Single replication Experiments งานทดลองที่ทำเพียงซ้ำเดียว
Single replication Experiments Definition ใช้ในกรณีที่ผู้วิจัยมีปัจจัยที่ต้องศึกษาหลายปัจจัยพร้อมกัน มีหน่วยทดลองจำกัด โดยสามารถทำงานทดลองได้เพียง 1 ซ้ำ เช่น มีงบประมาณจำกัด / หน่วยทดลองที่ต้องการหาได้ยาก ผู้วิจัยต้องยอมสูญเสียบางอิทธิพลเพื่อใช้เป็นส่วนของ error ส่วนใหญ่จะเลือกสูญเสียอิทธิพลร่วมในระดับสูง
Single replication Experiments Statistical model และ ANOVA เขียนเหมือนงาน ทดลองแบบ factorial แต่จะไม่เขียนอิทธิพลที่ต้องสูญเสียไป เพื่อใช้เป็นส่วนของ error เช่น SOV Df Trt 10 A 1 B C D AB AC AD BC BD CD Error 5 Total 15 อิทธิพลที่สูญเสียไปได้แก่ ABC, ABD, ACD, BCD, ABCD
Single replication Experiments 22 a (1) ab b abc ac c bc 23 Rep 1 Lay Out
Single replication Experiments Data; Input A B C D observe; Cards; 0 0 0 0 135 1 0 0 0 139 0 1 0 0 135 1 1 0 0 157 0 0 1 0 133 1 0 1 0 141 0 1 1 0 103 1 1 1 0 163 0 0 0 1 206 1 0 0 1 216 0 1 0 1 207 1 1 0 1 235 0 0 1 1 207 1 0 1 1 200 0 1 1 1 209 1 1 1 1 231 Proc GLM; class A B C D; model observe = A B C D A*B A*C B*C B*D C*D; Run;
Single replication Experiments
Single replication Experiments ข้อสังเกต 1. error ที่ได้จะมีคุณสมบัติ (non-homogeneity) เนื่องจากสามารถ เลือกอิทธิพลใดๆเป็น error ได้ 2. หาก interaction มีนัยสำคัญแต่ผู้วิจัยกลับจัดเป็น error จะทำให้งานทดลอง ผิดพลาด
Fractional replication Experiments งานทดลองที่ทำเพียงบางส่วนของซ้ำ
Fractional replication Experiments Definition บางครั้งเรียกว่า fractional factorial experiments ใช้ในกรณีที่ผู้วิจัยมีปัจจัยที่ต้องศึกษาหลายปัจจัยพร้อมกัน มีหน่วยทดลองจำกัดมากๆ การศึกษาครบทุกทรีทเมนต์ทำไม่ได้ เช่น มีงบประมาณจำกัด / หน่วยทดลองที่ต้องการหาได้ยาก ผู้วิจัยต้องยอมสูญเสียบางอิทธิพลเพื่อใช้เป็นส่วนของ error ผู้วิจัยสามารถทำได้เพียง ½ , ¼ หรือ 1/8 ของซ้ำ ส่งผลให้อิทธิพลแต่ละอิทธิพลพัวพันซึ่งกันและกัน
Fractional replication Experiments Example. หากผู้วิจัย มี 16 trt แต่มี blocksize เพียง 8 16 8 จะสามารถทำได้เพียง ½ ซ้ำ 16 8 4 จะสามารถทำได้เพียง ¼ ซ้ำ 16 8 4 2 จะสามารถทำได้เพียง 1/8 ซ้ำ ต้องหา defining contrast (I) 1 ตัว ต้องหา defining contrast (I) 2 ตัวและจะต้องมี 1 GI ต้องหา defining contrast (I) 3 ตัวและจะต้องมี 3 GI
Fractional replication Experiments ในลำดับต่อมาต้องหา Defining contrast (I) คือ อิทธิพลที่ confound ซึ่งไม่สามารถทำการทดสอบได้ Alias effects อิทธิพลอื่นๆที่ต้องการทดสอบแต่พัวพันธ์ซึ่งกันและกัน
Fractional replication Experiments Example สมมุติว่ากำหนดให้ ABCD เป็น defining contrast (I) ในการหา alias effects สามารถหาได้จาก นำเอา defining contrast (I) มาคูณเข้ากับอิทธิพลต่างๆโดยใช้หลักการ modulus 2 เช่น I * A = ABCD*A = A2BCD = BCD I * B = ABCD*B = AB2CD = ACD I * C = ABCD*C = ABC2D = ABD I * AB = ABCD*AB = A2B2CD = CD
Fractional replication Experiments SOV Df A (=BCD) 1 B (=ACD) C (=ABD) D (=ABC) Error residuals Total n-1 นิยมศึกษา เฉพาะอิทธิพลหลัก alias effect จากตัวอย่างหน้า 241 ใน SAS book ผู้วิจัยต้องยอมเสียอิทธิพลบ้างตัวเพื่อใช้เป็น error
Fractional replication Experiments
แผนการทดลองแบบแลททิซ Lattice design แผนการทดลองแบบแลททิซ
Lattice Design จัดเป็นแผนการทดลองแบบบล็อกไม่สมบูรณ์ประเภทหนึ่ง มีข้อกำหนดว่า t = k2 (t = treatment, k = block size) นิยมทำมากกว่า BIB เนื่องจากเขียน layout ได้ง่ายกว่า
ประเภทของแผนการทดลองแบบ Lattice Balanced Lattice Design แผนการทดลองแบบแลททิซสมดุล Balanced Lattice Square Design แผนการทดลองแบบจัตุรัสแลททิซสมดุล 3. Rectangular Lattice Design แผนการทดลองแบบเรคแทนกูลาร์แลททิซ
1. Balanced Lattice Design บางครั้งเรียกว่า Balanced Simple Lattice Design เป็นแผนการทดลองแบบ BIB ที่มีจำนวน t = k2 และสามารถจัดกลุ่มของบล็อกเป็นซ้ำได้ (Replicated Groups) การปรากฏร่วมของคู่ทรีทเมนต์จะมีเพียงครั้งเดียว ( = 1) การสร้างผังการทดลอง 1. สร้างผังการทดลองแบบจัตุรัสเกรโค ที่มีขนาด k x k (สมมุติให้ k = 3) จากนั้นระบุหมายเลขทรีทเมนต์เรียงลำดับจาก 1,2,…,t ลงในแต่ละ เซลล์ (ในที่นี้ t = 9 เนื่องจาก t = k2) ได้ผลดังตาราง
1. Balanced Lattice Design Col1 Col2 Col3 Row1 A 1 α B 2 β C 3 γ Row2 4 5 6 Row3 7 8 9 Row = Column = Trt = Greek
1. Balanced Lattice Design 2. จัดทรีทเมนต์ลงในแต่ละบล็อกสำหรับแต่ละซ้ำ แยกตามแถว, คอลัมน์, และชนิดตัวอักษร Rep Blk Trt Note 1 2 3 Row1 4 5 6 Row2 7 8 9 Row3 Col1 Col2 Col3 Letter A Letter B Letter C 10 Letter α 11 Letter β 12 Letter γ
Layout Rep1 Rep2 Rep3 Rep4 blk1 1 2 3 4 5 6 7 8 9 blk2 blk3 blk4 blk5
1. Balanced Lattice Design จำนวนซ้ำสามารถคำนวณได้จาก k+1 จำนวนกลุ่มอักษร (letter) คำนวณได้จาก k-1 TRT 9 16 25 49 64 Block Size 3 4 5 6 7 Rep 8 Letter 2
1. Balanced Lattice Design ANOVA SOV Df Replication r-1 Treatment k2-1 Block(rep) r(b-1) Error residuals Total n-1 Statistical model
2. Balanced Lattice Square Design มีลักษณะคล้ายกับ balanced lattice design (t=k2) สามารถจัดกลุ่มบล็อกเป็นซ้ำได้และการปรากฏร่วมของคู่ทรีทเมนต์จะมีเพียงครั้งเดียว (=1) แต่ใช้ในกรณีที่ผู้วิจัยสามารถแยกความผันแปรของหน่วยทดลองภายในบล็อกเพิ่มขึ้นได้อีก 1 ทาง หลักการสร้างผังการทดลองมีดังนี้ วางผังการทดลองแบบจตุรัสเกรโค
2. Balanced Lattice Square Design Col1 Col2 Col3 Row1 A 1 α B 2 β C 3 γ Row2 4 5 6 Row3 7 8 9 Row = Column = Trt = Greek
2. Balanced Lattice Square Design 2. จัดทรีทเมนต์ลงในแต่ละบล็อกสำหรับแต่ละซ้ำ แยกตามแถว, คอลัมน์, และชนิดตัวอักษร Rep Blk Trt Note 1 2 3 Row1 4 5 6 Row2 7 8 9 Row3 Col1 Col2 Col3 1 (Aα) 6 (Aβ) 8 (Aγ) Letter A 9 (Bα) 2 (Bβ) 4 (Bγ) Letter B 5 (Cα) 7 (Cβ) 3 (Cγ) Letter C 10 1 (αA) 9 (αB) 5 (αC) Letter α 11 6 (βA) 2 (βB) 7 (βC) Letter β 12 8 (γA) 4 (γB) 3 (γC) Letter γ Order by greek letter Order by eng letter
2. Balanced Lattice Square Design ANOVA SOV Df Replication r-1 Treatment k2-1 row(rep) Column(rep) r(r-1) r(c-1) Error residuals Total n-1 Statistical model
3. Rectangular Lattice Design เป็นแผนการทดลองแบบ BIB ที่มีจำนวน trt = k(k+1) สามารถจัดกลุ่มบล็อกเป็นซ้ำได้และการปรากฏร่วมของคู่ทรีทเมนต์จะมีเพียงครั้งเดียว (=1) หลักการสร้างผังการทดลองมีดังนี้ สร้างผังการทดลองแบบจตุรัสลาตินขนาด (k+1)x(k+1)
3. Rectangular Lattice Design Col1 Col2 Col3 Col4 Row1 A B 1 C 2 D 3 Row2 4 5 6 Row3 7 8 9 Row4 10 11 12 A C D B
3. Rectangular Lattice Design Rep Blk Trt Note Group 1 2 3 Row1 X 4 5 6 Row2 7 8 9 Row3 10 11 12 Row4 Col1 Y Col2 Col3 Col4 Letter A Z Letter B Letter C Letter D
ข้อสังเกต ผู้วิจัยไม่สามารถจัดให้ทุกทรีทเมนต์สมดุลได้ โดยแต่ละชุดของทรีทเมนต์จะมีลักษณะอิสระต่อกัน ดังนั้นผู้วิจัยสามารถเลือกวิเคราห์เพียง 2 ซ้ำ หรือ 3 ซ้ำก็ได้ หากเลือกทำเพียง 2 ซ้ำจะเรียกว่า simple rectangular lattice หากเลือกทำเพียง 3 ซ้ำจะเรียกว่า tripple rectangular lattice
3. Rectangular Lattice Design ANOVA SOV Df Replication r-1 Treatment k2-1 block(rep) r(b-1) Error residuals Total n-1 Statistical model
สรุป งานทดลองแบบ BIB, Latiice, Confounding, Single replication และ Fractional เป็นงานทดลองที่พบได้น้อยมาก แต่จะช่วยในผู้วิจัยสามารถทำงานทดลองต่อไปได้ หากไม่จำเป็นไม่ควรเลือกใช้เพราะผู้วิจัยต้องสูญเสียบางอิทธิพลไป หากอิทธิพลที่สูญเสียไปเป็นอิทธิพลที่สำคัญจะทำให้งานทดลองขาดความน่าเชื่อถือได้
สวัสดี