งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

งานนำเสนอกำลังจะดาวน์โหลด โปรดรอ

Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


งานนำเสนอเรื่อง: "Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน."— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน

2 Psalm เพลงสดุดีบทที่ 65

3 To the choirmaster. A Psalm of David. A Song
To the choirmaster. A Psalm of David. A Song. 1Praise is due to you, O God, in Zion, and to you shall vows be performed.

4 1ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด ข้าแต่พระเจ้า ในศิโยน การสรรเสริญควรแก่พระองค์ ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงสดับคำอธิษฐาน เขาจะทำการแก้บนแก่พระองค์

5 2O You who hears prayer, to You shall all flesh come

6 3When iniquities prevail against me, you atone for our transgressions

7 4Blessed is the one You choose and bring near, to dwell in Your courts
4Blessed is the one You choose and bring near, to dwell in Your courts! We shall be satisfied with the goodness of Your house, the holiness of Your temple!

8 4สุขจริงหนอ ผู้ที่พระองค์ทรงเลือกและนำมาใกล้ ให้พำนักอยู่ในบริเวณพระนิเวศของพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายจะอิ่มเอิบด้วยความดี แห่งพระนิเวศของพระองค์ คือพระวิหารบริสุทธิ์ของพระองค์  

9 Romans โรม 1: For the wrath of God is revealed from heaven against all ungodliness and unrighteousness of men, who by their unrighteousness suppress the truth.

10 18เพราะว่าพระเจ้าทรงสำแดงพระพิโรธของพระองค์จากสวรรค์ ต่อความหมิ่นประมาทพระองค์ และความชั่วร้ายทั้งมวลของมนุษย์ที่เอาความชั่วร้ายนั้นบีบคั้นความจริง

11 19For what can be known about God is plain to them, because God has shown it to them. 19เหตุว่าเท่าที่จะรู้จักพระเจ้าได้ก็แจ้งอยู่กับใจเขาทั้งหลาย เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงโปรดสำแดงแก่เขาแล้ว

12 20For His invisible attributes, namely, his eternal power and divine nature, have been clearly perceived, ever since the creation of the world, in the things that have been made. So they are without excuse.

13 20ตั้งแต่เริ่มสร้างโลกมาแล้ว สภาพที่ไม่ปรากฏของพระเจ้านั้น คือฤทธานุภาพอันถาวรและเทวสภาพของพระองค์ ก็ได้ปรากฏชัดในสรรพสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง ฉะนั้นเขาทั้งหลายจึงไม่มีข้อแก้ตัวเลย

14 21For although they knew God, they did not honor him as God or give thanks to him, but they became futile in their thinking, and their foolish hearts were darkened.

15 21เพราะถึงแม้ว่าเขาทั้งหลายได้รู้จักพระเจ้าแล้ว เขาก็มิได้ถวายพระเกียรติแด่พระองค์ให้สมกับที่ทรงเป็นพระเจ้า หรือหาได้ขอบพระคุณไม่ แต่เขากลับคิดในสิ่งที่ไม่เป็นสาระ และจิตใจโง่เขลาของเขาก็มืดมัวไป

16 22Claiming to be wise, they became fools, 22เขาอ้างตัวว่าเป็นคนมีปัญญา เขาจึงกลายเป็นคนโง่เขลาไป

17 23and exchanged the glory of the immortal God for images resembling mortal man and birds and animals and reptiles.

18 23และเขาได้เอาพระสิริของพระเจ้าผู้เป็นอมตะมาแลกกับรูปมนุษย์ที่ต้องตายหรือรูปนก รูปสัตว์จตุบาท และรูปสัตว์เลื้อยคลาน

19 24Therefore God gave them up in the lusts of their hearts to impurity, to the dishonoring of their bodies among themselves,

20 24เหตุฉะนั้น พระเจ้าจึงทรงปล่อยเขาให้ประพฤติอุลามกตามราคะตัณหาในใจของเขาให้เขากระทำสิ่งซึ่งน่าอัปยศทางกายต่อกัน

21 25because they exchanged the truth about God for a lie and worshiped and served the creature rather than the Creator, who is blessed forever! Amen.

22 25เพราะว่าเขาได้เอาความจริงเรื่องพระเจ้ามาแลกกับความเท็จ และได้นมัสการและปรนนิบัติสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้างไว้ แทนพระองค์ผู้ทรงสร้าง ผู้ซึ่งควรจะได้รับความสรรเสริญเป็นนิตย์ อาเมน

23 Romans โรม10: For “everyone who calls on the name of the Lord will be saved.” 13เพราะว่า ผู้ที่ร้องออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะรอด

24 14But how are they to call on Him in whom they have not believed
14But how are they to call on Him in whom they have not believed? And how are they to believe in Him of whom they have never heard? And how are they to hear without someone preaching?

25 14แต่ผู้ที่ยังไม่เชื่อในพระองค์ จะทูลขอต่อพระองค์อย่างไรได้ และผู้ที่ยังไม่ได้ยินถึงพระองค์ จะเชื่อในพระองค์อย่างไรได้ และเมื่อไม่มีผู้ใดประกาศให้เขาฟัง เขาจะได้ยินถึงพระองค์อย่างไรได้

26 15And how are they to preach unless they are sent
15And how are they to preach unless they are sent? As it is written, “How beautiful are the feet of those who preach the good news!”

27 15และถ้าไม่มีใครใช้เขาไป เขาจะไปประกาศอย่างไรได้ ตามที่มีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เท้าของคนเหล่านั้นที่นำข่าวดีมา ช่างงามจริงๆ หนอ

28 5By awesome deeds You answer us with righteousness, O God of our salvation, the hope of all the ends of the earth and of the farthest seas;

29 5ข้าแต่พระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์ทรงตอบข้าพระองค์ทั้งหลายด้วยการช่วยกู้ โดยกิจการที่น่าครั่นคร้าม พระองค์ผู้ทรงเป็นความหวังของที่สิ้นสุด ปลายทั้งปวงของแผ่นดินโลก และของทะเลที่ไกลโพ้น

30 6the one who by His strength established the mountains, being girded with might; 6พระองค์ผู้ทรงสถาปนาภูเขาด้วยพระกำลังของพระองค์ ทรงคาดพระองค์ไว้ด้วยอานุภาพ

31 7who stills the roaring of the seas, the roaring of their waves, the tumult of the peoples, 7ผู้ทรงระงับเสียงอึงคะนึงของทะเล เสียงอึงคะนึงของคลื่นทะเล เสียงโกลาหลของชาวประเทศทั้งหลาย

32 8so that those who dwell at the ends of the earth are in awe at your signs. You make the going out of the morning and the evening to shout for joy.

33 8ผู้ที่อยู่ในเขตแผ่นดินโลกไกลโพ้น จึงเกรงกลัวต่อหมายสำคัญของพระองค์ พระองค์ทรงกระทำให้เช้าขึ้นและเย็นลง กู่ก้องด้วยความชื่นบาน

34 Deuteronomy พระราชบัญญัติ 11:8-15 8“You shall therefore keep the whole commandment that I command you today, that you may be strong, and go in and take possession of the land that you are going over to possess,

35 8“เหตุฉะนี้ท่านทั้งหลายจงรักษาบัญญัติทั้งสิ้นซึ่งข้าพเจ้าได้ บัญชาแก่ท่านทั้งหลายในวันนี้ เพื่อท่านทั้งหลายจะเข้มแข็ง และเข้าไปยึดเอาแผ่นดินซึ่งท่านทั้งหลายกำลังจะข้ามไป ครอบครองนั้นมาเป็นกรรมสิทธิ์

36 9and that you may live long in the land that the LORD swore to your fathers to give to them and to their offspring, a land flowing with milk and honey.

37 9และเพื่อท่านจะมีชีวิตยืนนานในแผ่นดินซึ่งพระเจ้าทรง ปฏิญาณแก่บรรพบุรุษว่าจะให้แก่เขา และแก่พงศ์พันธุ์ของเขาเป็นแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหล บริบูรณ์

38 10For the land that you are entering to take possession of it is not like the land of Egypt, from which you have come, where you sowed your seed and irrigated it,*n10.1 like a garden of vegetables.

39 10เพราะว่าแผ่นดินซึ่งท่านทั้งหลายกำลังเข้าไปยึดครองนั้น ไม่เหมือนแผ่นดินอียิปต์ ซึ่งท่านได้จากมา ในที่นั้นท่านหว่านพืชและเอาเท้ารดน้ำเหมือนเป็นสวนผัก

40 11But the land that you are going over to possess is a land of hills and valleys, which drinks water by the rain from heaven, 11แต่แผ่นดินซึ่งท่านจะไปยึดครองนั้นเป็นแผ่นดินที่มี เนินเขาและหุบเขา ซึ่งมีน้ำฝนจากฟ้ารดอยู่

41 12a land that the LORD your God cares for
12a land that the LORD your God cares for. The eyes of the LORD your God are always upon it, from the beginning of the year to the end of the year.

42 12เป็นแผ่นดินซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ทั้งหลายทรงดูแล พระเนตรของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านอยู่เหนือ แผ่นดินนั้นเสมอ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นปี

43 13“And if you will indeed obey my commandments that I command you today, to love the LORD your God, and to serve Him with all your heart and with all your soul,

44 13“ถ้าท่านทั้งหลายจะกระทำตามบัญญัติของข้าพเจ้าซึ่ง ข้าพเจ้าบัญชาท่านไว้ในวันนี้ ให้รักพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายและปรนนิบัติ พระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน

45 14He will give the rain for your land in its season, the early rain and the later rain, that you may gather in your grain and your wine and your oil.

46 14'เราจะให้ฝนตกบนแผ่นดินของเจ้าตามฤดูกาล คือฝนต้นฤดูและฝนชุกปลายฤดู เพื่อเจ้าทั้งหลายจะได้เก็บพืชผล เหล้าองุ่น และน้ำมัน

47 15And He will give grass in your fields for your livestock, and you shall eat and be full. 15และเราจะให้หญ้าในทุ่งสำหรับฝูงสัตว์ของเจ้า และเจ้าจะได้รับประทานอิ่มหนำ'

48 9You visit the earth and water it; you greatly enrich it; the river of God is full of water; you provide their grain, for so You have prepared it.

49 9พระองค์ทรงเยี่ยมเยียนแผ่นดินโลก และทรงรดน้ำ พระองค์ทรงกระทำให้อุดมยิ่ง แม่น้ำของพระเจ้ามีน้ำเต็ม พระองค์ทรงจัดหาข้าวให้ เพราะทรงจัดเตรียมโลกไว้เช่นนั้นแหละ

50 10You water its furrows abundantly, settling its ridges, softening it with showers, and blessing its growth. 10พระองค์ทรงรดน้ำ ตามรอยไถของมันอย่างอุดม และให้ขี้ไถราบลงให้อ่อนละมุนด้วยฝน และทรงอวยพรผลิตผลของมัน

51 11You crown the year with Your bounty; Your wagon tracks overflow with abundance. 11พระองค์ทรงให้ปีเป็นยอดด้วยความ อุดมสมบูรณ์ของพระองค์ รอยรถของพระองค์มีความไพบูลย์ย้อยหยด

52 12The pastures of the wilderness overflow, the hills gird themselves with joy, 12ทุ่งหญ้าในถิ่นทุรกันดารก็หยดย้อย เนินเขาคาดเอวด้วยความชื่นบาน

53 13the meadows clothe themselves with flocks, the valleys deck themselves with grain,they shout and sing together for joy. 13ป่าพงห่มตัวด้วยฝูงแพะแกะ หุบเขาพราวไปด้วยข้าว เขาโห่และร้องเพลงพร้อมกันด้วยความชื่นบาน

54 Psalm เพลงสดุดีบทที่ 66

55 Romans โรม 15:9-12 9and in order that the Gentiles might glorify God for His mercy. As it is written, “Therefore I will praise you among the Gentiles, and sing to your name.”

56 9และเพื่อให้คนต่างชาติได้ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า เพราะพระเมตตาของพระองค์ ตามที่มีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เพราะเหตุนี้ข้าพระองค์ขอสรรเสริญพระองค์ ท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย และร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์

57 10And again it is said, “Rejoice, O Gentiles, with His people

58 11And again, “Praise the Lord, all you Gentiles, and let all the peoples extol Him.” 11แล้วยังมีคำกล่าวอีกว่า ประชาชาติทั้งปวงเอ๋ย จงสรรเสริญพระเจ้าเถิดและให้ชนชาติทั้งหลายยกย่องพระองค์

59 12And again Isaiah says, “The root of Jesse will come, even He who arises to rule the Gentiles; in Him will the Gentiles hope.”

60 12และอิสยาห์กล่าวอีกว่า รากแห่งเจสซีจะมา คือผู้จะทรงบังเกิดมาครอบครองบรรดาประชาชาติ ประชาชาติทั้งหลายจะมีความหวังในพระองค์

61 Philippians ฟีลิปปี 2: so that at the name of Jesus every knee should bow, in heaven and on earth and under the earth, _ 10เพื่อเพราะพระนามนั้นทุกเข่า ในสวรรค์ ที่แผ่นดินโลก ใต้พื้นแผ่นดินโลก จะคุกลงกราบพระเยซู

62 11and every tongue confess that Jesus Christ is Lord, to the glory of God the Father. 11และเพื่อทุกลิ้นจะยอมรับว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า อันเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระบิดาเจ้า

63 To the choirmaster. A Song. A Psalm
To the choirmaster. A Song. A Psalm.1Shout for joy to God, all the earth 1ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดี แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเอ๋ย จงทำเสียงชื่นบานถวายพระเจ้า

64 2sing the glory of His name; give to Him glorious praise

65 3Say to God, “How awesome are Your deeds
3Say to God, “How awesome are Your deeds! So great is Your power that Your enemies come cringing to You. 3จงทูลพระเจ้าว่า “พระราชกิจของ พระองค์น่าครั่นคร้ามยิ่งนัก ฤทธานุภาพของพระองค์ใหญ่หลวงนัก จนศัตรูหมอบราบต่อเบื้องพระพักตร์พระองค์

66 4All the earth worships You and sings praises to You; they sing praises to Your name.” Selah 4แผ่นดินโลกทั้งสิ้นจะนมัสการพระองค์ เขาทั้งหลายจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ ร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์”

67 5Come and see what God has done: He is awesome in His deeds toward the children of man. 5จงมาดูสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงกระทำ พระราชกิจของพระองค์น่าครั่นคร้ามท่ามกลางมนุษย์

68 6He turned the sea into dry land; they passed through the river on foot. There did we rejoice in Him, 6พระองค์ทรงเปลี่ยนทะเลให้เป็นดินแห้ง คนเดินข้ามแม่น้ำไป ที่นั่นเราได้เปรมปรีดิ์ในพระองค์

69 7who rules by His might forever, whose eyes keep watch on the nations—let not the rebellious exalt themselves. Selah 7ผู้ทรงปกครองด้วยอานุภาพของพระองค์เป็นนิตย์ ผู้ซึ่งพระเนตรเฝ้าบรรดาประชาชาติอยู่ อย่าให้คนมักกบฏยกย่องตนเอง

70 8Bless our God, O peoples; let the sound of His praise be heard, 8ชนชาติทั้งหลายเอ๋ย จงสรรเสริญพระเจ้าของเรา จงให้ได้ยินเสียงสรรเสริญพระองค์

71 9who has kept our soul among the living and has not let our feet slip

72 10For You, O God, have tested us; You have tried us as silver is tried

73 11You brought us into the net; You laid a crushing burden on our backs; 11พระองค์ทรงนำข้าพระองค์ทั้งหลายเข้ามาในข่าย พระองค์ทรงวางความทุกข์ยากไว้ที่เอวของข้าพระองค์

74 12You let men ride over our heads; we went through fire and through water; yet You have brought us out to a place of abundance.

75 12พระองค์ทรงให้คนขับรถรบทับ ศีรษะของข้าพระองค์ทั้งหลาย ข้าพระองค์ทั้งหลายต้องลุยไฟลุยน้ำ แต่พระองค์ยังทรงนำข้าพระองค์มาสู่ที่อิ่มเอิบ

76 Romans โรม 12:1-2 1I appeal to you therefore, brothers, by the mercies of God, to present your bodies as a living sacrifice, holy and acceptable to God, which is your spiritual worship.

77 1พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่านทั้งหลาย

78 2Do not be conformed to this world, but be transformed by the renewal of your mind, that by testing you may discern what is the will of God, what is good and acceptable and perfect.

79 2อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม

80 13I will come into Your house with burnt offerings; I will perform my vows to You, 13ข้าพระองค์จะมายังพระนิเวศ ของพระองค์พร้อมด้วยเครื่องเผาบูชา ข้าพระองค์จะแก้บนต่อพระองค์

81 14that which my lips uttered and my mouth promised when I was in trouble. 14ตามที่ริมฝีปากข้าพระองค์ได้พูดไว้ และที่ปากข้าพระองค์สัญญา ในยามที่ข้าพระองค์ทุกข์ยากลำบาก

82 15I will offer to You burnt offerings of fattened animals, with the smoke of the sacrifice of rams; I will make an offering of bulls and goats. Selah

83 15ข้าพระองค์จะถวายสัตว์อ้วนพีเป็นเครื่องเผาบูชา พร้อมกับควันเครื่องสัตวบูชาด้วยแกะผู้ ข้าพระองค์จะถวายบูชาด้วยวัวผู้และแพะ

84 16Come and hear, all you who fear God, and I will tell what He has done for my soul. 16บรรดาผู้ที่เกรงกลัวพระเจ้า ขอเชิญมาฟัง และข้าพเจ้าจะบอกถึงว่าพระองค์ได้ทรงกระทำ อะไรแก่ข้าพเจ้าบ้าง

85 17I cried to Him with my mouth, and high praise was on my tongue

86 18If I had cherished iniquity in my heart, the Lord would not have listened. 18ถ้าข้าพเจ้าได้บ่มความชั่วไว้ในใจข้าพเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าคงไม่ทรงสดับ

87 19But truly God has listened; He has attended to the voice of my prayer. 19แต่พระเจ้าได้ทรงสดับแน่ทีเดียว พระองค์ได้ทรงฟังเสียงคำอธิษฐานของข้าพเจ้า

88 20Blessed be God, because He has not rejected my prayer or removed His steadfast love from me! 20สาธุการแด่พระเจ้า เพราะว่าพระองค์ไม่ทรงปฏิเสธคำอธิษฐานของข้าพเจ้า หรือยับยั้งความรักมั่นคงของพระองค์เสียจากข้าพเจ้า


ดาวน์โหลด ppt Good morning welcome to Calvary Chapel at the Bridge สวัสดีตอนเช้าขอต้อนรับสู่ โบสถ์แคล'วะรีแชพ'เพิลที่สะพาน.

งานนำเสนอที่คล้ายกัน


Ads by Google