 2b อย่ารักโลก
15 Do not love the world or the things in the world 15 Do not love the world or the things in the world. If anyone loves the world, the love of the Father is not in him. 15 อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก ถ้าผู้ใดรักโลก ความรักต่อพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้น
16 For all that is in the world—the desires of the flesh and the desires of the eyes and pride in possessions—is not from the Father but is from the world. 16 เพราะว่าสารพัดซึ่งมีอยู่ในโลก คือตัณหาของเนื้อหนังและตัณหาของตา และความทะนงในลาภยศไม่ได้เกิดมาจากพระบิดา แต่เกิดมาจากโลก
17 And the world is passing away along with its desires, but whoever does the will of God abides forever. 17 และโลกกับสิ่งที่ยั่วยวนของโลกกำลังล่วงไป แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิตย์
2 Corinthians โครินธ์ 4:4 4 In their case the god of this world has blinded the minds of the unbelievers, to keep them from seeing the light of the gospel of the glory of Christ, who is the image of God.
4 ส่วนคนที่ไม่เชื่อนั้น พระของยุคนี้ได้กระทำใจของเขาให้มืดไป เพื่อไม่ให้เขาได้เห็นความสว่างของข่าวประเสริฐ เรื่องพระสิริของพระคริสต์ผู้เป็นพระฉายของพระเจ้า
1 John 2:16 details exactly what Satan's system promotes: the lust of the flesh, the lust of the eyes, and the boastful pride of life. 1 ยอห์น 2:16 รายละเอียดว่าสิ่งที่ระบบของซาตานส่งเสริม: ตัณหาของเนื้อหนังและตัณหาของตาและความภาคภูมิใจโอ้อวดของชีวิต
Isaiah อิสยาห์ 55:7 7 let the wicked forsake his way, and the unrighteous man his thoughts; let him return to the LORD, that he may have compassion on him, and to our God, for he will abundantly pardon.
7 ให้คนอธรรมละทิ้งทางของเขา และคนไม่ชอบธรรมสละความคิด ของเขา ให้เขากลับยังพระเจ้า เพื่อพระองค์จะทรงกรุณาเขา และยังพระเจ้าของเรา เพราะพระองค์จะทรงอภัย อย่างล้นเหลือ
Matthew มัทธิว 6:33 33 But seek first the kingdom of God and his righteousness, and all these things will be added to you. 33 แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้
Matthew มัทธิว 6:24 24 “No one can serve two masters, for either he will hate the one and love the other, or he will be devoted to the one and despise the other. You cannot serve God and money.”
24 “ไม่มีผู้ใดเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เพราะว่าจะชังนายข้างหนึ่ง และจะรักนายอีกข้างหนึ่ง หรือจะนับถือนายฝ่ายหนึ่ง และจะดูหมิ่นนายอีกฝ่ายหนึ่ง ท่านจะปฏิบัติพระเจ้าและจะปฏิบัติเงินทองพร้อมกันไม่ได้
2 Corinthians โครินธ์ 5:17 17 Therefore, if anyone is in Christ, he is a new creation. The old has passed away; behold, the new has come_’ 17 เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น
Philippians ฟีลิปปี 1:27, 3:20 27 Only let your manner of life be worthy of the gospel of Christ, so that whether I come and see you or am absent, I may hear of you that you are standing firm in one spirit, with one mind striving side by side for the faith of the gospel, _
27 ขอแต่เพียงให้ท่านดำเนินชีวิตให้สมกับข่าวประเสริฐของพระคริสต์ เพื่อว่าแม้ข้าพเจ้าจะมาหาท่านหรือไม่ก็ตาม ข้าพเจ้าก็จะได้รู้ข่าวของท่านว่า ท่านเชื่อมั่นคง เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ต่อสู้เหมือนอย่างเป็นคนเดียวเพื่อความเชื่ออันเกิดจากข่าวประเสริฐนั้น
20 But our citizenship is in heaven, and from it we await a Savior, the Lord Jesus Christ, 20 แต่บ้านเมืองของเรานั้นอยู่ที่สวรรค์ เรารอคอยผู้ช่วยให้รอด ซึ่งจะเสด็จมาจากสวรรค์คือพระเยซูคริสตเจ้า
Luke ลูกา 12:33 -34 33Sell your possessions, and give to the needy Luke ลูกา 12:33 -34 33Sell your possessions, and give to the needy. Provide yourselves with moneybags that do not grow old, with a treasure in the heavens that does not fail, where no thief approaches and no moth destroys.
33 ท่านทั้งหลายจงขายของที่ท่านมีอยู่และทำทาน จงกระทำถุงใส่เงินสำหรับตนซึ่งไม่รู้เก่า คือให้มีทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์ซึ่งไม่รู้หมดสิ้น ที่ขโมยมิได้เข้ามาใกล้ และที่ตัวแมลงมิได้ทำลายเสีย
34 For where your treasure is, there will your heart be also. 34 เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย
Matthew มัทธิว19:21 21 Jesus said to him, “If you would be perfect, go, sell what you possess and give to the poor, and you will have treasure in heaven; and come, follow me.” 21 พระเยซูตรัสแก่เขาว่า “ถ้าท่านปรารถนาเป็นผู้ที่ทำจนครบถ้วน จงไปขายบรรดาสิ่งของซึ่งท่านมีอยู่แจกจ่ายให้คนอนาถา แล้วท่านจะมีทรัพย์สมบัติในสวรรค์ แล้วจงตามเรามาและเป็นสาวกของเรา”
1Timothy ทิโมธี 6:18-19 18 They are to do good, to be rich in good works, to be generous and ready to share, 18 จงกำชับให้เขากระทำดี ให้กระทำดีมากๆ ให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และไม่เห็นแก่ตัว
19 thus storing up treasure for themselves as a good foundation for the future, so that they may take hold of that which is truly life. 19 อย่างนี้จึงจะเป็นการวางรากฐานอันดีไว้สำหรับตนเองในภายหน้า เพื่อว่าเขาจะได้รับเอาชีวิต ซึ่งเป็นชีวิตอันแท้จริง
Matthew มัทธิว3:8 8 Bear fruit in keeping with repentance. 8 เหตุฉะนั้นจงพิสูจน์การกลับใจของเจ้าด้วยผลที่เกิดขึ้น
Luke ลูกา 6:43-45 43“For no good tree bears bad fruit, nor again does a bad tree bear good fruit, 43 “ด้วยว่าต้นไม้ดีย่อมไม่เกิดผลเลว หรือต้นไม้เลวย่อมไม่เกิดผลดี
44 for each tree is known by its own fruit 44 for each tree is known by its own fruit. For figs are not gathered from thornbushes, nor are grapes picked from a bramble bush. 44 เพราะว่าจะรู้จักต้นไม้ทุกต้นได้ก็เพราะผลของมัน เพราะว่าเขาย่อมไม่เก็บผลมะเดื่อจากต้นไม้มีหนาม หรือย่อมไม่เก็บผลองุ่นจากต้นระกำ
45 The good person out of the good treasure of his heart produces good, and the evil person out of his evil treasure produces evil, for out of the abundance of the heart his mouth speaks.
45 คนดีก็ย่อมเอาของดีออกจากคลังดีแห่งใจของตน และคนชั่วก็ย่อมเอาของชั่วจากคลังชั่วแห่งใจของตน ด้วยใจเต็มด้วยอะไรปากก็พูดออกมาอย่างนั้น
John ยอห์น15:1-8 1 “I am the true vine, and my Father is the vinedresser. 1 “ข้าพเจ้า เป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของข้าพเจ้า ทรงเป็นผู้ดูแลรักษา
2 Every branch of mine that does not bear fruit He takes away, and every branch that does bear fruit He prunes, that it may bear more fruit. 2 แขนงทุกแขนงในข้าพเจ้า ที่ไม่ออกผล พระองค์ก็ทรงตัดทิ้งเสีย และแขนงทุกแขนงที่ออกผล พระองค์ก็ทรงลิดเพื่อให้ออกผลมากขึ้น
3 Already you are clean because of the word that I have spoken to you. 3 ท่านทั้งหลายได้รับการชำระให้สะอาดแล้วด้วยถ้อยคำที่ข้าพเจ้า ได้กล่าวแก่ท่าน
4 Abide in me, and I in you. As the branch cannot bear fruit by itself, unless it abides in the vine, neither can you, unless you abide in me.
4 จงเข้าสนิทอยู่ในข้าพเจ้า และข้าพเจ้า เข้าสนิทอยู่ในท่าน แขนงจะออกผลเองไม่ได้ นอกจากจะติดอยู่กับเถาฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ นอกจากจะเข้าสนิทอยู่ในข้าพเจ้า ฉันนั้น
5 I am the vine; you are the branches 5 I am the vine; you are the branches. Whoever abides in me and I in him, he it is that bears much fruit, for apart from me you can do nothing.
5 ข้าพเจ้า เป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในข้าพเจ้า และเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก เพราะถ้าแยกจากข้าพเจ้า แล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย
6 If anyone does not abide in me he is thrown away like a branch and withers; and the branches are gathered, thrown into the fire, and burned. 6 ถ้าผู้ใดมิได้เข้าสนิทอยู่ในข้าพเจ้า ผู้นั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนง แล้วก็เหี่ยวแห้งไป และถูกเก็บเอาไปเผาไฟ
7 If you abide in me, and my words abide in you, ask whatever you wish, and it will be done for you. 7 ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใด ซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น
8 By this my Father is glorified, that you bear much fruit and so prove to be my disciples. 8 พระบิดาของเราทรงได้รับเกียรติเพราะเหตุนี้คือเมื่อท่านทั้งหลายเกิดผลมาก ท่านก็เป็นสาวกของเรา
18 Children, it is the last hour, and as you have heard that antichrist is coming, so now many antichrists have come. Therefore we know that it is the last hour.
18 ลูกทั้งหลายเอ๋ย บัดนี้เป็นวาระสุดท้ายแล้ว และตามที่ท่านทั้งหลายได้ยินได้ฟังมาว่า ปฏิปักษ์ของพระคริสต์จะมีมา บัดนี้ปฏิปักษ์ของพระคริสต์ก็มีมามากแล้ว ฉะนั้นเราจึงรู้ว่าบัดนี้เป็นวาระสุดท้ายแล้ว
19 They went out from us, but they were not of us; for if they had been of us, they would have continued with us. But they went out, that it might become plain that they all are not of us.
19 เขาเหล่านั้นได้ออกไปจากพวกเรา แต่เขาเหล่านั้นก็ไม่ใช่พวกเรา เพราะว่าถ้าเขาเป็นพวกของเรา เขาก็จะอยู่กับเราต่อไป แต่เขาได้ออกไปแล้ว ซึ่งก็เป็นที่ปรากฏชัดแล้วว่าเขาเหล่านั้นหาใช่พวกของเราไม่
Romans โรม 8:30 30 And those whom He predestined He also called, and those whom He called He also justified, and those whom He justified he also glorified. 30 และบรรดาผู้ที่พระองค์ได้ทรงตั้งไว้นั้น พระองค์ได้ทรงเรียกมาด้วย และผู้ที่พระองค์ได้ทรงเรียกมานั้น พระองค์ทรงโปรดให้เป็นผู้ชอบธรรม และผู้ที่พระองค์ทรงโปรดให้เป็นผู้ชอบธรรม พระองค์ก็ทรงโปรดให้มีศักดิ์ศรีด้วย
Romans 8:33-34 " 33 Who shall bring any charge against God's elect Romans 8:33-34 " 33 Who shall bring any charge against God's elect? It is God who justifies. _ 33 ใครจะฟ้องคนเหล่านั้นที่พระเจ้าได้ทรงเลือกไว้ พระเจ้าทรงโปรดให้พ้นโทษแล้ว
34 Who is to condemn? Christ Jesus is the one who died—more than that, who was raised—who is at the right hand of God, who indeed is interceding for us.
34 ใครเล่าจะเป็นผู้ปรับโทษอีก พระเยซูคริสต์น่ะหรือ ผู้ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว และยิ่งกว่านั้นอีกได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ทรงสถิต ณ เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า และทรงอธิษฐานขอเพื่อเราทั้งหลายด้วย
John ยอห์น 3:3 3 Jesus answered him, “Truly, truly, I say to you, unless one is born again he cannot see the kingdom of God.” 3 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่ ผู้นั้นจะเห็นแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้”
Titus ทิตัส 3:5 5 He saved us, not because of works done by us in righteousness, but according to his own mercy, by the washing of regeneration and renewal of the Holy Spirit,
5 พระองค์ได้ทรงช่วยเราให้รอด มิใช่ด้วยการกระทำที่ชอบธรรมของเราเอง แต่พระองค์ทรงพระกรุณาชำระให้เรามีใจบังเกิดใหม่ และทรงสร้างเราขึ้นมาใหม่ โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์
John ยอห์น 14:17 17 even the Spirit of truth, whom the world cannot receive, because it neither sees him nor knows him. You know him, for he dwells with you and will be in you.
17 คือพระวิญญาณแห่งความจริง ซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะแลไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ในท่าน
Romans 8:9 9 You, however, are not in the flesh but in the Spirit, if in fact the Spirit of God dwells in you. Anyone who does not have the Spirit of Christ does not belong to him.
9 ถ้าพระวิญญาณของพระเจ้าทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลายจริงๆแล้ว ท่านก็มิได้อยู่ใต้เนื้อหนัง แต่อยู่ใต้พระวิญญาณ ผู้ใดไม่มีพระวิญญาณของพระคริสต์ ผู้นั้นก็ไม่เป็นของพระองค์
1 Corinthians โครินธ์12:13 13 For in one Spirit we were all baptized into one body—Jews or Greeks, slaves or free—and all were made to drink of one Spirit.
13 เพราะว่าถึงเราจะเป็นพวกยิว หรือพวกกรีก เป็นทาสหรือมิใช่ทาสก็ตาม เราทั้งหลายได้รับบัพติศมาโดยพระวิญญาณองค์เดียวเข้าเป็นกายเดียวกัน และพระวิญญาณองค์เดียวนั้นซาบซ่านอยู่
John ยอห์น 3:15 15 that whoever believes in him may have eternal life. 15 เพื่อทุกคนที่วางใจในพระองค์จะได้ชีวิตนิรันดร์”
Romans โรม 8:38-39 38 For I am sure that neither death nor life, nor angels nor rulers, nor things present nor things to come, nor powers, 38 เพราะข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า แม้ความตาย หรือชีวิต หรือบรรดาทูตสวรรค์ หรือเทพเจ้า หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งซึ่งจะมีในภายหน้า หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย
39 nor height nor depth, nor anything else in all creation, will be able to separate us from the love of God in Christ Jesus our Lord. _ 39 หรือซึ่งสูง หรือซึ่งลึก หรือสิ่งใดๆอื่นที่ได้ทรงสร้างแล้วนั้น จะไม่สามารถกระทำให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้
1 John ยอห์น 2:20 20 But you have been anointed by the Holy One, and you all have knowledge. 20 และท่านทั้งหลายได้รับการทรงเจิมจากพระองค์ผู้บริสุทธิ์แล้ว และท่านทุกคนก็มีความรู้
21 I write to you, not because you do not know the truth, but because you know it, and because no lie is of the truth. 21 ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่านทั้งหลาย มิใช่เพราะท่านไม่รู้สัจจะ แต่เพราะท่านทั้งหลายรู้แล้ว และรู้ว่าคำมุสามิใช่มาจากสัจจะ
22 Who is the liar but he who denies that Jesus is the Christ 22 Who is the liar but he who denies that Jesus is the Christ? This is the antichrist, he who denies the Father and the Son. 22 ใครเล่าเป็นผู้ที่พูดมุสา ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นผู้ที่ปฏิเสธว่าพระเยซูมิใช่พระคริสต์ ผู้ใดที่ปฏิเสธพระบิดาและพระบุตร ผู้นั้นแหละเป็นปฏิปักษ์ของพระคริสต์
23 No one who denies the Son has the Father 23 No one who denies the Son has the Father. Whoever confesses the Son has the Father also. 23 ผู้ใดที่ปฏิเสธพระบุตร ผู้นั้นก็ไม่มีพระบิดา ผู้ใดที่รับพระบุตร ผู้นั้นก็มีพระบิดาด้วย
24 Let what you heard from the beginning abide in you 24 Let what you heard from the beginning abide in you. If what you heard from the beginning abides in you, then you too will abide in the Son and in the Father. 24 ฝ่ายท่านทั้งหลาย จงให้ข้อความที่ท่านได้ยินมาตั้งแต่ต้นนั้นดำรงอยู่กับท่านเถิด ถ้าข้อความที่ท่านได้ยินตั้งแต่ต้นนั้นดำรงอยู่กับท่าน ท่านก็ตั้งมั่นคงอยู่ในพระบุตรและในพระบิดาด้วย
25 And this is the promise that he made to us—eternal life. 25 นี่แหละเป็นพระสัญญาซึ่งพระองค์ได้ทรงสัญญาไว้แก่เรา คือโปรดให้มีชีวิตนิรันดร์
26 I write these things to you about those who are trying to deceive you. 26 ข้าพเจ้าได้เขียนข้อความนี้ถึงท่าน กล่าวถึงคนเหล่านั้นที่หลอกลวงท่าน
27 But the anointing that you received from Him abides in you, and you have no need that anyone should teach you. But as His anointing teaches you about everything—and is true and is no lie, just as it has taught you—abide in Him.
27 และฝ่ายท่านทั้งหลาย การเจิมซึ่งท่านทั้งหลายได้รับจากพระองค์นั้นดำรงอยู่กับท่าน และไม่จำเป็นต้องมีใครสอนท่านทั้งหลาย เพราะว่าการเจิมนั้นได้สอนท่านให้รู้ทุกสิ่ง และเป็นความจริง และไม่ใช่ความเท็จ การเจิมนั้นสอนท่านทั้งหลายแล้วอย่างใด ท่านจงตั้งมั่นคงอยู่กับพระองค์อย่างนั้น
28 And now, little children, abide in Him, so that when He appears we may have confidence and not shrink from Him in shame at His coming. 28 และบัดนี้ลูกทั้งหลายเอ๋ย จงอยู่ในพระองค์ เพื่อว่าเมื่อพระองค์ทรงปรากฏ เราทั้งหลายจะได้มีใจกล้า และไม่หลบพระพักตร์พระองค์ด้วยความละอาย เมื่อพระองค์เสด็จมา
29 If you know that He is righteous, you may be sure that everyone who practices righteousness has been born of Him. 29 ถ้าท่านทั้งหลายรู้ว่าพระองค์เที่ยงธรรม ท่านก็รู้ว่าทุกคนที่ประพฤติตามความเที่ยงธรรมได้บังเกิดมาจากพระองค์ด้วย