Technology 3G
เทคโนโลยี 3G คืออะไร
เทคโนโลยี 3G คือ เทคโนโลยีการสื่อสารในยุคที่สาม (3G) หรือ Third Generation นั้น สามารถส่งข้อมูลในระบบไร้สายด้วยอัตราความเร็วที่สูงขึ้น ขีดความสามารถและคุณภาพสำหรับเสียงและข้อมูลอุปกรณ์ 3G จะอยู่ในรูปของเครื่องมือสื่อสารมัลติมีเดียแบบพกพา ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและรับ-ส่งภาพได้ทุกที่ ทุกเวลา เทคโนโลยียุคที่ 3 เป็นยุคที่มุ่งไปในทางการรวมเทคโนโลยีหลายๆ ด้านมาไว้ด้วยกัน อย่างเช่น โทรศัพท์มือถือ 3G ส่วนในด้านระบบนั้นเน้นการใช้ระบบ CDMA - Code Division Multiple Access และระบบอื่นๆ ที่กำลังปรับเปลี่ยนเข้าสู่ระบบ IMT2000 และ3G อุปกรณ์การสื่อสารยุคที่ 3 จะเป็นอุปกรณ์ที่ผสมผสานการนำเสนอข้อมูลและเทคโนโลยีในปัจจุบันเข้าด้วยกัน เช่น PDA โทรศัพท์มือถือ Walkman กล้องถ่ายรูปและอินเทอร์เน็ต ซึ่ง 3G เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อเนื่องจากยุคที่ 2 และ 2.5 ที่มีการให้บริการระบบเสียง และการส่งข้อมูลในขั้นต้น ซึ่งยังมีข้อจำกัดอยู่มาก
นิยามของเทคโนโลยี 3G
โทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่สาม หรือมาตรฐาน IMT-2000 นิยามสั้นๆ เพื่อให้เข้าใจตรงกันว่า “ต้องมี แพลทฟอร์ม (Platform) สำหรับการรวมบริการต่างๆ อาทิ กิจการประจำที่ (Fixed Service) กิจการเคลื่อนที่ (Mobile Service) บริการสื่อสารเสียง ข้อมูล อินเตอร์เน็ต และ พหุสื่อ (Multimedia) เป็นไปในทิศทางเดียวกัน” คือ สามารถถ่ายเท ส่งต่อข้อมูลดิจิตอล ไปยังอุปกรณ์โทรคมนาคมประเภทต่างๆ ให้สามารถรับส่งข้อมูลได้ “มีความสามารถในการใช้โครงข่ายทั่วโลก (Global Roaming)” คือ ผู้บริโภคสามารถ ถือ อุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ไปใช้ได้ทั่วโลก โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่อง “บริการที่ไม่ขาดตอน (Seamless Delivery Service)” คือ การใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยน Cell Site เขาใช้คำว่า Seam less นั้นแปลว่า ไร้รอยตะเข็บ อัตราความเร็วในการส่งข้อมูล (Transmission Rate) ในมาตรฐาน IMT-2000 นั้นกำหนด ไว้ว่าต้องมีอัตราความเร็ว > มากกว่า 144 กิโลบิต/วินาที ในทุกสภาวะ > ถึง 2 เมกกะบิต/วินาที ในสภาวะกึ่งเคลื่อนที่ > สูงถึง 384 กิโลบิต/วินาที ในสภาวะเคลื่อนที่
จุดเด่นของ 3G
1.ความเร็วในการเชื่อมต่อ การติดต่อ และส่งข้อมูลแบบ wireless (ไร้สาย) ด้วยความเร็วสูง และยังเพิ่มประสิทธิภาพให้เร็วขึ้น เน้นการติดต่ออย่างสมบูรณ์แบบ อย่างการ call conference, ประชุมทางไกล, การดาวน์โหลดภาพ เสียง clip Video เพลง ภาพยนตร์ หรือ Application ต่างๆ รวมถึงการติดต่อธนาคารทางโทรศัพท์ การโอนเงิน เช็คยอดเงิน ซื้อขายของ หาพิกัด ตรวจสอบเส้นทาง ซึ่งจะทำให้ชีวิตสะดวกสบายยิ่งขึ้น 3G ทำให้เราสามารถติดต่อกันได้อย่างรวดเร็ว ย่อโลกในแคบลง ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจหลักของเทคโนโลยี
2.ความสมจริง เปรียบเหมือนเป็นการใส่ความรู้สึกเข้าไป เช่น ไฟล์เสียงสมจริง (True tone) การแสดงภาพแบบ 3D หรือการติดต่อเชื่อมโยงต่างๆ แบบ interactive และหัวใจหลักเป็นระบบ Always on ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อกับระบบอยู่ตลอดเวลา ทำให้เราไม่พลาดการติดต่อ ปัจจุบันในเมืองไทยเองก็ก้าวใกล้ความเป็น 3G อยู่พอสมควร หากมองถึงตัวเครื่องโทรศัพท์ก็จะทำอะไรได้หลายอย่างในเครื่องเดียว เช่น โทรศัพท์มือถือหลายรุ่นที่สามารถถ่ายภาพ ฟังเพลง Mp3 ดู TV ผ่านเครือข่าย GPRS หรือ EDGE การจัดการข้อมูล การส่งผ่านข้อมูลในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Bluetooth Wi-Fi ส่วนในด้านของระบบในเมืองไทย ที่เห็นว่าใกล้เคียงมาตรฐาน 3G ก็คงจะเป็น การเชื่อมต่อผ่าน EDGE ซึ่ง ด้วยความเร็ว 118 K
การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีของระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่(Cellular Mobile Telephone)
ยุคที่ 1 (1st Generation หรือ 1G) เป็นยุคเริ่มแรกของระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ ใช้เทคโนโลยีระบบ Analog ระบบที่ได้นำเข้ามาใช้ในบ้านเราได้แก่ ระบบ AMPS ระบบ NMT470 และระบบ NMT900 ใช้สัญญาณวิทยุในการส่งคลื่นเสียง เรียกอีกอย่างว่า ระบบ Analog ซึ่งไม่รองรับการส่งผ่านข้อมูลใดๆทั้งสิ้น (Data Service) ซึ่งนั่นก็หมายความว่าสามารถโทรเข้า-ออกได้เพียงอย่างเดียวไม่รองรับแม้กระทั่งการบริการส่งข้อความสั้นๆ SMS (Short Message Service)
ยุคที่ 2 (2nd Generation หรือ 2G) ใช้เทคโนโลยีระบบ Digital คือการเข้ารหัสดิจิตอลส่งทางคลื่นไมโครเวฟซึ่งทำให้เราเริ่มที่จะสามารถส่งผ่านข้อมูลต่างๆและติดต่อเชื่อมโยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นจนเกิดการกำหนดเส้นทางการเชื่อมกับสถานีฐาน (cell site) ระบบที่ได้นำเข้ามาใช้ในบ้านเราได้แก่ ระบบ GSM900 ระบบ PCN1800 (ซึ่งก็คือระบบ GSM1800) และระบบ CDMA ข้อดีที่เหนือกว่ายุคที่ 1 ได้แก่ รองรับจำนวนผู้ใช้งานได้มากกว่าและสามารถให้บริการรับ-ส่งข้อมูลความเร็วต่ำได้ ทำให้สามารถนำไปใช้งาน internet และบริการด้านพาณิชย์เคลื่อนที่ (Mobile Commerce หรือ M Commerce) เช่น ระบบ i-Mode ของญี่ปุ่น และระบบ WAP ของยุโรป ซึ่งถูกนำเข้ามาให้บริการในบ้านเราเช่นเดียวกัน
ยุคที่ 3 (3rd Generation หรือ 3G) ยุค 3G เป็นยุคแห่งอนาคตอันใกล้ โดยสร้างระบบใหม่ให้รองรับระบบเก่า และ เรียกว่า Universal Mobile Telecommunication Systems (UMTS) การเข้าถึงเครือข่ายแบบไร้สายสามารถกระทำได้ด้วยอุปกรณ์หลากหลาย เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ระบบยังคงใช้การเข้าช่องสัญญาณเป็นแบบ CDMA ซึ่งสามารถบรรจุช่องสัญญาณได้มากกว่า แต่ใช้แบบแถบกว้าง ระบบนี้จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า WCDMA มีแนวโน้มเชื่อมโยงกับระบบอินเตอร์เน็ตได้อย่างสมบูรณ์
คุณสมบัติหลักของ 3G
มีการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายของ 3G ตลอดเวลาที่เราเปิดเครื่องโทรศัพท์ (always on) นั่นคือไม่จำเป็นต้องต่อโทรศัพท์เข้าเครือข่าย และ log-in ทุกครั้งเพื่อใช้บริการรับส่งข้อมูล ซึ่งการเสียค่าบริการจะเกิดขึ้นเมื่อมีการเรียกใช้ข้อมูลผ่านเครือข่ายเท่านั้น โดยจะต่างจากระบบทั่วไป ที่จะเสียค่าบริการตั้งแต่เราล็อกอินเข้าในระบบเครือข่าย อุปกรณ์สื่อสารไร้สายระบบ 3G สำหรับ 3G อุปกรณ์สื่อสารไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่โทรศัพท์เท่านั้น แต่ยังปรากฏในรูปแบบของอุปกรณ์ สื่อสารอื่น เช่น Palmtop, Personal Digital Assistant (PDA), Laptop และ PC
มาตรฐาน 3G
มีอยู่ 3 มาตรฐาน ได้แก่ WCDMA พัฒนามาจาก GSM และ TDMA (Time Division Multiple Access) ซึ่งทำให้ขยายแถบช่องสัญญาณได้มากและกว้างขึ้น ปัจจุบันแพร่หลายในอเมริกาซึ่งพัฒนาระบบ 2G ไปเป็น EDGE-Enhance Data Rate for GSM ซึ่งเป็นอีกก้าวที่นำไปสู่ 3G คาดว่าระบบ WCDMA นี้จะถูกใช้งานมากที่สุดซึ่งตั้งเป้าหมายไว้แล้วถึง 60 ประเทศเป็นอย่างน้อย 2. CDMA 2000 ปัจจุบันพัฒนาไปถึงระบบ 1x EV-DO เป็นเทคโนโลยีที่มีจุดเด่นด้านการส่งข้อมูลความเร็วสูงครอบคลุมพื้นที่กว้าง 1xEV-DO เป็นระบบเดียวกับ CDMA ที่ได้รับการยอมรับจากสมาพันธ์โทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) ให้เป็นเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐานการสื่อสารไร้สายยุค 3G ข้อดีคือการใช้งานที่สะดวก ง่ายต่อการติดต่อและสามารถเชื่อมต่อได้หลายรูปแบบทั้ง โทรศัพท์มือถือ PDA Laptop PC โดยสามารถต่อแบบไร้สายได้
TD-SCDMA (Time Division-Synchronous Code Division Multiple Access) เป็นเครือข่าย CDMA อีกอย่างที่ถูกนำมาใช้เป็นระบบ 3G ที่ได้รับการรับรองโดย ITU ปัจจุบัน TD-SCDMA ถูกพัฒนาและเริ่มทดลองใช้งานแล้วในประเทศจีน การพัฒนาของ 3G ในปัจจุบัน บริษัท Qualcomm CDMA เป็นบริษัทที่พัฒนาชิปเซ็ตและ software ของระบบ 3G รายแรกของโลกได้พัฒนาระบบ CDMA 2000 1X และ CDMA 1X EV-DO ซึ่งมีประสิทธิภาพในการส่งผ่านข้อมูลด้วยความเร็วถึง 2.4 Mb การพัฒนาเป็น 3G ระบบ CDMA ถือว่าล้ำหน้ากว่า GSM มาก ทั้งยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าเป็นระบบที่แพร่หลายในประเทศที่พัฒนาในเรื่องนี้ อย่างเช่น ญี่ปุ่น เกาหลี จึงทำให้ ประสิทธิภาพความสามารถในการก้าวไปเป็น 3G นั้น ระบบ CDMA จึงไปได้เร็วกว่า แต่ในขณะเดียวกันก็มีการพยายามที่จะสาน 2 ระบบนี้เข้าด้วยกัน เป็น WCDMA เพื่อความสะดวกสบาย ย่อโลกมาไว้ในมือคุณ
ผู้บริโภคได้อะไร
สำหรับผู้ใช้บริการ สิ่งที่เห็นได้ชัดจากวิวัฒนาการของการสื่อสารไร้สายคงไม่ใช่ความเร็วในการรับส่งข้อมูลเท่านั้น แต่คือความหลากหลายของการบริการที่เราจะได้รับ ถ้าได้ไปดูงานไอซีทีเอ็กซ์โป 2005 อาจจะได้เห็นการสาธิตบริการโมบายทีวี ซึ่งเป็นการถ่ายทอดรายการทีวีที่รับชมผ่านอุปกรณ์สื่อสารไร้สายได้สดๆ หรือบริการ Visual Radio ที่ผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือสามารถรับชมภาพ graphic ข้อมูลจากสถานีวิทยุไปพร้อมกับฟังเพลง หรือแม้แต่ร่วมกิจกรรมกับสถานีเพลงได้แบบทันที รวมทั้งการทำวีดีโอคอลหรือการโทรศัพท์หากันโดยที่สามารถเห็นภาพคนพูดแบบสดๆ ได้ทันที และการทำวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ หรือประชุมทางโทรศัพท์แบบเห็นหน้าเห็นตากันได้ด้วย นั่นคือตัวอย่างบริการส่วนหนึ่งที่เทคโนโลยี 3G ทำให้เกิดขึ้นได้ หรือถ้าคุณจะใช้โทรศัพท์มือถือของคุณถ่ายภาพ และอัพโหลดภาพเหล่านั้นขึ้นไปบนเวปไซต์โดยใช้โทรศัพท์มือถือเครื่องเดียวกันก็ทำได้ โดยไม่ต้องดาวน์โหลดภาพลงในคอมพิวเตอร์ก่อน
ผู้ให้บริการระบบ
จิ๊กซอว์ตัวสำคัญที่จะทำให้ยุค 3G เกิดขึ้น คือผู้ให้บริการระบบ หรือเจ้าของระบบเครือข่าย แรงจูงใจที่ทำให้ผู้ให้บริการระบบเครือข่ายลงทุนในการพัฒนาสู่ 3G ไม่ใช่แค่เพียงเอาไว้โฆษณาให้ดูดี แต่หมายถึงคุณภาพการให้บริการที่ดีขึ้น และความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจ การพัฒนาสู่เทคโนโลยี 3G ต้องรองรับปริมาณผู้ใช้และรูปแบบการใช้งานที่ซับซ้อนมากขึ้น โนเกีย เจ้าของตลาดโทรศัพท์มือถือโลก ซึ่งเป็น ผู้จำหน่ายระบบเครือข่ายการสื่อสารไร้สายให้กับผู้ให้บริการระบบชั้นนำของโลก ส่งมอบเทคโนโลยี 3G ให้กับผู้ให้บริการระบบกว่าครึ่งหนึ่ง และได้ประมาณการไว้ว่า ในปี 2550 การใช้บริการการสื่อสารไร้สายทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 172% ในเรื่องรูปแบบของบริการ ก็จะซับซ้อนมากขึ้น ระบบเครือข่ายก็ต้องทำงานหนักขึ้น
ปัจจุบันนี้ มีผู้ใช้บริการระบบ 78 รายใน 36 ประเทศทั่วโลก ได้ติดตั้งเทคโนโลยี WCDMA หรือ 3G และเริ่มให้บริการได้แล้วซึ่งในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งใช้เทคโนโลยีของโนเกียอยู่และมีผู้ที่ใช้บริการ WCDMA อยู่กว่า 28 ล้านคน เฉพาะในปีนี้ก็มีเพิ่มขึ้นมาถึง 11 ล้านคนทีเดียว ส่วนในประเทศไทย เราจะได้ใช้กันเมื่อไร ก็ต้องรอดูว่า กทช. จะจัดสรรคลื่นความถี่ในย่าน 1900 เมกะเฮิรตซ์อย่างไรถ้าไลเซนส์เรียบร้อย พวกเราคงได้ใช้บริการกัน